คณะศิลปศาสตร์ Issue 002 week2, September 2009
 
คณะศิลปกรรมศาสตร์
ตอนที่ 2/4 : จากรุ่นพี่ถึงรุ่นน้อง
 
ชีวิตในรั่วมหาวิทยาลัย

        
        เข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ของคณะในฝันประจำเดือนกันยายนกับคณะศิลปกรรมศาสตร์ วันนี้ พี่เป้ ควงรุ่นพี่ในรั้วมหาวิทยาลัยถึง 5 สาว 5 สไตล์ 5 สาขาวิชาเอก ! มาฝากน้องๆ กันเลยค่ะ เพื่อเอาใจน้องๆ ชาว Dek-D.com ที่อยากเข้าคณะนี้ซึ่งท่าทางจะมีอยู่ไม่ใช่น้อยเลย^^ เราไปดูกันเลยดีกว่าว่าทั้ง 5 สาวศิลปกรรม เค้ามีชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นยังไงกันบ้าง

 

     รุ่นพี่ คนที่ 1
สิริอาภา ลมะกานนท์ (ปุย) คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกออกแบบเครื่องประดับ ปี 1
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

 
พี่เป้ : ก่อนอื่นช่วยแนะนำตัวหน่อยค่ะ
พี่ปุย : สวัสดีค่ะ สิริอาภา ลมะกานนท์ ชื่อเล่นปุยค่ะ จบการศึกษาจากโรงเรียนรุ่งอรุณ ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัย
ศรีนครินทรวิโรฒ คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกออกแบบเครื่องประดับ ชั้นปีที่1 ค่ะ

พี่เป้ : ทำไมถึงสนใจอยากเรียนเอกออกแบบเครื่องประดับล่ะคะ ?
พี่ปุย : มศว มีชื่อเสียงเรื่องผลิตบุคคลากรที่มีคุณภาพค่ะ คุณแม่ก็แนะนำให้เข้าที่นี่ค่ะ ส่วนที่ปุยอยากเรียนออกแบบเครื่องประดับนั้นเป็นเพราะว่าปุยชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ พอเข้าช่วงวัยรุ่น
ก็เริ่มขีดเขียนออกแบบทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับค่ะ และอาชีพ
นักออกแบบเครื่องประดับไทยนั้นสามารถไปได้ไกลในตลาดโลก
เพราะนักออกแบบเครื่องประดับยังมีไม่มากในประเทศไทยค่ะ

พี่เป้ : การสอบตรงเข้ามาในคณะนี้เป็นยังไงบ้างคะ ?
พี่ปุย : การสอบของคณะศิลปกรรมนั้นจะมีสองช่วงค่ะ ช่วงแรกคือสอบข้อเขียน, ทฤษฎีและปฏิบัติค่ะ การสอบข้อเขียนนั้นจะสอบวิชาพื้นฐานทั่วไปค่ะ เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สังคม เรื่องทฤษฎีเป็นอะไรที่ยากมากค่ะ เพราะเค้าจะถามตั้งแต่เรื่องแร่ทางวิทยาศาสตร์ ไปจนถึงการชั่งตวงเพชร พลอย เป็นข้อสอบปราบเซียนจริงๆ
ส่วนปฏิบัตินั้น เค้าให้ออกแบบเครื่องประดับทั้งหมด 5 ชิ้นในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง แถมโจทย์ที่เค้าให้มาไม่ใช่โจทย์ง่ายๆ หมูๆ ปุยได้โจทย์ประมาณว่า จงออกแบบเครื่องประดับ สำหรับสวมใส่ในงานกลางคืน โดยสื่อออกมาให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของโลก วัฒนธรรม อารยธรรม ความดี ความชั่ว ส่วนช่วงที่สองคือ สอบสัมภาษณ์และส่ง Portfolio ค่ะ

พี่เป้ : แล้วการทำ Portfolio นั้น ควรมีเทคนิคการทำยังไงบ้างคะ?
พี่ปุย : Portfolio นั้น ต้องส่งทางมหาวิทยาลัยภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งเป็นอะไรที่กระชั้นชิดมากค่ะ ควรจะเตรียมตัวล่วงหน้าเอาไว้ให้พร้อม ที่สำคัญคือเราควรออกแบบ Portfolio ของเราให้สวยงามโดดเด่นที่สุด เน้นที่หน้าปกและเนื้อในด้วยนะคะ เพราะอันไหนไม่สะดุด ตากรรมการ เค้าจะโละทิ้งทันที ส่วน Portfolio ของปุยมีผลงานสะสมอยู่ประมาณ 40 ชิ้นค่ะ เราควรเลือกผลงานที่ดีที่สุดของเราใส่ไปในเล่ม และไม่จำเป็นต้องตรงกับเอกที่เราอยากจะเข้าเสมอไปค่ะ ปุยใส่ทั้งงานวาดเส้น ออกแบบเครื่องประดับ ออกแบบแฟชั่น
ภาพสีน้ำมัน สีน้ำ ส่วนตอนสอบสัมภาษณ์เราควรจะแต่งตัวให้เรียบร้อยที่สุด ตอนปุยสอบเค้าจะมีซองคำถามให้จับประมาณ 5 ซอง ปุยจับได้โจทย์ "จงอธิบายคำว่า concept" เราก็ต้องอธิบายให้กรรมการสอบฟังค่ะ

พี่เป้ : แล้วตอนปี 1 ได้เรียนอะไรไปบ้างคะ?
พี่ปุย : ชั้นปีที่1 จะเรียนวิชาสามัญทั่วไปค่ะ เช่น ภาษาไทย สังคม ICT ภาษาอังกฤษ ส่วนวิชาตามเอกนั้นจะแยกออกมาค่ะ ของปุย
จะเรียนการเขียนแบบซึ่งจะคล้ายกับวิศวะและสถาปัตย์ จะเรียนการออกแบบขั้นพื้นฐานต่างๆ ค่ะไม่ว่าจะเป็นลวดลาย หรือพื้นผิว และวาดเส้นค่ะ

พี่เป้ : การเรียนออกแบบเครื่องประดับมีความยากง่ายยังไบ้าง
พี่ปุย : ปุยว่าไม่มีส่วนไหนง่ายเลยนะคะ ฮ่าๆๆๆ เพราะว่างานทุกชิ้น อาจาร์ยจะเข้มงวดและให้เกรดยากมาก ถ้างานออกแบบชิ้นไหน
ของเราไม่ดี อาจารย์จะให้เรารีเกรดหรือทำใหม่หมดเลยค่ะ ซึ่งบางทีไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันเลยก็มี เราต้องมีความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา ต้องกระตุ้นตัวเองอยู่เสมอค่ะ

พี่เป้ : มีความภูมิใจต่อคณะและมศว ยังไงบ้างคะ ?
พี่ปุย : ปุยภูมิใจที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันนี้มากค่ะ เพราะเป็นมหาลัยอันดับ แรกๆ ของประเทศไทยที่เปิดมานานมาก แถมยังผลิตดารานักแสดงออกมาเยอะด้วยนะ อิอิ รวมถึงอาจาร์ยที่ใส่ใจ
นักเรียนและบรรยากาศที่เป็นกันเองในมหาวิทยาลัยค่ะ   

พี่เป้ : แล้วในอนาคตอยากทำงานอาขีพอะไรคะ
พี่ปุย : นักออกแบบเครื่องประดับค่ะ ปุยคงยึดเป็นอาชีพหลักและก็
คิดว่าจะรับช่วงต่อ กิจการส่วนตัวของที่บ้านด้วยค่ะ

พี่เป้ : ฝากถึงน้องๆ ที่อยากเรียนคณะนี้หน่อยค่ะ
พี่ปุย : สำหรับน้องๆ ที่อยากเข้าคณะศิลปกรรม เอกออกแบบเครื่องประดับนะคะ ไม่ยากเลยค่ะ ถ้าน้องๆ พยายามฝึกฝนฝีมือสะสมผลงานเอาไว้เยอะๆ แค่นี้คณะที่เราฝัน ก็ไม่ไปไหนแล้ว สู้ๆ นะคะน้องๆ

 

 



 

 

 

   รุ่นพี่ คนที่ 2
กรวีร์ ทิพย์สุข (เบล) คณะศิลปกรรมศาสตร์
สาขาการละคอน ปี 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์์
 

พี่เป้ : แนะนำตัวแก่น้องๆ ชาว Dek-D.com หน่อยค่ะ
พี่เบล : ชื่อ กรวีร์ ทิพย์สุข ชื่อเล่นเบลค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ที่
ธรรมศาสตร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาการละคอนชั้นปีที่ 3 ค่ะ

พี่เป้ : ทำไมถึงสนใจอยากเรียนสาขาการละคอนล่ะคะ ?
พี่เบล : ก่อนอื่นเลย ก็เพราะใจรักค่ะ เราชอบศิลปะ และศิลปะการแสดงก็เป็นรูปแบบหนึ่ง ที่มีความหลากหลาย อิสระได้โดยตัวมันเอง มันมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่ต้องใช้ร่วมด้วยที่ ไม่ใช่แค่ acting เช่น
ออกแบบฉาก การจัดระบบแสงละคอนเวที ร้องเพลงสำหรับละคอน ฯลฯ และที่เลือกจะเข้าธรรมศาสตร์เพราะว่าอยากเรียนที่นี่อยู่แล้ว เพราะอยากเข้ามาสัมผัส ความอิสระเสรีของที่นี่ มีกิจกรรมให้ทำเยอะจริงๆ

พี่เป้ : ตอนสอบแอดมิชชั่นมีวิธีเตรียมตัวยังไงบ้างคะ ?
พี่เบล : ตอนนั้น ก็อ่านหนังสือหนักมากๆ เน้นไปทางวิชาไทย สังคม อังกฤษ และทางคณะใช้เกณฑ์ที่สำคัญ คือ A-net ต้องได้
40 คะแนนขึ้นไปค่ะ แล้วก็มีการสอบ สอบแสดงความสามารถพิเศษ 3 นาที ตอนนั้นเราใช้ Contemporary Dance ไม่ได้มีพื้นฐานอะไรมาก เคยเรียนฮิพฮอพและแจ๊ส ก็ลงมือเต้นเลยค่ะ ตัดเพลงเอง
สร้างเรื่องราวเอง สิ่งสำคัญของละคอนไม่ใช่แค่ต้องมีความคิด
แต่ต้องลงมือทำจริงๆ ค่ะ

พี่เป้ : พอเข้ามาเรียนจริงๆ แตกต่างจากที่คิดไว้ตอนแรกมั้ย มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์เป็นยังไงบ้างคะ ?
พี่เบล : ก็แตกต่างกันตรงที่ว่า มันหนักกว่าที่คิดไว้มากค่ะ เราต้องเรียนภาษาอังกฤษกันหนักหน่อย เพราะหลักสูตรคณะดัดแปลงมาจากตะวันตก เรียนจิตวิทยา ปรัชญา บริหาร การออกแบบ แต่เมื่อเราได้ฝึกคิดฝึกทำแบบมีกระบวนการ มีที่มาที่ไป งานของเราที่สร้างออกมาก็มีคุณภาพมากและภูมิใจมากเมื่องานเสร็จ ^^

พี่เป้ : แล้วได้ร่วมกิจกรรมอะไรของคณะบ้างคะ ?
พี่เบล :ถ้าในคณะก็ทำตั้งแต่เป็น Back Stage ละคอนเวที คนทำพร็อพ ทำฉาก ทำเพลง ทำไฟ เป็นนักแสดง ถ่ายรูป(เยอะมาก)
เป็นคนสอนร้องเพลง ออกแบบท่าเต้น กำกับ ซึ่งตอนนี้ก็กำลังเรียนวิชากำกับละคอนเวทีอยู่ค่ะ ซึ่งสิ่งสำคัญคือต้องรู้ทุกอย่าง ในงาน
ละคอนจริงๆ ต้องใช้ประสบการณ์เยอะค่ะ ถ้ากิจกรรมข้างนอกก็จะเป็นทำค่ายออกค่ายอาสาสมัคร

พี่เป้ : ว่าแต่คณะศิลปกรรมศาสตร์ที่ธรรมศาสตร์มีความโดดเด่นยังไงบ้างคะ ?
พี่เบล :ที่จริงคณะนี้มี 2 สาขา อีกสาขาคือออกแบบพัสตราภรณ์
ก็คือพวกเสื้อผ้า แฟชั่นค่ะ แต่เหมือนเรียนศิลปะไปทาง art for allเลย สำหรับละคอนเราจะเน้นความคิดที่ออกนอกกรอบค่ะ เน้นสร้างนักศึกษาเป็นศิลปินที่สร้างสรรค์งานแบบใหม่ๆ ไม่ค่อยเหมือนที่ไหนค่ะ

 

พี่เป้ : แล้วในอนาคตอยากทำงานอะไรคะ ?
พี่เบล : ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากทำงานละคอนเนี่ยแหละค่ะ
ไม่ก็ทำงานออกแบบที่ใช้ทักษะที่ได้เรียนมาเสริม เช่น
เป็นออแกไนซ์ ทำภาพยนตร์

พี่เป้ : ช่วยฝากถึงน้องๆ ที่สนใจอยากเรียนคณะนี้หน่อยค่ะ
พี่เบล : นอกจากตั้งใจอ่านหนังสือกันอย่างหนักหน่วงแล้ว
พี่อยากให้น้องๆ ได้ออกมาเปิดโลกกว้าง ไม่ก็ฝึกดูงานศิลปะเยอะๆ ติดตามข่าวสารบ้านเมือง และฝึกภาษาอังกฤษไว้เยอะๆ เพราะเกณฑ์สอบตรงปีนี้ นอกจากแสดงความสามารถพิเศษแล้ว ก็มีข้อสอบภาษา อังกฤษโดยเฉพาะด้วยค่ะ หากน้องๆ สนใจดูภาพจากการเรียนของพี่ๆ ติดตามได้ที่ http://singumtugallery.multiply.com/photos ได้เลยนะคะ

 

 

รุ่นพี่ คนที่ 3 : ศราวรรณ สัครพันธ์ (อิ๊น)
คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาออกแบบนิเทศศิลป์
ปี 1 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
 

พี่เป้ : ช่วยแนะนำตัวแก่น้องๆ หน่อยค่ะ
พี่อิ๊น : ชื่อ ศราวรรณ สัครพันธ์ ชื่อเล่นชื่ออิ๊นค่ะ จบจาก ร.ร. ธัญบุรี จ.ปทุมธานีค่ะ :) ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาออกแบบนิเทศศิลป์ ปี 1ค่ะ

พี่เป้ : อะไรคือแรงจูงใจให้มาเรียนออกแบบนิเทศศิลป์คะ ?
พี่อิ๊น : ชอบระบายสี ชอบวาดรูป ช่วงม.ปลายก็อยากเรียน
จริงจังมากขึ้น ก็เลยขอคุณแม่ ไปเรียน Drawing เสริมพิเศษวันเสาร์ ตอนแรกก็นั่งคิดอยู่นานว่าเราจะเรียนอะไรดี เพราะศิลปกรรมมีสาขาให้เลือกเยอะมาก แต่ก็เลือกนิเทศศิลป์
เพราะคิดว่าใกล้ตัวเรามากที่สุด เราสามารถทำได้ดีที่สุดแล้ว

พี่เป้ : คณะศิลปกรรมศาสตร์ ที่มหาวิทยากรุงเทพเป็นยังไงบ้างคะ ?
พี่อิ๊น : ด้วยความที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ไม่เหมือนคณะอื่นตรงที่ เราจะง่ายๆ สบายๆ ชิลกันไป เราใช้คำว่า ไหล ! คือทำอะไรทันไม่ทัน หรือขี้เกียจก็ไหลกันไป ส่งงานไม่ทันก็ไหล ไหลมั้ย? ...ไหลดิ 55 ที่คณะมีเพลงไหลด้วยนะเออ 555 เหมือนเราได้มาเจอคนที่เหมือนกัน แล้วอะไรก็คล้ายๆ กันทำให้มันสนุกมาก ยิ่งห้องที่อยู่เป็นอะไรที่ เหมือนรู้จักกันมานานหลายปี สนิทกันไวมาก เล่นกันได้เหมือนเด็กๆ เลย 555 คณะนี้มีวิชาที่ต้องสอบน้อยมากๆ เลย อย่างอิ๊นนี่สอบไปแค่ 2 วิชาเอง นอกนั้นเป็นงานทั้งหมด ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี 5555

พี่เป้ : มีวิชาไหนที่น่าเรียนน่าสนุกบ้างคะ
พี่อิ๊น : มีวิชา 2D วิชานี้ออกแบบทุกอย่างทุกเทคนิค ทุกเนื้อหา ทั้ง line shape value texture ทุกงานไม่ได้ใช้คอมนะ ทำมือล้วนๆ วิชานี้แอบได้ A ยาก คนได้น้อยมาก อิ๊นยังได้มากสุดแค่ B+ เลย วิชานี้ถ้าเราไม่เข้าใจหัวข้อ ก็จะทำไม่ได้เลยนะ ยากอยู่หมือนกัน เคยขาดเรียนครั้งนึง อาทิตย์นั้นทำงานไม่ได้เลยเพราะไม่เข้าใจ เพื่อนก็อธิบายไม่ถูก เพราะมันต้องดูรูปตัวอย่างที่อาจารย์ให้ดูไง

พี่เป้ : คิดว่าคนที่เหมาะจะเรียนคณะนี้ ควรมีบุคลิกนิสัยเป็นยังไง
พี่อิ๊น : สิ่งแรกที่ทุกคนควรจะมีเลยคือความขยัน เพรางานจะเยอะมาก ย้ำว่าเยอะมากจริงๆ บางคนทำถึงตี 4 ทำถึงเช้าไม่ได้นอนกันเลยก็มี แล้วก็ต้องตั้งใจทำด้วย ถ้าเราทำแบบแค่ส่งๆ ผลมันมาอยู่กับเกรดเราเอง ที่สำคัญต้องส่งงานให้ตรงเวลานะ อย่าส่งเลทเด็ดขาด เพราะบาง วิชาเช่น Drawing ส่งเลทไม่ได้เลย ถ้าเราขยัน รับผิดชอบกระตือรือร้น ก็เรียนได้แล้ว

พี่เป้ : ในอนาคตอยากทำงานอะไรคะ
พี่อิ๊น : เมื่อก่อนคิดไว้เยอะมาก อยากเป็น artdirector เป็น
นักออกแบบกราฟฟิค เป็นครีเอทีฟ แต่พอมาเรียนแล้วทำให้รู้ว่า กว่ามันจะออกมาเป็นงานๆ นึง มันไม่ง่ายแบบที่เราคิดเมื่อก่อนนะ ก็เลยมาคิดอีกทีว่า ทำอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับสิ่งที่เราชอบที่เรารัก เราอาจจะอยู่ในทีมครีเอทีฟก็ได้ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นหัวหน้า เพราะงานพวกนี้มันอยู่ที่การแชร์ความคิด ทุกคนมีส่วนร่วมหมดอยู่แล้ว

พี่เป้ : อยากให้ช่วยฝากถึงน้องๆ ที่อยากเข้าคณะนี้หน่อยค่ะ
พี่อิ๊น : ก็อยากให้ทุกคนที่อยากเรียนคณะนี้ขยันค่ะ ไม่ต้องเก่งตั้งเเต่เริ่ม เเต่ใช้การฝึกฝนเเละความขยันเเทน มีความรับผิดชอบด้วยค่ะ อย่างที่บอกไปว่า งานเยอะมากจริงๆ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ คนที่อยากเข้าคณะนี้นะคะ สู้ๆค่ะ : )

 

 

                                               
                                                   

เพื่อนน้องอิ๊น วันหลังติดต่อลง Meet ได้มั้ยจ๊ะเพื่อนน้องอิ๊น วันหลังติดต่อลง Meet ได้มั้ยจ๊ะ

 

 

คนที่ 4 : จินศุภางค์ ชิวชรัตน์ (ติว)
คณะ ศิลปกรรมศาสตร์ เอกทัศนศิลปศึกษา ปี 5
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
 

 

พี่เป้ : ช่วยแนะนำตัวแก่ชาว Dek-D.com หน่อยค่ะ
พี่ติว : ชื่อ จินศุภางค์ ชิวชรัตน์ อายุ 22 ปี จบจากโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ตอนนี้กำลัง ศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกทัศนศิลปศึกษา เป็นหลักสูตร 5 ปี
ตอนนี้เรียนปีสุดท้ายแล้ว กำลังฝึกสอนอยู่ ที่โรงเรียนวัดสังเวช

พี่เป้ : ทำไมถึงสนใจอยากเรียนเอกทัศนศิลปศึกษาคะ
พี่ติว : เป็นคนที่ชอบศิลปะอยู่แล้ว แล้วก็อยากลองสอนศิลปะดู
รู้สึกว่าคณะนี้ เป็นคณะที่น่าสนใจ แล้ว มศว ก็เปนมหาวิทยาลัยที่ผลิตครูอันดับต้นๆ เลย

พี่เป้ : ตอนที่สอบเข้ามายังเป็นระบบเอนทรานซ์แบบเก่า แล้วมีวิธีเตรียมตัว ยังไงบ้างคะ
พี่ติว : ตอนที่เอ็นทรานซ์ก็มีการไปติววาดรูป อ่านประวัติศาสตร์ศิลป์ แล้วก็เอาข้อสอบเก่าๆ มาทำ เอาข้อสอบวัดแววความเป็นครูมาทำด้วย สนุกดี

พี่เป้ : บรรยากาศการเรียนเป็นยังไงบ้างคะ
พี่ติว : บรรยากาศการเรียนที่มหาลัยก็เรียนสบายๆ เรียนศิลปะที่ชอบ แต่ที่ มศว หลักสูตร 5 ปี(ที่เป็นครู) เค้าจะเน้นไปที่วิชาเกี่ยวกับครู
ซะเยอะ ต้องเรียนพวกจิตวิทยา วิจัย ฯลฯ ด้วย เรียกได้ว่าเป็นการเรียนที่เน้นไปทางครูจริงๆ! ส่วนวิชาที่น่าสนใจ ก็จะเป็นพวก วาดรูปที่เราชอบ ที่มหาลัยก็จะมีการจัดศิลปินมาสอน อย่างเช่น ได้เรียนกับอาจารย์ อารี สุทธิพันธุ์ รู้สึกสนุกมาก


 



พี่เป้ :
แล้วต้องมีการฝึกสอนด้วยหรือเปล่าคะ
พี่ติว :ตอนนี้ฝึกสอนอยู่ที่โรงเรียนวัดสังเวช สอนศิลปะ
ม.5-6 อยู่ นักเรียนที่โรงเรียนน่ารักดี แต่ที่โรงเรียนวัดสังเวชไม่ได้แบ่งว่า มีวิชาเลือกเสรี คือเราก็จะต้องสอนทั้งเด็กที่สนใจในศิลปะ กับเด็กที่ไม่สนใจศิลปะด้วย อันนี้ก็ถือเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่ง แต่ก็พยายามสอนให้สนุกสนาน

พี่เป้ : แล้วในอนาคตอยากทำงานอะไรคะ
พี่ติว : ในอนาคตอยากทำงานในด้านที่เราชอบนี่แหละ
ไม่ค่อยเกี่ยงว่าจะต้องเลิศหรู เอาเป็นงานที่เราทำแล้ว สนุกมีความสุขดีกว่า จริงๆ แล้วเดิมไม่อยากเป็นครู เพราะเป็น คนที่ไม่ชอบเด็ก แต่พอมาได้สอนจริงๆ มันก็โอเคเหมือนกันนะ ไม่ได้เลวร้ายมาก ฮ่าๆๆ

พี่เป้ : สุดท้ายนี้ช่วยฝากถึงน้องๆ ที่อยากเรียนคณะนี้หน่อยค่ะ
พี่ติว : คณะนี้เป็นคณะที่น่าสนใจทีเดียว มันทำให้ตื่นเต้นได้ ตลอดทั้ง 5 ปีที่เรียน จะมีนู่นนี่นั่นมาให้เรียนตลอด
ดีสำหรับ คนที่ชอบศิลปะทุกแขนงและรักที่จะสอน

 

 

 

 

คนที่ 5 : ภัทรพร เพชรมี (กิฟท์)
คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขานิเทศศิลป์
เอกคอมพิวเตอร์กราฟฟิค ปี 1 มหาวิทยาลัยบูรพา
 

 



พี่เป้ : ความยากง่ายของคอมพิวเตอร์กราฟฟิคอยู่ที่ไหนคะ
พี่กิฟท์ : ก็คล้ายๆ งานออกแบบนิเทศด้านอื่นๆ คือด้านความคิด เราต้องมีความคิดที่สร้างสรรค์และไม่ซ้ำคนอื่น ส่วนเรื่องวาดรูปหรือโปรแกรมต่างๆ ของแบบนี้มันสามารถฝึกหัดได้ค่ะ

พี่เป้ : แล้วถ้าวาดรูปไม่เก่งจะสามารถเรียนได้หรือเปล่าคะ
พี่กิฟท์ : เรื่องวาดรูป ถ้าเรามีพื้นฐานมาบ้างแล้วก็จะเป็น เรื่องที่ดีค่ะ จะช่วยให้เราเรียนทันคนอื่นๆ แต่ถ้าไม่มีพื้นฐาน มาก็อาจจะเรียนลำบากนิดหน่อย

พี่เป้ : แล้วในอนาคตอยากทำงานอะไรคะ
พี่กิฟท์ : จริงๆแล้วอยากเป็นแอนนิเมเตอร์เลยค่ะ (555)
แต่ความจริงก็ทำงานอะไรก็ได้ที่เกียวกับกราฟฟิค ออกแบบ หรืออะไรทำนองนี้ค่ะ

พี่เป้ : สุดท้ายอยากให้ฝากถึงน้องๆ ที่อยากเรียน ศิลปกรรมศาสตร์หน่อยค่ะ
พี่กิฟท์ : น้องที่อยากเรียนคณะนี้ สาขานี้ ที่ ม.บูรพาก็มีเปิด สอนค่ะ ลองสอบเข้ามาก็ได้ คนเราถ้าพยายามจนถึงที่สุด ก็จะสามารถทำได้แน่นอนค่ะ สิ่งสำคัญที่ต้องมีไม่ใช่ความเก่ง แต่เป็นความพยายามและอดทน พี่เองก็ไม่ได้มีความเก่ง เป็นทุนเดิม แต่อาศัยใจรัก และพยายาม ใครที่สนใจคณะนี้ ก็สู้ๆ นะคะ แล้วพี่จะเอาใจช่วย

พี่เป้ : แนะนำตัวหน่อยค่ะ
พี่กิฟท์ : สวัสดีค่ะ ชื่อภัทรพร เพชรมี ชื่อเล่นชื่อกิฟท์ค่ะ จบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย จากโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัยค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยบูรพา คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขานิเทศศิลป์ เอกคอมพิวเตอร์กราฟฟิคค่ะ

พี่เป้ : ทำไมถึงสนใจเรียนคอมพิวเตอร์กราฟฟิคล่ะคะ
พี่กิฟท์ : เพราะที่นี่มีคณะและสาขาที่เราอยากเรียนโดยตรงค่ะ พอดีชอบคอมพิวเตอร์ แล้วก็ชอบวาดรูป ชอบการ์ตูน สาขาคอมพิวเตอร์กราฟฟิค จึงเป็นสาขาที่ตรง และอยากเรียนมาที่สุดค่ะ

พี่เป้ : ได้ยินว่าสอบตรงของมหาวิทยาลัยเข้ามา เป็นยังไงบ้างคะ
พี่กิฟท์ : ตอนที่สอบเข้ามาก็สอบวาดเส้น(drawing) แล้วก็ความถนัดนิเทศศิลป์ค่ะ เป็นข้อสอบของมหาลัยเอง การเตรียมตัวก็ฝึกวาดรูปมาค่ะ มีเรียนพิเศษมาคอร์สเดียว แต่ที่สุดแล้วก็ต้องฝึกด้วยตัวเองค่ะ (แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ค่อยพร้อมเลย เพราะวาดรูปไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่) ส่วนเรื่องคะแนน ตอนนั้นอาจารย์ที่สัมภาษณ์ บอกว่าได้วาดเส้น 50 ความถนัดนิเทศศิลป์ 85 ค่ะ

พี่เป้ : แล้วการเรียนคอมพิวเตอร์กราฟฟิคเป็นยังไงบ้างคะ ต้องเรียนอะไรบ้าง
พี่กิฟท์ : เรียนปีแรกก็เป็นวิชาพื้นฐานค่ะ วาดเส้น องค์ประกอบศิลป์ มีอีกวิชาที่เป็น วิชาที่ได้เรียนแล้วสนุกมากคือ ครีเอทีฟค่ะ วิชานี้จะได้เรียนเขียนสตอรี่บอร์ด ได้ลองทำการ์ตูนสองมิติจริงๆ สนุกมากแต่ก็เหนื่อยมากเช่นกัน

 
 

       เป็นยังไงบ้างคะ อ่านกันจุใจเลยทีเดียวสำหรับบทสัมภาษณ์ของสาวๆ สไตล์ศิลปกรรมทั้ง 5 คน สิ่งหนึ่งที่พี่เป้สัมผัสได้จาก 5 คนนี้คือ ความเป็นตัวของตัวเองและความอารมณ์ดีของทั้งห้าสาว สมแล้วที่เป็นเด็กอาร์ทตัวจริง ! อย่างที่บอกไป ใครอยากเรียนคณะนี้ สิ่งที่ต้องมีคือความขยัน เพราะงานเยอะมากเลยทีเดียว อย่ายอมแพ้กันล่ะ !

พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

40 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
+:+PaYYY+:+ Member 9 ก.ย. 52 23:35 น. 3
คห1 ใช่ค่ะไม่เหมือนกัน ศิลปศาสตร์ก็คล้ายๆอักษรศาสตร์นั่นเอง ส่วนศิลปกรรมศาสตร์ก็จะอาร์ทๆ ศิลปะๆ (หรือพี่เขียนอะไรผิดไปหว่า)
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
bua 11 ก.ย. 52 17:27 น. 12
อยากทราบว่าข้อสอบภาษาอังกฤษ ของธรรมศาสตร์ ศิลปกรรม การละคอน ที่จะใช้สอบปีนี้
แนวข้อสอบจะเหมือน tu-get ปะค่ะ
หรือว่าไห้เขียน essay หรือว่าเป็นข้อสอบ ฝน แบบปกติค่ะ
TT
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Kaew Ko Member 12 ก.ย. 52 00:21 น. 15
มา มศว ดิ ดาราเยอะ เจอทุกวัน 5 5 ล้อเล่นนะ ศิลปกรรม มศว มีชื่อนะจ๊ะ แล้วก็ขอให้น้องๆที่จะสอบโชคดีนะคะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
MAYYY ' :)) Member 14 ก.ย. 52 15:30 น. 17
อยากเข้ามัณฑนศิลป์ ศิลปากรอะ

สาขาออกแบบภายใน

ตอนนี้เรากำลังเรียนอยุ่ :))


อยากเข้ามากๆ เลย xD
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด