คนธรรมดาแต่น่าเอ็นดู! สัมภาษณ์พิเศษ “ชู้ต-เชิดชนินทร์” กับผลงานการแสดงเรื่องแรก



 
Spoil
  • เป็นเพื่อนสิงโต ปราชญา เป็นน้องชายเชียร์ ฑิฆัมพร แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้เส้นทางวงการบันเทิงเป็นเรื่องง่าย
  • อยากเรียนให้จบก่อนเริ่มลองงานวงการบันเทิง เพราะเห็นพี่สาวเหนื่อยมากที่ต้องเรียนไปพร้อมกับทำงาน
  • ถ้าไม่ใช่งานแสดงก็อยากทำงานพิธีกร อยากเป็นเชฟ และอยากเรียนดนตรีเพิ่ม
________________
 

           ใครได้ดูซีรีส์เรื่อง My Dream The Series นายในฝัน อาจจะเริ่มหลงรักหนุ่มที่มีพลังตาสีฟ้าอย่างแอลกันแล้ว และวันนี้พี่ซาร่ามีโอกาสได้พูดคุยกับ ชู้ต-เชิดชนินทร์ ฤทธิ์ธาอภินันท์ หนุ่มหล่อผู้รับบทเป็น “แอล” ที่แม้จะมีผลงานการแสดงเป็นเรื่องแรก แต่หลายคนคุ้นเคยหน้าตาผ่านสื่อต่างๆ มาบ้างแล้ว เพราะเขาทั้งเป็นเพื่อนกับคนดัง เป็นน้องชายของนางเอก อะ! อยากรู้จักกันแล้วล่ะสิ ตามมาเลยค่ะ
 

 

ชู้ตเป็นคนธรรมดา แต่ว่าน่าเอ็นดู!

สวัสดีครับ ชู้ต-เชิดชนินทร์ ฤทธิ์ธาอภินันท์ ครับ เรียนจบจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ครับ ตอนนี้กำลังมีผลงานซีรีส์ My Dream The Series นายในฝัน ครับ

ก่อนหน้านี้คนก็จะรู้จักชู้ตมาจากการเป็นน้องพี่เชียร์ (ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์) ซึ่งคนที่รู้จักและติดตามก็จะมาจากอินสตาแกรมบ้าง แล้วก็มาจากเพื่อนชู้ต (สิงโต) ด้วยครับ คือก่อนหน้านี้ชู้ตก็เป็นเด็กธรรมดาคนนึงที่มีคนมาชอบ ยังไม่เคยได้มีผลงานอะไร พอวันเกิดก็มีพี่ๆ ที่เค้าเอ็นดูเรา พาเราไปทำบุญ กินข้าวกัน แต่ตอนนี้พอเล่นซีรีส์ ยอดฟอลโลวไอจีก็เพิ่มขึ้น มีแฟนคลับหน้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาเหมือนกันครับ ก็ต้องขอบคุณที่ติดตามกันครับ

เราคือใคร....ติดตามกันได้วันพุธนี้ทางไลน์ทีวี เวลา 19:00 น. Who are we ? Find out this Wendesday on #LINETV at 7:00 p.m. #mydreamtheseries #นายในฝัน

โพสต์ที่แชร์โดย Cherdchanin R. (TH) (@_cchoot) เมื่อ

บางอย่างมันยาก แต่ถ้าทำได้ก็น่าภูมิใจ

ซีรีส์เรื่องนี้ก็รับบทเป็น “แอล” ครับ บทที่ได้นี้ชู้ตก็ไปแคสมาเอง การเป็นน้องพี่เชียร์อาจจะทำให้มีโอกาสทางการแสดงอยู่บ้าง เวลาจะไปแคสงานอะไร พี่เชียร์ก็จะให้กำลังใจมากกว่า แบบ สู้ๆ นะ แต่ไม่ได้แนะนำอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งเราก็โอเคแบบนั้น เพราะชู้ตรู้สึกว่าบางอย่างมันยาก แต่ก็ถ้าทำได้ก็จะภูมิใจครับ

เมื่อก่อนชู้ตก็ไม่ได้สนใจอยากจะทำงานด้านนี้ แต่ว่าพอลองมาแคสซีรีส์เรื่องนี้ปุ๊บ ได้เป็นป็อปปูลาร์โหวต ซึ่งก็คือส่วนใหญ่แฟนคลับที่เขาเอ็นดูเราเขาก็ช่วยโหวตให้ พอได้ก็รู้สึกว่าต้องทำให้เต็มที่ ก่อนเล่นก็ต้องเวิร์กช้อปกับพี่จ๊อบที่เป็นผู้กำกับ เช่น การแสดงคืออะไร หลักการแสดงมันคืออะไร จังหวะการพูด อารมณ์ แล้วก็ลองเล่นกับทุกคน พอถึงเวลาจริงจะได้ไม่กดดันครับ

เห็นตัวอย่างจากพี่สาว เลยคิดว่าเรียนก่อนดีกว่าค่อยมาทำงาน

การได้เห็นพี่เชียร์ทำงานในวงการมาตั้งแต่เด็กก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ตอนแรกชู้ตไม่ค่อยอยากเข้ามาทำงานในวงการเท่าไรครับ เพราะว่าเราก็เห็นว่าเบื้องหน้าคนชื่นชมพี่เรา ดูสวย ดูสบาย แต่เบื้องหลังคือจริงๆ มันเหนื่อย เวลาทำงานเสร็จเห็นเขากลับมาบางทีเขาก็แทบจะไม่พูดกับใครเลย คือมันเหนื่อย แต่เขาก็ไม่เคยบ่น แต่เหนื่อยเพราะเรียนไปทำงานไป

ถ้าเอาตามที่เรียนมาคือจบเศรษฐศาสตร์มา ก็คงไม่ได้ทำงานสายนี้โดยตรงครับ เท่าที่ดูคือตอนนี้เราเพิ่งเข้ามาในวงการ ก็อยากจะทำตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน แล้วค่อยว่ากันครับ แต่ถ้าหากว่ามีโอกาสได้ลองอะไรใหม่ๆ คิดว่าอยากลองเป็นพิธีกร ไม่ก็อยากลองเล่นหนังดูครับ พิธีกรก็เช่นรายการท่องเที่ยว รีวิวอาหาร อะไรแบบนี้ครับ แต่จริงๆ ไม่ว่างานอะไร ถ้าได้รับโอกาสมาก็ลองหมดครับ
 



จบเศรษฐศาสตร์ แต่อยากลองทำงานด้านการแสดงก่อน

ที่บอกว่าคงไม่ได้ทำงานตามที่เรียนมาคือเอาจริงๆ อย่างที่เรียนเศรษฐศาสตร์นี้ก็ไม่ค่อยชอบครับ แต่ก็ไม่ได้ซิ่วหรืออะไร เพราะเวลาชู้ตทำอะไร ชู้ตก็จะทำเต็มที่ เพราะเราเลือกเอง เลือกให้เป็นอย่างนี้เอง ก็ต้องทำให้ได้ครับ

ตอนนั้นถ้าไม่เรียนเศรษฐศาสตร์ก็น่าจะเป็นเชฟนะครับ เพราะเป็นคนชอบทำอาหาร แล้วก็ชอบกินด้วย เวลาอยู่บ้าน คุณแม่ทำอาหารก็จะช่วยตลอด คุณแม่ก็จะสอนตลอดครับ ตอนแรกจะไปเรียนเป็นเชฟเลย แต่คุณแม่บอกว่าเรียนมหาวิทยาลัยก่อนดีกว่า เพราะเชฟนี่ถ้าอยากเรียนก็ไปเรียนเอาทีหลังได้ มาเรียนรู้ในรั้วมหาวิทยาลัยก่อนดีกว่า
 

