สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com โดยทั่วไปชาวไทยพุทธจะนิยมเผาศพผู้เสียชีวิต แต่ถ้าเป็นธรรมเนียมชาวไทยเชื้อสายจีน ชาวคริสต์ หรือชาวมุสลิมส่วนมากจะฝังศพกัน ฉะนั้นถ้าพูดถึงประเทศอังกฤษแล้ว คนส่วนมากก็มักจะนึกถึงสุสานแบบฝังแบบที่เห็นในหนังฝรั่งกันบ่อยๆ แต่วันนี้ พี่พิซซ่า จะพาน้องๆ ไปรู้จักฌาปนสถานแห่งหนึ่งในอังกฤษที่เป็นเมรุเผาศพค่ะ แถมที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่สุดท้ายของบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์หลายคนเลยด้วย
ประวัติศาสตร์ฌาปนกิจในสหราชอาณาจักร
แต่เดิมการเผาศพถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายในสหราชอาณาจักรจนกระทั่งปี 1885 ค่ะ เมรุเผาศพแห่งแรกของสหราชอาณาจักรสร้างขึ้นที่เมืองโว้คกิง (Woking) ใครที่ต้องการจะจัดพิธีศพโดยการเผาจะต้องไปทำเรื่องกับ Cremation Society of Great Britain ซึ่งเป็นสมาคมที่ดูแลเรื่องการเผาศพโดยเฉพาะค่ะ
ผู้ก่อตั้งและประธานสมาคม Cremation Society of Great Britain คนแรกคือ Sir Henry Thompson ศัลยแพทย์ชื่อดังของยุคนั้นที่เป็นที่รู้จักไปทั่วยุโรป เซอร์เฮนรี่ถือเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ช่วยผลักดันให้การเผาศพกลายเป็นเรื่องถูกกฎหมายในสหราชอาณาจักรด้วยค่ะ และฌาปนสถานที่โว้คกิงก็ได้รับการสนับสนุนจากท่านเช่นกัน
หลังเห็นว่าฌาปนสถานที่โว้คกิงได้รับความนิยมมาก มีผู้คนมากมายสนใจเลือกทำพิธีศพตัวเองด้วยการเผามากขึ้น เซอร์เฮนรี่จึงซื้อที่ดินผืนหนึ่งในลอนดอนไว้ในปี 1900 เพื่อสร้างฌาปนสถานแห่งใหม่ขึ้นแบบไม่ไกลจากใจกลางเมืองเลย และอีก 2 ปีถัดมา Golders Green Crematorium ก็เปิดให้บริการได้ค่ะ Golders Green Crematorium ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ Golders Green Jewish Cemetery (สุสานชาวยิว) เลย และอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดิน Golders Green ที่สร้างขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน
Golders Green Crematorium
Golders Green Crematorium เป็นสถานที่ประกอบพิธีเผาศพแห่งแรกในกรุงลอนดอน และเปิดรับผู้คนจากทุกศาสนา ทุกความเชื่อ หรือแม้แต่ความไม่เชื่อ ไม่ว่าจะนับถือหรือไม่นับถืออะไรก็สามารถมาประกอบพิธีที่นี่ได้ และจะจัดงานออกมาตามสไตล์ความเชื่อใดๆ ก็ได้ทั้งหมดค่ะ จะทำพิธีกรรมหรือเปิดเพลงคลอยังไงก็ได้หมดเช่นกัน
ตัวอาคารของ Golders Green Crematorium ออกแบบโดย Sir Ernest George และ Alfred Yeates คู่รักของท่าน ตอนสร้างอาคารก็ค่อนข้างลำบากนิดนึงเพราะมีงบประมาณกันไม่มาก ทำให้สร้างแบบค่อยเป็นค่อยไป ต่อเติมทีละนิดไปเรื่อยๆ แม้จะเปิดใช้งานได้จริงในปี 1902 แต่กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ทั้้งหมดก็ตั้งปี 1939 เลยค่ะ แต่ถึงอย่างนั้น Golders Green Crematorium ก็ให้บริการเต็มที่ทุกวัน โดยเฉลี่ยมีการเผาศพมากถึง 2,000 ครั้งต่อปี รวมแล้วก็กว่า 323,500 ครั้งนับตั้งแต่เปิดให้บริการมา และถือว่าเป็นฌาปนสถานที่มีจำนวนการใช้งานมากที่สุดในสหราชอาณาจักรเลย
สวนโดยรอบอาคารออกแบบโดย William Robinson ค่ะ กินพื้นที่กว่า 12 เอเคอร์ ปลูกดอกไม้และต้นไม้นานาพันธุ์ ช่วงมีนาคมถึงเมษายนจะเป็นทุ่งดอกหญ้าสวยๆ จากนั้นช่วงพฤษภาคมถึงมิถุนายนจะเป็นช่วงกุหลาบออกดอกค่ะ หลายคนเลือกมาชมสวนดอกไม้ในช่วงเดือนเหล่านี้ แต่นอกจากดอกไม้แล้วในสวนยังมีหลุมฝังศพขนาดใหญ่ บ่อน้ำ และมีสวนตามธีมต่างๆ แยกออกไปอีก แต่ถ้าเดินชมสวนก็ต้องใช้ความระมัดระวังด้วยนะคะ เพราะครอบครัวของผู้เสียชีวิตหลายคนเลือกที่จะโปรยอัฐิไว้ที่โคนต้นไม้เพื่อให้เป็นสถานที่พักผ่อนสุดท้ายที่สวยงามและร่มรื่นค่ะ สำหรับต้นไม้ที่ได้รับเลือกจะมีป้ายชื่อเล็กๆ วางไว้ให้เพื่อบอกว่าใครพำนักอยู่ที่นั่นค่ะ

สวนสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ครอบครัวที่สูญเสียสมาชิกตัวน้อยไปมักโปรยอัฐิในบริเวณสวนนี้
Photo Credit: www.thelondoncremation.co.uk
อนุสรณ์เพื่อรำลึกถึงผู้ที่จากไป
นอกจากการโปรยอัฐิในสวนแล้ว ที่ Golders Green Crematorium ยังมีบริการอื่นๆ ให้เลือกเพื่อรำลึกถึงผู้ที่จากไปไว้ด้วยค่ะ
หอตรงสุดปีกอาคารตะวันตกคือโบสถ์แห่งความทรงจำหรือ The Chapel of Memory ค่ะ เป็นโบสถ์น้อยๆ ที่สามารถมานั่งรำลึกถึงผู้จากไปได้ โดยปกติทางฌาปนสถานจะจัดดอกไม้สวยงามไว้ให้ทุกวันแต่ผู้มาเยี่ยมชมสามารถนำดอกไม้มาไหว้เองได้เช่นกัน ในหอนี้จะมีหนังสือรำลึกถึงผู้จากไปตั้งไว้ให้ด้วยค่ะ หน้าหนังสือจะเปิดหน้าประจำวันนั้นๆ เอาไว้ (หากต้องการเปิดหน้าอื่นต้องอนุญาตเจ้าหน้าที่ก่อน)
ในหนังสือจะระบุชื่อและข้อมูลเล็กๆ น้อยของผู้ที่จากไปแล้วทุกคนที่ประกอบพิธี ที่ Golders Green Crematorium ค่ะ บันทึกในสไตล์ของหนังสือยุคกลาง บางรายชื่อจะมีตราประจำที่วาดด้วยมือประดับไว้ให้ด้วย ครอบครัวของผู้ที่จากไปสามารถเลือกได้ว่าจะให้บันทึกชื่อของผู้ที่จากไปไว้ที่หน้าไหน จะเป็นหน้าที่ตรงกับวันเกิด วันเสียชีวิต วันแต่งงาน หรือวันสำคัญอื่นๆ ก็ได้ค่ะ
อีกหนึ่งอาคารที่น่าสนใจคือหอสถูปค่ะ อยู่ถัดจากโบสถ์แห่งความทรงจำ แต่ละอาคารเก็บโกศที่บรรจุอัฐิของผู้ที่จากไปเอาไว้ ตัวโกศจะมาในรูปร่างหน้าตายังไงก็ได้ตามรสนิยมหรือความเชื่อของครอบครัวค่ะ ไม่มีการเลือกปฏิบัติหรือปิดกั้นใดๆ ครอบครัวสามารถเลือกได้ด้วยว่าจะให้เก็บโกศในส่วนที่ปิดไว้ด้านใน หรือจะให้จัดแสดงในบริเวณที่ทุกคนสามารถมองเห็นก็ได้ สถูปของที่นี่ถือว่ากว้างขวาง ยิ่งใหญ่ และสวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของยุโรปเลยด้วย
ด้วยความที่ Golders Green Crematorium ตั้งอยู่ในย่านชุมชนชาวยิวที่หนาแน่นที่สุดในอังกฤษ ทำให้มีสถูปอีกแห่งสำหรับชาวยิวโดยเฉพาะ ภายในตกแต่งตามแบบยิว และจดรายนามผู้เสียชีวิตไว้แบบแบ่งตามเดือนค่ะ แต่ถ้าครอบครัวไม่ต้องการให้บันทึกชื่อในอาคารนี้ ก็สามารถเลือกบันทึกไว้ที่อื่นได้เช่นกัน ไม่บังคับค่ะ
นอกจากนี้ก็มีวิธีรำลึกถึงผู้จากไปให้เลือกอีกมากมาย ทั้งสลักชื่อและประวัติลงแผ่นหินประดับสวน โปรยอัฐิของเด็กในสวนที่ออกแบบมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะพร้อมป้ายดีไซน์พิเศษสำหรับเด็ก สุสานใต้ดินในสวนที่ด้านในเป็นตู้สำหรับเก็บโกศไว้ในสวนเลย แผ่นป้ายหนังสลักชื่อด้วยมือสำหรับประดับกำแพงโบสถ์ แผ่นหินสลักชื่อประดับกำแพง สั่งทำหนังสือที่ระลึกโดยเฉพาะ หรือแจกันดอกไม้ประดับชื่อและข้อความไว้อาลัย
และที่สำคัญมากเลยก็คือทาง Golders Green Crematorium มีบริการที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการรับมือกับความตายและการมีชีวิตอยู่ต่อไปค่ะ เพราะครอบครัวอาจจะยังเสียใจกับผู้ที่จากไปมากจนทำอะไรไม่ถูก ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำว่าจะก้าวต่อไปยังไง และเจ้าหน้าที่สามารถช่วยจัดการเรื่องพิธีและขั้นตอนต่างๆ แทนด้วยให้ได้หากครอบครัวต้องการค่ะ
บุคคลสำคัญที่ประกอบพิธีฌาปนกิจที่นี่
บุคคลที่จะขาดไปไม่ได้เลยคือเซอร์เฮนรี่ ทอมป์สัน ค่ะ ท่านเสียชีวิตในเดือนเมษายน ปี 1904 หลัง Golders Green Crematorium เปิดให้บริการได้ไม่นานค่ะ อัฐิของท่านยังเก็บรักษาไว้ที่โกลเดอร์สกรีนอยู่ค่ะ
เซอร์เออร์เนสต์ จอร์จ สถาปนิกผู้ออกแบบฌาปนสถานนี้ก็เผาที่นี่และเก็บอัฐิไว้ที่นี่เช่นกันค่ะ
นอกจากนี้ก็มีบุคคลสำคัญอีกมากมายที่ประกอบพิธีและเก็บอัฐิไว้ที่นี่ เช่น อีนิด ไบลตัน นักเขียนวรรณกรรมเยาวชนอย่างห้าสหายผจญภัย และซิกมุนด์ ฟรอยด์ ผู้เป็นบิดาแห่งจิตวิเคราะห์ รวมถึงภรรยา และลูกสาวของเขาด้วยค่ะ
สำหรับบุคคลสำคัญที่ได้รับการฌาปนกิจที่นี่แต่เก็บอัฐิไปไว้ที่อื่น เช่น
- พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7)
- T. S. Eliot นักเขียนชื่อดังชาวอเมริกัน
- Rudyard Kipling นักเขียนชื่อดังชาวอังกฤษ
- Alice Liddell ผู้เป็นแรงบันดาลใจของตัวละครอลิซในแดนมหัศจรรย์
- Ernest Rutherford นักฟิสิกส์ผู้เป็นบิดาของนิวเคลียร์ฟิสิกส์ ผู้บุกเบิกทฤษฎีการโคจรของอะตอม
- H. G. Wells นักเขียนชาวอังกฤษเจ้าของผลงานดังอย่าง The Time Machine, The Invisible Man และ The War of the Worlds
- Amy Winehouse นักร้องนักแต่งเพลงชื่อดังชาวอังกฤษ
- T. S. Eliot นักเขียนชื่อดังชาวอเมริกัน
- Rudyard Kipling นักเขียนชื่อดังชาวอังกฤษ
- Alice Liddell ผู้เป็นแรงบันดาลใจของตัวละครอลิซในแดนมหัศจรรย์
- Ernest Rutherford นักฟิสิกส์ผู้เป็นบิดาของนิวเคลียร์ฟิสิกส์ ผู้บุกเบิกทฤษฎีการโคจรของอะตอม
- H. G. Wells นักเขียนชาวอังกฤษเจ้าของผลงานดังอย่าง The Time Machine, The Invisible Man และ The War of the Worlds
- Amy Winehouse นักร้องนักแต่งเพลงชื่อดังชาวอังกฤษ

อนุสรณ์รายชื่อผู้เสียชีวิตที่สลักลงบนแผ่นหนังประดับกำแพงอาคาร
Photo Credit: www.thelondoncremation.co.uk
ผู้สนใจเยี่ยมชมสวนหรือหรือโบสถ์แห่งความทรงจำ สามารถมาได้ทุกวันตลอดปีในเวลาทำการค่ะ ส่วนสถูปและโบสถ์ต่างๆ ที่ค่อนข้างส่วนตัวสำหรับญาติของผู้เสียชีวิต จะต้องทำเรื่องมาขออนุญาตก่อนนะคะ แล้วเจ้าหน้าที่จะพาชมค่ะ
Golders Green Crematorium ถือเป็นฌาปนสถานที่ให้บรรยากาศของความสวยงาม อบอุ่น และเชื่อว่าจะสถานที่ที่ดีมากกว่าจะมีความหลอนในสไตล์สุสานส่วนใหญ่ค่ะ ใครสนใจจะไปเยี่ยมชมหรืออยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.thelondoncremation.co.uk/golders-green-crematorium/ เลยนะคะ






0 ความคิดเห็น