สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com .... ช่วงนี้ลมเย็นพัดมาเป็นระลอก เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน ได้แต่ภาวนาให้ลมหนาวอยู่กับพวกเรานานๆ สมกับเป็นช่วงปีใหม่ซะหน่อย อิอิ ..... ใกล้ขึ้นปีใหม่แล้ว น้องๆ หลายคนที่อยากไปแลกเปลี่ยนคงกำลังคิดคร่ำครวญอยู่ว่า จะสอบโครงการไหนดี ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ และที่สำคัญคือ "จะไปประเทศไหนดี" วันนี้ พี่เป้ เลยลองรวบรวมจุดน่าสนใจหลักๆ ของแต่ละประเทศ(หลักๆ)มาฝากค่ะ ลองดูละกันว่าเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของใครอะไรยังไงบ้าง
ประเดิมที่อเมริกากันก่อนเลยค่ะ ใครอยากเลือกอเมริกา ต้องเป็นคนชอบลุ้นค่ะ ! เพราะว่าอเมริกาเป็นประเทศที่ใหญ่มากกก ดังนั้นต้องลุ้นกันหน่อยว่า เราจะถูกจับไปวางตรงไหนของประเทศ เหนือ ใต้ ออก ตก รัฐไหน เมืองไหน บางคนเกลียดอากาศร้อน แต่ดันถูกจับไปอยู่เท็กซัสทางใต้ซะอย่างนั้น พี่เป้ เองก็เห็นน้องๆ หลายคนเฟลมาเยอะ เพราะถูกจับไปอยู่เมืองที่ไม่อยากอยู่ เรียกได้ว่า นักเรียนแลกเปลี่ยนอเมริกาสัก 10 คน ต้องมีอย่างน้อย 3-4 คนล่ะค่ะที่ผิดหวังเพราะได้เมืองที่ไม่ชอบ มีครั้งนึง(นานมาแล้ว) มีคุณแม่ของน้องคนหนึ่งมาปรึกษา พี่เป้ ถึงขั้นจะเอาเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลเลยล่ะ เพราะบางโครงการรับปากไว้ดิบดีว่าจะจัดให้ไปอยู่เมืองใหญ่ๆ แต่พอถึงเวลาจริง ได้เมืองที่แบบว่า .... รถบัสซักคันยังไม่มีจะผ่าน ก็เลยผิดหวังตามๆ กันไป ดังนั้นคนที่จะเลือกไปอเมริกาเนี่ย นอกจากจะต้องชอบลุ้นแล้ว ยังต้องเป็นคนใจกว้าง เปิดรับและปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างแบบสุดขั้วให้ได้ ไม่งั้นน้องมีเฟลแน่นอนค่ะ
จริงๆ เด็กไทยที่ไปเรียนที่ออสเตรเลียเนี่ย ส่วนมากจะเป็นพวกที่ไปเรียนด้วยทุนตัวเองซะมากกว่า เอาง่ายๆ เลยก็คือค่อนข้างมีฐานะนั่นเอง ส่วนพวกเด็กแลกเปลี่ยนก็มีแต่ไม่เยอะมากค่ะ และที่สำคัญคือ นอกจากคนไทยแล้ว ชาติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง บลาๆๆ จะมาเรียนที่ออสเตรเลียกันเยอะมากๆ โดยเฉพาะเกาหลีกับจีนเนี่ยเยอะสุดๆ (บางคนไปออสเตรเลียกลับมา พูดเกาหลีกับจีนคล่องซะอย่างนั้น) ดังนั้นใครอยากจะแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเพื่อนเอเชีย รีบเลือกออสเตรเลียเลยค่ะ!!! นอกจากนี้ ต้องเป็นคนไม่ขี้เหงาด้วยนะคะ เพราะเมืองต่างๆ ในออสเตรเลียเนี่ย ต่อให้เป็นเมืองใหญ่คึกคัก แต่พอตกเย็นก็เงียบสนิททททท ดังนั้นถ้าไม่ใช่เมืองใหญ่ ไม่บอกก็รู้เลยว่าจะเงียบแค่ไหน ใครเป็นพวกขี้เหงาแล้วมาออสเตรเลียเนี่ยตายแน่ๆ แต่ถ้าใครเป็นพวกรักความสงบ แนะนำเลยค่ะ 5555
เริ่มต้นก็ต้องบอกเลยว่าอังกฤษค่าครองชีพสูงพอสมควร ดังนั้นคนที่จะไปที่นี่ก็คงต้องทุนหนากันซักหน่อย เพราะนอกจากค่าครองชีพจะสูงแล้ว กิเลสยังเยอะด้วยค่ะ ! เพราะประเทศต่างๆ ในยุโรปเดินทางไปมาหาสู่กันง่ายมากๆ มีรถไฟเชื่อมถึงกันหมด เดี๋ยวไปปารีส เดี๋ยวไปเนเธอร์แลนด์ เดี๋ยวไปอิตาลี ยิ่งเที่ยวบ่อยก็ยิ่งใช้เงินเยอะ ช้อปก็เยอะ จะไม่เที่ยวก็ไม่ได้อีก เพราะอยู่ใกล้แค่เอื้อม ดังนั้นนอกจากจะมีทุนหนาแล้ว ควรเป็นพวกชีพจรลงเท้า ชอบท่องเที่ยว อยู่ 1 ปี เที่ยวยุโรปมันให้ครบทุกประเทศเลยเป็นไง !! และอีกอย่างที่สำคัญมากๆ พี่เป้ ได้ยินจากน้องๆ มาเยอะมากว่า เด็กไทยไปที่อังกฤษเนี่ย ส่วนมากจะค่อนข้างมีความเป็นอยู่หรูหราไฮโซ ดังนั้นใครเป็นประเภทติดดิน ก็ไม่ใช่ว่าจะไปไม่ได้นะคะ แต่ก็อาจจะต้องควบคุมใจของตัวเองกันหน่อยล่ะค่ะ
บรรดาประเทศในอเมริกาใต้เป็นอีกตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ บางคนไม่คุ้นชื่อประเทศก็เลยไม่สนใจ ขอบอกว่าพลาดของดีซะแล้ว จริงๆ เป็นอะไรที่อยากแนะนำน้องๆ มากว่า ถ้ามีโอกาส อยากให้เลือกไปเลยจริงๆ ค่ะ สาเหตุก็เพราะว่า ....
นั่นก็คือ 4 ประเทศหรือภาคพื้นหลักๆ ที่น้องๆ สนใจกันนะคะ จริงๆ ยังมีอีกหลายประเทศที่น่าสนใจ เช่น จีน ญี่ปุ่น ถ้ามีโอกาสไว้จะกลับมาเขียนให้อ่านกันต่อเนาะ ^^ รู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าลืมเลือกประเทศให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองนะคะ รับรองว่าแฮปปี้เพิ่มอีกเยอะ
หากต้องการนำบทความไปเผยแพร่ยังเว็บไซต์อื่นกรุณาอ้างอิงถึงแหล่งที่มา |
||
แสดงความคิดเห็น
ถูกเลือกโดยทีมงาน
ยอดถูกใจสูงสุด
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการที่จะลบความเห็นนี้ใช่หรือไม่ ?
42 ความคิดเห็น
ที่เเรกเพราะชอบลุ้น เเละมีฮาวาร์ด
ที่สองเพราะบรรยากาศดี เเละมีอ็อกฟอร์ด
ออสเตรเลียก็ไม่เลวนะ มีมหาวิทยาลัยวิคตอเรีย (vu)
ที่อเมริกาใต้ ก็เซาเปาโลนั่นไง
อยากได้ที่ไหนลองสุ่มๆเอานะ เเต่เซาเปาโลเขาก็มีชื่ออยู่พอสมควร คุ้นหูผู้คนบ้าง(ใช่ไหม?)
ฮาวาร์ดกับอ็อกฟอร์ดนี่ชื่อก็บอกคุณภาพ สองอันนี้คงคุ้นกว่าเซาเปาโลข้อข้างบน
ส่วนวิคตอเรียนี่ก็โอเค จัดอยู่ในรู้จักก็รู้จัก เเต่ถ้าไม่รู้จักก็ไม่รู้จักเลยมากกว่าเนอะ
แนะนำ แคนาดา นิดนึง : สำหรับคนรักสงบ ถึกต่ออากาศและลมค่ะ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
ถ้าอยู่เมืองใหญ่จะเจอเอเชียมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกมาย แต่ถ้าไม่ใช่ก็ ๐ ประมาณนั่นเลย
คนที่นี่รักสงบมากๆ แล้วก็รักธรรมชาติ ด้วย ชอบของออกแกนิค ประมารนั้น
แต่ควรจะทุนหนาเล็กน้อย เพราะค่าครองชีพสูงจริง สูงกว่าเมกาเยอะ ที่นู่นของถูก อิจฉา;(
อารมณ์เหมือนอยู่นิวซีแลนด์ แต่ไม่ิดเทละ และหนาวค่ะ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
หน้าหนาวติดลบ แน่นอน! มันส์์!
อ้อนพ่ออีกแล้ว อิอิ
แต่กลัวกิเลสจัง อิอิอิอิ
อยู่ที่ Bristol แบบอังกฤษอากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะคะ
แล้วเด็กนักเรียนนอกส่วนใหญ่ที่เรียนที่นี่จะเป็นพวกไฮโซค่ะ แบบพอเครื่องบินลงจอดที่สนามบิน
ก็จะมีนักการเมือง (ขอไม่เอ่ยนาม) และไฮโซมากมาย มายืนรับลูกหน้างวงช้างทีเดียว พร้อมกับบอดี้การ์ด กับรถกอล์ฟในสนามบิน
แล้วถ้าแต่งตัวไม่ดีๆ ขึ้นเครื่องกับพวกนั้น พวกนั้นก็จะมองด้วยสายตาเหยียดๆค่ะ
ไม่ไหวเลย...เฮ้อ...
ส่วนใหญ่เขียนไทยไม่คล่อง พูดไทยไม่ชัด ทั้งๆที่หน้าไทยสุดๆ
แล้วเวลาพูดที อังกฤษคำไทยคำแล้วบางคนยังกระแดะทำสำเนียงฝรั่งเวลาพูด ในขณะที่บางคนอยู่กับฝรั่งชนชินกว่าอยู่กับความเป็นไทยทำให้พูดไทยไม่ชัด อันนี้ก็เเล้วไป
ส่วนใหญ่ทุกคนหิ้วของแบรนด์นะ
แต่คนไทยติดดินที่อยู่อังกฤษหลายคนก็มีนะคะ (อย่างเช่นเรา... = =")
ส่วนอ็อกฟอร์ดไม่ได้เข้าง่ายๆนะคะ
ต้องมีสมองและมีสะตังค์ (อันหลังนี่สำคัญมาก 55+)
คนไทยไฮโซหลายคนที่ไปเรียนส่วนใหญ่ไปแ*ดมากกว่า เหมือนไปชุบตัว กลับมาจะได้พูดได้ว่าจบมาจากอังกฤษ
แต่เกรดเท่าไหร่ไม่รู้...
บางคนถ้าตั้งใจจริงๆก็จะตั้งใจดีคะ
แล้วคนไฮโซหลายๆคนที่เจอ...เห็นแก่ตัว...อ่ะ
แบบประสบการณ์ส่วนตัวนะ
อยู่ดีๆพี่เขาก็มาสั่งแบบ "อีเคย์มาลากกระเป๋าให้ฉันทีดิ"
เรา: พี ของเคย์ก็จะ 25 โลแล้วนะ
พี่: อะไรวะ ของพี่อ่ะ จะเกิน 30 โลแล้วนะเว้ย อย่าเห็นแก่ตัวดิ
เราเลยลากกระเป๋าไปเล็กให้พี่เขา ขึ้นเนิิน... ยำขึ้นเนินนะคะ! แล้วใบเล็กก็ไม่เห็นเล็กเลย ตั้ง 10 กิโลแน่ะ
แล้วพอลากมากลางทางเราก็เหนื่อยมากแล้วเป็นทางแคบ เลยต้องทยอยลาก เราเลยลากของเราออกมาจากซอยก่อน แล้วกะจะเดินกลับไปลากของพี่ให้แล้วพอเราวางกระเป๋าเหมือนเราวางไม่ดี กระเป๋าของพี่เขาเลยล้ม พี่เขาก็กรี้ดแบบ "อีเคย์!!! กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่าเห็นแก่ตัวดิ!"
เราแบบ คนเห็นแก่ตัวคือพี่ต่างหาก ทุกครั้งเวลาอยู่สนามบิน เราต้องเดินคนเดียวอ่ะ เพราะพี่เค้าอยากไปเดินกับกลุ่มไฮโซที่พูดแต่ภาษาอังกฤษ เพราะว่าเราชอบพูดภาษาไทยกับคนไทยมากกว่า...
แล้วก็ชอบทิ้งเราแล้วยังมาว่าว่าเราเห็นแก่ตัวอีกอ่ะ
แบบพูดตรงๆนะ มันเจ็บมากอ่ะ แล้วพี่เขาเป็นใครมีสิทธิ์มาสั่งอะไรเรา เราไม่ได้เป็นเบ๊เขานะ เราแค่เคารพเขาเพราะเห็นเขาเป็นรุ่นพี่เท่านั้นเอง อะไรกัน...
หลังจากนั้นพอกลับเมืองไทย พี่เขาก็ให้แม่เขาโทรศัพท์มาบอกว่าจะเอาหนังสือTextbook ฝากกระเป๋าเดินทางเราไปอีก 5 กิโล
พูดตรงๆนะ เราไม่อยากรับอ่ะ พี่ทำกับเราขนาดนี้ ทำไมเราต้องทำดีกับเขาด้วย แล้วที่สำคัญ เราจะไปอยู่ อีก 4 เดือน แล้วบัตรเรายังเป็นแค่บัตร silver card อยู่เลย ในขณะที่พี่เขาเป็น gold card แล้วที่พี่เขากระเป๋าล้นเพราะอะไรรู้มั้ย... ก็เพราะว่าในกระเป๋าทั้งใบมีแต่เสื้อผ้าน่ะสิ... ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้า ส่วนน้อยเป็นอาหารกับหนังสือ ในขณะที่เราขนแต่อาหารไป กับหนังสือ แบบไม่ไหวแล้วอ่ะ... แล้วเราต้องแบกกีต้าร์ไฟฟ้าเราไปด้วย มันก็จะเกินแล้วอ่ะ....
เครียดโว้ยยยยยยยย
ปล. ขอโทษนะ ถ้ากระทบใครบางคน
ปล2. อยู่อังกฤษต้องอดทนนะ!
เค้าบอกว่าที่อเมริกาเสรจนสามารถซื้อปืนฆ่ากันเองได้เลยหรอ?ใครรู้ตอบเราทีนะเพราะตอนแรกกะจะไปอเมริกาอ่ะแต่พ่อบอกว่าเด็กที่นั่นใจแตกไม่ดีเลยบอกว่าจะให้ไปแคนาดาแทน(หนาวติดลบแบบคอมเม้นด้านบนหรอ=[]=!!!!!) แต่ออสเตรเลียก็น่าสนน๊าเนี่ยยย><
ปล เลือกอะไรดีระหว่างแคนนาดากับ ออสเตรเลียหลายใจแล้วฉัน
เคย์จังสู้ๆนะ><!!
ปล.ต้องอดทนจริงๆน่ะแหละ
คนที่นี้อัธยาศัยดีมากๆเลยคะ ; )
If you should Endland , then you had better prepare for racialism.
(true experience from my German friend :/)
อิอิ
แต่คงอีกนาน 55+
เจ๋งสุดด 555
ถ้าเงินมากจะไปอเมริกาถ้าเงินลงมานิดหน่อยจะไปอังกฤษแต่เงินน้อยจริงจะไม่เรียนที่อื่นเรียนไทยนี่และ
ไม่มีทุนเรียนฟรีที่ต่างประเทศมั่งหยอ ?
แบบว่าบ้านจนอ่ะ TOT
ปีหน้า ไปล้ะๆๆๆ