สวัสดีน้องๆ ชาว Dek-D ที่น่ารักทุกคน จุดเปลี่ยนของชีวิตเฟรชชี่ปี 1 มีบางสิ่งที่ต้องยอมรับค่ะ สิ่งแรกถ้าน้องเป็นหนึ่งในคนที่มาเรียนไกลบ้าน เป็นธรรมดาที่เราต้องฝากชีวิตไว้ที่หอพักนักศึกษาเป็นหลัก สิ่งต่อมาถ้ามหาวิทยาลัยบังคับให้นักศึกษาปี 1 อยู่หอในเป็นเวลา 1 ปี นั่นหมายความว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงชีวิตเด็กหอได้เช่นกัน


 
         ช่วงเวลานี้แหละที่น้องๆ จะได้พบประสบการณ์ครั้งใหญ่จากรูมเมทสุดที่รัก ถ้าโชคดีเจอรูมเมทน่ารักเข้ากันได้ก็จะกลายเป็นที่รัก แต่ถ้าโชคร้ายเจอรูมเมทสุดยี้สุดป่วนก็จะกลายเป็นที่ชังไปในทันที วันนี้พี่เมก้าเลยพาน้องๆ มาเซอร์เวย์ 10 นิสัยรูมเมทที่ค่อนข้างแย่ไปสักหน่อยค่ะ เผื่ออนาคตเราต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันจะได้พร้อมรับมือเสมอเนอะ

1. เจ้าแห่งความ 'ซกมก'

         จำไว้นะคะน้องๆ อุปนิสัยสกปรกซกมกของรูมเมทประเภทนี้จะทำให้ทุกอณูในทั่วพื้นที่ของหอพักเราใกล้เคียงกับคำว่า 'โกดังเก็บขยะ' เข้าไปทุกทีๆ ค่ะ เพราะเธอหรือเขามักจะทานขนมเสร็จแล้วปล่อยถุงขนม เศษขนม รวมถึงห่อกระดาษลูกอมทิ้งไว้เรี่ยราด ทานข้าวเสร็จก็ถมจานจนกองสูงเป็นพะเนินเรียกให้สัตว์ร่วมโลกอย่างเจ้าหนอนน้อยมาชอนไช แถมบางทียังแอบยัดถุงเท้า แม้กระทั่งชุดชั้นในขดเป็นเลข 8 ไว้ตามซอกเตียงให้เราต้องคอยตามเก็บเป็นที่เป็นทางอีกด้วย


             
         พี่เมก้าต้องขอบอกน้องๆ ก่อนว่ากว่าที่เราจะมาพบกับรูมเมท ต่างคนต่างที่มาต่างครอบครัว ธรรมชาติของคนเราย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้วค่ะ หากน้องๆ พบว่าอุปนิสัยเหล่านี้เรารับไม่ได้จริงๆ ค่อยๆ หันหน้ามาพูดจากันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยก่อน อย่าเพิ่งกลัวว่าเตือนแล้วเพื่อนจะอายหรือโมโหเรานะคะ อธิบายให้เข้าใจว่าเราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขมากขึ้น ถ้าเพื่อนรู้จักที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง อ้อ ห้ามประชดกันไปมา 'เธอสกปรกได้ฉันสกปรกบ้าง' เด็ดขาด

2. 'ละเลย' งานส่วนกลาง

         การอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา สุขก็สุขด้วยกัน ลำบากก็ลำบากด้วยกัน ถ้าห้องสะอาดเราสบาย ถ้าห้องรกช่วยกันจัดการแป๊บเดียวก็เสร็จ แต่ถ้าเราถูกปล่อยให้ทำความสะอาดอยู่คนเดียวโดยที่รูมเมทไม่เคยช่วยเหลือกันเลย ความเหนื่อยและทุกข์ย่อมตามมาเป็นธรรมดา ซึ่งรูมเมทประเภทนี้ล้วนมีอยู่จริงนะคะน้องๆ คำจำกัดความก็ประมาณว่า 'โบ้ย' นั่นเอง ห้องให้เราจัด ห้องน้ำให้เราขัด จานให้เราถู แบบนี้ต้องมีเคลียร์ค่ะ


 
         เริ่มต้นคุยกันด้วยเหตุผลเลยว่า ห้องนี้อาศัยอยู่ร่วมกันต้องช่วยกันดูแล ปล่อยให้เราทำคนเดียวแบบนี้ไม่โอเคนะ ลองตกลงกันเพื่อหางานที่รูมเมทพอจะช่วยแบ่งเบาภาระเราได้บ้างค่ะ เช่น พอจะกวาดพื้นถูห้องได้ พอจะล้างจานได้ แต่ขัดห้องน้ำไม่ได้ เราก็มาจัดตารางทำความสะอาดกันว่าหน้าที่นี้ใครรับผิดชอบ ต้องลงมือทำวันไหนบ้าง น้องๆอย่ายอมเหนื่อยเพียงคนเดียวนะคะพี่เมก้าขอเตือน ถ้าเรายอมทำไปเรื่อยๆ เราจะต้องเป็นนางซินฯไปตลอดชีวิตค่ะ

3. ที่หนึ่งเรื่อง 'รักสัตว์'

         ตามปกติแล้วหอพักโดยเฉพาะหอพักนักศึกษามักจะออกกฎ 'ห้ามนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดเข้าหอพักโดยเด็ดขาด' แต่ก็ยังมีบางคนนะคะที่ฝ่าฝืนแอบนำขึ้นมาเลี้ยงจนได้ ทั้งน้องหมา น้องแมว น้องกระต่าย น้องหนูแฮมสเตอร์ ฯลฯ ปัญหาที่ตามมาเป็นการรบกวนเพื่อนร่วมห้องอย่างร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอับจากสัตว์เลี้ยงน่ารักที่ถูกปล่อยให้ปัสสาวะดับเบิ้ลอุจจาระเรี่ยราด บางทีก็ส่งเสียงร้องน่ารำคาญ บางทีก็ทำให้ภูมิแพ้เรากำเริบ หรือทำลายข้าวของเราเสียหายอยู่บ่อยครั้ง


 
         การอยู่ร่วมกันในสังคมย่อมมีกฎกติกาที่ต้องเคารพค่ะ ยิ่งเป็นหอพักนักศึกษาด้วยแล้วข้อห้ามต่างๆ ย่อมผ่านการคิดมาอย่างดีแล้ว ถ้าเราเห็นว่ารูมเมทแอบนำสัตว์โลกน่ารักมาเลี้ยงไว้แบบนี้ รีบบอกให้นำออกไปโดยด่วนเลยค่ะ อย่ามองว่าเราต้องรักษาน้ำใจเพื่อน แค่สัตว์เองไม่เป็นอะไรมากหรอก เราต้องคำนึงถึงผลกระทบที่ตามมามากมาย ถ้ารูมเมทยังคงดึงดันจะเลี้ยงต่อ คงต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดด้วยการรายงานผู้ดูแลหอพักแล้วล่ะ

4. 'ยืม' เป็นกิจวัตร

         หากน้องๆ รู้จัก 'คนช่างยืม' มาก่อนก็คงพอรู้นะคะว่าเป็นยังไง พี่เมก้าไม่ได้กำลังปลูกฝังนิสัยไม่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ให้กับน้องๆ แต่คนเราต้องมีความเกรงใจและสามัญสำนึกอยู่บ้างค่ะว่า 'อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ' นิสัยของรูมเมทประเภทนี้คือขอยืมทุกสิ่งที่ขวางหน้า มีอะไรติดตัวส่งมาให้หมด ตั้งแต่ของเล็กๆ น้อยๆ อย่างอุปกรณ์การเรียน ต่อไปที่หนังสือ เครื่องสำอาง เสื้อผ้า หนักสุดคือเงิน และหนักกว่านั้นคือยืมแล้วไม่คืนนี่แหละค่ะ


 
         อย่างที่พี่เมก้าบอกนะคะว่าการยืมของคนเราควรมีขอบเขตว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ถ้าน้องๆ ปล่อยให้พฤติกรรม 'ช่างยืม' ของรูมเมทเกิดขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่นานความเกรงใจก็จะไม่เหลือกันแล้วค่ะ หากเป็นไปได้พี่เมก้าอยากให้ตกลงกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เลยว่าสิ่งไหนเราให้ยืมได้ สิ่งไหนเราไม่สะดวกใจที่จะให้ยืม ถ้าเลยจุดๆ นั้นแบบยืมไปโดยไม่ขอและไม่คืนแล้ว น้องต้องกล้าที่จะพูดกับเขาตรงๆด้วยเหตุผลที่ดี อย่าใช้อารมณ์นำเด็ดขาดค่ะ

5. อย่าเผลอนะ 'มือไว'

         มือไวในที่นี้พี่เมก้าไม่ได้หมายถึงเจ้าชู้มือไวนะคะ แต่กำลังพูดถึงมือไวในแง่ของการ 'ฉกฉวยสิ่งของของผู้อื่นไปเป็นของตน' ค่ะ สิ่งใดที่เจ้าของเขาไม่รับรู้ ไม่ได้อนุญาต เราไม่มีสิทธิ์หยิบไปถูกมั้ยคะน้องๆ การกระทำแบบนี้ของคุณรูมเมทเข้าข่าย 'ขโมย' น่าเกลียดกว่าการยืมแล้วไม่คืนอีกค่ะ ถ้าเป็นการจิ๊กของกินเล็กๆ น้อยๆ ในตู้เย็นยังพอรับได้นะคะ แต่ถ้าเป็นการขโมยของใช้ส่วนตัว ขโมยเงิน ขโมยรายงานเราไปเป็นของตัวเอง แบบนี้น่ายี้มากค่ะ


 
         ปัญหารูมเมท 'มือไว' อาจเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่เราไม่คาดคิดและไม่อยากจะให้เกิดขึ้นเลยค่ะ แต่ถ้าหากมันเกิดขึ้นแล้วจับได้คาหนังคาเขาว่ารูมเมทเราเป็นจอมเขมือบและจอมขโมยตัวจริงเสียงจริง คงต้องหาวิธีมาจัดการกัน! หากมีครั้งแรกลองเปิดใจพูดคุยก่อนว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่โอเคเราให้โอกาสแก้ตัวนะ ถ้าเขาไม่ยอมรับและยังมีครั้งต่อไปอีก สิ่งที่ทำได้คือป้องกันค่ะ ล็อคตู้ล็อคประตูล็อคหีบสมบัติของเราให้เรียบร้อย แต่หากยังมีการแซะแงะงัดงานนี้ต้องแจ้งความแล้วนะคะ 

6. 'ไบโพลาร์' เรียกพี่

        หากน้องๆ คุ้นเคยกับคำว่า 'ไบโพลาร์' ก็คงจะพอรับรู้นิยามความเป็นคนอารมณ์สองขั้วมาบ้าง แต่พี่เมก้าบอกเลยว่าอุปนิสัยของรูมเมทท่านนี้ยิ่งกว่าผู้ป่วยโรคไบโพลาร์อีกค่ะ วันดีคืนดีเขาและเธอจะเกิดความรู้สึกหดหู่อย่างถึงที่สุด เช้ามาซึมเศร้านั่งร้องไห้โฮ สักพักกลับมาหัวเราะปล่อยเสียงฮาเต็มที่ และเมื่อเวลาผ่านไปกลับมีเหวี่ยงใส่สบถคำหยาบออกมาจนเราตั้งรับแทบไม่ทัน ถ้าภูมิคุ้มกันทางอารมณ์บกพร่องคาดว่าเราอาจไม่รอดก็เป็นได้  


 
        สิ่งแรกที่น้องๆ ต้องทำคือรับมือที่จิตใจของเราก่อนค่ะ อย่าไปของขึ้นตามเขาเด็ดขาด ปล่อยให้ร้องไห้ หัวเราะ เหวี่ยงอากาศแบบเต็มที่แล้วเราค่อยมาเผชิญหน้ากับเขาในภายหลังค่ะ คำเตือนคืออย่ามองรูมเมทด้วยสายตาที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองคือตัวประหลาด พยายามรับฟัง ทำความเข้าใจ และปฏิบัติต่อเขาอย่างจริงใจเสมอ เพราะสิ่งที่รูมเมทต้องการก็คือคนที่พร้อมที่จะเข้าใจ เป็นที่ปรึกษาที่ดี สามารถไว้วางใจได้ในยามที่เขาต้องการระบายปัญหาหรือความทุกข์ในใจนั่นเอง

7. ขาเม้าท์ 'ช่างนินทา'

        อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน แต่โดนนินทาโดนเม้าท์เป็นประจำ งานนี้ก็ต้องมีเคืองกันบ้างล่ะค่ะ อุปนิสัยของรูมเมทแนวนี้ มักจะนำเรื่องของเพื่อนร่วมห้องทั้งที่เป็นความจริง ไม่เป็นความจริง หรือเกินกว่าความเป็นจริงไปเล่าให้ผู้อื่นฟังในทางที่ไม่ดีให้เราเกิดความเสียหาย การพูดส่อเสียดนินทาเป็นสิ่งที่ไม่ก่อเกิดประโยชน์แล้วยิ่งนำเรื่องราวที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวไปเล่าลับหลังให้ผู้อื่นฟังแบบนี้ ยิ่งเป็นการไม่สมควรใหญ่เลยค่ะ


   
        คนจะนินทาเราห้ามไม่ได้หรอกเนอะ สิ่งที่น้องๆ พอจะทำได้ก็คือไม่ต้องไปร้อนรนตามเขาและไม่ต้องใส่ใจในสิ่งที่ไม่เป็นจริงค่ะ เรารู้ดีว่าตัวเราเองเป็นยังไง ถ้าน้องๆ พบว่ารูมเมทแอบนำเราไปนินทาลับหลัง ให้เผชิญหน้าพูดคุยกับเขาไปโดยตรงเลยว่าเราทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือไม่โอเคกับเราตรงไหน ถ้าเราทำจริงจะได้ปรับปรุงตัว แต่ถ้าเราไม่ได้ทำ งานนี้ก็จะได้รู้กันไปเลยว่า 'ใครควรจะอยู่ ใครควรจะไป!' คนนิสัยไม่ดีย่อมไม่มีใครอยากคบด้วยอยู่แล้วค่ะ  

8. 'ส่งเสียงดัง' โชว์พาวฯ

        โชว์พาวฯ ในที่นี้ น่าจะมาจากคำว่า 'โชว์พาวเวอร์' นั่นเองค่ะ รูมเมทประเภทนี้มักจะแสดงพลังที่ล้นเหลือของพวกเขาอยู่เสมอ เพราะไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของห้อง เสียงอันดังลั่นจะตามมาหลอกหลอนด้วยเสมอ ทั้งเสียงย่ำเท้าตอนเดิน เสียงคุยโทรศัพท์ เสียงร้องเพลง เสียงเปิดประตู เสียงปิดลิ้นชัก ดีไม่ดีอ่านหนังสือแล้วเครียด ก็กรีดร้องออกมาอีก ฯลฯ
 


 
        ถ้าน้องๆ มีปัญหาเรื่องรูมเมทเป็นคนเสียงดัง สิ่งแรกที่จะทำให้เรารับมือได้คือต้องเข้าใจธรรมชาติของเขาก่อนค่ะ บางทีอาจเป็นความเคยชินของรูมเมทที่ติดทำอะไรมือหนักเสียงหนักไปหน่อย จะหยิบจับพูดคุยอะไรเลยดังไปหมด หรือบางทีรูมเมทหวังดีอยากเปิดเพลงที่ชอบให้เราฟังทั้งที่ชอบกันคนละสไตล์ เรื่องแบบนี้คุยง่ายค่ะ แค่บอกตรงๆ ให้ช่วยลดเสียงลงหน่อย เราขี้ตกใจ หรือถ้าจะฟังเพลงใส่หูฟังก็ดีนะ ค่อยๆ เตือน ค่อยๆ ปรับตัวกันไป ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง

9. เพื่อน&แฟน 'ยึดครองห้อง'

        มารยาทที่สำคัญของการอยู่ร่วมกันคือการเคารพสิทธิของกันและกันค่ะ รูมเมทบางคนยกพลพาเพื่อนสนิทมาใช้ห้องโดยไม่ขออนุญาตเพื่อนร่วมห้อง แถมยังถล่มจัดปาร์ตี้สังสรรค์จนสภาพแทบไม่เหลือเค้าเดิม บางรายถึงขั้นชักชวนแฟนหนุ่มแฟนสาวมานอนกอดให้ความอบอุ่นอีกต่างหาก แบบนี้ถือเป็นการไม่สมควรและไม่ให้เกียรติเพื่อนร่วมห้องอย่างร้ายแรงเลยนะคะ เพราะการแชร์ห้องอยู่ร่วมกันก็เหมือนการใช้พื้นที่ส่วนรวมร่วมกัน นี่ไม่ใช่ห้องของเราคนเดียว ต้องใจเขาใจเราค่ะ


 
        ถ้ารูมเมทพาคนอื่นมาใช้ห้องโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตเราก่อน น้องๆ ต้องสร้างข้อตกลงว่า 'ทำแบบนี้ไม่ได้' อย่างน้อยควรบอกเราล่วงหน้าว่าจะขอใช้ห้อง เพราะรับประกันได้เลยว่าเราคงไม่สะดวกใจที่จะต้องอยู่ร่วมห้องกับกลุ่มเพื่อนที่ไม่คุ้นเคยกันมาก่อน หรืออยู่ร่วมกันเราสองสามคนระหว่างเรา รูมเมท กับคนรักของเขาและเธอ หากคุยกันก่อนน้องๆ จะได้มีเวลาเตรียมตัวสำหรับทำกิจกรรมอื่นหรือขอให้รูมเมทช่วยดูแลห้องและเคารพพื้นที่ส่วนตัวของเราด้วยนั่นเอง

10. 'แปลกสุด' คือรูมเมท

        อาการแปลกๆ ของรูมเมท บางรายเป็นเรื่องน่ารักๆ ที่เราไม่เคยพบเจอ แต่บางรายนี่ 'เข้าขั้นน่ากลัว' นะคะน้องๆ ยิ่งต้องมาอยู่ร่วมกันทุกวันยิ่งมีขวัญผวาบั่นทอนสภาพจิตใจของเพื่อนร่วมห้องกันบ้างล่ะค่ะ พฤติกรรมแปลกๆ ที่พี่เมก้าเคยได้ยินมาบ้าง เช่น พาน้องกุมารทอง(สมัยนี้คงเป็นลูกเทพ)มาอยู่ด้วย นำเถ้ากระดูกและรูปวางหน้าศพของญาติมาตั้งหัวเตียง ตอนนอนต้องเปิดไฟ ตกกลางคืนชอบติดต่อยานแม่คุยกับวิญญาณ ขอตามติดเพื่อนร่วมห้องตลอดเวลา ฯลฯ


 
        บางทีความแปลกก็เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละบุคคล เรื่องบางเรื่องที่แปลกๆ ของรูมเมท เราอาจไม่ถึงขั้นยี้เขาหรอกค่ะ อาจจะขำด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราพยายามทำความเข้าใจและขอให้เขาเข้าใจเรา การเปิดใจกว้างและพร้อมปรับตัวเข้าหากันอาจจะทำให้น้องๆ ได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ที่คุ้มค่าก็ได้ แต่หากพฤติกรรมแปลกๆ นั้นทำให้เรากลัวหรืออึดอัดมากจนเกินรับไหว คงถึงเวลาที่จะต้องถอยออกมาตั้งหลักแล้วล่ะค่ะ

        พี่เมก้าแนะนำน้องๆ ว่าถ้ามีปัญหาคับข้องใจอะไรกับรูมเมทให้กล้าที่จะเผชิญหน้าคุยกันตรงๆ เลยค่ะ เรื่องบางเรื่องอาจเป็นปัญหาเล็กน้อยที่เราคิดว่าน่าจะพอมองข้ามได้ แต่ถ้าหากปัญหาเล็กๆ นั้นเริ่มลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมา งานนี้จะไม่ทันการเอานะคะ รีบเคลียร์รีบจบตั้งแต่แรกเริ่มจะได้อยู่รอดกันไปจนถึงวันสุดท้ายค่ะ

 
พี่เมก้า
พี่เมก้า - Columnist นักข่าวสายการศึกษา ที่มีความสุขกับการแต่งฟิค อ่านฟิค เพ้อถึงยัมมี่ฟู้ดไปวันๆ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

5 ความคิดเห็น

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
sae 14 พ.ค. 59 17:48 น. 4
เป็นรูปแบบที่น่าสนใจดีหากปรับตัวเข้าหากันได้ น่าจะได้ประสบการณ์ใหม่ๆเยอะๆเลย โดยเฉพาะข้อสุดท้าย อยากลองมีรูมเมทแบบนี้ซักครั้งเหมือนกันครับ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด