5 สิ่งที่เด็กไทยเข้าใจแอดมิชชั่นผิด! (อย่าปล่อยให้ความเข้าใจผิด ทำลายชีวิตคุณ)

           สวัสดีชาวเด็กดีทุกคนจ้ะ! แหม! หน้าตาดูหมองๆ นะคะโดย เฉพาะม.6 ไม่ต้องบอกก็เดาออกว่าเครียดเรื่องสอบ O-NET กันอยู่แน่ๆ ใช่มั้ยล่ะ โดยส่วนใหญ่แล้ว น้องๆม.6 ทุกคน คงจะไม่มีใครงงนะคะว่าแอดมิชชั่นคือะไร ต้องสอบอะไร ใช้คะแนนอะไรบ้าง แต่จะมีสักกี่คนกันนะ ที่มั่นใจว่าสิ่งที่เราเข้าใจนั้นถูกแล้ว ไม่ได้เข้าใจผิดไป วันนี้พี่อาตูมี 5 ความเข้าใจผิด เรียกได้ว่าเป็น 5 ค่านิยมที่เรามักเอาไปตัดสินทำให้เกิดความเข้าใจผิดนี้ขึ้น พี่อาตูเชื่อว่าน้องๆชาวเด็กดีไม่ได้มีค่านิยมแบบนี้แน่นอน แต่เชื่อมั้ยว่าบางทีก็มีคนแอบเข้าใจผิดแบบนี้อยู่เหมือนกันนะ อาทิเช่น มนุษย์ป้าข้างบ้าน อิอิ จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ
 


"Admission คือ ทั้งหมดของชีวิต"

           น้องบางคนตั้งเป้าหมายถึงคณะ มหาวิทยาลัยในฝันนับว่าเป็นสิ่งที่ดีเลยค่ะ ที่เรามีเป้าหมาย แต่จะอันตรายหากเรามีแค่คณะ มหาวิทยาลัยเป็น “เป้าหมายเดียว” ของชีวิต ก่อนอื่นอยากพาน้องๆมองภาพให้ออก และทำความเข้าใจก่อนว่า ในชีวิตของคนหนึ่งคนต้องผ่านเหตุการณ์ต่างๆมากมาย บางช่วงเวลาก็คือจุดสำคัญของชีวิต ไม่ว่าจะเป็น เรียนจบ สอบติด รับปริญญา ทำงาน เปลี่ยนงาน แต่งงาน ล้วนแล้วแต่เป็นจุดสำคัญหลายๆจุดที่มาเรียงร้อยต่อกัน โดยทุกจุดเป็น “ส่วนหนึ่ง”ของชีวิต แต่ไม่ใช่ “ทั้งหมด” ของชีวิต การแอดมิชชั่นก็เช่นกัน ดังนั้นน้องๆคนไหนที่มีเป้าหมายคณะในฝันอยู่แล้ว แปลว่าเราออกแบบชีวิตของเราไปแล้วจุดหนึ่ง แต่ไม่ควรยึดติดหากจุดๆนี้ไม่เป็นแบบที่ใจหวัง เพราะเรายังทำจุดอื่นๆในชีวิตให้ดีได้ค่ะ

           พี่อาตูจึงอยากชวนน้องๆ ตั้งเป้าหมายให้ไกลยิ่งขึ้น มองให้ไกลไปอีกว่า แล้วจุดอื่นๆต่อไปในชีวิตล่ะ จะเป็นอย่างไร ไกลกว่าแอดมิชชั่นติดนั้นคืออะไร เข้าไปเรียนแล้วจะตั้งเป้าหมายตัวเองเรียนให้ได้ระดับไหน จบแล้วทำอะไร อีกห้าปี สิบปี อยากให้เป็นอย่างไร บางคนอาจจะคิดว่า มันไกลไปมั้ยพี่? อันนี้มโนรึเปล่า? พี่อาตูบอกได้เลยว่าน้องๆจะตั้งเป้าหมายหรือไม่ ยังไงเวลาห้าปี สิบปีที่ว่านั่นก็ยังคงต้องเดินมาถึงอยู่ดีนะ งั้นเราลองตั้งเป้าหมายดีกว่าจะได้ใช้ชีวิตไม่หลงทาง ดีมั้ยคะ ?




"เลือกคณะผิด ไม่มีสิทธิ์แก้ไข"

          มีหลายคนมากที่แอดมิชชั่นติดไปแล้วพบว่ามันไม่ใช่ตัวเอง แต่ไม่กล้าเปลี่ยคณะ ไม่กล้าซิ่ว ด้วยความคิดที่ว่าเข้าพร้อมเพื่อนก็ต้องจบพร้อมเพื่อนสิ ทนๆเรียนไปหน่อย พี่อาตูมีคำนึงอยากจะฝากไว้ค่ะ “อย่าใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องทนอยู่กับมันไปทั้งชีวิต” การแอดมิชชั่นครั้งใหญ่ของเรานั้นจะมีอยู่ครั้งเดียวก็คือพร้อมกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่ครั้งต่อไปที่เราจะซิ่วนั้น มันอาจจะวังเวง ไม่มีเพื่อนร่วมชะตากรรม แต่ไม่ใช่เรื่องเสียหาย คอขาดบาดตายค่ะ ดังนั้น เลือกคณะผิด ไม่ต้องคิดจนวันตาย ให้โอกาสตัวเอง เลือกใหม่ได้ค่ะ ในทางที่เราต้องการเดิน ใครที่มองว่าสนามแอดมิชชั่นพลาดแล้วพลาดเลยนั้น ต้องลองปรับมุมมองให้กว้างขึ้น ทุกอย่างแก้ไขได้เสมอเพื่อให้ได้เจอสิ่งที่ใช่ค่ะ


"มหาวิทยาลัยเด่นดี คือศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล"

          ถ้าน้องๆเรียนในโรงเรียนเวทมนต์ฮอกวอร์ด อยากอยู่บ้านอะไรคะ? หลายคนคงบอกว่ากริฟฟินดอร์ เพราะเป็นบ้านแห่งเหล่าพ่อมดแม่มดผู้กล้าใช่มั้ยล่ะ? แต่มหาวิทยาลัยเราไม่ได้มีจำกัดอยู่แค่นั้น เราไม่ได้มีอยู่ 4 บ้าน แต่เรามีหลายสิบมหาวิทยาลัย คือชีวิตจริงไม่ใช่นิยายที่ถูกแต่งขึ้น ดังนั้นผู้กล้าเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกรั้วมหาวิทยาลัยค่ะ เป็นธรรมดาที่เราจะเชื่อถือมหาวิทยาลัยบางแห่งเพราะความเก่าแก่ ชื่อเสียงดั้งเดิมและคุ้นเคย หรือคุ้นหู แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามีความเหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปค่ะ และไม่เกี่ยวกับศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูลแต่อย่างใด เพชรย่อมเป็นเพชรแม้อยู่ในโคลนตม พี่อาตูต้องการจะสื่อว่า ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลว่าเขาเป็นเช่นไรต่างหาก หากเราเป็นคนมีความตั้งใจและความสามารถ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราก็มีเกียรติและศักดิ์ศรีเช่นเดียวกัน ค่าของคนขึ้นอยู่กับผลงานที่เราสร้างค่ะ 


"มหาวิทยาลัยเอกชน คือผู้แพ้จากแอดมิชชั่น"

          อันนี้เป็นความเข้าใจผิดมหันต์เลยค่ะ พี่อาตูอยากชวนให้มองใหม่เลยว่าชีวิตคือ “การเลือก” ค่ะ เราเลือกได้เช่นใด คนอื่นก็เลือกได้เช่นนั้น และมหาวิทยาลัยเอกชนไม่ใช่แหล่งรวมของคนไม่มีทางเลือกหรือคนสอบไม่ติด แต่เป็นเพราะเขาเลือกที่จะเรียนที่นี่ต่างหาก บางคนวางแผนมาแล้วว่าจะเรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชน ไม่ว่าจะด้วยความชอบในหลักสูตร ตอบโจทย์ชีวิตมากกว่า หรือสะดวกสบายใกล้บ้าน ดังนั้นพี่อาตูบอกเลยค่ะว่ามหาวิทยาลัยคือแหล่งให้การศึกษาแต่ต่างกันด้วยงบประมาณและนโยบายหลายอย่างคล้ายๆว่าเข้าโรงพยาบาลรัฐกับโรงพยาบาลเอกชน ค่าใช้จ่ายต่างกันแต่ทั้งหมดล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือรักษาผู้ป่วย ซึ่งสนามแอดมิชชั่นนั้น ไม่มีแพ้ ไม่มีชนะ มีแต่ตัวเรากับชีวิตที่เรา“เลือก”เดินค่ะ



"ต้องคะแนนสูง ถึงจะแอดมิชชั่นติด"

          ต้องขอยืมประโยคเด็ดจาก Dek-D Admission On Stage เลยค่ะ ว่านี่คืออีกหนึ่งความเข้าใจผิดเพราะจริงๆแล้ว “คะแนนเท่าไหร่ก็ติดได้ถ้าเลือกเป็น”ค่ะ ยืนยันเลย สอบแอดมิชชั่นติดไม่ติดไม่ได้อยู่ที่คะแนนอย่างเดียว อยู่ที่เราเลือกอันดับเป็นหรือไม่ต่างหาก ต่อให้เรามีคะแนนสูงๆ ก็สามารถหลุดได้หากเราเลือกไม่เป็นเชื่อมั้ยคะ ?

          “คนที่เลือกไม่เป็นเป็นอย่างไร?” ก็คือคนที่ “ไม่รู้ตัวเอง” ค่ะ ไม่รู้ว่าตัวเองอยากเข้าคณะอะไร ไม่รู้ว่าคะแนนที่ตัวเองมีเรียกว่าระดับไหน บางคนคะแนนกลางๆก็คิดว่าเยอะไปเลือกคณะคะแนนสูงก็หลุดได้ หรือไม่ศึกษาข้อมูลเลือกคณะคะแนนเหวี่ยงก็หลุดอีก ถ้าหากว่าน้องๆซื้อระเบียบการแอดมิชชั่นเปิดดูจะพบเลยว่าชื่อมหาวิทยาลัยนั้นมีอยู่มากถึง40มหาวิทยาลัยกว่าหนึ่งแสนที่นั่ง ดังนั้นถ้าน้องมีคะแนน รู้จักตัวเองดีว่าอยากเข้าคณะอะไร มองให้ออกว่าคะแนนเราอยู่ระดับใด ศึกษาข้อมูลสถิติคะแนนต่ำสุดย้อนหลังคณะที่อยากเข้า ไม่ต้องคะแนนสูงลิ่วก็สอบแอดมิชชั่นติด มีที่เรียนแน่นอนค่ะ


          ได้เคลียความเข้าใจผิดกันแบบนี้พี่อาตูก็อุ่นใจค่ะว่าชาวเด็กดีจะแอดมิชชั่นไปอย่างมีจุดหมายและมั่นคง คว้าอนาคตอันสดใสสวยงามมาครอบครอง (ฟังดูเลิศสุดๆ) เอาเป็นว่าช่วงO-NET เด็ดทุกวิชาแบบนี้พี่อาตูก็ขออวยพรให้น้องม.6 ทุกคนรวมถึงน้องๆชาวเด็กดีคนอื่นๆ มีสติ มีสมาธิ และมีปัญญา ไม่ฟุ้งซ่านหลงไปกับความคิดจนเกินไป โชคดีทุกคนจ้า

 
ม.4-6 ที่อยากเตรียมความพร้อมเข้าสอบมหาวิทยาลัย
มาเริ่มต้นที่งานนี้เลย รายละเอียด คลิกที่นี่

พี่อาตู

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

丽洋_♨ Veslay Member 14 ก.พ. 58 15:53 น. 2

บอกเลยว่าเป็นคนหนึ่งที่อยากเรียนมหาลัยเอกชนมากกกก รู้สึกว่ามันตอบโจทย์ชีวิตเราได้มากกว่า แต่ส่วนหนึ่งที่ต้องล้มเลิกความคิดไป อาจจะเป็นฐานะทางบ้านไม่ดี..กับที่คนส่วนใหญ่มองว่า อ่อ..เอกชน แล้วไง? สอบไม่ติดเหรอถึงไปเรียนเอกชน TT ความคิดคนสมัยนี้มันอะไรกันนักหนา เรียนเอกชนก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เก่งสักหน่อย

1
สาวอีสาน 17 ก.พ. 58 16:58 น. 2-1
อย่าเพิ่งเบรคตัวเองนะคะ เอกชนเค้ามีทุนให้คนเรียนเก่งๆด้วย เพื่อนเราก็ได้ทุนเอแบคนะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

10 ความคิดเห็น

Mildmelody 14 ก.พ. 58 12:49 น. 1
ตอนแรกเครียดมากค่ะกับการแอดมิชชัน เพราะมันเป็นจุดสำคัญในชีวิต กลัวไม่ติดตามคณะ ตามมหาลัยที่พ่อแม่หวัง แต่พอเจอกระทู้นี้ช่วยได้เยอะเลยค่ะ สบายใจขึ้นมากๆ ขอบคุณมากค่ะ ><
0
กำลังโหลด
丽洋_♨ Veslay Member 14 ก.พ. 58 15:53 น. 2

บอกเลยว่าเป็นคนหนึ่งที่อยากเรียนมหาลัยเอกชนมากกกก รู้สึกว่ามันตอบโจทย์ชีวิตเราได้มากกว่า แต่ส่วนหนึ่งที่ต้องล้มเลิกความคิดไป อาจจะเป็นฐานะทางบ้านไม่ดี..กับที่คนส่วนใหญ่มองว่า อ่อ..เอกชน แล้วไง? สอบไม่ติดเหรอถึงไปเรียนเอกชน TT ความคิดคนสมัยนี้มันอะไรกันนักหนา เรียนเอกชนก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เก่งสักหน่อย

1
สาวอีสาน 17 ก.พ. 58 16:58 น. 2-1
อย่าเพิ่งเบรคตัวเองนะคะ เอกชนเค้ามีทุนให้คนเรียนเก่งๆด้วย เพื่อนเราก็ได้ทุนเอแบคนะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Nong 58 Member 14 ก.พ. 58 21:10 น. 5

รู้สึกมีกำลังใจมากขึ้นเลยยยย 

ที่ได้อ่านบทความที่พวกพี่ๆเขียนลง

ชอบคำนี้มากเลยค่ะ...

"คะแนนเท่าไหร่ก็ติดได้ถ้าเลือกเป็น"

อ่านแล้วสบายใจเบยยยย[bb-009]

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
faรร 16 ก.พ. 58 17:37 น. 7
คือเราคนนึงที่ตั้งใจตั้งมั่นเอกชน เพราะว่าคณะของเรามันไม่ได้มีอยู่ทั่วไปในรัฐบาล แล้วที่ที่ดีที่สุดในสายการเรียนนี้ มันดันอยู่ในเอกชน ช่วงแรกก็แอบเซ็งนิดหน่อยน่าจะอยู่ในรัฐ อาจะเพราะค่านิยมว่าเราจบมาต้องรัฐบาลนะ ไม่เข้ารัฐไ่เทห์ไรงี้ แต่พอเราหาตัวเองเจอเรื่อยๆ ปัญหาตรงนี้จะหมดไปค่ะ กลายเป็นว่าเครียดพอๆ กับเด็กอยากเข้ารัฐบาลเลย เพราะมหาลัยเอกชนที่เราเข้าก็การแข่งขันสูงอยู่ค่ะ ถามเพื่อนๆ แต่ละคน (ต่างคณะก็ด้วย) มีแต่คนตั้งใจมาเข้าที่นี่มาก เรานี่ต้องฮึ้บเลยอ่ะ ตอนแรกไม่สนใจรอบแอด (ไม่ได้ทำเก่งนะ แต่ตั้งใจเครียดตอนรับตรงมากกว่า 5555 ) ตอนนี้ต้องกอบโกยข้อมูลและความฮึ้ดทุกอย่างค่ะ 55555
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
sss 23 มี.ค. 58 14:16 น. 9
เป็นอีกหนึ่งคนที่อยากอยู่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแต่เหตุผลที่อยากอยู่ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยนะความคิดนี้อาจจะมีบ้าง แต่หลักๆแล้วเพราะความคุ้นเคยจากการไปค่ายของมหาวิทยาลัยนี้การได้เจอรุ่นพี่ของมหาวิทยาลัยนี้กิจกรรมสนุกๆที่เคยทำมันทำให้อยากกลับมาอยู่ในบรรยากาศที่อบอุ่นและก็สนุกเหมือนเดิม เสียดายคงไม่ได้ทำอย่างที่หวังแล้ว
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด