เด็กไทยโตมาพร้อมกับการท่องจำมาแต่ไหนแต่ไร เป็นเด็กตัวเล็กๆ ก็ต้องหัดท่อง ก-ฮ โตมาก็ท่องตัวเลข ท่องภาษาอังกฤษ โตมาอีกหน่อยก็ต้องท่องเนื้อหาเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น แม้ช่วงหลังมานี้จะมีการกระแสให้ปรับวิธีเรียนให้เป็นบบไม่ท่องจำเป็นนกแก้วนกขุนทอง แต่เอาเข้าจริงก็ทำได้ยากค่ะ เพราะหลายวิชาไม่ได้สร้างให้เป็นวิชาปฏิบัติ แต่มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ท่องจำและนำไปสอบล้วนๆ
ดังนั้นบรรยากาศท่องจำหัวโตก่อนสอบจึงเป็นเรื่องจริงสะเทือนใจที่หนีไม่พ้น ไม่ว่าจะเป็นสูตรคำนวณ หรือหลักวิชาภาษาไทย คำเป็น คำตาย บาลี สันสกฤตมีคำอะไรบ้าง ส่วนวิชาสังคมใครเป็นใคร เหตุการณ์นี้เกิด พ.ศ.ไหน ต้องจำให้เป๊ะ แต่พอสอบเสร็จก็ลืม เพราะมันคือการ "ท่องจำ"จริงๆ ไม่ใช่วิเคราะห์แล้วจำ เรียกว่าเข้าทางคนหัวสมองดี ส่วนคนที่ท่องจำอะไรเยอะๆ ไม่ได้ ก็คง "เบื่อหน่าย" กับวิชาท่องจำสุดๆ ถ้าเบื่อหนักขนาดนี้ พี่มิ้นท์ก็เอาวิธีเปรี้ยวๆ ในการท่องจำมาบอกค่ะ :D
และวิธีนั้นก็คือ "จำให้เป็นจังหวะ จากข้อมูลที่มีอยู่" นั่นเอง
เมื่อน้องๆ กำลังอ่านวิชาที่เนื้อหาเรียงเป็นหัวข้อๆ หรือเป็นคำที่ค่อนข้างเป๊ะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวิชาพระพุทธศาสนา ภาษาไทย หรือวิชาสังคมค่ะ วิชากลุ่มนี้จะมีชุดเนื้อหาหลายชุด ท่องทีไรสับสนอย่างแรง อย่างที่เป็นกันบ่อยๆ ก็เช่น หลักธรรมในพระพุทธศาสนา มีทั้งอิทธิบาท4 สังคหวัตถุ4 พรหมวิหาร4 อะไรๆ ก็4 สอบทีไรอาจารย์ได้หัวเราะทุกที เพราะน้องๆ จำชื่อหมวดหลักธรรมสลับกับเนื้อหาข้างในนั่นเอง
วิธีการก็คือ ให้ดึงตัวหน้าของแต่ละคำออกมา แล้วสร้างประโยคขึ้นมาใหม่ เช่น
พรหมวิหาร 4 ประกอบด้วยธรรม 4 ข้อ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ก็จำเป็น "พรหม-เมต-รุ-มุ-อุ" ท่องซัก 2-3 รอบ เราก็จะคุ้นไปเอง พอถึงเวลาสอบก็ค่อยแปลสารลับออกมาเป็นคำเต็ม ใครที่กลัวถอดความออกมาไม่ได้ หมดห่วงได้เลยค่ะ เพราะถ้าเราเห็นคำขึ้นต้น จะรู้อัตโนมัติเลยว่าคำนั้นมาจากคำว่าอะไร
ลืม ลืมฉัน ลืมไปก่อน ได้ไหมลืมไปก่อน ทำเหมือนว่าเราไม่เคยได้อ่านมัน!!
หากเรื่องที่อ่านเป็นบทความยาวๆ ไม่มีหัวข้อแบบนี้ล่ะทำได้มั้ย? ขอบอกว่าทำได้เหมือนกัน อีกหนึ่งตัวอย่างในสมัยเรียน พี่มิ้นท์จะสับสนมาก เรื่องพระอัครสาวกทั้งซ้ายและขวาของพระพุทธเจ้า คือ พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จำไม่เคยได้ว่าใครอยู่ข้างไหนและชื่อจริงชื่ออะไร พี่มิ้นท์ก็ใช้วิธีนี้ คือ ดึงเอาประเด็นสำคัญจากเนื้อเรื่องออกมา โดยจับใจความได้ว่า
- พระสารีบุตร มีชื่อเดิมว่าอุปติสสะเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า และเป็นเลิศด้านปัญญา
- พระโมคคัลลานะ มีชื่อเดิมว่าโกลิตะ เป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า มีฤทธิ์มาก
เมื่อได้ใจความสำคัญของแต่ละท่านมาแล้ว ก็ถึงคราวจำเพื่อไม่ให้จำสลับกัน จึงใช้วิธีดึงคำออกมาเป็นชุด คือ
>> อุป(อุปติสสะ) - สา(พระสารีบุตร) - ขวา(เบื้องขวา) - ปัญญา
>>>> อุป-สา-ขวา-ปัญญา
>> โก (โกลิตะ) - โมค(โมคคัลลานะ) - ซ้าย(เบื้องซ้าย) - ฤทธิ์(มีฤทธิ์มาก)
>>>>โก-โมค-ซ้าย-ฤทธิ์
เมื่อได้คีย์เวิร์ดมาแล้ว น้องๆ จำแค่นี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ ข้อมูลที่น้อยลงจะช่วยให้เราจำได้นานขึ้น กลายเป็นความจำระยะยาว และถ้ามีชุดข้อมูลแค่ 2 ชุดแบบนี้ น้องๆ สามารถจำเพียงแค่ชุดเดียวก็ได้ เพราะถ้าข้อสอบออกมาไม่มีตามคีย์เวิร์ดที่เราท่อง ก็แสดงว่าเป็นอีกชุดข้อมูลนึง ช่วยประหยัดพื้นที่สมองได้อีกด้วยนะคะ ซึ่งข้อมูลชุดนี้พี่มิ้นท์ท่องตั้งแต่ ม.1 แต่ตอนนี้ยังจำได้อยู่เลย น่าจะช่วยการันตีประสิทธิภาพของเคล็ดลับนี้และยืนยันว่าใช้ได้จริง เจ๋งจิง เห็นผลจริงจ้าาาา
ทั้งหมดนี้เป็นแค่ตัวอย่างง่ายๆ ให้ได้เห็นภาพรวมและแนวคิด ถ้าน้องๆ อยากนำไปใช้ไม่สงวนสิทธิ์เลยนะคะ สามารถไปประยุกต์ใช้กับวิชาท่องจำอื่นๆ ได้เกือบทุกวิชา แค่ยึดหลักอ่านแล้วดึงคีย์เวิร์ด และจำคีย์เวิร์ดให้เป็นชุดข้อมูลเดียวกัน แค่นี้ก็จดจำให้อึด ถึก ทน อยู่ในสมองได้ง่ายๆ แล้วล่ะ :) สุดท้ายมีเคล็ดลับการจำไปแล้ว ก็อย่าลืมหาเวลาพักผ่อนสมองบ้างนะคะ จะได้ไม่เครียดจนเกินไปจ้า
ขอขอบคุณรูปภาพประกอบจาก
http://psychscoop.wordpress.com
www.apr16.com, http://brain-buster-puzzle-pack.brainfunctionz.com
แบบทดสอบ : คุณใช้สมองซีกไหนมากกว่ากัน
เด็กไทยเรียนหนัก ความคิดสร้างสรรค์หด
52 ความคิดเห็น
ขอบคุณมากค่ะ จะลองไปทำดู
แต่เคยลองทำแล้วตอนเด็กๆ ได้ผล จำมาได้จนถึงทุกวันนี้
ป.ล. เพ-ลิด เพ-ลิน หรือ ท่องทิศทั้งแปด อุ อี บู อา ทัก หร ประ พา
แต่ตอนท่องแรกๆ ต้องใช้สติในการจำนิดนึง
ไม่งั้นลืมตัวเต็ม (เคยเป็น 555 จำได้แต่ตัวย่อ แต่ย่อจากอะไร...ไม่รู้ )