ทีมงาน Dek-D โกอินเตอร์!! ไปเที่ยวสิงคโปร์ส่งท้ายปี '11

      สวัสดีจ้าน้องๆ Dek-D.com พบกับบทความ
พิเศษ Dek-D Outing ประจำปีกันอีกแล้วจ้า...
     ปีที่แล้วพวกเรายกขบวนไปแซบเวอร์กันที่ "เชียงใหม่" ปีนี้ขอโกอินเตอร์ไปไกลกว่าเดิม ให้พิเศษสมกับที่ปีนี้
เว็บไซต์ Dek-D.com มีอายุครบ 12 ปี พร้อมกับต้อนรับปี ค.ศ. 2012 ที่กำลังจะมาถึง สี่บิ๊กบอสหนุ่มหล่อใจดี
ของพวกเรา พี่ปอนด์ พี่โน้ต พี่เต้ และพี่แชร์ บอกว่า "ไปเที่ยวเมืองไทยมาหลายที่แล้ว ปีนี้ขอพาไปเปิดหูเปิดตาดู
อะไรแปลกใหม่บ้าง จึงขอพาทีมงานโกอินเตอร์ไป Outing กันที่ประเทศสิงคโปร์" ...เอาล่ะ มาดูภาพความสนุก
สนานของการเดินทางครั้งนี้กันเลยจ้า
     หลังจากที่พลพรรคชาว Dek-D.com มาพร้อม
เพรียงกันที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว (พี่ปอนด์โหดมาก
นัดพวกเรา 4.30 น.) พวกเราก็เตรียมตัวเดินทางไปสู่
สนามบินชางฮี ประเทศสิงคโปร์ โดยการเดินทางครั้งนี้
ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งค่ะ และเมื่อไปถึง
สิงคโปร์ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ "ปรับนาฬิกาให้
เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง"
เพราะเวลาที่สิงคโปร์เร็วกว่าเวลา
เมืองไทย นัดหมายกันแต่ละครั้งก็ต้องย้ำกันชัดๆ
ว่านัดเวลาไทยหรือเวลาสิงคโปร์ ไม่งั้นสับสนแย่!
(นี่ขนาดต่างกันแค่ชั่วโมงเดียวเองนะ)

     ทริปนี้ แม้พวกเราจะเดินทางไปในช่วงมรสุม เครื่องบินตกหลุมอากาศบ่อยครั้ง และเจอกับฝนตกหนักแทบจะ
ทันทีที่ไปถึง แต่สภาพอากาศที่เลวร้ายก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้ ฮ่่าๆๆ เพราะตามโปรแกรมที่วางไว้ เราสามารถใช้
เวลา 3 วัน 2 คืน ที่สิงคโปร์ ซึ่งเล็กกว่ากรุงเทพฯ ถึง 2.5 เท่า ได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องกังวลกับสภาพอากาศ
เลยล่ะค่ะ
     จุดหมายแรกของพวกเราก็คือสัญลักษณ์ของสิงคโปร์ "เมอร์ไลออน" ตัวโตยืนพ่นน้ำอยู่ริมแม่น้ำสิงคโปร์ นั่นเอง หากยืนหันหน้าไปทิศเดียวกับเมอร์ไลออน ทางซ้ายมือของเราก็คือ ตึกเอสพลานาดหรือตึกทุเรียน ด้านตรง
ข้ามคือ Singapore Flyer (ที่สามารถชมวิวได้ทั่วเกาะสิงคโปร์) และถัดไปทางขวามือคือ โรงแรมมารีนา เบย์ แซนด์ส ทั้งหมดนี้สามารถเดินถึงกันได้เป็นวงกลม (ถ้ามีแรงพออะนะ) และแน่นอนว่า... ใครมาที่นี่แล้วไม่ได้ถ่ายรูป
คู่กับทั้งหมดที่บอกมา ถือว่ามาไม่ถึงสิงคโปร์นะจ๊ะ ฮ่าๆ

     ยังไม่ทันไร ฝนก็เทกระหน่ำลงมาอีกแล้ว พวกเราเลยพร้อมใจกันไปไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยที่
"วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple)" ก่อน กะขอพรให้ฝนหยุดตกว่างั้น ><"
      วัดนี้เป็นวัดจีน (อารมณ์เดียวกับวัดมังกรบ้านเรา)
มองจากภายนอกแลดูโอ่อ่ามีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม
แถมบรรยากาศก็เคร่งขรึมดูน่าเกรงขาม และสงบ
ร่มเย็น ได้ยินเสียงสวดมนต์ดังตลอด ยิ่งเพิ่มความขลัง
ให้สถานที่เข้าไปอีก วัดแห่งนี้มีทั้งหมดสี่ชั้นค่ัะ เมื่อเรา
เข้าไปด้่านใน สาวๆ ที่สวมกางเกงหรือกระโปรงสั้น
และเสื้อแขนกุดต้องใส่ผ้าคลุมที่ทางวัดเตรียมไว้ให้
ด้วยนะจ๊ะ แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นลิฟต์ตรงไป
สักการะพระเขี้ยวแก้วที่ชั้นสี่ได้เลย

    

     นั่นไง!!! เหมือนปาฏิหาริย์จะมีจริง ทันทีที่ไหว้
พระเสร็จฝนก็เริ่มหยุดตก พวกเราจึงไปลั้นลากันต่อที่
"โรงแรมมารีนา เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sands)" ที่ตอนอยู่หน้าเมอร์ไลออนมองเห็นอยู่ไกลๆ
นั่นแหละ อ๊ะ! จริงอยู่เราไม่ได้พักที่นี่จ้า แต่เรามาเพื่อ
ช้อปปิ้งและเสี่ยงโชค ><' เพราะที่นี่เป็นโรงแรมระดับ
6 ดาว ที่เก๋ไก๋้ด้วยการยกเรือทั้งลำไปวางพาดไว้
บนยอดตึก (ภาษาบ้านๆ แต่เห็นภาพมากๆ55+)
ด้านในแบ่งสองโซนคือฝั่งโรงแรมและฝั่งคาสิโน
     ที่สิงคโปร์หรือแม้แต่ในประเทศอื่นๆ สิ่งที่สำคัญ
มากกว่าเงินซึ่งเราควรพกติดตัวเสมอก็คือ "พาสปอร์ต"
นั่นเองค่ะ เรียกว่าเสมือนพกบัตรประชนชนในบ้านเรา
เพราะการผ่านเข้า-ออกสถานที่ต่างๆ เช่น คาสิโน
แม้ว่าเราจะไม่ได้หวังเข้าไปเสี่ยงโชค แต่เพียงอยากไป
เปิดหูเปิดตาเท่านั้น ก็จะต้องแสดงพาสปอร์ตทุกครั้ง
ส่วนเรื่องโชคลาภนั้นเว้นไปเพราะไหนๆ ก็เพิ่งจะเข้าวัด
ทำบุญ ต้องงดอบายมุขให้สมกับเป็นเด็กดีหน่อยจ้า :P

     เดินเล่นจนขาลากกันแล้วก็ได้เวลามื้อเย็นสุด
พิเศษเป็น "ข้าวมันไก่" ขึ้นชื่อของสิงคโปร์ที่
ร้านบุนตงกี่ พี่เหมี่ยวคอนเฟิร์มว่าข้าวมันไก่ที่นี่
นอกจาก ไก่เนื้อนุ่มมาเต็มๆ คำ แล้วน้ำจิ้มสูตรพิเศษยัง
อร่อยสมคำเล่าลืออีกด้วยค่ะ ใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวก็
อย่าลืมแวะไปชิมกันนะ
     อิ่มท้องกันแล้วก็รีบแบกกระเป๋าเข้าไปเก็บ
ที่โรงแรม Link Hotel แล้วออกมาเดินย่อยอาหารกัน
ต่อที่ "ถนนออร์ชาร์ด" แหล่งช้อปปิ้งสินค้าขึ้นชื่อของสิงคโปร์ ที่นี่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้ามากมายชนิดที่หันไปทางไหนก็เจอเต็มสองฝั่งถนน แถมที่นี่ยังมีเรื่องตื่นเต้นที่ฮามากอีกด้วย (เม้าท์ๆ) เรื่องมีอยู่ว่า...

     มีพวกเราสองคนตกรถ ติดอยู่ที่โรงแรม ทั้งคู่พยายามสื่อสารกับโอเปอร์เรเตอร์ที่โรงแรมด้วยภาษาอังกฤษ
ที่คุณครูได้ยินต้องถูกตีแน่ๆ 55+ จนพบว่า "เพื่อนๆ เค้าเดินทางออกมาจากโรงแรมกันหมดแล้วจ้า" ทีนี้จะทำไงได้ นอกจากหาทางตามไปให้ทัน ทั้งคู่เล่าว่า เสี่ยงดวงไปถามทางและสายรถเมล์ที่ผ่านออร์ชาร์ดจากคนแถวนั้น คนที่
บอกทางก็ใจดีจริงๆ ไม่เพียงแค่ชี้ให้ขึ้นรถเมล์เท่านั้น แต่กลับพามาส่งจนถึงที่ แต่ทว่าพอทั้งคู่ลงรถมาเจอย่าน city
center อย่างออร์ชาร์ด ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกว่า จะหาคนอื่นๆ เจอได้ยังไงในเมื่อสถานที่กว้างขวางแล้วคนก็มาก
มายขนาดนี้ ระหว่างเดินไปเรื่อยๆ ก็ถ่ายรูปไว้ตลอด (กะว่าถ้าหลงจะได้ย้อนมาดูรูปที่ถ่ายไว้) และอย่างน้อยที่สุด
หากไม่เจอใครก็หาทางนั่งแท็กซี่กลับมาโรงแรม ...จุดนี้พี่เหมี่ยวคิดว่าทั้งสองคนคงทำบุญมาเยอะล่ะค่ะ เพราะเดิน
ไปเดินมาก็มาเจอกับพวกพี่เหมี่ยวพี่ลาเต้พอดี เซอร์ไพร์สจนแทบจะกระโดดกอดกัน 555+ ...เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เสีย
เงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ เอ้ยไม่ใช่! คนสิงคโปร์พูดภาษาอังกฤษได้ทุกคน และที่สำคัญพวกเขามีน้ำใจต่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากๆ เลยจ้า ^^ ลืมบอกไปว่า ผู้หลงทางทั้งสองคือ พี่เต้จัง กับพี่เก๋ (นามสมมติ) อิอิ

     
     ไหนๆ ก็พูดถึงความมีน้ำใจของชาวสิงคโปร์ไปแล้ว ขอเม้าท์เพิ่มเติมหน่อยว่า ถึงแม้ที่นี่จะเป็นเมืองประชาธิปไตย
แต่เพราะความเข้มงวดเผด็จการนี้เอง กลับส่งผลดีต่อทั้งชาวสิงคโปร์และชาวต่างชาติแบบเราๆ เพราะนอกจากบ้าน
เมืองของเขาจะเต็มไปด้วยความมีระเบียบวินัย สะอาดสะอ้าน เดินทางสะดวก และมีความปลอดภัยสูงแล้ว ความที่
ประเทศมีพื้นที่จำกัดแต่สามารถจัดสรรและใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังสามารถรักษาพื้นที่สีเขียวไว้
ได้อย่่างร่มรื่น ประกอบกับเป็นเมืองท่าที่่นักลงทุนต่างก็ให้ความสนใจเข้าไปทำธุรกิจ จึงทำให้เมืองเล็กๆ อย่าง
สิงคโปร์กลายเป็นเมืองอบอุ่นที่น่าอยู่ และหากมีโอกาสก็อยากกลับไปเยือนอีกเป็นครั้งที่สองเลยค่ะ

     ขากลับจากออร์ชาร์ด พวกเราก็ออกตัวแรงๆ กับ
ไกด์ว่าจะเดินทางกลับกันเองด้วยรถ ไฟฟ้าใต้ดิน MRT
น้องๆ เชื่อไหมว่า นอกจากสิงคโปร์จะเก็บสาย
ไฟลงใต้ดินทำให้ถนนหนทางดูสะอาดตาแล้ว ระบบ
โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินของเขายังเอื้อต่อการใช้ชีวิต
ของคนที่นี่ อย่างมากอีกด้วย ไกด์ให้ความรู้กับเราว่า
ที่นี่ฝนตกบ่อย และคนส่วนมากสัญจรด้วย
รถไฟฟ้าใต้ดินเป็นหลัก รัฐบาลจึงอำนวยความ
สะดวกให้แทบทุกสถานที่มีทางเดินเชื่อมถึงกันอยู่
ใต้ดิน
เช่นเดียวกับทางเชื่อมระหว่างอาคารที่พักอาศัย
ออกมายังถนนสายหลักซึ่งส่วนมากมักมีหลังคากันฝน
ให้ด้วย ขณะที่บนถนนก็มีแต่ทางม้าลาย (ไม่นิยมทำ
สะพานลอยบดบังทัศนียภาพของเมือง) ซึ่งการข้าม
ถนนแต่ละครั้ง หากไม่รวมทางข้ามที่ต้องรอสัญญาณ
ไฟสำหรับข้ามถนนแล้ว ในถนนสายย่อยอื่นๆ รถทุกคัน
จะต้องจอดให้คนข้ามก่อนเสมอ เพราะเป็นกฎหมายที่
คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน และเพื่อช่วยลด
อุบัติเหตุบนท้องถนนอีกด้วย ...เจ๋งใช่มั้ยล่ะ?

     ค่ำคืนแรกผ่านไปด้วยดี ทั้งคนที่หลงทางและคนที่ตามติดไกด์ชนิดไม่ยอมให้คลาดสายตา แต่ฉันใดก็ฉันเพล!!!
(555+ มุกแป้ก!) วันแรกที่สิงคโปร์เหมือนน้ำจิ้ม แต่ของจริงที่พร้อมเสิร์ฟคือสิ่งที่พี่เหมี่ยวกำลังจะเล่าให้ฟังขณะนี้...
      แท้นแท่น! ขอนำน้องๆ ไปยังเกาะเซนโตซาหรือเกาะหรรษาของสิงคโปร์ เราขออุทิศวันที่สองของทริปใ้ห้กับ
"Universal Studio" สวนสนุกแห่งแรกในเครือยูนิเวอร์แซลที่เปิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จ้า...

     ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงค์โปร์ มีเครื่องเล่น
ทั้งหมด 24 ชนิด โดยเป็นเครื่องเล่นที่ออกแบบใหม่ถึง
18 ชนิด แบ่งออกเป็น 8 โซน แต่ละโซนนอกจากจะมี
เครื่องเล่น มีมุมถ่ายรูปสวยๆ และร้านขายของที่ระลึก
แล้ว และร้านขนมอร่อยๆ แล้ว ยังมีโชว์พิเศษตลอด
ทั้งวันด้วยค่ะ เพลินมากมายอยู่ได้ทั้งวันจริงๆ และถ้า
ถามว่าไฮไลท์ที่พี่ๆ Dek-D.com ลืมไม่ลงคืออะไร
ล่ะก็ ขอตอบดังๆ เลยว่า "ทุกอย่าง" ฮ่าๆ เพราะสนุก
และน่าประทับใจสุดๆ ไม่เชื่อมาดูเลยว่ามีอะไรบ้าง
     โซนนี้ส่วนใหญ่จะเน้นขายของที่ระลึก และมุม
ถ่ายรูปสวยๆ ค่ะ กดชัตเตอร์กันรัวเลยทีเดียว
     โซนนี้มีของเล่นสนุกๆ เยอะ แต่ที่พลาดไม่ได้คือ
Lights Camera Action! ที่จะพาเราไปสัมผัสกับ
มหานครนิวยอร์ก เมื่อยามพายุ ฟ้า ฝนกระหน่ำ
(เค้าทำเอฟเฟ็กต์ได้สมจริง น่าตื่นเต้นสุดๆ เลยล่ะค่ะ)
     โซนนี้แจ่มมากๆ ค่ะ ของเล่นหวาดเสียวสุด ไฮไลท์
เลยคือ รถไฟลอยฟ้าสูงที่สุดในสามโลก และเสียวสุดๆ
มีให้เลือกเล่นสองแบบคือแบบสายสีแดงเสียวมาก
และสายสีน้ำเงินเสียวทะลวงไส้!!!
     โซนนี้มุมถ่ายรูปสวยๆ แปลกมีเยอะค่ะ แต่ที่
พลาดไม่ได้คือ เครื่องเล่น REVENGE OF THE
MUMMY กระชากอารมณ์ในความมืดได้ดีทีเดียว
     โซนนี้ถูกใจเด็กๆ เพราะไดโนเสาร์เพียบ โซนนี้
มีร้านอาหารแนะนำ คือร้าน DISCOVERY FOOD COURT ค่ะ มีอาหารให้เลือกหลายอย่าง รสชาติที่
คนไทยน่าจะถูกปาก
     โซนนี้เหมาะกับขาบู๊ เพราะมีการโชว์สตั๊นเท่ๆ ขอบอกว่ามันมาก!!!
     โซนของเจ้าเชร็คตัวเขียว ที่นี่มี SHREK 4D ให้ดู
ด้วยนะคะ แจ่มมาก อิอิ
     โซนนี้โดดเด่นที่บรรยากาศน่ารักๆ สีสีนแสบ
ทรวง เล่นเครื่องเล่นกันจนเพลิน และเดินซื้อของฝาก
น่ารักๆ กันจนหนำใจ เรียกได้ว่าแทบจะหมดแรงกัน
เลยทีเดียว
     เวลาผ่านไปไวเหมือนนั่งรถไฟเหาะ (ยังมึนไม่หาย @_@ แนะนำให้ชมคลิปวิดีโอด้านล่างประกอบ) ลืมโม้ไปว่า
ที่สิงคโปร์นอกจากข้าวมันไก่แล้ว ยังมีอาหารขึ้นชื่อว่าต้องลองอีกหลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือปูผัดพริกไทยดำ
(เข้มข้นเผ็ดร้อนมาก) โดยร้านที่พี่ๆ ไปชิมมาชื่อภัตตาคารจัมโบ้ อยู่ในย่าน คลาร์ก คีย์ (Clarke Quay) ค่ะ แน่นอนว่าอิ่มแล้วก็เดินย่อยแถวๆ คลาร์ก คีย์ เช่นเคย ย่านนี้ส่วนมากจะเป็นร้านกินดื่มนั่งสบายๆ ยามค่ำคืนมากกว่า
ถือเป็นอีกแสงสีของสิงคโปร์เลยค่ะ แต่ด้วยความที่พี่ๆ ทุกคนยังเป็นเด็ก!!! ก็กลัวจะไม่เหมาะสม เลยเดินถ่ายรูป
เล่นกันครู่เดียวก็รีบกลับมานอนพักเอาแรง (จริงๆ นะ ><')
     นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ที่พี่เหมี่ยวเล่าให้ฟังไปแล้ว สิงคโปร์ก็ยังมีอีกหลายที่น่าเดินเล่นมากๆ ค่ะ
เพราะความที่ิสิงคโปร์เป็นเมืองธุรกิจ มีคนอยู่ด้วยกันหลายเชื้อชาติ ทำให้ที่นี่ประกอบไปด้วยชุมชนเล็กๆ ที่มี
วัฒนธรรมต่างๆ กัน เช่น ย่านไชน่าทาวน์, ย่านลิตเติ้ลอินเดีย เป็นต้น ส่วนของฝากของที่ระลึกที่นี่ หากไม่นับสินค้า
แบรนด์เนมและของกระจุกกระจิกแล้ว ก็ยังมีช็อกโกแลตรูปเมอร์ไลออนที่ใครไปเที่ยวเป็นต้องซื้อฝากคนรู้จัก โดย
ส่วนมากก็จะไปเลือกซื้อกันที่ Mustafa Center ห้างสรรพสินค้่าเปิด 24 ชั่วโมง ...ทั้งหมดนี้ นับเป็นเกร็ดความรู้
เล็กๆ น้อยๆ สำหรับคนที่สนใจจะเดินทางไปเที่ยวสิงคโปร์กันนะคะ นอกจากนี้ก็มียังเรื่องน่ารู้อีกหลายอย่าง พี่เหมี่ยว
สรุปมาให้อ่านกันประดับสมอง ดังนี้จ้า
"ว้าว! สิงคโปร์"
1. สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กกว่ากรุงเทพมหานคร 2.5 เท่า!
2. คนสิงคโปร์พูดภาษาอังกฤษได้ทุกคน
3. สิงคโปร์เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินสูงมาก
4. จะข้ามถนนที่สิงคโปร์ต้องข้ามตรงทางข้ามที่กำหนดไว้เท่านั้น โดยรถทุกคันจะจอดให้เราเดินข้ามสบายๆ
5. จะโบกรถแท็กซี่ที่นี่ ต้องโบกตรงที่หยุดจอดแท็กซี่โดยเฉพาะ ไม่งั้นโบกเท่าไรก็ไม่จอดจ้า
6. ขึ้นรถเมล์ต้องเตรียมสตางค์ไปหยอดที่เครื่องให้พอดี (ถ้าไม่ได้ซื้อบัตรโดยสารไว้อะนะ) เพราะเครื่องไม่ทอนเงิน
7. ขึ้น-ลง บันไดที่สิงคโปร์ ต้องชิดซ้ายเท่านั้น ไม่งั้นถูกมองด้วยสายตาตำหนินะจ๊ะ
8. เด็กนักเรียนสิงคโปร์ เรียนหนังสือแค่ครึ่งวันจ้า แต่เรียนพิเศษหนักมาก!!!
9. สิงค์โปร์เป็นประเทศที่เล็กมาก แต่มีนักกีฬาเก่งๆ ที่สามารถทำเหรียญซีเกมส์ได้เป็นอันดับ 5 ของภูมิภาค เนื่องจากเน้นที่กีฬาว่ายน้ำที่ไม่ต้องอาศัยพื้นที่ในการฝึกมากนัก
     สรุปทริป Outing สิงคโปร์ปีนี้ นับว่าบอสเราเลือกสถานที่ได้ถูกใจมากๆ เพราะพวกเราทั้ง 35 คน ต่่างก็มี
หลากหลายไลฟ์สไตล์ บางคนชอบย่านวัฒนธรรม บางคนชอบช้อปปิ้ง บางคนชอบถ่ายรูปสถานที่แปลกๆ บางคน
ชอบก็บ้าซื้อของฝาก 555+ ทุกคนแฮปปี้กับทริปนี้สุดๆ เรียกว่าสนุกครบรส ทั้งโหด มันส์ ฮา ท้าทาย และได้
ประสบการณ์ใหม่ๆ อีกมากมาย
     ทริปดีๆ แบบนี้ทางชาวคณะ Dek-D ก็ต้องขอขอบคุณเว็บมาสเตอร์ใจดีที่พาเราไปโกอินเตอร์กันด้วยนะคะ ส่วนปีหน้าเราจะไป Outing กันที่ไหน ต้องติดตามชมค่ะ อ้อๆ อย่าลืมดูคลิปวิดีโอด้านล่างนะ ฮามาก 555+
พี่เหมี่ยว
พี่เหมี่ยว - Columnist คอลัมนิสต์ประจำคอลัมน์ผู้หญิง

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

30 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
KC Axel Blaze Member 3 ธ.ค. 54 15:23 น. 7
พี่ ๆ ทีมงานครับ สิงคโปร์ไ่ม่ใช่คอมมิวนิสต์นะครับ
เขาเป็นประชาธิปไตย เพียงแต่ว่ากฎหมายเขาแรง 
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด