สวัสดีน้องๆ Dek-D ที่น่ารักทุกคนนะคะ เมื่อเร็วๆ นี้ พี่เมก้าได้เข้าไปอ่านเรื่องราวของน้องคนหนึ่งในบอร์ดเด็กซิ่ว ทำให้เกิดฉุกคิดขึ้นได้ว่ายังมีน้องอีกหลายคนเลยที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์เดียวกัน ประมาณว่า "ใจหนึ่งอยากซิ่ว แต่อีกใจก็ลังเลว่าจะซิ่วดีรึเปล่า?"
เพราะการซิ่วนับเป็นเรื่องใหญ่ เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของชีวิตใครหลายคนเลย ถ้าน้องๆ ตัดสินใจถูกทาง อนาคตที่สดใสก็พร้อมรออยู่แน่นอนค่ะ วันนี้พี่เมก้าเลยตั้งใจพาทุกคน มาดู 5 Step เช็กตัวเองให้ดีก่อนซิ่ว หวังว่าคงจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับน้องๆ ได้มากขึ้นนะคะ
Step 1 : ลิสต์ปัญหา "เหตุผลที่อยากซิ่ว"
เชื่อว่าคงไม่มีน้องคนไหน อยู่ดีๆ ก็นึกสนุกลุกขึ้นมาซิ่วหรอกนะคะ ร้อยทั้งร้อยต้องเผชิญกับปัญหากันมาแล้วทุกคน บางคนมองว่าแค่นี้เรื่องเล็ก ทนเอาหน่อย เดี๋ยวก็จัดการได้ บางคนมองว่าปัญหาเล็กๆ ถ้าปล่อยนานไป เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่ตอนนี้ก็ยังลังเลไม่มั่นใจว่าจะซิ่วหรือไม่ซิ่วดี? น้องคนไหนเคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ทำตามที่พี่เมก้าบอกเลยค่ะ ให้น้องๆ เตรียมกระดาษ A4 มา 1 แผ่น เขียนปัญหาต่างๆ ที่ทำให้เรามีความคิดที่จะซิ่วลงไป
Step 1 : ลิสต์ปัญหา "เหตุผลที่อยากซิ่ว"
เชื่อว่าคงไม่มีน้องคนไหน อยู่ดีๆ ก็นึกสนุกลุกขึ้นมาซิ่วหรอกนะคะ ร้อยทั้งร้อยต้องเผชิญกับปัญหากันมาแล้วทุกคน บางคนมองว่าแค่นี้เรื่องเล็ก ทนเอาหน่อย เดี๋ยวก็จัดการได้ บางคนมองว่าปัญหาเล็กๆ ถ้าปล่อยนานไป เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่ตอนนี้ก็ยังลังเลไม่มั่นใจว่าจะซิ่วหรือไม่ซิ่วดี? น้องคนไหนเคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ทำตามที่พี่เมก้าบอกเลยค่ะ ให้น้องๆ เตรียมกระดาษ A4 มา 1 แผ่น เขียนปัญหาต่างๆ ที่ทำให้เรามีความคิดที่จะซิ่วลงไป
การทำเช็กลิสต์แบบนี้จะทำให้น้องๆ มองเห็นปัญหาต่างๆ ได้ชัดเจนมากขึ้น บางคนคิดว่าตัวเองเจอปัญหามาหนักหน่วงจนเกินรับไหวแล้ว แต่พอลองเขียนดูกลับพบว่าตัวเองมีเรื่องให้ปวดหัวเพียงไม่กี่อย่าง ยังพอสู้ไหวอยู่ ก็อาจจะล้มเลิกความคิดที่จะซิ่วตั้งแต่ขั้นตอนแรกนี้ก็ได้ แต่อย่างน้องบางคนเขียนไปเขียนมา ปัญหามันเยอะจริงๆ ก็ทำให้มั่นใจได้นิดหนึ่งว่า ที่เราอยากซิ่วไม่ใช่เพราะอารมณ์ชั่ววูบนะ เรามีเหตุผล มีความจำเป็นที่ต้องซิ่วจริงๆ
Step 2 : ตอบตัวเองได้มั้ย "เราต้องการอะไร?"
บางทีการมุ่งไปที่เป้าหมายก็อาจจะช่วยให้อะไรๆ ง่ายขึ้น น้องบางคนมองเห็นแค่ปัญหา เรียนไม่ไหว ค่าใช้จ่ายเยอะ เข้าสังคมไม่ได้ ก็ไม่อยากสู้แล้ว คิดว่าถ้าซิ่วไปอยู่ที่อื่น ชีวิตคงจะดีกว่านี้ แต่การตัดสินใจโดยไม่ได้ทบทวนให้ดีก่อน อาจทำให้วันข้างหน้าเราลำบากได้ค่ะ
Step 2 : ตอบตัวเองได้มั้ย "เราต้องการอะไร?"
บางทีการมุ่งไปที่เป้าหมายก็อาจจะช่วยให้อะไรๆ ง่ายขึ้น น้องบางคนมองเห็นแค่ปัญหา เรียนไม่ไหว ค่าใช้จ่ายเยอะ เข้าสังคมไม่ได้ ก็ไม่อยากสู้แล้ว คิดว่าถ้าซิ่วไปอยู่ที่อื่น ชีวิตคงจะดีกว่านี้ แต่การตัดสินใจโดยไม่ได้ทบทวนให้ดีก่อน อาจทำให้วันข้างหน้าเราลำบากได้ค่ะ
ถ้าน้องๆ ตอบตัวเองได้ว่า สิ่งที่เราต้องการคืออะไร มันอาจจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับการซิ่วของน้องๆ ได้ สำหรับน้องบางคนที่ลองถามตัวเองแล้ว แต่ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนอะไรเลย คงต้องลองเช็กตัวเองใหม่แล้วล่ะค่ะว่า การตัดสินใจซิ่วครั้งนี้ แท้จริงแล้วมันตอบโจทย์เรารึเปล่า
Step 3 : ถามใจตัวเอง "ซิ่วเป็นคำตอบสุดท้ายรึเปล่า?"
สำหรับน้องๆ ที่ยังไม่รู้ใจตัวเอง ลองตั้งคำถามดูค่ะว่าลึกๆ แล้วเราเชื่อว่าการซิ่วนี้เป็นคำตอบสุดท้ายรึเปล่า? ถ้าน้องๆ พบว่า ไม่! เรายังพอมีทางอื่นอีก เช่น เทอมนี้เรียนหนักเกรดต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แต่ยังพอเรียนเสริมตอนซัมเมอร์ได้ หรือ เราเป็นคนพูดน้อย เข้าสังคมไม่เก่ง แต่ยังพอปรับตัวได้ ก็แสดงว่าการซิ่วครั้งนี้ยังไม่ใช่เรื่องจำเป็นมากนักค่ะ แต่ถ้าคิดทบทวนดีแล้วว่า ชีวิตเดินมาถึงทางตัน มองไม่เห็นทางอื่นจริงๆ นอกจากการซิ่วไปเรียนในสิ่งที่ใช่กว่า เหมาะกับไลฟ์สไตล์เรามากกว่า นี่ก็อาจเป็นเหตุผลที่ดีสำหรับการเริ่มต้นใหม่ได้นะคะ
Step 3 : ถามใจตัวเอง "ซิ่วเป็นคำตอบสุดท้ายรึเปล่า?"
สำหรับน้องๆ ที่ยังไม่รู้ใจตัวเอง ลองตั้งคำถามดูค่ะว่าลึกๆ แล้วเราเชื่อว่าการซิ่วนี้เป็นคำตอบสุดท้ายรึเปล่า? ถ้าน้องๆ พบว่า ไม่! เรายังพอมีทางอื่นอีก เช่น เทอมนี้เรียนหนักเกรดต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แต่ยังพอเรียนเสริมตอนซัมเมอร์ได้ หรือ เราเป็นคนพูดน้อย เข้าสังคมไม่เก่ง แต่ยังพอปรับตัวได้ ก็แสดงว่าการซิ่วครั้งนี้ยังไม่ใช่เรื่องจำเป็นมากนักค่ะ แต่ถ้าคิดทบทวนดีแล้วว่า ชีวิตเดินมาถึงทางตัน มองไม่เห็นทางอื่นจริงๆ นอกจากการซิ่วไปเรียนในสิ่งที่ใช่กว่า เหมาะกับไลฟ์สไตล์เรามากกว่า นี่ก็อาจเป็นเหตุผลที่ดีสำหรับการเริ่มต้นใหม่ได้นะคะ
ถ้าคิดเองคนเดียวแล้วกลัวพลาด พี่เมก้าแนะนำให้ปรึกษาคนใกล้ชิดที่ไว้ใจได้ เช่น คุณพ่อ คุณแม่ เพื่อนๆ รุ่นพี่ บางทีน้องอาจจะได้ไอเดียดีๆ มากมาย ที่ช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้นก็ได้ค่ะ
Step 4 : "เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย" ของการซิ่ว
ก่อนจะเริ่มทำ Step 4 พี่เมก้าขอให้น้องๆ หยิบกระดาษใบเดิมที่เคยเขียนปัญหาใน Step 1 มาพลิกด้านหลัง พับครึ่งแล้วเขียนข้อดี-ข้อเสียของการตัดสินใจซิ่วลงไปค่ะว่า ซิ่วครั้งนี้จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นยังไง และซิ่วครั้งนี้ทำให้ชีวิตเราดิ่งลงเหวยังไง การเขียนเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย จะทำให้น้องๆ แยกความต่างได้ชัดเจน ที่สำรวจตัวเองได้ง่ายสุดก็คือ เราเขียนฝั่งไหนได้ไหลลื่นมากกว่า ร้อยทั้งร้อยแปลว่าเราเทใจให้ฝั่งนั้นไปเต็มที่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น
Step 4 : "เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย" ของการซิ่ว
ก่อนจะเริ่มทำ Step 4 พี่เมก้าขอให้น้องๆ หยิบกระดาษใบเดิมที่เคยเขียนปัญหาใน Step 1 มาพลิกด้านหลัง พับครึ่งแล้วเขียนข้อดี-ข้อเสียของการตัดสินใจซิ่วลงไปค่ะว่า ซิ่วครั้งนี้จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นยังไง และซิ่วครั้งนี้ทำให้ชีวิตเราดิ่งลงเหวยังไง การเขียนเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย จะทำให้น้องๆ แยกความต่างได้ชัดเจน ที่สำรวจตัวเองได้ง่ายสุดก็คือ เราเขียนฝั่งไหนได้ไหลลื่นมากกว่า ร้อยทั้งร้อยแปลว่าเราเทใจให้ฝั่งนั้นไปเต็มที่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น
น้อง A เขียนข้อดีของการซิ่วได้เยอะมากกก เร็วมากกก แต่พอต้องมาเขียนข้อเสีย กลับกลายเป็นว่าใช้เวลานานกว่าจะเค้นออกมาได้แต่ละข้อ ถ้าจะบอกว่าเฉยๆ กับการซิ่ว พี่เมก้าไม่เชื่อเด็ดขาดเลยค่ะ =_=^ ส่วนน้อง C พอให้เริ่มลงมือเขียนข้อดีนี่นึกไม่ออก นึกออกแต่ข้อเสียเต็มไปหมด แล้วแบบนี้จะซิ่วไปทำไมเนอะ เอาล่ะ เห็นแบบนี้แล้ว น้องๆก็ลองใช้วิธีนี้ดูนะคะ มาเพิ่มความหนักแน่นให้กับการตัดสินใจซิ่วของตัวเองกันดีกว่า ^W^
Step 5 : พร้อมมากแค่ไหน? "บนเส้นทางเด็กซิ่ว"
เป็นที่รู้กันดีว่าเด็กซิ่วมีวิธีเตรียมสอบแตกต่างกันไป น้องบางคนเลือกซิ่วไปเรียนไป ขณะที่น้องบางคนเลือกที่จะเตรียมตัวซิ่วอยู่บ้าน การถามความพร้อมก็เหมือนได้สำรวจเส้นทางในอนาคตของตัวเองไปด้วยค่ะว่า เรามีโอกาสทำมิชชั่นคอมพลีตกับการซิ่วมากแค่ไหน น้องบางคนมาด่วนตัดสินใจซิ่วเอาเมื่อ 2-3 เดือนสุดท้ายก่อนสอบนี้เอง การเตรียมตัวแบบฉุกละหุก ไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาก่อนแบบนี้ อาจเลื่อนโอกาสสอบติดของน้องไป หรือทำให้พลาดการเรียนในสิ่งที่ใช่ไปอีกปีก็ได้
Step 5 : พร้อมมากแค่ไหน? "บนเส้นทางเด็กซิ่ว"
เป็นที่รู้กันดีว่าเด็กซิ่วมีวิธีเตรียมสอบแตกต่างกันไป น้องบางคนเลือกซิ่วไปเรียนไป ขณะที่น้องบางคนเลือกที่จะเตรียมตัวซิ่วอยู่บ้าน การถามความพร้อมก็เหมือนได้สำรวจเส้นทางในอนาคตของตัวเองไปด้วยค่ะว่า เรามีโอกาสทำมิชชั่นคอมพลีตกับการซิ่วมากแค่ไหน น้องบางคนมาด่วนตัดสินใจซิ่วเอาเมื่อ 2-3 เดือนสุดท้ายก่อนสอบนี้เอง การเตรียมตัวแบบฉุกละหุก ไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาก่อนแบบนี้ อาจเลื่อนโอกาสสอบติดของน้องไป หรือทำให้พลาดการเรียนในสิ่งที่ใช่ไปอีกปีก็ได้
ถ้าน้องๆ ไม่อยากเฟลก็รีบสำรวจตัวเองเลยค่ะว่า ตอนนี้เราพร้อมที่จะซิ่วรึเปล่า ถ้าพร้อมแล้วก็เดินหน้าลุยให้เต็มที่ไปเลย! แต่ถ้ายังกล้าๆ กลัวๆ อยากซิ่วแต่ก็กังวลว่าคุณพ่อคุณแม่จะไม่เห็นด้วยบ้าง เสียดายเวลาบ้าง กลัวอ่านหนังสือไม่ทันแล้วจะสอบไม่ติดบ้าง พี่เมก้าแนะนำให้หลบไปทำใจสบายๆ ก่อนดีกว่าค่ะ รอโอเคขึ้น ค่อยกลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่า การซิ่วยังเป็นคำตอบเดียวของเราอยู่มั้ย ถึงเวลานั้นน้องอาจจะค้นพบทางที่เหมาะสมกับตัวเองแล้วก็ได้นะ
การซิ่วเรียกได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญถึงขั้นกำหนดอนาคตได้เลย พี่เมก้าอยากให้น้องๆ ใช้เวลาไตร่ตรองให้รอบคอบ แต่ก็ไม่อยากให้เนิ่นนานเกินไปค่ะ ยิ่งรู้ตัวเองได้เร็วเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีเวลาเตรียมสอบได้มากขึ้นเท่านั้น ลองทำตามแล้วได้ผลไม่ได้ผลยังไง แวะมาแบ่งปันกันบ้างนะคะ
การซิ่วเรียกได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญถึงขั้นกำหนดอนาคตได้เลย พี่เมก้าอยากให้น้องๆ ใช้เวลาไตร่ตรองให้รอบคอบ แต่ก็ไม่อยากให้เนิ่นนานเกินไปค่ะ ยิ่งรู้ตัวเองได้เร็วเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีเวลาเตรียมสอบได้มากขึ้นเท่านั้น ลองทำตามแล้วได้ผลไม่ได้ผลยังไง แวะมาแบ่งปันกันบ้างนะคะ
1 ความคิดเห็น