เตือนภัย : ระวังค่าบริการ GPRS บนมือถือ

     …น้องๆ dek-d.com คนไหนที่ชื่นชอบในเทคโนโลยีใหม่ๆ ของโทรศัพท์มือถือ ขอบอกว่าต้องฟังเรื่องราว “เตือนภัยเด็กดี” ในวันนี้เลยนะคะ เพราะวันนี้พี่เหมี่ยวมีข่าวคราวเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ GPRS ที่อาจจะเพิ่มค่าใช้จ่ายให้น้องๆ แบบไม่รู้ตัวมาอัพเดทให้ฟังกันค่ะ ...

     นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เปิดเผยว่า โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่พัฒนาศักยภาพสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ สร้างความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการมากขึ้น แต่มีประเด็นที่ สบท.อยากเตือนจากข้อมูลของหน่วยบริการประชาชน พบว่าระยะหลังเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการคิดค่าบริการ จากการใช้บริการ GPRS หรือการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านมือถือเพิ่มมากขึ้น

{pic-desc}

เช่น ผู้บริโภคมีการใช้บริการ GPRS เกินวงเงินเหมาจ่ายโดยไม่รู้ตัว แล้วถูกเรียกเก็บค่าบริการย้อนหลัง หรือซื้อโทรศัพท์มือถือมาแล้วไม่ทราบว่าเครื่องเป็นระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตอัตโนมัติ 24 ชั่วโมง ซึ่งโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ที่ใช้ 3G ได้ หลายรุ่นจะเปิด GPRS มาให้โดยอัตโนมัติ เนื่องจากเป็นระบบที่ตอบสนองพฤติกรรมของชาวต่างชาติที่ใช้ดูความเคลื่อนไหวของอี-เมลตลอดเวลา เมื่อนำเข้ามาจำหน่ายในไทย ผู้บริโภคหลายคนอ่วมกับค่าบริการ เพราะไม่ทราบ และไม่รู้ด้วยว่าปิดบริการไม่ได้ ยกเว้นต้องปิดเครื่องไปเลย

     "ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บริโภคอาจไม่เข้าใจเรื่องการคิดค่าบริการ GPRS อย่างถ่องแท้ ซึ่งปกติจะมีสองระบบ แบบหนึ่งคือคิดเป็นเวลา เช่น นาทีหรือชั่วโมงละ...บาท อีกแบบคือคิดเป็นจำนวนข้อมูลที่รับส่ง เช่น คิด 12 สตางค์ต่อ 1 Kb ในการเลือกใช้ผู้บริโภคอาจพิจารณาจากพฤติกรรมการใช้ของตนเอง เช่น ผู้บริโภครายหนึ่งคิดว่าตัวเองใช้ GPRS ไม่มาก จึงเลือกจ่ายแบบ 12 สตางค์ต่อ 1 Kb ผลปรากฏว่าผ่านไปเดือนเดียวถูกเรียกเก็บ 16,000 บาท เพราะเข้าไปดึงข้อมูลจากเว็บที่ใหญ่ หรือตัวอย่างอีกรายหนึ่ง ใช้ระบบเหมาจ่ายเดือนละ 40 ชั่วโมง ปรากฏว่า ส่วนที่เกิน 40 ชั่วโมงก็โดนไปหลายพัน เพราะไม่ใช่ว่าใช้ครบ 40 ชั่วโมงแล้วเขาจะตัดอัตโนมัติ ดังนั้น ผู้บริโภคต้องตรวจสอบทั้งเรื่องเวลาการใช้งานและปริมาณข้อมูลให้ดี ไม่เช่นนั้นต้องจ่ายส่วนที่เกินแทบไม่มีเงินเหลือ" ผอ.สบท.กล่าว และว่า ยังต้องพิจารณาจากพื้นที่การใช้งาน เช่น มือถือบางรุ่นจะเชื่อมต่อ wi-fi ได้ ทำให้เราสามารถเข้าอินเตอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องเสียเงินค่าจีพีอาร์เอส

     นอกจากนี้ ยังมีผลการสำรวจล่าสุดของ เทรนด์ ไมโคร ระบุว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่เชื่อว่าการใช้โทรศัพท์มือถือปลอดภัยกว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) เห็นจากการที่พวกเขาไม่ได้ดำเนินการอย่างปลอดภัยในการเรียกดูเว็บไซต์ผ่านโทรศัพท์มือถือของตน ผลการสำรวจพบว่า 44% ของผู้ตอบแบบสำรวจในจำนวนกว่า 1,000 คน ไม่ใส่ใจในเรื่องของความปลอดภัยเมื่อใช้อินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือของตน

จะเห็นได้ว่าผู้ตอบแบบสำรวจมีความกังวลเกี่ยวกับการสูญหายของข้อมูล เช่น หมายเลขที่ติดต่อในโทรศัพท์อันเนื่องมาจากตัวเครื่องโทรศัพท์หายไปมากกว่าการที่ข้อมูลสูญหายไปเพราะภัยคุกคามบนเว็บและการโจมตีแบบฟิชชิงหรือสแปม มีเพียง 23% เท่านั้นที่ติดตั้งซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยไว้ในโทรศัพท์มือถือของตน โดยบางรายเชื่อว่าไม่มีประโยชน์ที่จะใช้ซอฟต์แวร์ดังกล่าว เนื่องจากไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยใดๆ กับโทรศัพท์มือถือ

{pic-desc}

     ผลสำรวจของเทรนด์ ไมโคร ระบุว่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว สมมติฐานของผู้ใช้ที่ว่าโทรศัพท์มือถือมักถูกมองข้ามจากเหล่าอาชญากรไซเบอร์นั้นไม่ถูกต้อง เนื่องจากภัยคุกคามต่ออุปกรณ์เคลื่อนที่เกิดขึ้นมาโดยตลอดในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา นักวิจัยจากบริษัท เทรนด์ ไมโคร มักตรวจพบมัลแวร์ที่พุ่งเป้าไปที่โทรศัพท์มือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการซิมเบียน เช่น SYMBOS_BESELO.A, SYMBOS_VIVER.A, SYMBOS_FEAKS.A และ SYMBOS_YXES.B ตลอดจนมัลแวร์มือถืออื่นๆ ที่เป็นที่รู้จักกันดี เช่น WINCE_INFOJACK.A และ WINCE_CRYPTIC.A ซึ่งมีเป้าหมายเป็นโทรศัพท์มือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ มัลแวร์มือถือดั้งเดิมเหล่านี้ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน

{pic-desc}

     และด้วยด้วยปัจจุบันโทรศัพท์มือถือถูกใช้งานที่เกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ตมากขึ้น และผู้ใช้จำนวนมากต้องอาศัยอุปกรณ์ดังกล่าว ดำเนินธุรกิจในแต่ละวัน ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จากฟิชชิงและภัยคุกคามบนเว็บอื่นๆ จึงเริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้น เมื่อทราบแบนี้หากน้องๆ dek-d.com คนไหนเป็นบริการระบบดังกล่าวก็ควรระมัดระวังเมื่อท่องเว็บผ่านโทรศัพท์มือถือเนื่องจากอาจติดมัลแวร์โดยไม่รู้ตัวและทำให้เกิดการสูญเสียข้อมูลได้ค่ะ นอกจากนี้หากน้องๆ ใช้บริการดังกล่าวควรติดตั้งซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยเพื่อจะได้สามารถป้องกันอุปกรณ์เคลื่อนที่ของน้องๆ ไม่ให้ติดมัลแวร์อีกด้วย และน้องๆจึงควรมีโซลูชั่นหรือซอฟต์แวร์ป้องกันข้อมูลไว้ตลอดเวลาด้วยค่ะ

     และนี่ก็คือเรื่องราวเตือนภัยในวันนี้ค่ะ ถ้าน้องๆ dek-d.com คนไหนมีเรื่องราวเตือนภัยดีๆ ก็สามารถมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้ที่นี่นะคะ

พี่เหมี่ยวขอขอบคุณ : ข้อมูลประกอบจากมติชนออนไลน์

พี่เหมี่ยวขอขอบคุณ : ภาพประกอบจาก marinerthai.com ค่ะ