|
ดูเหมือนว่า ปัจจุบันนี้การสื่อสารผ่าน การคุยโทรศัพท์มือถือ เป็นเสมือนการสื่อสารหลักของผู้คน ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่การสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือมักจะเป็นทางเลือกแรกๆ ที่ผู้คนเลือกใช้ แน่นอนว่า พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ของแต่ละคนก็จะมีความแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ
|
บางคนโทรมาก บางคนโทรน้อย บางคนคุยโทรศัพท์มือถือที่ละนานๆ เป็นชั่วโมง
สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือต้องทราบไว้ก็คือ ถึงแม้การสื่อสารผ่านช่องทางนี้จะให้ความสะดวกและรวดเร็ว แต่ถ้าหากมีการใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกันบ่อยๆ เป็นเวลานาน คุณ อาจะเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่ออาการ เสียงดังในหู มากกว่าคนปกติถึงสองเท่า!!! |
มีรายงานการวิจัยของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์เวียนนา ซึ่งถูกตีพิมพ์ลงในวารสารออกคิวเปชันนัล แอนด์ เอนไวเรนเมนทัล เมดิซิน โดยผลการวิจัยดังกล่าวได้ชี้ให้เห็นว่า การใช้โทรศัพท์มือถืออย่างน้อย 4 ปี เพิ่มความเสี่ยงอาการเสียงดังในหูถึงสองเท่า รบกวนการนอน การทำงาน และยังกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือด้วย
|
โดยผู้ที่มีอาการดังกล่าว 1 ใน 7 ต้องทรมานกับอาการที่รักษาไม่หายนี้ในบางช่วงของชีวิต การค้นหาสาเหตุเพิ่มเติมจึงอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้คนนับล้านทีใช้โทรศัพท์มือถือ
ในการวิจัยครั้งนี้นักวิจัยออสเตรเลียได้เปรียบเทียบการใช้โทรศัพท์มือถือของกลุ่มตัวอย่าง 100 คนที่เข้ารับการรักษาอาการเสียงดังในหู กับกลุ่มตัวอย่างอายุเท่ากันอีก 100 คนที่ไม่มีอาการดังกล่าว |
|
กลุ่มตัวอย่างทั้งหมดถูกสอบถามเกี่ยวกับประเภทโทรศัพท์ที่ใช้ สถานที่ที่ใช้ เนื่องจากสัญญาณออกของโทรศัพท์มือถือมีแนวโน้มแรงขึ้นในพื้นที่ชนบท นอกจากนี้นักวิจัยยังสอบถามเกี่ยวกับความถี่และระยะเวลาในการใช้โทรศัพท์ หูข้างที่ชอบใช้ และการใช้อุปกรณ์มือถือ
ซึ่งผลการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือก่อนมีอาการเสียงดังในหู มีแนวโน้มมีความผิดปกติดังกล่าวเพิ่มขึ้น 37% ส่วนคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือเฉลี่ยวันละ 10 นาที มีแนวโน้มอาการเสียงดังในหูเพิ่มขึ้น 71%
|
นอกจากนี้ คนที่ใช้โทรศัพท์มือถือมานาน 4 ปีขึ้นไป มีแนวโน้มอาการเสียงดังในหูเพิ่มขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบกับกลุ่มเปรียบเทียบ ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากการแพร่กระจายรังสีของโทรศัพท์มือถืออาจทำลายการทำงานอันละเอียดอ่อนของหูชั้นใน และยังเป็นไปได้ว่าแรงกดที่เกิดจากการกดโทรศัพท์กับหูและไหล่ระหว่างเดิน กระตุ้นให้เกิดอาการเสียงดังในหู ซึ่งอาการดังกล่าวนั้นอาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ เช่น รบกวนสมาธิในการทำงาน ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับได้
ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีผลการวิจัยที่ชี้ชัดถึงวิธีการบำบัดอาการดังกล่าว แต่วิธีป้องกันที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดอาการดังกล่าว คือการรักษาระดับความถี่ในการใช้โทรศัพท์มือถือให้มีความพอดี ไม่ควรคุยทีละนานๆ และคุยด้วยระดับเสียงที่ปกติ
|
พี่เหมี่ยวว่าบางครั้งถ้าไม่มีความจำเป็นจริงๆ เราอาจจะใช้วิธีการส่ง SMS แทนก็ได้นะคะ อย่างน้อยก็ลดความเสี่ยงที่เราจะต้องเผชิญกับสัญาณโทรศัพท์ที่อาจมีผลกระทบต่อสมองของเรา เอาไว้จำเป็นจริงๆ แล้วค่อยโทรคุยกันก็ได้ แบบนี้ประหยัดค่าโทรศัพท์แล้วก็เซฟสุขภาพของเราด้วยค่ะ ^^


ข้อมูลอ้างอิง : www.dailymail.co.uk |
34 ความคิดเห็น
จะเป็นอะไรมั้ยคะเนี่ย
วัน ๆ นึงแทบไม่เคยได้ใช้
แต่เดี๋ยวนี้.. นานที ชั่วโมงกว่า
O_O
บางที่2ชั่วโมงกว่ายังมีเลยอ่ะค่ะ
กลัวมาก แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ - -
ดีนะ มั่ยค่อยมีตังโท
ถ้าคุยแล้วใส่SmalTalk กะ บลู อันตรายจะลดมากมั๊ยอ่า
ร้ายเเรงจัง
เมื่อก่อนเราคุยนานมากๆ เลย
ทำไงดี
แล้วพอจะนอนต่อ พอเคลิ้มๆจะหลับ ก็มีอาการเสียดังในหูดังมากๆเลยค่ะ
ทรมานมากๆ เป็นประมาณสอง ชม จนเพลียมากถึงหลับไป
ตอนเช้ามาบ่นให้เพื่่อนฟัง แล้วเพื่อนส่งบทความนี้ให้อ่านคะ
ตอนนี้เครียดจังเลย ไม่รู้ว่าคืนนี้จะเป็นอีกรึป่าว แต่ตอนนี้ปวดหัวมากค่ะ TT
ฟังแล้วดูร้ายแรงมากเลยอ่าค่ะ แต่บางทีเราก็จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์นะคะ
แต่มันก็จำเป็นต้องใช้นะ.
ทำไงได้ไม่มีบีบีไว้แชทเหมือนคนอื่นเค้า 555555555555555
http://my.dek-d.com/l-gade/blog/2010vote.php?id=10110192
ฝากบล้อกหน่อยนะคะ ช่วยกันคลิกหน่อยค่ะ =']
แต่ไม่รแน่ใจว่าสาเหตุจากการโทรศัพท์นานๆหรือป่าวนะ
คุณหมอหาสาเหตุไม่ได้ค่ะ
แรกๆก็รำคาญมากๆๆ
แต่ในเมื่อรักษาไม่หายก็ใจ.. ตอนนี้เริ่มชินแล้วค่ะ
ใช้โทรศัพท์เท่าที่จำเป็นดีกว่านะค่ะ ถ้าเป็นแบบเราล่ะ แย่เลย
งานของเค้าต้องใช้โทรศัพท์ทั้งวันเลย
กลัวเป็นโรคจัง แต่ไม่รู้จะทำไง
ขอบคุณคะ ต่อไปจะพยายามลดการใช้โทรศัพท์ลง