หลังจากที่การสอบ A-Net ในปีนี้...มีการจับได้ว่ายังคงมีนักเรียน 2 คนที่ยังฝ่าฝืนทุจริตข้อสอบอยู่...ซึ่งล่าสุดทางคณะกรรมการสอบ A-Net ได้ออกมาเปิดเผยแล้วว่า นักเรียน 2 คนที่ทุจริตนั้นเป็นเด็กซิ่ว จากกรณีการทุจริตการสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง หรือเอเน็ต ซึ่งเป็นนักศึกษาปี 1 จำนวน 2 ราย รับส่งเอสเอ็มเอสระหว่างกันจากสนามสอบมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ไปยังสนามสอบ โรงเรียนหอวัง ซึ่งขึ้นกับศูนย์สอบมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อวันที่ 10 มี.ค.เวลา 13.30 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ นายบุญลือ ประเสริฐโสภา รมช.ศึกษาธิการ หารือร่วมกับ นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) นางศศิธร อหิงสโก ผอ.กลุ่มรับนักศึกษาเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา และนายบพิธ จารุพันธ์ ประธานอนุกรรมการศูนย์สอบ ม.เกษตรศาสตร์ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้น นายบุญลือ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ภาพรวมการสอบเอเน็ตค่อนข้างน่าพอใจ แต่จับทุจริตการสอบได้ 2 ราย เป็นนักศึกษาปี 1 มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ด้วยการนำโทรศัพท์มือถือเข้าห้องสอบ 2 เครื่อง และปิดเครื่องหนึ่งวางไว้ใต้ที่นั่งสอบ และซุกซ่อนอีกเครื่องหนึ่งไว้ แต่ถูกจับได้ในที่สุด ซึ่งโทษของการทุจริตคือ ปรับตกทุกวิชาและไม่สามารถสมัครแอดมิชชั่นได้ 3 ปี แต่เนื่องจากผู้ทำผิดทั้ง 2 คนเป็นนักศึกษาปี 1 จึงมอบหมายให้นายสุเมธประสานไปยังมหาวิทยาลัยต้นสังกัด พิจารณาลงโทษตามระเบียบของมหาวิทยาลัยต่อไป ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่าเป็นการทำผิดของนักศึกษาเพียง 2 คน เป็นลักษณะของเพื่อนช่วยเพื่อน และหมายเลขที่ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือก็เป็นของนักศึกษา 2 คน ไม่มีคนอื่น จึงเชื่อว่าไม่ได้โกงเป็นขบวนการ นายบุญลือ กล่าวอีกว่า สำหรับการล้อมคอกการทุจริต โดยเฉพาะเรื่องการนำเครื่องมือสื่อสารเข้าห้องสอบนั้น จะต้องหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และหามาตรการดูแลเพิ่มเติม ซึ่งมีการพิจารณาถึงการตัดสัญญาณโทรศัพท์ บริเวณสนามสอบ แต่ต้องใช้งบประมาณมากขึ้น จึงต้องคิดดูก่อน และคิดว่ายังมีวิธีอื่นที่นำมาใช้แทนได้ เช่น การตรวจตราให้เข้มงวดขึ้น ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการจะสั่งห้ามเด็กนำโทรศัพท์มือถือมาที่สนามสอบก็ได้ แต่ไม่อยากขัดแย้งกับผู้ปกครอง ซึ่งเข้าใจดีว่าต้องการใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกับบุตรหลานของตนเอง ด้าน นายสุเมธ กล่าวว่า ขณะนี้ทราบชื่อและมหาวิทยาลัยของนักศึกษาทั้ง 2 คน และได้แจ้งอธิการบดีให้ทราบแล้ว ก็สุดแท้แต่อธิการบดีจะพิจารณาลงโทษตามระเบียบของมหาวิทยาลัย ที่ผ่านมา สกอ.ก็เคยจับทุจริตได้ และมหาวิทยาลัยลงโทษถึงขนาดไล่ออก สำหรับแนวทางป้องกันการทุจริตในการสอบครั้งต่อไปนั้น ต้องหารือผู้เกี่ยวข้องก่อน ส่วนข้อเสนอให้ใช้เครื่องสแกนตัวนักเรียนก่อนเข้าห้องสอบนั้น คงทำได้ลำบาก เพราะมีห้องสอบเป็นพันๆห้อง และบทลงโทษที่วางไว้คือห้ามแอดมิชชั่น 3 ปี แต่การเข้ามหาวิทยาลัยยังมีอีกหลายวิธี เช่นรับตรง หรือมหาวิทยาลัยอื่นๆที่ไม่ได้ร่วมในระบบแอดมิชชั่น หากสังคมต้องการให้ทบทวนบทลงโทษ โดยห้ามเด็กทุจริตเข้ามหาวิทยาลัยเอกชน ก็สามารถทบทวนได้ แต่ในปีนี้บทลงโทษจะทำเท่าที่กำหนดไว้ ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวยังได้รับการเปิดเผยจาก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. ศึกษาธิการ ถึงเรื่องนี้ว่า หลังเกิดเหตุการทุจริตโอเน็ต ได้กำชับให้ทุกๆฝ่ายที่เกี่ยวข้องหาทางป้องกันการทุจริตอย่างเข้มงวด แต่เด็กทั่วประเทศมีอยู่หลายล้านคน เด็กที่ทุจริตในการสอบอาจเป็นเด็กที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะหากผ่านการสอบมาด้วยการทุจริตก็คงไม่สามารถเรียนในระดับอุดมศึกษาต่อไปได้ ถึงแม้จะจับตัวผู้กระทำผิดไม่ได้ แต่ในใจของเด็กจะเกิดความรู้สึกผิดตลอดเวลา และคงไม่มีความภาคภูมิใจในตัวเองแน่นอน ดังนั้น ตนไม่อยากให้เด็กต้องทำลายอนาคตตัวเอง อยากฝากไปถึงครูแนะแนวและผู้ปกครองว่า ต้องเร่งปลูกฝังจิตสำนึกของเด็กเกี่ยวกับหน้าที่ความรับผิดชอบ รวมทั้งเรื่องของคุณธรรมและจริยธรรมในการสอบด้วย ที่ผ่านมาครูจะสอนแต่วิชาการเพียงอย่างเดียวจนลืมเรื่องการทุจริต และในการสอบครั้งต่อไป คงต้องกำชับให้มีการกวดขันมากขึ้น โดยไม่ให้เปิดโทรศัพท์มือถือหรือใส่นาฬิกา รวมทั้งเครื่องประดับอื่นๆ อาทิ สร้อยคอ กำไล ต่างหู เข้าห้องสอบ เพราะต่อไปอาจจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆเกิดขึ้นอีก
จะยังไงก็ตามนะครับ...พี่ลาเต้ สัมผัสได้ถึงความกดดันของน้องๆทุกคนที่ผ่านการสอบในครั้งนี้ และเหตุการณ์อย่างนี้ก็เป็นผลจากการกดดัน เครียด ยังไงก็เอาใจช่วยน้องๆทุกคนนะครับ ไม่ว่าจะเป็นน้อง ม.6 หรือ เด็กซิ่ว ก็ตาม สู้ๆๆครับ... |
พพี่ลาเต้ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐพ |
14 ความคิดเห็น
--* ประเทศไทยของชั้น