สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ถ้าจะบินข้ามซีกโลก อย่างไปอเมริกาเนี่ย ส่วนใหญ่ก็คงต้องเปลี่ยนเครื่องกันอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเคลื่อนย้ายกระเป๋าของเราไปอีกลำให้โดยอัตโนมัติ แต่บางทีก็อาจเกิดเหตุขัดข้องบางประการ ที่ทำให้กระเป๋าเราตกหล่นไปได้ วันนี้ พี่พิซซ่า เลยมีวิธีรับมือเมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ค่ะ
แม้โอกาสที่กระเป๋าเดินทางจะสูญหายระหว่างการเดินทางจะเกิดขึ้นได้ไม่มากนัก ไม่ถึง 0.1% ด้วยซ้ำ เพราะเดี๋ยวนี้ตามสนามบินต่างๆ ก็นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยในการคัดแยกกระเป๋าเดินทาง ว่าใบไหนไปขึ้นเครื่องบินลำไหน และเมื่อต้องแวะเปลี่ยนเครื่อง ก็มั่นใจได้ว่ากระเป๋าที่ใต้ท้องเครื่องบินจะตามเราไปขึ้นลำใหม่ด้วยเช่นกัน แต่โอกาสที่กระเป๋าจะหายก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนอยู่ดี ฉะนั้นเรามาเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์แย่ๆ แบบนี้ล่วงหน้ากันดีกว่าค่ะ
แม้โอกาสที่กระเป๋าเดินทางจะสูญหายระหว่างการเดินทางจะเกิดขึ้นได้ไม่มากนัก ไม่ถึง 0.1% ด้วยซ้ำ เพราะเดี๋ยวนี้ตามสนามบินต่างๆ ก็นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยในการคัดแยกกระเป๋าเดินทาง ว่าใบไหนไปขึ้นเครื่องบินลำไหน และเมื่อต้องแวะเปลี่ยนเครื่อง ก็มั่นใจได้ว่ากระเป๋าที่ใต้ท้องเครื่องบินจะตามเราไปขึ้นลำใหม่ด้วยเช่นกัน แต่โอกาสที่กระเป๋าจะหายก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนอยู่ดี ฉะนั้นเรามาเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์แย่ๆ แบบนี้ล่วงหน้ากันดีกว่าค่ะ

ของที่ไม่ควรแพ็คไปในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ที่จะต้องโหลดใต้ท้องเครื่อง
เครื่องประดับและของมีค่า
เงินสด บัตรเดบิต บัตรเครดิต (แบ่งเงินสดบางส่วนซ่อนไว้ในกระเป๋าเดินทางได้ แต่ต้องแอบดีๆ)
คอมพิวเตอร์
ของที่สามารถแตกได้ (ต้องห่อดีๆ ไม่ให้มันกระแทกกัน เพราะใครจะรู้ว่าพนักงานคัดแยกกระเป๋าวันนั้น อาจจะเพิ่งโดนแฟนทิ้งมาก็ได้ และระบายอารมณ์กับกระเป๋าผู้โดยสาร 555)
ติดป้ายชื่อที่หูกระเป๋า
นอกจากป้ายชื่อลายสวยๆ ที่เราเลือกซื้อมาเองแล้ว หยิบป้ายชื่อกระดาษของแต่ละสายการบินที่มีบริการตรงเคาน์เตอร์เช็คอินมาห้อยด้วยก็ดีค่ะ เพราะสีและโลโก้ของแต่ละสายการบินจะช่วยให้สังเกตง่ายขึ้น เขียนรายละเอียดต่างๆ ให้ชัดเจนเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาที่ใช้ในประเทศปลายทาง หรือถ้ารู้ภาษาอื่นอีกก็เขียนได้ค่ะ แต่อย่าให้ดูรก หรือเลอะเทอะ จนอ่านลำบากนะคะ

ติดป้ายชื่อด้านในกระเป๋าด้วย
แปะชื่อและวิธีติดต่อไว้ด้านในของกระเป๋าเดินทางด้วย อย่างเช่นในช่องซิปด้านนอก รวมถึงใส่สำเนาตั๋วเครื่องบินไว้ด้วย เผื่อกระเป๋าสลับกับใครไป คนนั้นจะได้ติดต่อเราได้
แปะเทปสีไว้ที่กระเป๋า
กระเป๋าเดินทางส่วนมากก็จะคล้ายๆ กันหมด เวลายืนรอรับกระเป๋าที่สายพาน บางทียังต้องก้มไปอ่านป้ายก่อนว่าใช่ชื่อเราหรือไม่ ฉะนั้นถ้าหาเทปสะท้อนแสงสีเด่นๆ มาแปะไว้ที่ตัวกระเป๋า หรือจะพันรอบมือจับ ก็ช่วยให้เห็นกระเป๋าเราเด่นมาแต่ไกล และก็ควรพกเทปม้วนนี้ติดตัวไปด้วยนะคะ เวลาอยู่หอพักหรือต้องแชร์ห้องกับคนอื่น ก็สามารถใช้เทปนี้เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวน้องได้ค่ะ ซื้อของกินของใช้อะไรมาส่วนตัว ก็แปะได้เลย

ถ่ายรูปกระเป๋าเก็บไว้
หลังจากติดป้ายชื่อและทำสัญลักษณ์บนกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก็ถ่ายรูปเก็บไว้ค่ะ นอกจากจะเก็บภาพไว้ในกล้องดิจิตอลและในโทรศัพท์แล้ว ถ้าอัดภาพทันก็ควรทำนะคะ แล้วเก็บรูปไว้ในหนังสือเดินทาง ถ้าหากระเป๋าเดินทางไม่เจอ ก็สามารถนำรูปไปให้เจ้าหน้าที่ดูได้เลยค่ะ ง่ายกว่าการพยายามอธิบายให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างตั้งเยอะ (ถ้ากระเป๋ามีตำหนิ เช่นบุบหรือมีรอยตรงไหน ก็ถ่ายจุดนั้นไว้ด้วยชัดๆ ค่ะ)
แกะป้ายเก่าๆ ออก
เมื่อเรานำกระเป๋าเดินทางไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์สายการบิน เจ้าหน้าที่จะพิมพ์รหัสและบาร์โค้ดออกมาพันรอบหูกระเป๋าให้ และส่งสติ๊กเกอร์ที่มีข้อมูลเดียวกันให้เราเก็บไว้ (baggage identification tag) เราต้องเก็บใบนี้เอาไว้ให้ดีจนกว่าเราจะถึงปลายทาง และได้รับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เพราะถ้ากระเป๋าหาย การที่มีใบนี้จะช่วยได้มากเลยค่ะ
แต่ถ้าไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น กระเป๋าเดินทางไม่ได้หายไปไหน ก่อนจะขึ้นเที่ยวบินขากลับก็อย่าลืมแกะป้ายบาร์โค้ดที่พันรอบหูกระเป๋าออกนะคะ เพราะเมื่อเราเช็คอินขากลับ เจ้าหน้าที่ก็จะพิมพ์รหัสใหม่ให้อีกค่ะ การแกะป้ายเก่าๆ ออกก็ช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานสะดวกมากขึ้น และลดโอกาสที่กระเป๋าจะไปโผล่ผิดที่ได้ด้วยค่ะ

แต่ถ้ากระเป๋าหายไประหว่างทางแล้วล่ะ
ถ้ากระเป๋าเดินทางมาครบหมดแล้ว แต่ไม่มีของเรา ก็มองไปรอบๆ หาเคาน์เตอร์ของสายการบินที่เราเพิ่งโดยสารมา หรือไปตามป้าย Lost Baggage/Luggage ก็ได้ค่ะ เสร็จแล้วก็บอกเจ้าหน้าที่พร้อมให้ดูสติ๊กเกอร์ที่มีรหัสพร้อมบาร์โค้ด ที่ได้มาตอนเช็คอินกระเป๋าค่ะ เจ้าหน้าที่ก็จะตรวจสอบให้เอง บางทีกระเป๋าของเราอาจจะกำลังอยู่บนเที่ยวบินถัดไปก็ได้ค่ะ
ถ้ากระเป๋าของเราไม่ได้กำลังตามมา
เจ้าหน้าที่ก็จะเช็คย้อนไปเรื่อยๆ เองค่ะ ว่ามันหายไปช่วงไหน หรืออาจจะส่งคนไปดูตามสายพาน อื่นๆ ให้ก็ได้ ทีนี้การยื่นรูปกระเป๋าให้เจ้าหน้าที่ก็จะช่วยได้มากเลยค่ะ นอกจากนี้ก็ควรเตรียมตั๋วเครื่องบิน รวมถึงแผนการเดินทางให้พร้อม เพราะจะต้องกรอกแบบฟอร์มแจ้งกระเป๋าหาย แล้วอย่าลืมให้ที่อยู่และวิธีติดต่อไว้ด้วย เพื่อที่สายการบินจะได้ส่งกระเป๋าเดินทางตามมาให้เราได้ถูกที่ค่ะ

ถ้าสายการบินหากระเป๋าไม่เจอ
ทุกสายการบินจะมีนโยบายคล้ายๆ กัน นั่นคือพยายามหาของที่ใกล้เคียงมาให้ หรือให้เป็นเงิน แต่ว่านโยบายเหล่านี้ก็มีข้อจำกัดว่าชดเชยได้สูงสุดไม่เกินกี่บาท ซึ่งมันก็ทดแทนกับของของเราที่หายไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะโอกาสที่กระเป๋าจะหายก็ต่ำกว่า 0.1% อยู่แล้ว โอกาสที่หายแล้วจะหาไม่เจอยิ่งต่ำไปกว่านั้นอีกค่ะ แต่ถ้าสายการบินตรวจสอบแล้วว่า กระเป๋ามาลำเดียวกับเราแน่นอน และนำขึ้นสายพานเรียบร้อยแล้วด้วย กรณีนี้ต้องไปแจ้งตำรวจแทนค่ะ เพราะแปลว่าคนอื่นเอากระเป๋าเราไปแล้ว
ถึงแม้ว่าโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์เหล่านี้มีน้อยมากๆ แต่การเตรียมพร้อมรับมือไว้ก่อนก็ไม่ใช่เรื่องลำบากเลยนะคะ อย่างวิธีแปะเทปสีให้กระเป๋า ก็ช่วยให้เห็นกระเป๋าตั้งแต่ไกลๆ หรือทำให้สะดุดตาทันทีถ้ามีใครหยิบกระเป๋าเราไป พี่ก็เคยถักเชือกฟางสีเขียวสะท้อนแสงมัดรอบมือจับ ตอนยืนรอรับกระเป๋าที่สายพานก็เห็นสีเขียวนี้เด่นเป็นสง่ามาแต่ไกลเลย 555

TWITTER: @PiZZaDekD
ข้อมูล
studenttravel.about.com/od/practicaltravelgear/p/lose_lugggae.htm
ภาพประกอบ
www.telegraph.co.uk, www.fabsugar.com
www.foxnews.com, www.malagaweb.com
shakespearesenglish.tumblr.com
14 ความคิดเห็น
ตัวเราจำไม่ได้ว่าสายการบินของจีนที่นั่งไปและกลับชื่ออะไร เพราะไม่ได้ไปด้วย
แต่ทำให้ทัศนคติสำหรับการใช้บริการกับประเทศนี้แย่ไปเลยค่ะ
เจอที่ดอนเมือง จากสายการบินสีแดงๆ เราก็รอกระเป๋า ทุกคนที่ลงเครื่องพร้อมเราได้กระเป๋าไปแล้ว
แต่เรายังไม่ได้ ระหว่างรอก็รู้สึกว่านานผิดปรกติ มองจอดูอีกครั้งว่าใช่ไฟล์ที่เรานั่งไหม มันก็ถูกนะ
แต่กระเป๋าเราก็ไม่มา รอจนทุกคนไปแล้ว ตกใจมากคะ
แต่เคยดูทีวี เค้าบอกว่า "ก่อนไปแจ้งกระเป๋าหาย ให้เดินดูสายพานข้างๆ จากเราซ้ายขวาไปสักสองสายพาน มันมีโอกาสที่จะหลงไปได้"
ดีที่ว่าดอนเมืองมีสายพานไม่เยอะเท่าไร เราก็เลยเดินไปดู เจอจริงๆด้วยคะฃ
แต่พอลงเครื่องแล้ว ปรากฏว่าไม่ได้กระเป๋า คนอื่นได้หมด
สอบถามไป สอบถามมา จนท.บอกว่า กระเป๋าไปลงที่อุดร
ต้องรออีก 5 ชั่วโมง เพื่อรอส่งกระเป๋ากลับดอนเมือง
และส่งกลับมาพร้อมกับไฟลท์ถัดไป
เซ็งสุดๆๆๆเลย แทนที่เขาจะได้เที่ยวทันที นี่ต้องรออีก 5 ชม.
ตอนเปลี่ยนเครื่องจากแอลเอไปไทเปเราลากไปก็ยังดีๆอยู่นะ
พอไปรับที่สุวรรณภูมิเท่านั้นแหล่ะ ล้อหายไปข้าง
สงสัยพนักงานพึ่งเลิกกับแฟน 5555555
เมื่อต้นปีที่แล้ว เราไปเรียนซัมเมอร์ที่ยุโรป โดยใช้สายการบิน Qatar
แล้วเราต้องแวะไปเปลี่ยนเครื่องที่ Doha (เมืองแถวๆอาหรับ) พอมาถึงเขาบอกว่าเครื่องบินที่เราจะต้องเปลี่ยนเครื่องนั้นเพิ่งบินออกไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
ทำให้เราต้องรออีกเครื่องทั้งวัน (แปดโมงเช้าถึงเที่ยงคืน! ไปอยู่โรงแรมที่เขาจัดเตรียมให้) ในที่สุดเราก็นั่งเครื่องลงถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ แต่พอไปรอเอากระเป๋า

ไม่มา...รอจนไม่มีกระเป๋าส่งมาแล้วก็ไม่มี แบบตอนนั้นหน้าซีดมาก
เดินทางมาคนเดียวครั้งแรกแต่กระเป๋าหาย แต่เรายังมีสติพอไปบอกเจ้าหน้าที่ว่าเราไม่ได้กระเป๋า เขาเลยติดต่อประสานงานให้ เช็คไปสักพักเขาบอกว่า...กระเป๋าเราตอนนี้ยังอยู่ที่ Doha
แบบช็อคมากกกกก ตัวฉันอยู่นี่ แต่กระเป๋ามันยังอยู่ที่เก่า
เขาบอกว่าเครื่องบินที่จะบินจาก Doha มาที่นี่อีกคือสามวันข้างหน้า แบบ...เครียดเบาๆ
<< สีหน้าคนเครียดเบาๆ สุดท้ายเราก็ได้กระเป๋าคืนหลังจากนั้น...ห้าวัน=_= โดยที่เราต้องใส่ชุดเดิมซ้ำติดต่อกันสี่ห้าวัน (อากาศหนาวเลยไม่ค่อยเปนไร=w=;;;) อย่างน้อยเราก็ได้กระเป๋าคืนครบไม่หาย (แต่สภาพโทรมเบาๆ) และก็ถือเป็นประสบการณ์ขำๆ? มาเล่าให้เพื่อนฟังอ่ะนะ 555
ได้ข้อมูลดีๆอย่างนี้ ขอบคุณคะ