สวัสดีค่าน้องๆ... นึกถึงหน้าร้อนขึ้นมาทีไร น้ำอัดลมก็ผุดตามมาด้วยทุกที เหมือนเป็นฝาแฝดกัน ก็เพราะอากาศร้อนๆ มันต้องการความสดชื่นให้ชีวิตใช่มั้ยล่ะ แต่ท่าทางจะเกินความจำเป็น เพราะซัดน้ำอัดลมทุกวัน วันละ 2 ขวด ><
ล้อเล่นค่ะ^^ น้ำอัดลมไม่ได้แอ้มเงินพี่มิ้นท์หรอก เพราะไม่ชอบกินน้ำอัดลมเลย และยิ่งได้เขียนบทความนี้ให้น้องๆ อ่าน ก็ยิ่งไม่อยากกินเข้าไปใหญ่ เพราะอะไรต้องอ่านดูค่ะ บางทีอาจจะอยากเลิกกินไปเลยก็ได้
"น้ำอัดลม" ไม่ว่าจะยี่ห้ออะไร ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า "อัดลม" เพราะฉะนั้นส่วนประกอบสำคัญก็คงเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ ที่ทำให้น้ำอัดลมซ่า โดยจะใช้ความดันอัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ไปทำปฏิกิริยากับน้ำ ซึ่งปฏิกิริยานี้ทำให้เกิดกรดคาร์บอนิกด้วย ผลที่ตามมาก็จะมีฟองฟู่ฟ่าอย่างที่เราเห็น เวลากินตอนเหนื่อยๆ หรือกระหาย นึกว่าได้ขึ้นสวรรค์ไปแล้ว เพราะมันสดชื่นมากๆ แต่ในทางตรงกันข้ามกรดนี้สามารถกัดกระดูกและฟัน อาจทำให้เกิดฟันผุ กระดูกผุได้ค่ะ เรียกว่าประโยชน์กับโทษสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นต้องใช้วิจารณญานในการดื่มด้วยนะคะ
อีกส่วนประกอบหนึ่งก็คือน้ำตาล เพื่อให้เกิดความหวาน สดชื่นนั่นเอง น้ำตาลที่ใช้จะเป็น ซูโครส แต่บางชนิดจะใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล เช่น แอสปาเตม ฯลฯ ซึ่งจะใส่ในน้ำอัดลมประเภทโลวแคลอรี แต่ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลหรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาลก็ไม่ดีทั้งคู่นะคะ น้ำตาลทำให้อ้วน รู้หรือไม่ว่าน้ำอัดลม 1 กระป๋อง มีพลังงานทั้งหมด 240 กิโลแคลอรี่ เท่ากับกินข้าว 3 ทัพพี ><!! ไม่อ้วนให้รู้ไป ส่วนสารให้ความหวานก็อาจเป็นพิษต่อร่างกาย ทำให้ท้องร่วง อาเจียน ไปจนถึงเป็นมะเร็งได้
นอกจากส่วนประกอบหลักทั้งสองแล้ว ยังมีส่วนประกอบอื่นๆ ที่น่าสนใจปนน่ากลัวอีก เช่น กรดฟอสฟอริก เป็นกรดที่ทำให้เกิดความซ่าอีกชนิดนึง ไม่น่าเชื่อว่ากรดนี้เป็นตัวเดียวกับที่ใช้ในผงซักฟอก รวมทั้งใช้ในอุตสาหกรรมโลหะด้วย ซึ่งมีความเป็นกรดสูงมาก มากขนาดที่สามารถละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน เท่านั้นยังไม่พอยังไปดึงแคลเซียมออกจากกระดูกและฟัน เพราะฉะนั้นกินเยอะๆ กระดูกของเราพรุนแน่ๆ
จะว่าไปแล้วก็ยังมีอีกหลายส่วนประกอบ เช่น วัตถุกันเสีย กลิ่นสังเคราะห์ สีสังเคราะห์ หรือแม้แต่คาเฟอีนที่มีอยู่ในกาแฟและชา ก็มาโผล่ในน้ำอัดลมด้วยเหมือนกัน ถึงแม้จะมีไม่มากเท่า แต่ถ้าได้รับในปริมาณที่เยอะแล้วล่ะก็ ก็ส่งผลทำให้เป็นโรคประสาทได้ ที่สำคัญ จังหวะและอัตราการเล่นของหัวอาจผิดปกติ ทำให้นอนไม่หลับ
เรียกว่าส่วนประกอบแต่ละอย่างทำลายสุขภาพทั้งนั้น ใครทีกินเอาอร่อยต้องคิดหนักกันหน่อยนะ อย่ามัวคิดแต่เอาอร่อย แต่อยากให้คิดถึงผลที่ตามมาด้วย แก่ตัวไปจะได้ไม่ลำบากค่า ทางที่ดีกินน้ำเปล่าดีกว่า พี่มิ้นท์ว่าเหนื่อยๆ มากินน้ำเปล่าเย็นๆ สดชื่นกว่าเยอะเลย
พี่มิ้นท์ชวนเม้าท์ "น้องๆ กินน้ำอัดลมกันถี่ขนาดไหน ของพี่มิ้นท์เฉลี่ยเดือนละขวด น้อยไปมั้ย ฮ่าๆ"
อ้างอิงเนื้อหาจาก
sumon-kananit.socialgo.com,เรื่องปฏิกิริยาในน้ำอัดลม รายวิชาเคมี ม.4
รูปภาพประกอบจาก
http://www.tarladalal.com/, blog.collegebars.net |
46 ความคิดเห็น
แต่คนเรากินเข้าไปไม่ถึง4วันหรอก ครึ่งวันก็ฉี่ออกหมดแล้ว ทั้งกรดทั้งลมทั้งน้ำ ส่วนน้ำตาลก็เอาเข้าเลือดไปแค่นั้นเอง
ถ้าใครกินน้ำอัดลมแล้วไม่ฉี่4วัน ก็เตรียมกระเพาะเป็นรูได้เลย ใครมันจะทำได้ล่ะไม่ปัสสาวะ4วัน
สรุป...ไม่เห็นน่ากลัวตรงไหน
แต่ผลที่น่ากลัวจริงๆ คือ มันมีผลทำให้ฟันผุ มากกว่าอื่นๆใด
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2555 / 13:50
และแบบที่ความเห็น 1 ว่า เพราะมันขับถ่ายออกเร็วลองสังเกตุถ้าซื้อ มาขวด 500 มล.แล้วกินหมดขวด
จะทำให้ปัสสาวะมาภายใน 30นาที - 1ชม.ครึ่ง ถือว่าขับออกมาเร็วใช้ได้
ส่วนตัวก็ดื่มนะ แต่ก็อย่างมากก็วันนึง 1 ขวด (เล็กนะ) จะไม่ดื่มเกินกว่านี้เพราะไม่ดีเท่าไหร่
เฉลี่ยปีละ 365 ขวด
เฉลี่ยเดือนละ 30 ขวด
เฉลี่ยสัปดาห์ละ 7 ขวด
เฉลี่ยวันละ ขวด
แต่ถึงกระนั้นอย่างไรก็ไม่เลิกอยู่ดี
(ติดแล้วววววว >O<!)
กรดกับด่างนี่ใช่ว่าจะสามารถกัดวัสดุทุกอย่างได้สักหน่อย
บางอย่างกัดพื้นปูนทะลุได้อย่างง่ายดาย กลับกันเอานิ้วไปจุ่มแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยก็มี
หรือ บางอย่างดูเหมือนจะกัดอะไรไม่ได้เลย แต่พอโดนเนื้อหนังมันก็กัดไม่หยุดก็ยังมี
นี่ความรู้พื้นฐานของเคมีเลยนะ
ส่วนกรดที่ใช้ในอาหารหรือน้ำอัดลมนี้ แม้มันจะดูรุนแรง
แต่ความจริงมันไม่ได้แรงไปกว่ากรดที่อยู่ในกระเพาะอาหารของเราเลยด้วยซ้ำ
การที่ดื่มมันเข้าไปก็แทบไม่ได้ทำให้กรดในกระเพาะเพิ่มความรุนแรงสักเท่าไหร่
(แต่อาจจะทำให้เกิดผลอย่างอื่นเช่นท้องอืดท้องเฟ้อแทนได้)
นี่ก็ความรู้พื้นฐานชีววิทยาด้วยเหมือนกัน
ส่วนเรื่องอันตรายอื่น... เคยเห็นแต่พูดจากข่าวลือลอย ๆ ปากต่อปาก เท่านั้นแหะ
ยังไม่เห็นมีการศึกษาอย่างเป็นทางการที่มาจาก Journal หรือ Thesis สักเท่าไหร่
การอ้างอิงชื่องานวิจัยที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงก็ยังไม่เห็น ซึ่งก็น่าสงสัยว่าเป็นจริงสักเท่าไหร่
ทว่าหากจะดูแค่ส่วนประกอบโดยทั่วไป ก็น่าคิดว่ายังไงดื่มมากไปก็ไม่ค่อยมีประโยชน์อยู่แล้ว
เพราะนอกจากกรดแล้วก็แค่มีการแต่งรสแต่งสีและน้ำตาล
ถึงจะมีแบบไดเอ็ทมา หรือแบบไร้คาเฟอีน (ในต่างประเทศ)
ยังไงมันก็แค่เครื่องดื่มตามกระแส ที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่นเพียงแค่นั้น ไม่มีอะไรมากกว่านี้
ถ้าดื่มมากไปแม้แต่น้ำเปล่าก็ยังเป็นอันตรายได้ แต่นี่เป็นน้ำที่ไม่ได้คำนึงถึงคุณค่าทางอาหาร
ยังไงดื่มมากก็อันตรายต่อทั้งร่างกายและเงินในกระเป๋าอย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่าการกินโคล่ามากๆมันจะไปขัดขวางกระบวนการดูดซึมแคลเซียมของกระดูก ก็เลยเป็นกระดูกผุ มีเขียนไว้ในหนังสือชื่อ ลบเหลี่ยมไอสไตน์ เล่มที่ 3 ครับ
ไม่มีการยืนยันจริงๆทางวิทยาศาสตร์ค่ะ
เหมือนข่าวลือตลกร้ายที่ว่า โค้กสามารถละลายโน่นนี่ หรือใช้ทำความสะอาดโน่นนี่
เเต่จริงๆเเล้ว ไม่ได้ทำได้ขนาดนั้นค่ะ
เห็นด้วยกับ
ความคิดเห็นที่ 8
นอกจากนี้ค่ะ ทาง CEO ของโค้กก็เรียกเรื่องพวกนี้ว่าตลกร้าย
เพราะไม่เคยมีใครเอาไปทดลองจริงๆ ^^
(ยกเว้นตอนนึงที่หยิบแก้วน้ำผิด ดันเป็นแก้วน้ำแม่ ฮ่าๆๆ)
ตัวเราเองดื่มปีละไม่เกิน 5 ขวดเล็ก ดื่มแล้วรู้สึกเสียวฟันนิดๆ เลยไม่ชอบ
ลองซื้อน้ำอัดลมมาสักขวดก็รู้แล้ว...แต่ผลต่อร่างกายกับตะปูก็คงมีความแตกต่างกันอยู่นะ
ผลเสียมีแน่อยู่แล้ว ! ฉะนั้นระวังไว้ก็ดี แต่ผลดีก็มีเหมือนกัน
ต้องรู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ในขณะเวลาหนึ่ง ๆ
นานๆ กินทีค้าบ
เพราะกินทีไร ก็ต้องกินน้ำเปล่า ตามไปล้างปากทุกที
เลยคิดว่า ก็กินน้ำเปล่าอย่างเลยไปเลยดีกว่า