ถ้าเลือกได้ ก็อยากให้คนเห็นว่าเรามีความสุขมากกว่า

คนส่วนใหญ่เขาก็จะมองว่าชู้ตเป็นคนเฮฮา ซึ่งก็ไม่ผิดครับ เพราะเราเลือกเองที่จะแสดงให้เขาเห็นแบบนั้น ให้เห็นว่าเรามีความสุข แต่อีกด้านที่ไม่ค่อยมีคนเห็นก็คือเรามักจะอยู่กับตัวเองมากกว่า อยากอยู่คนเดียว ไม่ได้อยากไปเจอใคร เพราะเวลาทำงานเราออกไปเจอคนมาเยอะแล้ว พอกลับมาเราก็อยากอยู่เงียบๆ บ้าง คุยกับเพื่อนที่สนิทๆ ไม่กี่คนก็พอ คือคนเราก็ไม่ได้มีความสุขตลอด 24 ชั่วโมงกันหรอกนะครับ ถ้าเรามีเวลาเราก็อยากคุยกับคนที่รู้สึกสบายใจบ้าง ใช้ชีวิตส่วนตัวบ้างครับ

 

 

ชอบดนตรีไทย เพราะฟังสบายหู

เวลาว่างๆ ก็จะชอบตีแบดครับ เคยสะสมเหรียญสิบที่ออกมาตามวาระพิเศษ แต่หายไปแล้วตอนที่ย้ายบ้าน บางทีมันอาจจะไม่หายก็ได้ แต่ยังหาไม่เจอ พ่อน่าจะเก็บไว้ให้ครับ

ถ้าเป็นเรื่องที่อยากทำ ก็คงอยากเล่นดนตรีครับ อยากไปเรียนต่อ เครื่องดนตรีที่ชอบคือซออู้ คือเล่นดนตรีไทยตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ส่วนที่อยากไปเรียนเพิ่มคืออยากเรียนซอจีนครับ ชอบเสียงซอ รู้สึกว่ามันฟังแล้วสบายหูดีครับ
 

สิ่งที่ดีที่สุดที่ได้รับจากครอบครัว คือความไว้ใจ

ชู้ตเป็นคนสบายๆ ไม่ได้วางแผนอะไรเป็นพิเศษครับ ส่วนใหญ่อยากทำอะไรก็ทำมากกว่า แต่จะมีแพลนคร่าวๆ ว่าวันนี้จะทำอะไร ไม่ได้เป๊ะแบบมีตารางตายตัว แล้วก็ยังไม่ได้มองว่าอนาคตจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้

ชู้ตเป็นคนติดครอบครัวนะครับ สนิทกับคุณแม่มากที่สุด คุยได้ทุกเรื่องครับ คุณแม่จะรู้เกือบทุกเรื่อง เราไม่มีอะไรปิดบังกันอยู่แล้วครับ เค้าก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่หัวสมัยใหม่ เข้าใจว่าเด็กสมัยนี้เป็นยังไง

สิ่งที่คิดว่าดีสุดที่ได้จากครอบครัวคงเป็นความรักแล้วก็ความไว้ใจครับ ที่บ้านไม่เคยบงการชีวิตเรา เค้าให้เราเลือกเอง แต่ความสบายก็ทำให้เราคิดเองได้ว่า บางครั้งเราก็ต้องกดดันตนเองบ้าง ที่ผ่านมาชู้ตก็คิดว่าไม่เคยทำอะไรให้ครอบครัวเสียใจ คือเราก็ไม่ใช่เด็กดีนะ เกเรบ้าง คือ ม.4 แม่ก็ให้กลับบ้านเองแล้ว คือไปไหนทำอะไรก็ได้ แต่ขอให้บอก ไม่เคยห้าม แค่ขอให้บอกเท่านั้นครับ


 
ไม่ว่าเจอเรื่องแย่แค่ไหน ครอบครัวคือทางออกที่ดีที่สุดเสมอ

ถ้าเป็นเรื่องแย่ๆ ในชีวิตก็น่าจะเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นทุกคนครับ คือ ความรัก ชู้ตเคยเจอความรักที่ทำให้เราเศร้ามาก ไม่รู้จะทำยังไง ก็กลับไปหาพ่อแม่ ซึ่งมันดีนะ การคุยกับคนที่บ้านทำให้เราสบายใจขึ้นเยอะ อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเรายังมีเขาตลอดเวลา คือวัยนี้อาจจะเข้าใจว่าอะไรๆ ก็เพื่อน เพื่อนเข้าใจเรามากที่สุด แต่สำหรับชู้ตคือครอบครัวมากกว่าครับ

ถ้าไม่สามารถคุยกับครอบครัวได้ ก็คงต้องเป็นเพื่อนครับ เราน่าจะมีเพื่อนสักคนที่เข้าใจเรา ถ้าปัญหามันไม่ได้ใหญ่ขนาดที่จะบอกใครไม่ได้ เราก็อย่าเก็บไว้คนเดียวดีกว่า บางคนอาจจะคิดว่าไม่กล้าที่จะนำเรื่องไม่สบายใจไปให้คนอื่น แต่สำหรับผมคิดว่า อย่าเก็บไว้ดีกว่า อย่างน้อยก็จะได้ระบาย อย่างผมก็เป็นที่ปรึกษาเป็นที่ระบายให้คนอื่นเหมือนกัน คือมันดีนะที่เราได้ระบาย คนอื่นอาจจะช่วยอะไรเราไม่ได้ แต่ก็ช่วยรับฟังได้ ให้เราได้ระบายออกมา
 

เลือกสิ่งดีๆ ใช้ชีวิตให้บาลานซ์ ความสุขก็หาได้ไม่ยากแล้ว

          ชู้ตไม่ค่อยติดโซเชียลนะครับ ตื่นมาก็คอยดูว่าใครทักอะไรมา ส่วนใหญ่ชู้ตติดคุยไลน์มากกว่า คุยกับเพื่อน พี่ๆ น้องๆ ซึ่งก็เป็นคนที่สนิทมากกว่า ไม่ใช่คุยกับใครก็ได้

สำหรับน้องๆ ที่ติดโซเชียล มันก็ไม่ได้มีแต่ข้อเสีย ถ้าใช้ในทางที่ถูก มันก็นำมาใช้ได้จริงๆ ถ้าเกิดเราใช้ในทางที่ดี มันก็จะดี แต่ถ้าเป็นกิจกรรมที่ไม่ดีเราก็เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่าครับ เล่นได้ไม่ผิดครับ มันเหมือนเป็นดาบสองคม ก็เลือกแต่สิ่งที่ดีๆ ลองบาลานซ์ดู และนำมาใช้ได้แล้วกันครับ

ส่วนเวลาที่เจอคอมเม้นต์แย่ๆ บนโซเชียลเน็ตเวิร์ก ชู้ตคิดว่ามันก็เป็นการแสดงตัวตนเขาแบบหนึ่งเหมือนกัน ถ้าเจอคอมเม้นต์แย่ๆ แบบนั้นก็อย่าไปใส่ใจดีกว่าครับ เขาไม่ได้รู้จักเรา ไม่ได้มาอยู่ใต้เตียงเรา (ฮ่าๆ) ทำอะไรไม่ได้ นอกจากไม่สนใจครับ
 

          เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับมุมมองชีวิตแบบหนุ่มอบอุ่นรักครอบครัวของพี่ชู้ต สุดท้ายนี้ก็อย่าลืมติดตามซีรีส์ My Dream The Series นายในฝัน ทาง LINE TV ทุกวันพุธ ตอน 19.00 น. กันนะคะ แล้วก็ฝากติดตามผลงานพี่ชู้ตกันได้ที่ IG @_cchoot จ้า

พี่ซาร่า
พี่ซาร่า - Columnist คอลัมนิสต์ประจำคอลัมน์ Lifestyle

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด