13 ข้อจำให้ขึ้นใจ!! แล้วจะแบ่งเวลาเป็น

           น้องๆ เคยสงสัยกันบ้างมั้ยว่าคนที่เรียนเก่งหรือเป็นไอดอลด้านการเรียนเขาจัดการเวลาในชีวิตยังไง ทั้งๆ ที่งานก็มีเท่ากัน เวลาก็มี 24 ชั่วโมงเท่ากัน ภาระก็พอๆ กัน แต่ทำไมถึงทำงานเสร็จทุกอย่างและออกมาเนี้ยบจนอาจารย์ออกปากชมสามวันสามคืน แต่ตัวเราเองเกือบทำไม่เสร็จ ไอที่เสร็จก็ไม่มีคุณภาพเสียด้วย ฮ่าๆ

           จริงอยู่ค่ะที่เพื่อนๆ มีงานมีเท่ากัน เวลามีเท่ากัน แต่สิ่งที่ต่างกันอย่างสัมผัสได้(โดยไม่ต้องเชิญใครมาสัมผัส) นั่นก็คือ การจัดสรรเวลานั่นเองค่ะ

           น้องๆ รู้มั้ยคะว่า "เวลา" เป็นสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตแล้ว แต่ละวินาทีสามารถทำให้เกิดมูลค่าได้มากมาย เวลา 1 นาทีของนักธุรกิจอาจใช้เจรจาธุรกิจได้เป็นพันๆ ล้าน ส่วน 1 นาทีของน้องๆ บางคนอ่านหนังสือได้เกือบ 1 หน้าเลยทีเดียว ดังนั้นทุกนาทีอย่าปล่อยไปโดยเปล่าประโยชน์นะคะ ลองมาจัดสรรเวลาให้เป๊ะ ด้วยวิธีการจัดการเวลา 13 ข้อสั้นๆ นี้กันดีกว่าค่ะ

           1. ควรตั้งนาฬิกาในตำแหน่งที่มองเห็นง่าย เช่น วางบนโต๊ะหรือติดกำแพงด้านที่เรานั่งหันไปห เพื่อให้มองเห็นเวลาได้ชัดเจน และจัดการกับเวลาได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม รวมถึงหัดสวมนาฬิกาติดตัวไว้ด้วย ไม่ใช่แค่เพื่อดูเวลาอย่างเดียวนะ การให้ความสำคัญกับเรื่องเวลายังช่วยให้น้องๆ มีความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลาขึ้นด้วย

           2. จัดลำดับความสำคัญของงานให้ถูก งานไหนส่งก่อน งานไหนส่งทีหลัง แยกความสำคัญให้ออก ช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้นแล้วก็ไม่เครียดด้วย

           3. จำเดดไลน์ให้ขึ้นใจ เมื่อรู้กำหนดเวลาส่งงานแล้ว ควรจำให้ได้ว่าชิ้นไหนส่งเมื่อไหร่ จะได้ไม่เป็นดินพอกหางหมูและไม่ลนตอนก่อนส่ง เผื่ออาทิตย์ไหนมีกิจกรรมเสริมจะได้จัดการเวลาทำงานให้ดีขึ้น ถ้าจำไม่ได้ให้จดไว้เลยค่ะ

           4. ใช้มือถือในทางที่เป็นประโยชน์ ลองเปลี่ยนแนวจากเล่นเกมส์เป็นหลักมาใช้ในทางที่มีประโยชน์บ้าง เช่น หาแอพฯ เรียนภาษาอังกฤษดีๆ หรือใช้แอพฯ ช่วยจัดการเวลาก็ได้ เช่น แอพฯ สมุดจดบันทึก, ออกาไนเซอร์, ปฏิทินจดงานน่ารักๆ จะได้ไม่พลาดงานสำคัญๆ

           5. หักห้ามใจเรื่องการเล่นโซเชียลมีเดียบ้าง หากโซเชียลมีเดียที่ว่าเล่นเพื่อความบันเทิงล้วนๆ ลองหักห้ามใจ ลด ละ เลิกบ้าง เพราะสื่อพวกนี้กินเวลาชีวิตเราไปมหาศาลเลยค่ะ (เคยนับมั้ยว่าเล่นวันนึงกี่ชั่วโมง) ถ้ามันยากจริงๆ ลองค่อยๆ ลดเวลาเล่นลงเรื่อยๆ จนกระทั่งมีสมาธิพอที่จะไม่สนใจมัน รับรองว่าคุณภาพชีวิตน้องๆ ดีขึ้นแน่ 5555

           6. กำหนดแผนงาน To-Do-list ในแต่ละวัน วิธีการก็คือ เช้าขึ้นมา ลองลิสไว้ว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง และเมื่อผ่านวันไปแล้วให้กลับมาเช็คด้วยว่าทำสำเร็จตรงตามที่วางแผนหรือเปล่า หากวางแผนแล้วไม่เคยทำสำเร็จเลย ต้องลองพิจารณาตัวเองถึงสาเหตุที่ทำไม่ได้ตามแผน เราขี้เกียจ หรือ แผนแน่นไป?

           7. ระหว่างทำการบ้านหรือทำงานอะไรก็ตาม พยายามเรียนรู้งานนั้นๆ ไปในตัว เผื่ออนาคตข้างหน้ามีงานแบบเดียวกันอีก จะได้คล่องขึ้น คล้ายๆ กับการทำโจทย์เลขทำหลายๆ ข้อ เราจะชินและทำโจทย์ประเภทเดียวกันได้คล่องขึ้น
 
           8. รู้ขีดความสามารถตัวเองและวางแผนให้เหมาะสม ต้องรู้แนวตัวเองก่อนว่าเราเป็นแบบไหน ทำงานเร็วหรือช้า ชอบอ่านหนังสือที่ไหน ชอบทำการบ้านตอนไหน? ไม่ใช่ว่าเห็นเพื่อนชอบทำการบ้านตอนกลางคืน เลยฝืนทำการบ้านตอนกลางคืนบ้าง ทั้งๆ ที่ตัวเราเองง่วงง่ายกว่าคนอื่น กินกาแฟก็ไม่ได้ ดังนั้นสไตล์ใคร สไตล์มัน รู้จักตัวเองดีที่สุดค่ะ

           9. ทำงานด้วยความรอบคอบ จะได้ไม่เสียเวลาแก้งานเดิม เพราะทำงานผิด 1 ครั้งจะต้องเสียเวลาเพิ่มอีก 1 เท่าเลยนะคะ ยกตัวอย่างง่ายๆ เวลาจะพิมพ์รายงานควรเช็กก่อนว่าแป้นพิมพ์เป็นภาษาไหน จะได้ไม่พิมพ์ผิดภาษายาวเฟื้อยย~~

           10. ออกจากบ้านให้เช้าขึ้น การไปโรงเรียนแต่เช้ามีประโยชน์หลายอย่าง อย่างแรกคือ ออกเช้ารถไม่ติด เมื่อไปถึงโรงเรียนเร็ว ก็จะมีเวลาทำการบ้าน ทบทวนหนังสือ หรือแม้แต่จะแอบงีบก่อนเข้าแถวก็ได้

           11. จำกัดเวลาหากมีกิจกรรมเพิ่มเติมจากแผนที่วางไว้ เพื่อไม่ให้ไปรบกวนเวลาอื่นๆ เช่น วันนี้จะมีเพื่อนมาที่บ้านโดยไม่ได้บอกล่วงหน้าไว้ก่อน ก็ต้องกำหนดเวลาไว้ว่าอยู่ได้ 1 ชั่วโมงนะ เป็นต้น เพราะถ้าไม่จำกัดเวลาจะทำให้แผนกิจกรรมเละได้ คิดดูว่าถ้าน้องๆ วางแผนอ่านหนังสือวันละ 3 ชั่วโมงทุกวัน แต่มีธุระต้องไปซื้อของทุกวัน ถ้าไม่จำกัดเวลาเดินซื้อของไว้ อาจทำให้ไม่มีเวลาอ่านหนังสือก็เป็นได้

           12. จัดเก็บเอกสารหรือหนังสือให้เรียบร้อย ความเป็นระเบียบก็มีส่วนช่วยเรื่องเวลาเหมือนกันนะคะ ถ้าวางหนังสือถูกที่ถูกทาง แยกวิชาเป็นระเบียบ ก็ง่ายต่อการหยิบมาอ่าน แต่ถ้าไม่เคยเก็บหนังสือไว้ที่เดียวกันเลย คงต้องใช้เวลาหานานหน่อย ดีไม่ดี รื้อจนบ้านรกกว่าเดิมอีกนะคะ

           13. อย่ามองข้ามเศษเวลา เศษเวลาหมายถึง ช่วงเวลาที่เหลือเป็นระยะเวลาสั้นๆ 3 นาที 5 นาที 15 นาที ฯลฯ เช่น กินข้าวกลางวันเสร็จเร็ว เหลืออีก 10 นาทีถึงจะเรียนคาบต่อไป ก็ลองเอาเวลาเหล่านี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ดู น้องๆ บางคนอาจมองว่าเวลาแค่ไม่กี่นาทีไม่ต้องไปเสียดายมันหรอก แต่นึกดูดีๆ นะคะวันนึงน้องๆ ปล่อยให้เวลาเหล่านี้ผ่านไปเปล่าๆ เยอะมาก หากนับรวมกันแล้ว อาจได้เวลาเป็นชั่วโมงเลยนะ

         "การจัดการเวลา" ดูเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ลองทำจริงๆ ก็อาจไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดนะคะ เพราะมีปัจจัยอย่างอื่นมารบกวนจิตใจเต็มไปหมด แต่ถ้าน้องๆ อยากขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่จัดการเวลาได้ดีเยี่ยม ต้องเอาทั้ง 13 ข้อนี้ไปลองใช้กันดูนะ พี่มิ้นท์เชื่อมั่นในความพยายามของน้องๆ อยู่แล้ววว^^ แต่ก่อนอื่นน้องๆ ต้องงดนั่งแช่หน้าคอมแบบนี้ก่อนนะคะ ลุกเลย เร็วเข้าๆๆ อิอิ