พี่ลาเต้ เชื่อว่าชาวเด็กดีหลายๆคน ต้องเคยมีความฝันอยากเป็นครูกันบ้างหละ พี่ลาเต้ ก็เคยครับ เคยฝันอยากเป็นครูภาษาไทย แต่พอโตมาความคิดก็เปลี่ยนไป ซึ่งก็ตรงกับบทความเรื่องที่ พี่ลาเต้ นำมาให้ชาวเด็กดีได้อ่านกันในวันนี้..เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ความฝันอยากเป็นครูเพศศึกษาครับ พวกเขาจะทำฝันมันได้ไหม เราไป อัพเดท กันเลย


           "ผมอยากเป็นครูครับ หนูอยากเป็นครูค่ะ" คำตอบครั้งวัยเยาว์ของเด็กน้อยหลายคน เมื่อถูกผู้ใหญ่ถามถึงอาชีพในอนาคต ซึ่งความใฝ่ฝันในอาชีพ "แม่พิมพ์ของชาติ" นั้น คงหมายถึงการเป็นครูสอนวิชาวิทย์ คณิต อังกฤษ สังคม ภาษาไทย โดยที่ไม่มีใครนึกถึงการเป็นครูสอน "วิชาเพศศึกษา"


           ยิ่งกาลเวลาผ่านไป จำนวนเด็กที่ต้องการสานต่ออาชีพครูก็ยิ่งลดน้อยถอยลง เนื่องจากการได้สัมผัสโลกกว้างและได้รู้จักอาชีพที่หลากหลายมากขึ้น แต่ยังมีเยาวชนอีกหลายคนที่ยังคงมุ่งมั่นในการเป็นแม่พิมพ์ของชาติ เช่น ..ศิริญา สุดโต หรือ ปู และ ..กฤษณา ทองปลาย หรือ กฤษ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 เอกสังคม ศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ที่นอกจากจะมีความมุ่งมั่นใน การเป็นครูสอนวิชาสังคมให้เด็กๆ แล้ว ทั้ง 2 คนยังตั้งใจจะเป็น "ครูเพศศึกษา" ทั้งที่วิชาดังกล่าวยังไม่เป็นที่แพร่หลาย


           จุดเริ่มต้นของความตั้งใจเพื่อเป็นครูเพศศึกษาของปูและกฤษค่อยๆ ก่อตัวขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่สนุกสนานของการเรียนวิชาเพศศึกษาจากรั้วมหาวิทยาลัย โดยคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี หนึ่งในสิบมหาวิทยาลัยราชภัฏที่ร่วมโครงการเพศศึกษาเพื่อเยาวชน "ก้าวย่างอย่างเข้าใจ" ดำเนินงานร่วมกับองค์การแพธ สนับสนุนโดยกองทุนโลก เพื่อผลักดันให้วิชาเพศศึกษาเป็นวิชาเลือกสำหรับนักศึกษาสายครุศาสตร์ ซึ่งจะต้องผ่านการเรียนเพศศึกษาจากอาจารย์ในคณะ และฝึกฝนทักษะการจัดการเรียนรู้เพศศึกษาระหว่างการฝึกสอนแก่นักเรียนใน โรงเรียนระดับมัธยมควบคู่กับการฝึกสอนวิชาเอก


           ปูเล่าว่า "ได้เรียนวิชาเพศศึกษาในคณะครุฯ ตอนปี 3 เทอม 2 รู้สึกชอบวิชานี้มาก เพราะเป็นวิชาที่เรียนสนุก และอาจารย์ก็มีวิธีการสอนที่น่าสนใจ บางเนื้อหาของวิชาเพศศึกษาเป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน เช่น คำศัพท์ต่างๆ หรือความรู้เรื่องการรักเพศเดียวกัน พอมาฝึกสอนวิชาเพศศึกษาในปี 4 ก็รู้สึกตื่นเต้น เพราะเป็นครูฝึกสอนรุ่นแรกที่ได้สอนวิชาเพศศึกษา"


           เมื่อไม่นานนี้ ปูและกฤษฝึกสอนวิชาเพศศึกษาควบคู่กับวิชาสังคมที่โรงเรียนอนุบาลวัดไชยชุมพลชนะสงคราม จังหวัดกาญจนบุรี โดยสอนวิชาสังคมศึกษาให้นักเรียนชั้นม.2 จำนวน 3 ห้อง และได้รับอนุญาตให้สอนวิชาเพศศึกษาในวิชาแนะแนว โดยทั้งคู่จะช่วยกันสอน เมื่อถึงวิชาเพศศึกษาจะแบ่งหน้าที่ตามความถนัดของแต่ละคน ปูจะเป็นผู้คิดเทคนิคการใช้กิจกรรมสันทนาการให้เข้ากับเนื้อหาบทเรียน ส่วนกฤษมักจะรับหน้าที่เป็นผู้สรุปประเด็นของบทเรียนในแต่ละคาบ


           "ตอนแรกที่มาขอฝึกสอนวิชาเพศศึกษาในโรงเรียน ครูที่โรงเรียนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจว่าสอนเรื่องอะไร เนื้อหาจะซ้ำซ้อนกับวิชาสุขศึกษาหรือเปล่า แต่พอมีการจัดอบรมครูพี่เลี้ยงในเรื่องเพศศึกษา ครูหลายท่านก็เข้าใจมากขึ้น โรงเรียนจึงจัดเวลาให้ลงสอนในชั่วโมงแนะแนว ซึ่งเป็นคาบสุดท้ายก่อนโรงเรียนเลิก"


           การจัดให้เพศศึกษาเป็นคาบสุดท้ายก่อนโรงเรียนเลิก ทำให้มีเด็กบางคนใจจดจ่อรอเวลาเลิกเรียนอยู่บ้าง แต่สองว่าที่คุณครูคุณใหม่ต่างงัดไม้เด็ดที่จะดึงดูดให้นักเรียนมีสมาธิอยู่กับการเรียนและร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนและครูอย่างสนุกสนาน ด้วยการเชื่อมโยงเรื่องฮิต อินเทรนด์ของวัยรุ่นเข้ากับเนื้อ หาของบทเรียนเพศศึกษา มีตั้งแต่เรื่องแฟชั่นการแต่งกาย เพลงฮิตติดชาร์ต ข่าวดาราวัยรุ่น ฯลฯ แทรกไปกับการสอนเพศศึกษา และสอดคล้องกับเนื้อหาการสอนในแต่ละคาบ


           "เนื้อหาหลักในการจัดการเรียนการสอนเพศศึกษานำมาจากคู่มือการจัดการเรียนการสอนสำหรับ ม.2 ของโครงการก้าวย่างอย่างเข้าใจ โดยมีแผนการเรียนรู้ที่มีสาระสำคัญแตกต่างกันในแต่ละคาบ คาบแรกๆ ของการเรียนเพศศึกษามีเด็กบางคนอาย พอให้วาดรูปสรีระก็จะวาดเสื้อผ้ามาปกปิด เพราะคิดว่าเป็นเรื่องทะลึ่ง เราต้องบอกเด็กว่าให้วาดออกมาเป็นธรรมชาติ เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ แต่หากเป็นบทเรียนเรื่องสัมพันธภาพ นักเรียนก็จะอายน้อยลง และเกิดความสนุกที่จะมีส่วนร่วมมากขึ้น"


           ด้วยใจรักที่มีต่อการสอนเพศศึกษาของครูฝึกหัด 2 คนนี้ นอกจาก จะสะท้อนให้เห็นความตั้งใจในการเตรียมการสอนแล้ว อุปกรณ์และเครื่องมือสำหรับจัดการเรียนรู้ในแต่ละบทเรียนยังเป็นสิ่งที่ช่วยกันจัดหามา เพื่อให้ลูกศิษย์ของพวกเขาได้เรียนรู้เพศศึกษาผ่านสื่อการสอนที่จะช่วยสร้างความเข้าใจ จดจำ และนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิต ได้ถูกต้อง


           หลังจากผ่านการฝึกสอนเพศศึกษามาได้ช่วงหนึ่งในโรงเรียนอนุบาลวัดไชยชุมพลชนะสงคราม กฤษเล่าว่า "อยากให้นักเรียนมีโอกาสเรียนเพศศึกษาตั้งแต่เล็กๆ แทนที่จะเรียนเมื่อโตขึ้น เพราะในความเป็นจริงเด็กส่วนใหญ่เรียนรู้เรื่องเพศจากสื่อและนำไปเลียนแบบ ตั้งแต่เด็กๆ ดังนั้น เราควรสอนให้เขามีความรู้เรื่องเพศศึกษาที่ถูกต้องตั้งแต่เด็กเลย"


           เมื่อสิ้นสุดการฝึกสอนเพศศึกษาและสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี การสอนเพศศึกษาจะยังคงติดตัวครูในอนาคต 2 คนนี้ต่อไปหรือไม่ ทั้งสองตอบอย่างมุ่งมั่นว่า


           "เมื่อเรียนจบอยากสานต่อการเป็นครูเพศศึกษา หากโรงเรียนที่ไปสอบบรรจุไม่มีการสอนวิชาเพศศึกษาโดยตรง ก็อยากจัดการสอนแบบสอดแทรกในคาบแนะแนวหรือคาบโฮมรูม หรือเปิดเป็นชมรม ชุมนุมภายในโรงเรียน


            "อย่างน้อยขอมีพื้นที่เล็กๆ ในโรงเรียนที่สามารถให้เยาวชนได้รับความรู้เรื่องเพศศึกษาบ้าง"


            นับว่าเป็นความฝันที่บริสุทธิ์มากเลยนะครับ พี่ลาเต้ ขอยกย่อง และเอาใจช่วยในการสร้างความฝัน และความรู้ให้เด็กนักเรียนของ 2 สาวนี้ด้วยครับ

 

 พี่ลาเต้ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด

 
พี่ลาเต้
พี่ลาเต้ - Columnist นักข่าวสายการศึกษา เกาะติดทุกข่าวแทนน้องๆ ตัวถีบ ตัวดันให้ ม.6 สอบติด

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

18 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
napatson 18 มิ.ย. 51 12:26 น. 18
ก้อดีนะคะที่มีการจัดการเรียนการสอนเรื่องเพศศึกษาเพราะในปัจจุบันจะเข้าใจแบบผิดที่คิดว่าการเรียนเพศศึกษามักจะเรียนเกี่ยวกับเซ็กซ์ซึ่งไม่ใช่ความจริงค่ะเรียนแล้วจะรู้แล้วกันเพราะในปัจจุบันจะไม่มีการเราทุกคนควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้นะคะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด