สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อ ฟาง ค่ะ ปัจจุบันเรียนอยู่ปี 4 ที่คณะวารสารศาสตร์ (โครงการ B.J.M) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ค่ะ จริงๆ แล้วเรียกว่าอยู่ปี 5 ดีกว่า เพราะตอนปี 4 ฟางได้มีโอกาสไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยยอนเซ (연세대학교) ประเทศเกาหลีใต้ ทำให้ต้องกลับมาซ้ำอีก 1 เทอมกับรุ่นน้องเพื่อเก็บวิชาที่ตกหล่นไปค่ะ
โครงการแลกเปลี่ยนของธรรมศาสตร์มีมหาวิทยาลัยคู่สัญญาในหลายประเทศมากค่ะ ทั้งอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ยุโรป เกาหลี ฯลฯ ส่วนใหญ่นักศึกษาจะสมัครกันช่วงที่เรียนอยู่ปี 2 เพื่อที่จะได้ไปแลกเปลี่ยนตอนปี 3 แต่ฟางมาตัดสินใจเอาตอนปี 3 เทอม 1 เลยต้องไปตอนอยู่ปี 4 ตอนนั้นฟางลังเลมากว่าจะเลือกสมัครประเทศไหนดี เพราะอยากไปเกือบทุกประเทศเลย เพื่อนๆ ในคณะอีก 4 คนเลือกไปอเมริกา เราก็อยากไปด้วย ประเทศญี่ปุ่นก็น่าสนใจ แต่สุดท้ายฟางเลือกไปประเทศเกาหลี เพราะค่าครองชีพค่อนข้างถูกกว่าประเทศอื่น และเพื่อนที่เป็นคนเกาหลีบอกว่า broadcasting ของประเทศเกาหลีค่อนข้างมีชื่อเสียง บวกกับความชอบส่วนตัวด้วยค่ะ >< ฟางเดินทางไปเกาหลีปลายเดือนเดือนสิงหาคมปี 2552 กับเพื่อนจาก BBA ธรรมศาสตร์อีกหนึ่งคน เราไปถึงที่นั่นก่อนเปิดเทอม 1 อาทิตย์เพื่อทำเรื่องย้ายเข้าหอ หอที่ฟางอยู่เป็นหอ International House ของทางมหาลัย คนที่อยู่ส่วนใหญ่เป็นเด็กแลกเปลี่ยนกับเด็กต่างชาติ ที่หอแยกชั้นผู้หญิงผู้ชาย นอนห้องละ 2 คน ไม่มีลิฟต์แถมเป็นห้องน้ำรวม และที่สำคัญที่อาบน้ำไม่มีประตู เป็นผ้าม่านซีทรูกับกระจกกั้นห้องแบบขุ่นๆ ฟางได้รูมเมทเป็นคนมองโกเลียที่เป็นนักเรียนที่ยอนเซ รูมเมทฟางเป็นสุดยอดรูมเมท เพราะเขาไม่เคยทำอะไรให้อึดอัดเลย เวลาฟางเข้านอนก่อน เขาก็จะปิดไฟให้ และออกไปนั่งเล่นคอมหรืออ่านหนังสือต่อที่ห้องนั่งเล่นรวม แล้วเขาก็ยังเป็นคนที่ทำอะไรเงียบแบบสุดๆ ฟางไม่เคยต้องตื่นขึ้นมาเพราะเขาทำอะไรเสียงดังเลย ถือว่าโชคดีมากจริงๆ ที่ได้รูมเมทดีขนาดนี้ แต่ไม่รู้ว่าเขาคิดว่าตัวเองโชคร้ายรึเปล่าที่ได้ฟางเป็นรูมเมท 555+ พอเทอมสอง หอใหม่สร้างเสร็จพอดี ฟางเลยย้ายไปอยู่หอใหม่ที่มีทั้งลิฟต์และห้องน้ำในตัวค่ะ หอใหม่นี้ชื่อ SK GLOBAL HOUSE มีทั้งหมด 7 ชั้น และเราก็สามารถเลือกได้ว่าจะอยู่ห้องเดี่ยวหรือห้องคู่ ฟางก็เลือกอยู่ห้องคู่กับรูมเมทคนเดิมค่ะ
ฟางไปแลกเปลี่ยนเป็นระยะเวลาสองเทอม เรียนไปทั้งหมด7 ตัว แต่เป็นวิชาของคณะแค่ 3 ตัวค่ะ ได้แก่ ตอนปลายภาคมีทำ group project กลุ่มละ 5 คน เป็นโปรเจคต์ของแต่ละกลุ่ม ทุกคนในคลาสต้องมีส่วนร่วม ฟางได้ทำหน้าที่ switcher และฟางก็ยังได้ไปเป็นนักแสดงให้อีกกลุ่มด้วย บทของกลุ่มเป็นการรายงานข่าวเกี่ยวกับเอเลี่ยนบุกโลก ฟางเป็นคนเดียวในคลาสที่พูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจได้เลยต้องรับบทเอเลี่ยนไปโดยปริยายค่ะ ตอนที่ถ่ายตื่นเต้นมากๆ เพราะพอฟางพูดภาษาไทย ทุกคนก็จะขำ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบ้า แต่ผลออกมาดี ก็สนุกดีค่ะ กิจกรรมแบบเกาหลี+ ที่มหาลัยยอนเซมีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะมากมายค่ะ มีชมรมต่างๆ มากมาย แต่กิจกรรมไฮไลท์ของมหาลัยยอนเซก็คืองาน YON-KOR-JUN ค่ะ งานนี้เปรียบเสมือนงานบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ของบ้านเราก็ว่าได้ งานนี้เป็นการแข่งกีฬาระหว่างมหาลัยยอนเซกับมหาลัยโคเรีย โดยเด็กยอนเซจะใส่เสื้อสีน้ำเงิน ส่วนเด็กจากมหาลัยโคเรียใส่เสื้อสีแดง งานมีทั้งหมด 2 วัน แข่งกีฬา 5 ประเภท สิ่งที่สนุกมากๆ ในงานนี้คือ ในระหว่างที่แข่งกีฬาก็จะมีผู้นำเชียร์จากชมรม AKARAKA ของมหาลัยมายืนเต้นอยู่ข้างหน้าคล้ายๆ กับเป็นเชียร์ลีดเดอร์ แต่พวกเขาจะเต้นเป็นแนวมันส์ๆ สนุกๆ ตามเพลงเชียร์แต่ละเพลง และในงานนี้ก็จะมีศิลปินของเกาหลีขึ้นมาแสดง SHOWCASE เล็กๆ ปีที่ฟางอยู่ 4MINUTE มาเป็นศิลปินรับเชิญของงานค่ะ ได้เห็นผู้ชายกรี๊ดก็คราวนี้ 555+ ที่สนุกไปกว่านั้นคือ หลังจากดูคอนเสิร์ตต่างๆ จนพอใจ แต่ละชมรมหรือกลุ่มเพื่อนๆ จะต่่อแถวกันเป็นรถไฟเดินออกไปตามถนนหน้ามหาลัยซึ่งเป็นย่านร้านเหล้าผับบาร์และร้านอาหารเยอะแยะมากมาย รถไฟแต่ละขบวนจะไปหยุดตามร้านเหล้าร้านอาหารต่างๆ และตะโกนเรียกเจ้าของร้านและขออาหารหรือโซจูค่ะ เจ้าของร้านก็จะนำออกมาให้ตามอัธยาศัย และถ้าหากเราเดินๆ ไปเจอกับขบวนรถไฟใส่เสื้อสีแดงของเด็กมหาลัยโคเรียเข้า ต่างฝ่ายก็จะร้องเพลงเสียงดังใส่กันว่า โคแด พาโบ (มหาลัยโคเรียบ้า) หรือ ยอนแด พาโบ (มหาลัยยอนเซบ้า) สลับกันไปมา สนุกมากๆ ค่ะ
งานแรกที่ฟางได้ทำคือ แปลนิทานเกาหลีค่ะ อาจารย์ที่ติดต่อมาเป็นอาจารย์คนเกาหลีที่มาจากอเมริกา เขากำลังทำโปรเจคต์เกี่ยวกับนิทานเกาหลี โดยนำนิทานเรื่องเล่าเกาหลีต่างๆ ไปทำเป็นแอนิเมชันและใส่ซับไตเติ้ลภาษาต่างๆ เข้าไปรวมถึงภาษาไทยด้วย ฟางกับเพื่อนก็เลยแบ่งกันไปแปลค่ะ มีทั้งหมดเกือบ 40 เรื่องได้ งานที่สองก็คือ งานแปลซีรีส์เกาหลี ซึ่งทางบริษัทที่ทำซีรีส์นั้น เขาติดต่อผ่านทางมหาลัยว่าอยากได้นักเรียนไทยที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน วันแรกที่ได้รับอีเมลจากทางมหาลัย ฟางก็เลยติดต่อเขาไป และเข้าไปคุยที่บริษัทในวันต่อมา งานนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ครั้งใหญ่มากๆ ค่ะ สิ่งที่ยากที่สุดในการแปลครั้งนี้ก็คือ การแปลเบื้องหลังละครซึ่งไม่มีสคริปต์ภาษาอังกฤษให้ แถมการพูดคุยกันของเหล่าพิธีกรก็ไม่ได้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง แล้วยังมีฉากหลุดต่างๆ นานาอีก ทำให้เราไม่สามารถเดาได้เลย ตอนนั้น แปลเบื้องหลังแค่ 15 นาที ปาไปประมาณสิบชั่วโมงได้ค่ะ ยากมากจริงๆ งานที่สาม ฟางทำงานกับบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า LG ค่ะ หน้าที่ของฟางก็คือต้องโทรติดต่อกับลูกค้าที่ประเทศไทยตามรายชื่อที่ทางบริษัทให้มา แล้วสอบถามความพึงพอใจต่างๆ หรือสิ่งที่ต้องการให้บริษัทปรับปรุง และต้องเขียนรายงานสรุปให้ทางบริษัท นอกจากนี้ฟางเคยมีโอกาสทำอะไรที่ฟางไม่คิดว่าในชีวิตนี้ฟางจะได้ทำ นั่นก็คือการเป็นตัวแทนของประเทศไทยในขบวนพาเหรดฉลองวันวิสาขบูชาค่ะ ตอนแรกก็แอบเขินๆ เพราะต้องใส่ชุดไทยด้วย แล้วหุ่นฟางก็ดีเหลือเกิน 555+ แต่สุดท้ายก็ตกลงทำ ฟางต้องขึ้นไปนั่งบนเสลี่ยงกับคนที่เป็นตัวแทนชาติอื่นๆ นั่งโบกธงชาติไทย ยกมือไหว้ทักทายคนที่มานั่งดูยืนดูกันข้างถนน ตอนแรกฟางไม่คิดว่าคนจะเยอะถึงขนาดเต็มถนนสองข้างทาง สิ่งที่ทำให้ฟางดีใจมากๆ ก็คือ ในขณะที่ขบวนเคลื่อนไป คนดูบางคนเห็นฟางแล้วยกมือไหว้ให้ บางคนถึงกับเข้ามาไหว้ถึงตัวเลยก็มีค่ะ พร้อมกับพูดทักทายเป็นภาษาไทยด้วย ดีใจมากจริงๆ ชีวิตสาวก K-POP+ ฟางก็เป็นคนนึงที่ฟังเพลงเกาหลี ไปดูคอนเสิร์ตบ้างอะไรบ้าง คราวนี้ได้ไปอยู่เกาหลีทั้งที เลยขอลองทำอะไรที่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องแฟนคลับเขาทำกันหน่อย พลาดได้ไงล่ะ 555+ ทั้งไปดูรายการวิทยุ Kiss the Radio ของอีทึกกับอึนฮยอกแห่ง SUPER JUNIOR ไปกินพิซซ่าร้านพ่อเซียแห่งทงบังชินกิ ไปดูไปเชียร์ตามรายการเพลงต่างๆ ซึ่งต้องไปต่อแถวเอาคิวตั้งแต่เช้า ไปรอหน้าตึกบริษัท และที่สุดๆ เลยคือไปรับไปส่งที่สนามบิน ต้องขอชมเลยว่า พวกแฟนคลับที่ทำอะไรแบบนี้ให้ศิลปิน เป็นอะไรที่สุดยอดมาก เพราะมันเป็นอะไรที่ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจ สละเวลา และเหนื่อยมากๆ ค่ะ ขนาดฟางไม่ได้ไปเป็นประจำยังเหนื่อยขนาดนี้ ต้องขอยอมแพ้จริงๆ และจากการที่ได้ไปดูนู่นดูนี่ ตามไปที่นั่นที่นี่ ฟางก็มีทั้งเหตุการณ์ที่ประทับใจและไม่ประทับใจค่ะ อีกเหตุการณ์นึงที่ฟางประทับใจก็คือตอนไปดู "ซออินกุ๊ก" ที่คิส เดอะ เรดิโอนี่แหละค่ะ คนไทยส่วนมากอาจจะไม่รู้จัก ที่เกาหลีเค้าดังมากเลยค่ะ ฟางชอบเพลงเค้า วันนั้นเลยแว้บไปดูหน่อย ตอนที่อัดรายการเสร็จ เค้าเดินออกมาขึ้นรถ ฟางกับพี่อีกคนก็เดินตามหลังเค้าไปเรื่อยๆ แล้วพี่เค้าก็เรียก ซอ อิน กุ๊ก ๆ พอเค้าหันมา พวกเราก็พูด สวัสดีค่ะ ซออินกุ๊กก็หันมายกมือไหว้ แล้วก็พูด สวัสดีครับ ตอบแล้วก็โค้งให้ตลอดทางจนขึ้นรถเลยค่ะ เอาใจไปเลยอีกหนึ่งราย >< และเหตุการณ์สุดท้ายที่ฟางจะอยากเล่าให้ฟังก็คือ ตอนที่ฟางไปยืนอยู่หน้าตึก SM (ด้วยความบ้าสุดๆ) จริงๆ ไม่ได้มีใครให้รอเลย 555+ แต่ก็ยืนคุยกับเพื่อนๆ เพลิน ยืนไปยืนมา มองไปฝั่งตรงข้ามเห็นรถของคุณชายซีวอนจอดติดไฟแดงอยู่ จริงๆ ฟางก็ไม่รู้ว่าหรอกว่าเป็นรถใคร แต่พี่ที่ยืนอยู่ด้วยกันเค้าก็ชี้ๆ บอกว่า รถซีวอน นั่นซีวอนจะไปไหน ไม่เลี้ยวเข้าบริษัทนี่ ฟางกับเพื่อนอีกคนเลยยืนโบกมือบ๊ายบายกันขำๆ แต่พอไฟเขียวก็ถึงกับยืนช็อคกันอยู่สามคน คุณชายซีวอนแกเปิดกระจกรถแล้วโบกมือกลับ!!! ก่อนจะขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว คุณชายเค้าพ่อพระเพอร์เฟคต์สมชื่อจริงๆ จากที่เฉยๆ กับซีวอน ตอนนั้นเพ้อไปเป็นอาทิตย์เลยค่ะ 555+ ใครจะไปคิดว่าพี่แกจะโบกมือกลับ คราวนี้ใครไม่รักก็ต้องหลงล่ะค่ะ คนเกาหลีในสายตาฟาง+
ปิดท้ายถึงชาว Dek-D+ โอ้โห อ่านแล้วแอบจิกตัวเองตอนเรื่องคุณชายซีวอน น่ารักได้อีก 555+ พ่อพระได้ใจจริงๆ แต่อ่านจนจบแล้วนึกว่าฟางไปอยู่เกาหลีมาแล้วซัก 10 ปีนะเนี่ย เพราะได้ทำนั่นทำนี่เยอะมากๆ เลย น่าอิจฉาจริงๆ แถมอ่านแล้วรู้เลยว่าฟางต้องเป็นคนน่ารักมากๆ แน่ๆ ^^ ส่วนน้องๆ คนไหนมีประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ อยากจะแบ่งปันให้เพื่อนๆ อ่านแบบนี้บ้าง ก็ส่งมาได้ที่ pay@dek-d.com เช่นเคย แล้วเจอกันแน่นอนค่ะ
|
|||
แสดงความคิดเห็น
ถูกเลือกโดยทีมงาน
ยอดถูกใจสูงสุด
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการที่จะลบความเห็นนี้ใช่หรือไม่ ?
83 ความคิดเห็น
อยากไปบ้างๆ TT
เจอพวกพี่ SJ ด้วยอ่ะน่าอิจฉามากๆๆๆๆๆ
ได้พบเจอสิ่งที่เราไม่เคยพบเห็นและตื้นเต้นกับสิ่งที่ได้ทำ
ต้อนนี้เรียนที่อเมกาค่ะ
เป็นอะไรที่สนุกดี
ชอบมากๆเลย
อยากไปเกาหลี
ในชีวิตนี้ขอให้ได้ไปเถอะ !!
คนเกาหลีถ้าได้สัมผัสจริงๆ นิสัยไม่ดีหรอกจ้า
เพื่อนสนิทเราเป็นคนเกาหลี เกาหลีเค้าจะไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไหร่ และน้ำใจก็มีไม่มากนัก
ส่วนที่ดีก็มี แต่น้อย้เพราะนี่มันเป็นลักษณะนิสัยของคนประเทศนี้อยู่แล้ว :)
อิจฉาอ่ะ
ซีสอนของช้านนนนนนนนนนนนน
อิจฉาที่สุด ><
อยากไปเรียนแบบนี้บ้าง 555
อยากมีโอกาสแบบนั้นบ้าง
แต่แลกเปลี่ยนนี่เราคงต้องแห้ว เพราะเกรดม่ถึง ฮืออออ TT^TT
ไปทามเอ้าท์กะมิซารัง TT
ว๊ากอ๊ากกรี๊ด! >O<;'
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2553 / 21:58
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2553 / 22:00
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2553 / 22:01
แก้ไขครั้งที่ 4 เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2553 / 22:06
แก้ไขครั้งที่ 5 เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2553 / 22:08
อ่านแล้วทำให้อยากไปมั่งจัง
มันคงจะเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ล้ำค่าสุดๆไปเลย
แต่ตาลุงนั่นนิสัยเกินจะทนน
อิจฉาจัง
อยากไปบ้างๆๆๆๆ