แม้จะเป็นเทศกาลของต่างประเทศ แต่ก็ต้องยอมรับว่า "ฮาโลวีน" ก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคนไทยแล้ว (ประเทศไทยอาจจะมีเทศกาลเยอะที่สุดในโลกก็ได้นะเนี่ย 555) หลังจากที่นั่งคิดนอนคิดมาหลายวันว่าจะเขียนบทความวิทย์ยังไงให้เกี่ยวกับฮาโลวีน กลัวว่าวิทยาศาสตร์จะออกมาเป็นไสยศาสตร์ซะมากกว่า แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า "ความกลัว" นี่แหละที่เป็นวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่ง

            โดยเฉพาะการกลัว "ผี" ซึ่งผีเป็นความเชื่อที่อยู่คู่กับคนไทยมานานมากกก และผีไทยขึ้นชื่อว่ามีเยอะมาก แต่ละภาคก็จะมีผีเป็นของตัวเองด้วย ฮ่าๆ ยกเว้นสิ่งเดียวที่จะเหมือนกัน คือ ถ้าคนกลัวผีมาเจอ "ผี" ก็จะมีอาการกลัวแบบเเดียวกัน นั่นเป็นเพราะปฏิกิริยาจากร่างกายของเรานั่นเอง(ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผีที่เราเจอค่ะ) เอาเป็นว่าเหล่าสาวกคนกลัวผี แต่ชอบเรื่องผี ลองไปเช็คอาการกันหน่อยว่าสาเหตุของอาการกลัวแบบต่างๆ เกิดจากอะไรกันแน่

    
1) ขนแขนแสตนด์อัพ
               แปลกมั้ย..บางทีไม่ได้มีลมเลยซักนิด แต่แค่คิดถึงผีขึ้นมา หรือสัมผัสได้กับพลังงานบางอย่างก็จะมีอาการขนลุก อาการนี้เกิดขึ้นเพราะสมองถูกกระตุ้นจากสิ่งที่เห็น/สัมผัส/ความคิด แล้วไปกระตุ้นให้ระบบประสาทซิมพาเตติค ที่มีหน้าที่่ส่งเสริมให้เกิดปฏิกิริยาในร่างกายเมื่ออยู่ในภาวะที่น่าตื่นเต้นหรืออยู่ในสถานการณ์ที่ตกที่นั่งลำบาก ซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติ ดังนั้นกล้ามเนื้อเล็กๆ ที่ติดอยู่กับรากขน(กล้ามเนื้อขนลุก) เกิดการหดตัว จนทำให้ขนที่เคยนอนเป็นระเบียบ ลุกขึ้นมาตั้งฉากกับพื้นนั่นเอง สำหรับสาวๆ อาจจะเห็นได้ไม่ชัดแต่จะขึ้นเป็นตุ่มๆ แทน แต่ถ้าอยากเห็นขนลุกชัดๆ ต้องขอเพื่อนดูขนแขนแล้วล่ะ ฮ่าๆ

   
2) พูดจาไม่รู้เรื่อง กรีดร้อง โวยวาย
              อย่าว่าแต่ก้าวขาวิ่งไม่ออกเลย เอาแค่ระบบการสื่อสารก็ยังทำงานไม่ค่อยเป็นปกติเลย ดังนั้นจึงไม่แปลกใจถ้าคนที่กำลังเจอผีจะพูดติดอ่าง หรือพูดไม่ออก เนื่องจากตกใจกลัวจนกล้ามเนื้อเส้นเสียงแข็ง จึงออกเสียงมาไม่ได้ นอกจากนี้ก็กรีดร้อง โวยวาย ซึ่งอาการในข้อหลังเป็นปฏิกิริยานึงของร่างกายที่เกิดขึ้นเพื่อเผชิญกับความกลัว โดยระบบประสาทอัตโนมัติจะกระตุ้นให้กล้ามเนื้อเส้นเสียงส่งเสียงร้องออกมา จะกรี๊ดก็ได้ โห่ร้องก็ได้ แต่การกรีดร้องก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือเป็นการบรรเทาความกลัวของตัวเองลงไป แต่ข้อเสียคือ อาจทำให้คนอื่นตกใจมากกว่าเดิม


   3) คิดภาพหลอนไปเอง
              เล่าเรื่องผีให้อิน ต้องเล่าตอนกลางคืน เพราะจินตนาการของแต่ละคนจะช่วยส่งให้เรื่องผีน่ากลัวขึ้นกว่าเดิม น้องๆ เคยสังเกตมั้ยว่าทำไมผีจึงมาแต่ตอนกลางคืน? แล้วทำไมกลางวันเราถึงไม่กลัวผี พี่มิ้นท์เคยได้ฟังจากนักวิชาการที่เค้ามองในเรื่องนี้แบบมีหลักการ เค้าบอกว่าผีอาจจะมีอยู่จริง แต่ที่ไม่เคยเห็นในเวลากลางวัน เพราะมีแสงสว่าง มองเห็นทุกอย่างชัดเจน ส่วนตอนกลางคืนแสงน้อย มองเห็นอะไรแบบสลัวๆ บวกกับกลางคืนเป็นช่วงที่สมองด้านขวาซึ่งเป็นด้านจินตนาการทำงานได้ดี อีกเหตุผลนึง คือ เป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบ ดังนั้นเห็นต้นไม้ข้างหน้าต่างโดนลมพัดก็ติ๊ต่างไปว่าเป็นเปรตได้แล้ว หรือโคมไฟบ้านคนอื่นที่เห็นอยู่ทุกวัน แต่ตกกลางคืนกลับมองเห็นไปว่าเป็นกระสือ!! นี่แหละคือเหตุผลที่เรามักรู้สึกกันไปว่าผีจะมาแต่ตอนกลางคืน

              ดังนั้นเวลาดูหนังผีคนเดียวตอนกลางคืน ก็จะส่งผลให้ไม่กล้าอาบน้ำ ไม่กล้าปิดไฟนอน  เพราะเมื่อน้องๆ รับข้อมูลมา ผสมกับความกลัวที่มีอยู่เดิม ก็เลยสร้างเป็นจินตนาการ(ในเรื่องผี)ขึ้นมา จนทำให้กลัวมากขึ้นไปอีกนั่นเอง ถึงแม้ว่าจะรู้สาเหตุการจินตนาการเรื่องผีตอนกลางคืนแล้วก็ตาม พี่มิ้นท์ก็ยังอดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงมันอยู่ดี ก็กลัวเหมือนกันนี่นา ><

   
4) หน้าซีดเป็นไก่ต้ม
             ถ้าตกหลุมรักต้องหน้าแดงเพราะเลือดความสุขสูบฉีด แต่ถ้าหน้าซีดสงสัยจะเจอผี เป็นเรื่องจริง!! เพราะเวลาที่ร่างกายเกิดความกังวลกลัวอะไรบางอย่าง อัตราการเต้นของหัวใจจะเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากระบบซิมพาเตติกเช่นกัน เลือดจะสูบฉีดไปเลี้ยงอวัยวะในร่างกายมากขึ้น เพื่อให้ร่างกายเตรียมพร้อมและตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป จะวิ่งหรือสู้กันแน่!! ในละครเราจึงเห็นว่าคนเจอผีหรือเจอเหตุการณ์น่ากลัวๆ ก็วิ่งไม่คิดชีวิต อาจวิ่งเร็วที่สุดในชีวิตโดยไม่รู้ตัวเลยก็ได้
             จากการที่เลือดไปสูบฉีดร่างกายที่ว่า เลือดจึงไปหล่อเลี้ยงที่ใบหน้าลดลง จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้หน้าซีดนั่นเอง

   
5) หนาวแต่เหงื่อแตก
            ร่างกายของเราสามารถปรับอุณหภูมิให้เย็นได้ด้วยการระบายความร้อนออกมาในรูปของเหงื่อ ซึ่งจะออกมาทั่วร่างกาย แต่จะมีเหงื่ออีกประเภทหนึ่งต่อให้อากาศไม่ร้อนก็สามารถซึมออกมาได้ นั่นก็คือ เหงื่อที่เกิดจากการกระตุ้นทางอารมณ์ โดยเฉพาะกลัวจนตื่นเต้น มือไม้สั่น เหงื่อจะออกมาที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้าหรือบริเวณรักแร้ แต่จะไม่เปียกชุ่มเหมือนเหงื่อที่เกิดจากอากาศร้อนนั่นเอง


             สมองของมนุษย์เป็นสิ่งที่วิเศษและฉลาดมากจริงๆ ที่สามารถสั่งให้ร่างกายปรับเปลี่ยนปฏิกิริยาเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ เพื่อความอยู่รอด
              และทั้ง 5 ข้อนี้ก็เป็นอาการที่บ่งบอกว่าเรากำลังกลัว ผะ ผะ ผี
~~ ชาว Dek-D มีตรงกับข้อไหนบ้างรึป่าวคะ ส่วนพี่มิ้นท์เนี่ยตรงสุดที่ข้อชอบจินตนาการนี่แหละค่ะ ยิ่งตอนเรียนต้องอยู่หอใน แล้วมาอาบน้ำตอนหลังเที่ยงคืนคนเดียว หลอนสุดๆๆ เลย T^T น้องๆ คนไหนมีประสบการณ์แบบนี้มาแชร์เรื่องหลอนกันหน่อย แบร่ :P

เด็กดีดอทคอม :: ว้าว!! เครื่องตรวจจับรอยยิ้ม...แบบนี้ก็มีด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลส่วนหนึ่งจาก
หนังสือวิทยาศาสตร์ฉลาดรู้ เรื่องไขปริศนาสยองขวัญ สนพ.อมรินทร์

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจในหมวดวิทย์จี๊ดสุดๆ




ว้าว!! ประเทศไทยมีเครื่องบินที่ "ใหญ่ที่สุดในโลก" แล้ว

เด็กดีดอทคอม :: ว้าว!! ประเทศไทยมีเครื่องบินที่

"วาซาบิ" ป้องกันฟันผุได้นะ

เด็กดีดอทคอม :: ว้าว!! ประเทศไทยมีเครื่องบินที่

ไขความลับผิว....สีไหนคล้ำขึ้นง่ายที่สุด??


พี่มิ้นท์
พี่มิ้นท์ - Columnist พี่สาวใจเย็น ผู้เกิดมาในแอดมิชชั่นยุคแรก แต่เข้าใจ TCAS มากกว่า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

40 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Sudenkorento Member 25 ต.ค. 55 17:47 น. 13
มันใช่เลยอ่ะค่ะ ไม่บรรทัดเรียกพี่ คือ มันตรงมากๆ และอาการที่เป็นบ่อยที่สุดคือ จิ้นไปเอง 555
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
สโคนราดชีสชุบน้ำเชื่อมโรยเกลือ ? Member 25 ต.ค. 55 21:35 น. 17
การดูหนังผีแล้วต้องไปอาบน้ำคนเดียวนี่เป็นอะไรที่น่าสยองพองขนที่สุดในโลกเลย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด