สวัสดีปีใหม่ครับ.. การสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นนอกจากจะต้องวัดความรู้กันที่สอบข้อเขียนแล้ว ยังต้องมาวัดความสามารถกันที่การสอบสัมภาษณ์อีกด้วย.. ซึ่ง พี่ลาเต้ ว่าหากพร้อมจริงๆ 2 ด่านนี้ถือว่าผ่านไปได้สบายมากครับ.. หากถามว่าสอบข้อเขียน กับสอบสัมภาษณ์ สิ่งไหนยากกว่ากัน.. ส่วนตัว พี่ลาเต้ แล้ว.. ขอยืมคุณหมอกฤษณ์คอนเฟิร์มดังๆ ว่า "สอบข้อเขียนยากกว่าครับ ยากกว่ามากๆ ด้วย" ..แต่ก็มีข้อที่น่าสังเกตจากน้องๆที่ พี่ลาเต้ ได้คุยด้วยหลายคน โดยแอบสังเกตมาว่า น้องๆ คนที่พูดไม่ค่อยเก่งจะบอกว่า "สอบสัมภาษณ์ยาก" ส่วนคนที่พูดเก่ง มักจะเห็นว่า "ข้อเขียนยากกว่า" ว่าแต่น้องๆ ชาวเด็กดีเห็นว่าสมมติฐานนี้ถูกต้องไหมครับ.. 555.. เอาหละครับ.. ไม่ว่าอะไรจะยาก หรือจะง่าย สิ่งสำคัญอยู่ที่การเตรียมตัวนะครับ.. และการสอบ 2 สิ่งนี้ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเตรียมตัว.. และวันนี้ พี่ลาเต้ ก็เลยมีเทคนิคการสอบสัมภาษณ์อย่างไรให้ "ผ่าน" ฉลุยมาฝากให้น้องๆแฟนประจำคอลัมน์แอดมิชชั่นให้ได้อ่าน และเตรียมตัวกันครับ.. พร้อมยัง พร้อมหรือยัง หากพร้อมแล้วไปกันเลย.. ก่อนอื่นต้องขอเริ่มต้นโดยการให้น้องๆลองดูก่อนว่า คณะ หรือมหาวิทยาลัย ที่เราอยากจะเข้าไปเรียนนั้น มีสัดส่วน และขั้นตอนการรับยังไงบ้าง..บางมหาวิทยาลัยคัดเข้ามาจำนวนมากๆจากข้อเขียนก่อน แล้วค่อยมาตัดสินคัดออกที่การสอบสัมภาษณ์ แต่ขณะเดียวกันบางมหาวิทยาลัยก็รับมาจำนวนที่พอดี ตามที่สถาบันกำหนดไว้ ซึ่งก็จะส่งผลให้โอกาสน้อยมากที่จะโดนคัดออกจากการสอบสัมภาษณ์ หากนักเรียนคนนั้นไม่ไหวจริงๆ.. ตัวอย่างเช่น มหาวิทยาลัยเด็กดี รับจากข้อเขียนมา 150 คน แต่สถาบันได้กำหนดการรับไว้ 50 คน ดังนั้น 150 คนที่ผ่านเข้ามาก็จะต้องมาวัดกันที่การสอบสัมภาษณ์ และจะมี 100 คนที่ต้องตกรอบสัมภาษณ์ไป ซึ่งจำเป็นอย่างมากที่ผู้สอบจะต้องอาศัยการเตรียมตัวอย่างดี..ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยดอทคอม คัดผ่านข้อเขียนมา 120 คน และสถาบันก็ตั้งเป้ากำหนดการรับไว้ที่ 120 คนเท่ากันพอดี ดังนั้น ผู้ที่ผ่านเข้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ จึงอาจจะไม่กดดัน หรือแข่งขันสูงเหมือนตัวอย่างก่อนหน้านี้..และบทความที่ พี่ลาเต้ นำมาฝากในวันนี้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับน้องๆที่กำลังประสบชะตากรรมตามตัวอย่างที่ 1 ส่วนตัวอย่างที่ 2 ก็ห้ามพลาดที่จะอ่านเพื่อเก็บข้อมูลเช่นกัน..
แต่งกายดี มีชัยไปกว่าครึ่ง.. สนามสอบสัมภาษณ์ทุกสนามสอบ เขาจะต้อนรับเฉพาะคนที่แต่งกายเรียบร้อยเท่านั้นครับ.. เรียบร้อยที่นี้ก็คือ เครื่องแบบนักเรียนมีมาแบบไหน ก็ให้แต่งตามนั้นเลย.. อาจารย์ที่มาสัมภาษณ์ในระดับมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ ท่านจะเป็นถึงระดับหัวหน้าภาค หัวหน้าเอก หรือบางคณะเป็นท่านคณบดีมาเองเลยก็มี.. ดังนั้นให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดไว้เสมอว่า ท่าจะเอาเด็กที่แต่งกายไม่เรียบร้อยเข้าไปเรียนให้อายคณะอื่น หรือเสียชื่อสถาบันหรือไม่.. มีประสบการณ์หนึ่งที่เกี่ยวกับการแต่งกายที่ พี่ลาเต้ อยากจะเล่าให้น้องๆ ฟัง.. มีน้องนักเรียนหญิงคนหนึ่ง เขารู้สึกกลุ้มใจมากๆ หลังจากที่ไปสอบสัมภาษณ์มา เขาเล่าว่า "วันนั้นได้ใส่ชุดนักเรียนถูกระเบียบ และรองเท้าพละผ้าใบสีขาวไปสอบสัมภาษณ์ โดยเตรียมข้อมูล และตอบคำถามได้เป็นอย่างดีทุกข้อ แต่ก็มาตกม้าตายตอนคณะกรรมการถามว่า.. "เธอใส่รองเท้าอะไรมา.." หลังจากนั้นก็ถูกคณะกรรมการตำหนิว่า หากจะแต่งตัวแบบนี้ไปเรียนคณะที่เกี่ยวกับพลศึกษาดีกว่าไหม" แล้วน้องๆ รู้ไหมครับว่า น้องผู้หญิงคนนี้พอประกาศผลก็ไม่ติดในคณะนั้นนะครับ.. เขาเลยเครียดมากๆ เพราะ 10 นาทีที่เข้าไปสอบสัมภาษณ์ดีหมดทุกอย่าง จนเขาก็มั่นใจว่าผ่านแน่ๆ ประสบการณ์นี้จึงถือเป็นบทเรียน และอุทาหรณ์ที่ พี่ลาเต้ อยากมาเล่าให้ฟังก่อนที่น้องๆ หลายคนจะต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ครับ.. ถามมาก็ตอบไป..อย่ากวน.. ทุกอย่างคือความจริง นี่คือสโลแกนของการสอบสัมภาษณ์ครับ.. เวลาคณะกรรมการท่านถามอะไรมา ห้ามไปลองของเด็ดขาด ท่านถามว่ารู้ไหม หากเรารู้ก็ตอบว่ารู้ หากไม่รู้ ก็ตอบไปว่า "ไม่แน่ใจ" อย่าเผลอหลุดมาว่า "ไม่รู้ ไม่ทราบ ไม่เคยได้ยินมาก่อน" จะทำให้ภาพลักษณ์ของเราขาดการเตรียมตัวทันที.. เมื่อปีก่อนในวันสอบสัมภาษณ์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พี่ลาเต้ ก็มีโอกาสได้ไปทำข่าวที่นั้นด้วย.. ด้วยความอยากรู้ อยากเห็นเลยแว้บไปถามอาจารย์ที่เป็นหัวหน้าคณะกรรมการว่า ท่านมีวิธีในการคัดเลือกเด็กจากการสอบสัมภาษณ์อย่างไร ซึ่งท่านก็ตอบมาน่าสนใจมากๆครับว่า.. "การสอบสัมภาษณ์รับตรง และยากกว่าการสอบสัมภาษณ์แอดมิชชั่น เพราะแอดมิชชั่นหากผ่านข้อเขียนแล้วน้อยมากที่จะโดนคัดออก เพราะคัดมาตามจำนวนอยู่แล้ว แต่หากเป็นรับตรงแล้วหละก็..บางที่ผ่านมา 50 แต่ต้องมาคัดให้เหลือแค่ 10 ซึ่งการแข่งขันจะสูงกว่ามากๆ" "หากเด็กไม่กวนอาจารย์ ก็จะไม่ให้ตก" นี่เป็นประโยคเด็ดที่อาจารย์ท่านบอกมาครับ.. ท่านยังแอบแย้มมาด้วยว่า บางครั้งอาจารย์อาจจะมีแกล้งนิด แกล้งหน่อยด้วยวาจาให้เราโมโห หากเราควบคุมสติ และอารมณ์ได้ก็จะถือว่าผ่าน ดังนั้นตามสโลแกนเลยครับ.. เข้าไปด้วยความอ่อนน้อม ตอบคำถามด้วยความมั่นใจ และใส่ใจในท่าทีของคณะกรรมการครับ.. มีเหตุการณ์หนึ่งที่อยากจะเล่าให้น้องๆ ฟังเกี่ยวกับการสอบสัมภาษณ์ของ นักเรียนชายของโรงเรียนชื่อดังคนหนึ่งครับ.. ได้ไปสอบสัมภาษณ์ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะกรรมการสัมภาษณ์ได้เอ่ยคำถามแรกโดยขอดูมือนักเรียนชายคนนั้น.. พร้อมกลับพูดเล่นๆมาว่า "มือสั้นนะ..จะเรียนได้เหรอ.." ด้านนักเรียนชายคนนั้นสวนกลับมาทันทีครับว่า "ถึงผมมือสั้น..ผมก็สามารถชกปากคนที่ดูถูกผมได้ครับ.." เท่านั้นแหละครับ.. ไม่มีการสัมภาษณ์ต่อ และนักเรียนคนนั้นก็ไม่ได้มาเหยียบมหาวิทยาลัยแห่งนั้นอีกเลย.. เอาหละครับ.. หมดเนื้อที่สำหรับครั้งนี้แล้ว..นี่เป็นแค่เทคนิคการสอบสัมภาษณ์ให้ "ผ่าน" ฉลุยในยกแรกนะครับ..ยกต่อๆไปห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะ พี่ลาเต้ จะมีเรื่องของ แฟ้มสะสมผลงาน และ คำถามที่ถูกถามบ่อยๆ มาเล่าให้ฟังครับ.. ส่วนรุ่นพี่คนไหนที่มีประสบการณ์ในการสอบสัมภาษณ์ดีๆ ก็เข้ามาเพิ่มเติมผ่านทางคอมเม้นด้านล่างได้เลยนะคร๊าบ..น้องๆ รออยู่..อิอิ..วันนี้ พี่ลาเต้ ไปแล้วเจอกันใหม่ในยกที่สองคร๊าบ..บ๊ายบาย..อิอิ.. |
>> ติดตาม เทคนิคการสัมภาษณ์ ยกอื่นๆ คลิกที่นี่ ครับ << |
64 ความคิดเห็น
อ่านไว้ ๆ อีก 3 ปีก็ได้สอบ ^^
แต่เราว่าเค้าก้ตอบถูกนะ แต่ยังไงก้ต้องควบคุมอาีรมณ์กันหน่อย ย
5555
ถึง น้องคห.2 หากขอมา เดี๋ยว พี่ลาเต้ จัดให้ครับ..รอติดตามนะคร๊าบ..
ขึ้นม.สี่แล้วอะพี่ เอาของเด็ กม.สี่มาฝากบ้า งสิ ^^ เดี๋ ยวจะรอนะ !!
เค้าจะสัมภาษณ์เป็นภาษาไทยหรือว่าภาษาต่างประเทศที่เราเลือกคะ?
ขอบคุณนะคะ
เราก็ต้อง "สร้างภาพ" เพื่อที่จะได้ผ่าน
555
fake ๆ
ตอนมือสั้นนี่ตอบแรงแฮะ สะอึกเลย โหะ ๆ
ไม่ได้เรียนที่ไทยอ่าค่ะ
ใส่เป็นชุดธรรมดา แต่เรียบร้อยได้หรือเปล่าคะ
เครียดๆ กลัวตกสัมภาษณ์เพราะพูดไม่เก่งนี่แหละค่ะ
ขอบคุณนะคะ สำหรับคำแนะนำ จะมาติดตามตอน 2 แน่นอน !!!
ก็เก็บกดนิดนึง
ยังได้เลย มันยัง งง เลย ว่าติดได้ไง แค่ไปสอบเล่นๆๆ
แต่ถ้าสถาบันที่ธรรมศาสตร์ จุฬา หรืออะไรก็ตาม อันนี้ค่อยมาอ่านของพี่ลาเต้
แต่ถ้าเราทำเป็นรู้มากไปก็ไม่ดีนะคับ เขาจะบอกว่า รู้หมดแล้วนิ มาเรียนทำไม เท่านี้ละคับ เราก็อ้าปากไม่ออก
หุหุ
แต่เราว่านะ ถ้าไม่รู้จริงๆ ก็บอกว่าไม่ทราบไปเลยดีกว่านะ ดีกว่าบอกว่าไม่แน่ใจ แล้วดันทุรังตอบไปนะ จากที่เราเคยไปสัมภาษณ์มานะ เค้าก็ไม่ถามความรู้เราเลย แค่พกความมั่นใจไป แล้วก็เตรียมเรื่องเกี่ยวกับคณะที่เราไปสัมภาษณ์หน่ะ
โหๆๆๆ มีใครกล้าด่ากรรมการผู้สอบสัมภาษณ์ด้วยหรอ