สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และเล่าประสบการณ์เด็กนอกเช่นเคย^^ ปกติเราจะ อ่านกันแต่ประสบการณ์นักเรียนไทยที่ไปแลกเปลี่ยนและอยู่กับโฮสท์แฟมิลี่ที่ต่างประเทศ วันนี้ลองมาเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้างดีกว่า เพราะวันนี้เป็นประสบการณ์ของ "เด็กไทยที่เป็นโฮสท์แฟมิลี่ให้นักเรียนแลกเปลี่ยนจากต่างประเทศ" ค่ะ รับรองว่าน่ารักมากกกกกกก
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวเด็กดีทุกคน! =D แนะนำตัวหน่อยนะคะ ชื่อขวัญดิน ไชยโพธิ์ ชื่อเล่น “นิค” ค่ะ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นม.6 โรงเรียนสิรินธร จังหวัดสุรินทร์ เป็นลูกสาวคนเล็กของคุณพ่อเกรียงไกร-คุณแม่ณัฐกานต์ ไชยโพธิ์ค่ะ วันนี้นิคไม่ได้มาเล่าเรื่องประสบการณ์เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศหรอกค่ะ แต่นิคจะมาเล่าเรื่องที่นิคเป็นโฮสท์แฟมิลี่ให้กับนักเรียนแลกเปลี่ยนจากต่างประเทศแทน >_____<
เรื่องมันเริ่มต้นเมื่อคุณครูที่ปรึกษาโครงการ AFS ของโรงเรียนบอกให้นิคช่วยถือของไปเก็บบนห้องพักของคุณครู แล้วครูก็บอกว่า “เอ้อ ขวัญดิน กรอกแบบฟอร์มนี้ให้ครูหน่อยสิ” พอนิคอ่านดูหัวกระดาษแค่นั้นแหละ แหม่ . . . ครูหลอกหนูมาเป็นโฮสท์นี่คะ ไม่ถงไม่ถามเรื่องสุขภาพหนูซักคำ แต่นิคก็ตกลงเป็นโฮสท์แฟมิลี่นะคะ ที่เป็นนี่เพราะว่าไม่กล้าปฏิเสธคุณครูค่ะ 55555555555 แล้วนิคก็เลือกรับเป็นโฮสท์แฟมิลี่ให้กับนักเรียนแลกเปลี่ยนระยะเวลา 6 เดือนไปอย่างงงๆ
และแล้วจดหมายรายละเอียดนักเรียนแลกเปลี่ยนที่จะมาอยู่กับนิคจาก AFS ก็ส่งมาถึงที่บ้าน ชื่อ Anna Maria Woitkewitz จากประเทศเยอรมนี แต่คนนี้จะมาอยู่กับนิค หนึ่งปี!!! |
ตอนนั้นนิคกับครอบครัวก็ตกใจมากเพราะสมัครแบบ 6 เดือนไป แต่พอจดหมายมาถึงมาเรียต้องมาอยู่ที่บ้านนิคทั้งปี บ้านนิคก็แป็นบ้านที่มีฐานะพอมีพอกินไม่ได้ร่ำรวย นิคกังวลมากค่ะตอนนั้น ยิ่งเค้ามาอยู่นานก็ยิ่งกลัวว่าจะดูแลเค้าได้ไม่ดี แต่พอได้เจอกันก็รู้สึกดีขึ้นเยอะมากๆ เลยค่ะ =D
7 กรกฎาคม 2556 คือวันแรกที่นิคกับมาเรียเจอกัน คุณพ่อของนิคตั้งชื่อภาษาไทยให้มาเรียว่า “ณดิน ไชยโพธิ์” คุณพ่อบอกว่าณดินเป็นลูกสาวของณเดชน์ (เอ่อ พ่อคะ . . .) แล้วก็ให้คล้องกับชื่อพี่สาวของนิคที่ชื่อ พี่เพียงดิน(ตอนนี้พี่เพียงดินเรียนอยู่ปีสามภาคปฏพีวิทยา คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน) นิคชื่อขวัญดิน และหมาที่บ้านอีกสองตัวที่ชื่อ ดอกดินกับไอดิน ที่ต้องตั้งชื่อให้เกี่ยวกับดินเพราะคุณพ่อและคุณแม่ของนิคทำงานอยู่กรมพัฒนาที่ดินทั้งสองท่านเลยค่ะ ผ่านไปแค่สองสามวัน นิคกับมาเรียก็เข้ากันได้ดีมากเหมือนรู้จักกันมาสิบสองปีแสง 55555 มาเรียเป็นฝรั่งที่นิสัยเหมือนคนไทยหัวโบราณ คือ รักนวลสงวนตัว ไม่แต่งตัวโป๊ ไม่ฟรีเซ็กส์ ต้องแต่งงานก่อนถึงจะมีอะไรกันได้ ไม่เคยมีแฟน ไม่มีจูบแรก ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ รู้กาลเทศะ
แต่มาเรียยังมีนิสัยของคนเยอรมันอย่างหนึ่งที่ติดมาคือ เป็นคนพูดตรงๆ มาเรียเคยเปรียบเทียบคนไทยกับคนเยอรมันให้นิคฟังว่า ถ้าเปรียบคนเป็นผลไม้ คนไทยคือผลมะม่วงสุก แกะง่าย กินง่ายแต่ข้างในมีเมล็ด และคนเยอรมันคือมะพร้าว ต้องแกะเปลือกให้วุ่นวายแถมด้านในยังมีกะลา แต่เมื่อทุบกะลานั้นออก ด้านในก็มีเพียงเนื้อกับน้ำเท่านั้น และสิ่งที่นิคชอบในตัวมาเรียมากที่สุดคือ มาเรียชอบทำงานบ้านค่ะ ช่วยนิคได้เยอะเลย เพราะนิคขี้เกียจทำงานบ้านมากๆ สบายทั้งปีเลย 5555555555
ผ่านไปประมาณ 3-4 เดือน น้ำหนักมาเรียก็ขึ้นมาประมาณสิบกว่ากิโล เพราะมาเรียชอบทานอาหารไทยทุกอย่าง ไม่มีปัญหาเรื่องอาหารการกินเลยแม้แต่นิดเดียว มาเรียชอบบ่นกับนิคว่า “ ไม่เข้าใจว่าทำไมวัยรุ่นไทยอยากผอมอะไรนักหนา ไม่ได้รู้เลยหรือไงว่าอาหารไทยมันอร่อยทุกอย่างจนหยุดกินไม่ได้ ”
และอาหารที่มาเรียชอบกินที่สุด คือ ก้อยมะนาว ก้อยที่ทำจากเนื้อวัวดิบนี่แหละค่ะของชอบเลย ป้าของนิคเองก็เปิดร้านอาหารไทย-ลาว มาเรียเลยได้ทานอาหารแนวนี้บ่อยมากๆ แล้วก็ติดใจมากๆ ด้วยค่ะ ยิ่งเผ็ดยิ่งอร่อย (มาเรียทานเผ็ดได้ แล้วก็ทานเผ็ดกว่านิคอีก T^T ) ส้มตำนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย มาเรียชอบกินส้มตำมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก โดยเฉพาะตำหอยดอง บางครั้งนิคก็แกล้งบอกคนอื่นว่า มาเรียไม่ใช่นักเรียนแลกเปลี่ยนเป็นทายาทอสูรจากเยอรมนี แล้วยังมาได้โฮสท์แฟมิลี่เป็นผีปอบอีก โอ้ยยยยยยยย ดูอาหารที่พาลองกินแต่ละอย่าง แมลงทอด ก้อยกุ้ง ลาบเลือด ไข่มดแดงก็พาไปสอยเเลือกสีอื่นๆ...อาตามต้นไม้ ปูก็พาไปขุดตามทุ่งนา ข้าวก็พาปลูกถึงที่นา อยากกินมะขามหรือมะกอกน้ำก็พาไปปีนเก็บกันอยู่สองคน เสาร์-อาทิตย์ นิคก็พาไปขี่รถมอเตอร์ไซต์เล่นทั่วเมืองกับกลุ่มเพื่อนๆ ของนิค ไม่เคยเหงาเลยค่ะถ้ามีมาเรียอยู่ด้วย มาเรียเองก็เข้ากับเพื่อนที่โรงเรียนได้ดีมากๆ โดยที่โรงเรียนเพื่อนในห้องจะเรียกมาเรียว่า “เยอรมัน” เวลาจะทำงานอะไรก็ “เฮ้ยๆ เยอรมันมานี่ดิ๊” จนถึงตอนนี้เพื่อนๆ ของนิคยังไม่เลิกบ่นคิดถึงมาเรียเลยค่ะ |
ช่วงเทศกาลต่างๆ บ้านเราก็พามาเรียไปเที่ยว เช่น ตอนเข้าพรรษา ครอบครัวของนิคก็พามาเรียไปชมขบวนแห่เทียนที่จังหวัดอุบลราชธานี วันปีใหม่นิคกับพี่เพียงดินก็พามาเรียไปเคาท์ดาวน์ที่เซ็นทรัลเวิร์ล ช่วงปิดเทอมเล็กมาเรียก็ทำ week exchange ไปอยู่กับเพื่อนที่จังหวัดตรังประมาณหนึ่งสัปดาห์ และที่สำคัญที่สุดคือ วันสงกรานต์ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่อนุญาตให้นิคกับมาเรียแบ็คแพ็คไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่เชียงใหม่กันสองคน! นิคกับมาเรียต้องวางแผนเองทุกอย่าง คุณพ่อกับคุณแม่มีหน้าที่แค่ออกเงินให้เท่านั้น ที่เชียงใหม่นิคกับมาเรียเดินเล่นน้ำอยู่บริเวณประตูท่าแพ สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆ มาเรียเองก็มีเป้าหมายสำคัญๆที่ต้องทำให้สำเร็จก่อนกลับเยอรมนีคือ
-ไปดูหมีแพนด้าที่สวนสัตว์เชียงใหม่
-ไปเล่นกับเสือที่ Kingdom Tiger แม่ริม
-ไปวัดร่องขุ่น ที่เชียงราย
เพราะฉะนั้นเลยไม่ได้วางแผนเที่ยวกันแค่ในจังหวัดเชียงใหม่ แต่ไปไกลถึงจังหวัดเชียงรายด้วย ซึ่งนิคกับมาเรียก็ทำสำเร็จทุกเป้าหมาย สนุกสุดๆ ไปเลยค่ะ!
สำหรับในปีนี้หรือปีถัดๆ ไป นิคคงไม่ได้เป็นโฮสท์แฟมิลี่อีกแล้วค่ะ เพราะมาเรียไม่ให้เป็นเด็ดขาด มาเรียบอกว่าหวงครอบครัวค่ะ นี่คือครอบครัวของมาเรียคนเดียว คนอื่นจะมาแย่งความรักไปไม่ได้ มีแค่มาเรียคนเดียวก็พอแล้ว ถ้าเป็นโฮสท์อีกจะไม่คุยด้วยและจะไม่กลับมาเหยียบแผ่นดินไทยอีกตลอดชีวิตค่ะ มาเรียบอกกับนิคเป็นภาษาไทยว่า ฉันก็รักของฉันเข้าใจบ้างไหม 55555
ยิ่งอยู่ด้วยกันมากก็ยิ่งผูกพันกันมาก ตั้งแต่อยู่ด้วยกันกับมาเรียมา ไม่เคยทะเลาะกันแม้แต่ครั้งเดียวเลยค่ะ มีอะไรก็พูดกันตรงๆ ไม่พอใจอะไรก็บอกกันตรงๆ รับฟังเหตุผลกันและกันตลอด ตอนไปส่งมาเรียกลับประเทศที่สนามบินนี่นิคบ่อน้ำตาแตกเลยค่ะ ก่อนมาเรียจะขึ้นเครื่องไป นิคให้กระดาษสีขาวที่นิคพับเป็นรูปหัวใจกับมาเรีย นิคบอกมาเรียว่า เธอลืมหัวใจเอาไว้ที่บ้านน่ะ เอากลับไปด้วยนะ คิดถึงก็เปิดดูหัวใจตัวเองละกัน ข้อความด้านในนั้นนิคจำไม่ได้แล้วค่ะ ตอนเขียนเอาแต่นั่งร้องไห้ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแม้แต่นิดเดียว
คืนแรกที่ต้องนอนคนเดียวนิคร้องไห้แทบตาย นอนไม่หลับทั้งสัปดาห์ เอาแต่ร้องไห้ๆ แต่ตอนนี้นิคโอเคขึ้นมากแล้วค่ะ หลังจากผ่านไปเกือบสามเดือน ทุกวันนี้นิคยังติดต่อกับมาเรียเหมือนเดิมค่ะ
สไกป์กันอย่างน้อยเดือนละครั้งให้หายคิดถึง และที่เซอร์ไพรส์สุดๆ คือ ครอบครัวของมาเรียซื้อตั๋วเครื่องบินให้นิคไปเยอรมันตอนปิดเทอมใหญ่ปีหน้าค่ะ ครอบครัวนิคก็อนุญาตให้ไปได้แต่มีข้อแม้ว่านิคต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ก่อน เรื่องสอบนิคไม่เคยเป็นกังวลเลยค่ะ นิคเอาแต่คิดว่าถ้านิคไปแล้วนิคเกิดไปตกหลุมรักหนุ่มๆ เยอรมันจนไม่อยากกลับไทย ไม่เรียนมหาวิทยาลัย แต่ไปแต่งงานมีลูกมีครอบครัวอยู่ที่นั่นเลยได้ไหมเนี่ย 555555555
สุดท้ายนี้ นิคเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตวัยรุ่นครั้งหนึ่งต้องมาเป็นโฮสท์แฟมิลี่ให้กับนักเรียนแลกเปลี่ยน มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ นิคจะจำไว้ตลอดไปเลยค่ะว่าครั้งหนึ่งในชีวิตของนิคเคยมีประสบการณ์ดีๆ เกิดขึ้นมากมาย เพราะคนๆ หนึ่งที่อยู่ในอีกซีกโลกหนึ่ง ทั้งที่นิคไม่เคยรู้สึกเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน แต่จู่ๆ วันหนึ่งเค้าก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนิค มาทำให้ได้มีความทรงจำดีๆ ร่วมกัน ผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปด้วยกันทั้งดีทั้งร้าย เช่น ตอนขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันทั้งครอบครัว หรือเหตุการณ์น้ำท่วมบ้านที่ต้องอยู่โดยไม่มีไฟฟ้าใช้ ทั้งที่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นโดยความบังเอิญและความผิดพลาด ทั้งเรื่องโดนคุณครูหลอกให้กรอกใบสมัครเป็นโฮสท์แถมยังสมัครไปแค่ 6 เดือนแต่ได้เป็นโฮสท์ถึง 1 ปี นิคขอขอบคุณทุกสิ่งทั้งหมดนี้ที่ทำให้นิคได้เจอกับมาเรีย และขอขอบคุณทุกๆ คนที่เข้ามาอ่านเรื่องราวของนิคจนจบ ขอบคุณมากๆค่ะ =D
เป็นเรื่องที่น่ารักมากกกกกกกกกเลย เชื่อว่าหลายคนคงอ่านไปและยิ้มไปกับความน่ารักของมาเรียและครอบครัวของน้องนิค เรียกว่าทุกๆ อย่างเกิดจากความบังเอิญที่ต้องเป็นโฮสท์แฟมิลี่แบบงงๆ แต่สุดท้ายก็เหมือนได้สมาชิกครอบครัวคนใหม่มาอยู่ด้วย และถ้ามาเรียได้มาอ่านล่ะก็ เชื่อว่าต้องมีน้ำตาแตกเพราะซึ้งกันไปข้าง^^ ส่วนใครมีประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ อยากแบ่งปันให้เพื่อนๆ อ่านบ้าง ก็เขียนแล้วส่งมาได้ที่ pay@dek-d.com เลย เดี๋ยวนำมาลงให้แน่นอนจ้าาา
97 ความคิดเห็น
เราอยากไปแลกเปลี่ยนที่เยอรมัน เจอแบบนี้รักเลย คุณมาเรียสวย คุณนิคก็สวยยย ><'
น่ารักมากเลย
มาเรียเทอใจสวยมากอ่ะ ซึ้งๆ
ประทับใจ
เด็กสุรินทร์เหมือนกันเลยค่ะ
โหยยย อ่านแบบนี้แล้วอยากเป็นโฮสต์บ้าง555
อร๊ายยยย ย น่ารักอ่ะ
คิดถึงบัดดี้ตัวเองเลยอ่าาา T^T เป็นคนเยอรมันเหมือนกันด้วย ^^
ซึ้งค่าาา น้ำตาคลอ
พี่นิคพูดกับพี่มาเรียเป็นภาษาอะไรอ่ะคะ
พี่มาเรียน่ารักมากอ่าอยากมีโมเม้นแบบนี้บ้าง
ฉันก็รักของฉันเข้าใจไหม
นึกถึงสามาตีตรา
สุดยอดเลยค่ะ อันที่จริงแล้วก็อยากมีแบบนี้บ้างนะคะ แต่คงไม่ทันแล้วค่ะ ใกล้จะจบม.6 แล้ว เอาไว้ให้รุ่นลูกสานต่อแทนละกัน อิอิ