สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ...... เจอกับ พี่เป้ อีกเช่นเคยและคอลัมน์วิธีเตรียมตัวเรียนต่อนอกเช่นเคย พูดถึงการเตรียมตัวไปเรียนต่อเมืองนอกโดยเฉพาะประเทศอังกฤษนั้น เชื่อว่าคงมีหลายคนที่กำลังสับสนถึงหลักสูตรการเรียนของช่วงมัธยมโดยเฉพาะ GCSE  .... อ๊ะ อ๊ะ อย่าเพิ่งเลิกอ่านนะคะ ขอบอกว่ามีประโยชน์มากๆ จะเป็นยังไงนั้นลองอ่านกันดูเลยค่ะ

 

{pic-desc}


                  การเรียนต่อมัธยมที่อังกฤษนั้น ถ้าเป็นในระดับไฮสคูลก็จะแบ่งเป็นYear 9-13 ค่ะ (เกรด Year คือระดับประถมศึกษา) โดยในYear 9 นั้น นักเรียนจะได้เรียนวิชาพื้นฐานเพื่อปูความรู้ให้แน่น เพื่อให้รู้ว่าตนเองถนัดวิชาอะไรหรือไม่ชอบวิชาไหน และพอขึ้นมาเรียนYear 10-11 หรือที่เรียกกันว่า GCSE (General Certificate of Secondary School) ก็ถึงเวลาที่จะเลือกเรียนในวิชาที่ตนเองสนใจจริงๆ


GCSE (General Certificate of Secondary School) ??

                   หลักสูตร GCSE เกิดขึ้นในเดือนกันยายน ปี 1983  โดย GCSE เป็นการเรียนวิชาต่างๆ เพื่อปูพื้นฐานและความถนัดก่อนที่จะขึ้นไปสู่Year 12-13 โดยวิชาที่เรียนในหลักสูตร GCSE นั้น นักเรียนสามารถเลือกเรียนได้ 7-10 วิชาจากหมวดต่างๆ เช่น

 1. วิชาหลักที่ต้องเรียน ได้แก่ อังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ 
 2. ภาษา แบ่งเป็น 2 ประเภท
 - ภาษาทันสมัย เช่น แอฟริกัน อาราบิค เยอรมัน ฝรั่งเศส จีน เปอร์เซียน รัสเซีย ตุรกี ญี่ปุ่น อิตาเลียน ฮินดี กรีก โปลิช
โปรตุกีส เป็นต้น
 - ภาษาคลาสสิค เช่น อาราบิคคลาสสิค กรีกโบราณ ฮิบรู ละติน
 3. เทคโนโลยี เช่น เทคโนโลยีและการออกแบบ เทคโนโลยีอาหาร ออกแบบเสื้อผ้า ระบบและการควบคุม การออกแบบผลิตภัณฑ์ การพัฒนาในเด็ก การออกแบบกราฟฟิค เป็นต้น
 4. มนุษยศาสตร์ เช่น ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ศาสนา
 5. ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และสังคม เช่น ธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ การดูแลสุขภาพและสังคม การเดินทางและการท่องเที่ยว สังคมวิทยา การโรงแรม กฎหมาย เป็นต้น
 6. การแสดงออกทางศิลปะ เช่น ทัศนศิลป์ กราฟฟิค การถ่ายรูป การละคร การเต้น การแสดง ดนตรี เป็นต้น
 7. อื่นๆ เช่น พละศึกษา สถิติ วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม การก่อสร้าง ธรณีวิทยา ดาราศาสตร์ เป็นต้น

** แต่ละโรงเรียนก็จะเปิดสอนรายวิชาที่แตกต่างกันออกไป **

                  และเมื่อเรียนจบYear 11 แล้ว ก็ถึงเวลาที่นักเรียนจะต้องสอบครั้งใหญ่ โดยข้อสอบที่ใช้นั้นเป็นข้อสอบกลางของประเทศอังกฤษเลยล่ะค่ะ ถ้าสอบผ่านก็จะถือว่าผ่านหลักสูตร GCSE อย่างสมบูรณ์ โดยเกณฑ์การผ่านนั้น จะต้องสอบให้ได้เกรด C ขึ้นไปอย่างน้อย 5 วิชา

                  แต่สำหรับโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยนั้น จะใช้หลักสูตร IGCSE (International General Certificate of Secondary School) โดยเนื้อหาจะคล้ายกับ GCSE เลยค่ะ แต่อาจจะมีระดับความยากง่ายต่างกันเล็กน้อย (อินเดียก็ใช้หลักสูตรนี้เหมือนกันนะ) 

{pic-desc}

                   และหากสอบ GCSE ผ่านแล้ว ก็ได้เวลาขึ้นสู่Year 12-13 ที่น้องๆ ต้องเลือกแล้วว่าจะเรียนหลักสูตรอะไรระหว่าง A-Level และ IB Program (คืออะไรหว่า) ถ้าใครอยากรู้รายละเอียดและข้อแตกต่างของ 2 หลักสูตรนี้ก็ต้องรอติดตามตอนต่อไปนะ ...

 

   
                    ได้รู้อย่างนี้แล้ว พี่เป้ ค่อนข้างชอบหลักสูตร GCSE เหมือนกันนะเนี่ย เพราะสามารถเลือกเรียนวิชาที่อยากเรียนได้ตามใจชอบเลย ยิ่งเป็นการทำให้เรารู้ตัวเองแต่เนิ่นๆ ว่าชอบหรือไม่ชอบวิชาอะไร ว่าแต่แถวนี้มีใครกำลังเรียนหรือสนใจหลักสูตร GCSE ก็มาบอกกันบ้างนะคะ ^^           


         ภาพประกอบ : woodchurchhigh.com      
             
 

                                                        
 
 
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

Kaninchen Member 30 มี.ค. 53 10:56 น. 1

ทำไมประเทศไทยไม่ทำแบบนี้บ้างหล่ะ
แบบนี้ดูจะทำให้เด็กๆได้เรียนตรงกับความสามารถของตัวเองมากกว่า
ถ้าเรียนตรงกับความสามารถ นักเรียนก็เรียนได้ดีเยอะแยะ 
โดยที่ไม่ต้องปล่อยเกรด แล้วก็มีคุณภาพด้วย

0
กำลังโหลด
VariaXanXus Member 30 มี.ค. 53 11:57 น. 7
น่าเอามาที่ประเทศไทยด่วนเลยค่ะ

เพราะจะทำให้เราได้รู้เรื่องอื่นๆรอบตัวมากขึ้น

ทำให้เด็กสนใจการเรียนมากขึ้น เพราะเรื่องที่เรียนคือสิ่งที่เราชอบ คือสิ่งที่รัก

อะไรที่เราชอบเราก็จะทำโดยที่ไม่ต้องบังคับก็จะทำ

เมื่อเรารักในสิ่งใหน ไม่ว่าจะยากแค่ไหนเราก็จะทำ

เราจะคว้ามันมาให้ได้ด้วยความพยายามทั้งหมดที่เรามี>[]<
0
กำลังโหลด

72 ความคิดเห็น

Kaninchen Member 30 มี.ค. 53 10:56 น. 1

ทำไมประเทศไทยไม่ทำแบบนี้บ้างหล่ะ
แบบนี้ดูจะทำให้เด็กๆได้เรียนตรงกับความสามารถของตัวเองมากกว่า
ถ้าเรียนตรงกับความสามารถ นักเรียนก็เรียนได้ดีเยอะแยะ 
โดยที่ไม่ต้องปล่อยเกรด แล้วก็มีคุณภาพด้วย

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
~เจ้าลิงน้อยแพทโตะ~ Member 30 มี.ค. 53 11:02 น. 3

เราเรียนอยู่อังกฤษอ่ะ
ตอนนี้เรากำลังทำ
Latin German Geography Art
อ่ะ
เสียดายอ่ะ
อยากเรียนหมวดเทคโนโลยีอ่ะ แต่โรงเรียนเราไม่สอน TOT

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
VariaXanXus Member 30 มี.ค. 53 11:57 น. 7
น่าเอามาที่ประเทศไทยด่วนเลยค่ะ

เพราะจะทำให้เราได้รู้เรื่องอื่นๆรอบตัวมากขึ้น

ทำให้เด็กสนใจการเรียนมากขึ้น เพราะเรื่องที่เรียนคือสิ่งที่เราชอบ คือสิ่งที่รัก

อะไรที่เราชอบเราก็จะทำโดยที่ไม่ต้องบังคับก็จะทำ

เมื่อเรารักในสิ่งใหน ไม่ว่าจะยากแค่ไหนเราก็จะทำ

เราจะคว้ามันมาให้ได้ด้วยความพยายามทั้งหมดที่เรามี>[]<
0
กำลังโหลด
A-CooL Member 30 มี.ค. 53 12:10 น. 8
แตกต่างกับโรงเรียนประเทศเราโดยสิ้นเชิง

เด็กนอกเขาจะเน้นให้เข้าใจเนื้อหาทำให้เขาฉลาด แต่ดูเด็กไทยสิ สอนเร็วแต่ไม่เข้าใจ เรียนก็ตั้งแปดชม.แต่ไม่ฉลาดเหมือนเขาเลยT^T
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
clam Member 30 มี.ค. 53 14:02 น. 10

ยิ่งเรียนยิ่งโง่

ยิ่งโตยิ่งเซ่อ

การศึกษาไม่ช่วยอะไรเลย สังคมตกต่ำลงทุกวัน

จริงๆ แหละ

สโลแกนเลย - -*

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
เบื่อ 30 มี.ค. 53 14:38 น. 13
ทำไมบ้านเราไม่เป็นงี้ซะที

มีแค่สายวิทย์ สายศิลป์ บ้ารึป่าว

นักเรียนก็เรียนแต่วิชาพื้นฐานๆ พอจะเข้ามหาลัยที ก็ยังไม่รู้เลยจะเข้าคณะไร ไม่รู้ตัวเอง

แทนที่จะได้ค้นพบตัวเองแต่เนิ่นๆว่า ตัวเองชอบอะไร เหมาะกะอะไร ทำอะไรได้ดีที่สุด จะได้ไม่ต้องซิ่วกันให้วุ่นอย่างงี้

เอาง่ายๆดูผู้ใหญ่บ้านเราดิ เคยรู้ว่าตัวเองชอบอะไร อยากเรียนอะไรกันบ้างรึป่าว ขอแค่รวยๆไว้ก่อน
0
กำลังโหลด
ข้าวเหนียวเงี้ยวเงี้ยว Member 30 มี.ค. 53 14:48 น. 14
ดีอะ
น่าเรียนมากเลย มีให้เลือกตั้งหลายอย่าง น่าสนใจมาก
เราจะได้ไม่เครียดด้วย
0
กำลังโหลด
โดโมะ 30 มี.ค. 53 14:54 น. 15
เริ่มชอบการศึกษา ของอังกฤษแล้วหละ
ให้เด็กเรียนในสายที่เราสนใจจริงๆ
แต่ของบ้านเรา ก็ยัดๆๆๆ ลงไป ทำให้การศึกษา ดูค่อนข้างเบื่อ
0
กำลังโหลด
*เพนกวินน้อย* Member 30 มี.ค. 53 15:54 น. 16
กว่าเราจะผ่าน IGCSE มาได้ เล่นเอาแทบแย่ อีกอย่าง โรงเรียนเรามีวิชาให้เลือกน้อยมาก เลยไม่ค่อยได้เรียนอะไรที่อยากเรียนเลยค่ะ เห็นบางโรงเรียน วิิชาให้เลือกเยอะมาก
0
กำลังโหลด
อาเมน 30 มี.ค. 53 17:41 น. 17
IGCSE ง่ายมากครับ และก็ง่ายขึ้นทุกปีด้วยอ่าสิ

แต่ เรื่อง พวก LANG จะทำคะแนนได้อยากหน่อยเพราะเราไม่ใช่เจ้าของภาษา

ขนาดเจ้าของภาษาก็ ยังยากเลย

เค้าเลยมี English as a second lang. มาให้


แต่โดยรวมแล้ว เราว่าก็ไม่ยาก


เห็น หนังสือ อ่านของ As กับ A Level แล้ว ก็ นิดนึง

แต่ ถ้าเปรียบ กับ CBSE กับ ICSE ของอินเดีย แล้ว จะไม่ติดฝุ่นเลย

แต่ว่า ข้อสอบ ของอังกฤษ ดีมากๆ ตรงที่ เค้าสอนให้เด็กรู้จักประยุกต์ เนื้อหาให้เข้ากับชีวิตประจำวัน

โดยที่หลักสูตรที่อินเดีย คือ ท่องจำ - - และจำ และฝึกและจำ และสุดท้ายก็ลืม 555
0
กำลังโหลด
F3RR3TTI Member 30 มี.ค. 53 18:01 น. 18
หลักสูตรนี้ดีมากพี่เป้
วิชาให้เลือกเยอะมากกว่า 30-40 วิชากันเลยทีเดียว
และ IGCSE ก็ดีมาก เพราะมี Thai ให้ด้วย55


แต่ไทยเค้าไม่ได้เหมือนแบบที่นี่เรียนนะ
เป็นการเขียนเรียงความ วิเคราะห์ ขัดแย้ง ให้เหตุผล
คือใช้สมองล้วนๆ ไม่ได้ใช้การท่องจำมา



ที่ไทยเน้นให้เด็กท่องจำ จำสูตรโน่นสูตรนี่
แต่ระบบอังกฤษ มันไม่ใช่ มันมีมาให้ครบทุกอย่างเลย
แต่เราต้องวิเคราะห์ ต้องตีโจทย์เองให้ได้
และอยากบอกว่า AS กับ A Level ยากมากถึงมากที่สุด!


เรียนแค่ 4-5 วิชาจริงๆนะแต่เอาเข้าจริงยากมาก
เค้าบอกว่า ใครผ่าน A Level เนี่ยนะ ไปมหา'ลัยสบายมาก
ส่วน IB เป็นหลักสูตรที่ยากเหมือนกัน
แต่ว่ามีคะแนนช่วยเยอะ สรุป A Level ยากที่สุด
จากที่ประสบการณ์มาด้วยตัวเองและจากที่ฟังผู้ใหญ่จากอังกฤษ
0
กำลังโหลด
F3RR3TTI Member 30 มี.ค. 53 18:07 น. 19

ต่อยอดให้อีกนิดนึง
หลักสูตรนี้เริ่มปูพื้นฐานตั้งแต่เกรด 9
จะให้เลือก 7-10 วิชาก่อนใช่ไม๊
แล้วทีนี้ พอขึ้นเกรด 10-11 เราก็เลือกวิชาได้


ถ้าเราไม่ถนัดอันไหนเราก็ไม่ต้องเรียน
ถนัดหรือสนใจด้านไหนเราก็เรียนอันนั้นไป
แล้วแต่ละประเทศในสหราชอาณาจักรก็แตกต่างกันไป
อังกฤษก็จะบังคับวิชาแบบนี้ๆ สก็อตแลนด์แบบนี้ๆ เวลส์แบบนี้ๆ และไอร์แลนด์เหนือก็อีกแบบ
แต่ส่วนมาก ก็บังคับอังกฤษ เลข วิทย์ และก็ Religious Studies และ PE


PE นี่ไม่ค่อยบังคับแต่ที่เหลือบังคับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียนด้วยว่ามีวิชาไรให้บ้าง


GCSE แบ่งออกเป็น 2 ความยากง่ายด้วยกัน
Higher Level กับ Foundation Level
เกรดที่ได้รับก็จะแตกต่างกันไปอีกเหมือนกัน Higher ก็จะเป็น A*-D
ส่วน Foundation ก็จะเป็น C-G


เพิ่มเติม ...สำหรับน้องๆที่จบ Highschool และอยากเข้ามหาลัยเลย
เกรดที่กระทรวงรับคือ C 5 ตัวขึ้นไปถึงแลกวุฒิม.6 ได้

0
กำลังโหลด
PoppyGirl 30 มี.ค. 53 18:14 น. 20
ว่าแล้วทำไมเค้าถึงได้ฉลาดกว่าเรา

ถึงจะเรียนอย่างหนัก แต่ก้อเพื่อนำคุณภาพที่มีไปใช้ในการงานที่ดีด้วย

น่าอิจฉาจัง
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด