แนะเทคนิคจัด 4 อันดับ กสพท ให้ติดสำหรับมือใหม่


     สวัสดีครับน้องๆ  ตอนนี้เทอม 1 ของน้อง ม.6 ก็ได้ผ่านมาแล้วครึ่งทาง ไหน...เตรียมตัวสอบสนามต่างๆ ทั้งสอบตรงและแอดมิชชั่นไปถึงไหนกันแล้ว เวลาของน้องเหลือน้อยลงไปเรื่อยๆ แล้วนะ ใครที่ยังประมาทคิดว่าเวลายังเหลืออีกเยอะล่ะก็ พี่ขอเตือนเลยว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้เยอะเลยนะ เพราะฉะนั้นเริ่มต้นแต่วันนี้ก็ยังไม่สาย

     โดยเฉพาะคนที่เตรียมสอบ กสพท (กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย) ซึ่งไม่ได้มีแค่แพทย์ 12 สถาบันกับทันตแพทย์ 7 สถาบันเท่านั้น แต่สัตวแพทย์ 6 สถาบัน และเภสัช 8 สถาบันก็ร่วมกับ กสพท ด้วย (ตรวจสอบรายชื่อสถาบันที่รับผ่าน กสพทนอกเหนือจากการเตรียมตัวที่ดีแล้ว การจัดอันดับทั้ง 4 อันดับก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน สามารถชี้ชะตาล่วงหน้าได้เลยเชียวนะว่าน้องจะมีโอกาสติดแพทย์หรือสาขาอื่นที่รับผ่าน กสพท มากน้อยแค่ไหน วันนี้พี่แทรกเตอร์เลยขอนำเสนอ "เทคนิคจัด 4 อันดับ กสพท ให้ติดสำหรับมือใหม่"

นั่นแน่! สนใจกันใหญ่เลยสิท่า ถ้าน้องๆ อยากรู้แล้วว่าเขาเลือกกันยังไงล่ะก็...มาดูกันเลยครับ

     1. ศึกษาคุณสมบัติให้ละเอียด
     ในหน้าเว็บไวต์ของ กสพท จะมีประกาศ คุณสมบัติเฉพาะของผู้สมัครเข้าเรียนหลักสูตรที่เข้าร่วมกับ กสพท ซึ่งน้องๆ ควรจะเข้าไปเปิดดูศึกษารายละเอียดไว้ซักหน่อยและเช็กตัวเองอีกรอบนึงว่าผ่านเกณฑ์ทุกข้อหรือไม่ เพราะเคยมีมาแล้วนะครับกรณีที่สอบติดแล้ว (อันดับ 1 ด้วย) แต่ปรากฏตอนไปสัมภาษณ์และตรวจร่างกายดันพบว่ามีปัญหาสุขภาพบางอย่างที่ไม่ผ่านเกณฑ์ อ้าว! เอาล่ะสิ ร้องไห้หนักมากยิ่งกว่าสอบไม่ติดอีกครับ
 

     2. ถามใจตัวเองอยากเรียนอะไร/ที่ไหน
     สำหรับหลายๆ คนที่ตั้งใจอย่างใดอย่างหนึ่งแน่วแน่แล้ว เช่น หมอเท่านั้น หมอฟันเท่านั้น เภสัชเท่านั้น หรือ สัตวแพทย์เท่านั้น ก็จะจัด 4 อันดับให้มีแต่อันนั้นอย่างเดียว สถาบันไหนก็ได้ขอให้เป็นคณะนั้นพอ หรือบางคนก็อาจจะเจาะจงกับสถาบันด้วยเลยเลือกแต่สถาบันที่สนใจ หรือบางคนแน่วแน่หนักมาก เช่น หมอพระมงกุฎเท่านั้น หมอรามาเท่านั้น ก็เลือกแค่อันนั้นเพียงอันดับเดียว ได้ก็คือได้ ไม่ได้ก็คือไม่ได้ (อันนี้ถ้าติดขึ้นมาจะดูเจ๋งมากเลย)

     แต่ก็มีอีกหลายคนเช่นกันที่ยังไงก็ได้ขอให้เป็นแพทย์ จะแพทย์ สัตวแพทย์ หรือทันตแพทย์อะไรแบบนี้ ตอนจัดอันดับก็จะเลือกแบบคละกันเอาไว้ โดยเอาอันที่อยากเรียนมากที่สุดไว้อันดับแรกๆ เช่น 2 อันดับแรกเป็นแพทย์ อันดับ 3 เป็นทันตแพทย์ อันดับ 4 เป็นสัตวแพทย์ ก็มี (4 อันดับนี้สามารถคละได้หมดทั้ง แพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ และเภสัชเลยนะ) 

     แต่อาจมีบางคนที่ตั้งใจจะสอบ กสพท แต่ยังไม่แน่ใจตัวเองว่าจะเลือก 4 อันดับเป็นคณะไหนบ้างหรือสถาบันไหนบ้าง ก็ขอให้น้องลองถามตัวเองดีๆ ว่าถ้าต้องให้คะแนนความชอบหรือความสนใจ จะให้คณะไหนเยอะที่สุด อันไหนรองลงมาจนถึงน้อยสุด โดยยังไม่ต้องคำนึงถึงสถาบัน จากนั้นค่อยเอามาดูว่าจะให้สัดส่วนคณะยังไง เช่น เลือกแพทย์ 2 อันดับ อีกสองอันดับเป็นทันตแพทย์ หรือ แพทย์แค่อันดับเดียว อีก 3 อันดับเป็นทันตแพทย์ ซึ่งการให้สัดส่วนตรงนี้จะมาจากความชอบความสนใจของตัวน้องเอง และการพิจารณาสถิติคะแนนย้อนหลังของแต่ละคณะแต่ละสถาบัน โดยมีหลักการจัดอันดับง่ายๆ ดังนี้
     1) อันดับ 1 เลือกที่ที่อยากเรียนมากที่สุด
     2) อันดับ 2-4 พิจารณาสถิติย้อนหลังประกอบ
     3) การดูสถิติย้อนหลังให้ดูที่คะแนนต่ำสุดเป็นหลัก (ลองดูหลายๆ ปีประกอบกัน)


     3. ดูสถิติย้อนหลัง จัดอันดับให้เซฟตัวเอง
    ต่อเนื่องจากข้อก่อนหน้าที่ทิ้งท้ายไว้ด้วยการพิจารณาสถิติคะแนนย้อนหลังของแต่ละคณะ แต่ละสถาบัน ตรงนี้ก็เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่จะ "ไม่ติดอะไรเลย" โดยที่น้องๆ สามารถดูสถิติย้อนหลังได้ที่ สถิติคะแนนสอบ กสพท
     
     สาเหตุที่เราต้องดูคะแนนเป็นส่วนประกอบด้วยนั้นเพราะเราต้องจัดอันดับโดยที่ยังไม่มีคะแนนสอบในมือ จึงต้องอาศัยแนวโน้มคะแนนจากปีก่อนๆ มาประเมินความเป็นไปได้ของตัวเอง หมายความว่าใช้สถิติคะแนนย้อนหลังของแต่ละที่มาเป็นตัวบอกความยาก-ง่ายในการแข่งขันเข้าศึกษา ยิ่งคะแนนย้อนหลังสูงมาตลอดโดยเฉพาะคะแนนต่ำสุดนั่นแปลว่าคณะนั้นสถาบันนั้นไม่ใช่ติดได้ง่ายๆ คะแนนต้องเจ๋งจริง ต้องทำคะแนนให้สูงพออยู่ในช่วงคะแนนนั้น


     ทีนี้พอน้องๆ ดูคะแนนซึ่งสูงต่ำไม่ค่อยจะเท่ากันในแต่ะละคณะแต่ละสถาบัน ใกล้กันบ้างห่างกันบ้างแล้ว การจัดอันดับโดยคำนึงถึงคะแนนสูงต่ำของแต่ละที่ด้วยจะเป็นเหมือนเบาะรองรับการกระแทกจากการหล่นตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ! มาจากอันดับแรกๆ หมายความว่า ถ้าน้องเอาคณะ/สถาบันที่สถิติคะแนนสูงๆ ไว้อันดับแรกๆ และคะแนนที่รองลงมาไว้อันดับรองลงมา ถ้าน้องไม่ติดอันดับ 1-2 ก็ยังมีโอกาสติดอันดับ 3 หรือ 4
 

 
     สมมติน้องอยากเข้าแพทย์เท่านั้นโดยที่น้องสนใจ แพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล มากที่สุด ซึ่งสถิติในปี 59 คือ สูงสุด 77.4861 และต่ำสุด 65.9556 ดังนั้นถ้าน้องจะจัดอันดับเพื่อให้เซฟตัวเองไม่ให้หลุด อาจจะจัดประมาณนี้ก็ได้ครับ
     อันดับ 1 : แพทยศาสตร์ รพ. รามาธิบดี ม.มหิดล (สูงสุด 77.4861 ต่ำสุด 65.9556)

     อันดับ 2 : แพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ม.นวมินทราธิราช (สูงสุด 70.0806 ต่ำสุด 64.2825)
     อันดับ 3 : แพทยศาสตร์ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ (สูงสุด 69.1133 ต่ำสุด  61.4835)
     อันดับ 4 : แพทยศาสตร์ ม.นเรศวร (สูงสุด 62.8521 ต่ำสุด 60.9341)

จะเห็นว่าการจัดอันดับแบบนี้ไล่ลำดับคะแนนลงมา สามารถช่วยลดความเสี่ยงที่จะหลุดทั้ง 4 อันดับได้ เพราะถ้าไม่ติดอันดับ 1 ก็ยังมีอันดับ 2 ให้พิจารณาต่อเพราะคะแนนมีลุ้นได้อีก

ลองคิดกลับกันว่าถ้าน้องจัดอันดับโดยไม่สนใจคะแนนเลย!
เช่นแบบนี้

     อันดับ 1 : แพทยศาสตร์ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ (สูงสุด 69.1133 ต่ำสุด  61.4835)    
     อันดับ 2 : แพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ (สูงสุด 67.9533 ต่ำสุด 63.8756)
     อันดับ 3 : แพทยศาสตร์ รพ. รามาธิบดี ม.มหิดล (สูงสุด 77.4861 ต่ำสุด 65.9556)
     อันดับ 4 : แพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล (สูงสุด 82.8383 ต่ำสุด 67.3750)

ถ้าน้องจัดอันดับแบบนี้แล้วไม่ติด 2 อันดับแรก น้องเตรียมตัวหลุดจาก กสพท ได้เลยครับ เพราะรามาฯ และศิริราชฯ คะแนนสูงกว่าอยู่แล้ว

 

 
     4. ข้อควรระวัง
     แม้ว่าน้องจะจัดอันดับเรียงตามสถิติคะแนนลงมาเพื่อเซฟตัวเองแล้วก็ตาม แต่! พึงระวังอันดับที่คะแนนใกล้กันมากๆ เอาไว้ด้วย อย่างกรณีต่อไปนี้
     อันดับ 1 : แพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ (สูงสุด 67.9533 ต่ำสุด 63.8756)
     อันดับ 2 : แพทยศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ (สูงสุด 67.0517 ต่ำสุด 63.3253)
     อันดับ 3 : ทันตแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น (สูงสุด 63.3038 ต่ำสุด  60.6767)
     อันดับ 4 : ทันตแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ (สูงสุด 62.7899 ต่ำสุด 60.5139)

     จากกรณีข้างบนด้วยความที่คะแนนแพทย์ ม.เชียงใหม่ และแพทย์ ม.ธรรมศาสตร์ ใกล้เคียงกัน ควรเลือกมาเพียงอันดับเดียวเพราะอาจทำให้พลาดทีเดียว 2 อันดับได้ พี่จะยกตัวอย่างกรณีนี้ให้เห็นว่าถ้าน้องๆ ทำได้ไม่ถึง 63 คะแนน น้องมีสิทธิ์พลาด 2 อันดับแรกทันทีเพราะคะแนนเกาะกลุ่มกันเกินไป เว้นแต่ว่าน้องจะสามารถทำคะแนนให้อยู่ระหว่าง 63.3-63.8 ได้ถึงจะยังไม่หลุดแพทย์ ม.ธรรมศาสตร์ครับ

     แต่!!! ด้วยความที่คะแนนทันตแพทย์ ม.ขอนแก่น และทันตแพพย์ ม.เชียงใหม่ ใกล้เคียงกันอีกแล้ว ก็ทำให้มีโอกาสที่น้องจะไม่ได้ทันตแพทย์เลยมากขึ้นเช่นเดียวกันด้วยเหตุผลก่อนหน้า สรุป...ถ้าน้องทะลุเบาะชั้นบน (2 อันดับแรก) มาก็ยังมีเบาะชั้นล่าง (2 อันดับหลัง) รับรอง แต่ถ้าน้องยังทะลุได้อีกก็ไม่มีอะไรรองรับแล้ว และจบลงที่ "ไม่ติดอะไรเลย" 
 

 
     แต่กระนั้นก็ยังมีทางป้องกันสถานการณ์แบบนั้นอยู่ คือเลือกอันดับให้มีความห่างของคะแนนเพิ่มขึ้นสักหน่อย อย่างน้อยสัก 1 คะแนนก็ยังดี ห่างกันแค่ 0.5 ยังเสี่ยงอยู่ ลองแบบนี้อาจจะเวิร์คกว่า

     อันดับ 1 : แพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ (สูงสุด 67.9533 ต่ำสุด 63.8756)
     อันดับ 2 : แพทยศาสตร์ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ (สูงสุด 69.1133 ต่ำสุด  61.4835)
     อันดับ 3 : ทันตแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น (สูงสุด 63.3038 ต่ำสุด  60.6767)
     อันดับ 4 : ทันตแพทยศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ (สูงสุด 61.4343 ต่ำสุด 59.5711)

     เชื่อว่ายังไงก็ตามน้องๆ หลายคนก็คงจะมีอันดับในใจกันอยู่แล้ว บางคนปณิธานแรงกล้ามากมีแค่อันดับเดียวในใจ มุ่งมั่นเต็มที่จะไม่เลือกอันดับอื่นไว้เผื่อโดยเด็ดขาด แต่น้องๆ ก็อย่าลืมเช็คสถิติสูงต่ำของปีก่อนๆ ดูอีกทีแล้วประเมินดูว่าโอกาสหล่น ตุ้บๆๆๆ ไปหมดเลยทุกอันดับจะเกิดขึ้นกับน้องได้มั้ย ถ้ามีช่องว่างของคะแนนระหว่างแต่ละอันดับพอที่จะรองรับน้องได้ก็น่าจะอุ่นใจกว่าเนาะ พี่แทรกเตอร์ก็ขอเอาใจช่วยให้น้องๆ เตรียมตัวให้เต็มที่จนกว่าจะถึงวันที่เราได้พิสูจน์ตัวเองคือทำคะแนนสอบต่างๆ ออกมาให้ดี แล้วสุดท้ายจะได้ภาคภูมิใจกับความสำเร็จติดอันดับ 1 กันทุกคนครับ
 

 
พี่แทรกเตอร์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด