7 อันดับหนังดีที่คนอยากเรียนปริญญาโทต้องดู

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ใกล้จะปีใหม่แล้วมีแผนไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างคะ หรือว่าต้องไปเรียนชดเชยกันเอ่ย TT__TT ถ้าใครยังไม่มีแผนจะทำอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็คิดเรื่องเรียนต่อโทไว้อยู่แล้ว ก็ลองเลือกภาพยนตร์ดีๆ ที่ถ่ายทอดชีวิตนักศึกษาป.โทที่สหรัฐอเมริกาในมุมของการใช้ชีวิตมาดูกันกับ 7 สุดยอดหนังป.โทแสนเลิศกันเถอะ



7 หนังเด็ดของว่าที่เด็กต่อโทเมกา

 



7. Patch Adams (1998)







     แม้จะเป็นภาพยนตร์สร้างจากชีวิตจริงของ Hunter 'Patch' Adams ชายหนุ่มที่มุ่งมั่นอยากเป็นหมอรักษาคนไข้ แต่ว่าวิธีการรักษาในแบบของเขาที่เน้นความสบายใจของผู้ป่วยมากกว่าเรื่องยาจริงๆ ทำให้แพทยสมาคมสหรัฐไม่ให้การรับรองว่าเขาเป็นแพทย์จริงๆ ค่ะ ทั้งๆ ที่ผู้ป่วย ญาติๆ ผู้ป่วย พยาบาล และหมอจริงๆ หลายท่านชื่นชมและเห็นด้วยกับการรักษาของเขา ที่บอกว่าถ้าทำให้สบายใจได้ โรคร้ายก็จะค่อยๆ หายไป

     เรื่องนี้จะทำให้เห็นว่าที่อเมริกาไม่ได้เริ่มเรียนแพทย์ตั้งแต่จบม.ปลาย แต่จะเรียนกันตอนป.โท ซึ่งกว่าจะเข้าได้ก็ยากแสนยาก แถมพระเอกยังโดนไล่ออกจากโรงเรียนอีก น่าสงสารค่ะ






6. Legally Blonde (2001)






     สาวๆ น่าจะรู้จักเรื่องนี้กันดีเพราะเป็นหนึ่งในหนังโรแมนติกคอมเมดี้ที่สุดแสนจะชมพูไปทั้งเรื่อง นางเอกเป็นดาวมหาวิทยาลัยสมัยปริญญาตรี ทั้งเด่นดังสวยเซ็กซี่และบ้านก็รวยสุดๆ แถมมีแฟนเป็นหนุ่มหล่อลูกผู้ดี แต่พอเรียนจบแฟนหนุ่มกลับขอเลิกเพราะต้องไปเรียนนิติศาสตร์ที่ Harvard ซึ่งสาวสวยสไตล์ตุ๊กตาบาร์บี้อย่างนางเอกคงไม่เหมาะกับโลกนั้น เธอจึงขยันทำทุกอย่างจนสอบติดนิติศาสตร์ ฮาร์วาร์ด แถมยังประสบความสำเร็จยิ่งกว่าแฟนเก่าซะอีก นอกจากประสบความสำเร็จด้านการเรียนแล้ว ยังได้แฟนใหม่ที่นิสัยดีและฉลาดมากๆ จนเชิดใส่แฟนเก่าได้แบบสะใจสุดๆ

     คล้ายกับเรื่องในอันดับ 7 ค่ะ เพราะการเรียนกฎหมายหรือนิติศาสตร์ที่อเมริกาก็เป็นการเรียนระดับปริญญาโทเช่นกัน ซึ่งจะจบตรีสาขาใดมาก็ได้ อย่างนางเอกจบด้านแฟชั่นมา ก็สามารถเรียนต่อได้ถ้าสอบติด






5. Flatliners (1990) 






     เรื่องนี้มาในแนวเขย่าขวัญที่ทำให้เราสะดุ้งได้อยู่เรื่อยๆ ค่ะ แต่ไม่ใช่หนังผีนะคะ มันเหลื่อมๆ ซะมากกว่า (ดูน่ากลัวกว่าเดิม) โดยเป็นเรื่องของกลุ่มนักศึกษาแพทย์ที่ทำการทดลองบางอย่างหลังเลิกเรียน โดยการทดลองนี้จะเกี่ยวกับความเป็นความตาย ที่ดูแล้วทรมานจนอยากตายให้จบๆ ไปเลยยังดีซะกว่า เป็นคณะแพทย์คนละแนวกับอันดับ 7 เลยค่ะ

     เรื่องนี้จะให้รายละเอียดเรื่องการเข้าวอร์ด เข้าเวร การใช้โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย และอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ค่ะ แต่เรื่องนี้ 18+ นะคะ เพราะมันหลอนแบบไม่ต้องมีผี






4. The Paper Chase (1973)







     เป็นหนึ่งในหนังคลาสสิกค่ะ เพราะในปี 1973 ที่เรื่องนี้เข้าฉายเป็นครั้งแรก พ่อแม่พี่เพิ่งสิบกว่าขวบเองด้วยซ้ำ 555 แต่หาชมทางเคเบิ้ลหรือแผ่น DVD ได้อยู่ค่ะ เป็นเรื่องซึ้งๆ ฮาๆ ดราม่าเล็กๆ ของนักศึกษา Harvard Law School หรือนิติศาสตร์ ฮาร์วาร์ดนั่นเองค่ะ ถึงจะเป็นหนังเก่า แต่มีรางวัลการันตีระดับ Oscars เลยนะคะ

     เรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ของอาจารย์กับนักศึกษาที่เป็นพระเอกของเรื่องค่ะ โดยที่พระเอกจะต้องทำทุกวิถีทางให้อาจารย์ยอมให้เขาสอบผ่านและวิทยานิพนธ์ผ่านให้ได้ถึงจะจบ แต่อาจารย์นี่ที่สุดของการจะเอาใจเลยค่ะ โน่นก็ไม่ถูกใจ นี่ก็แย่ ดูแล้วจะโมโหแทนเลยค่ะ






3. Rounders (1998)







     แฟนคลับหนุ่มเจสัน บอร์นที่รับบทโดย Matt Damon คงพลาดไม่ได้ (ตอนนั้นเอ๊าะมาก) เพราะเขารับบทเป็นเซียนโป๊กเกอร์ที่กลับตัวกลับใจกลับไปเรียนต่อนิติศาสตร์ และพยายามเป็นผู้ชายที่แสนดีเพื่อให้แฟนยอมรับ จนวันหนึ่งเพื่อนเก่าเจ้าปัญหามาขอความช่วยเหลือ จนพระเอกของเราโดนดึงกลับไปสู่วังวนของการพนันอีกครั้ง แถมคราวนี้เป็นหนี้จนแทบล้มละลาย และต้องกลายเป็นอาชญากรจำเป็นอีกด้วย

     เรื่องนี้เป็นหนัง 18+ อีกเรื่องเพราะความโหดร้ายของหนังค่ะ มันจะมืดๆ ทั้งเรื่องเลย ทั้งสีของหนัง และเรื่องราวด้วย เครียดแทนพระเอกมากเพราะทุกอย่างในชีวิตมันกดดันเขาพร้อมๆ กัน ต้องไปดูว่าแล้วการเรียนนิติศาสตร์ของเขาจะเป็นยังไงในตอนจบ






2. A Beautiful Mind (2001)







     เป็นหนังที่กวาดรางวัลมาแทบทุกสถาบันในปีนั้นเลย แถมยังได้เกือบครบทุกสาขาเด่นๆ เพราะเป็นเรื่องที่สร้างจากชีวิตจริงของผู้ชนะรางวัลโนเบล John Nash นักคณิตศาสตร์ที่ฉลาดเหมือนอัจฉริยะในยุคก่อนๆ มาเกิดใหม่เลย แต่ว่าทั้งชีวิตเขากลับต้องทรมานกับโรคจิตเภท Schizophrenia ที่เป็นโรคทางจิตเรื้อรังที่เป็นมาแต่กำเนิดเพราะพันธุกรรม โดยหนังจะเล่าตั้งแต่การป่วยระยะแรก ที่กำเริบขณะที่เขาเรียนป.โทอยู่ที่ Princeton ค่ะ และจนไปถึงระยะที่สองที่กำเริบเมื่อเขากลายเป็นอาจารย์แล้ว แต่ทุกอย่างกลับพัฒนาการถดถอยลง ทั้งความสามารถทางกายภาพ และการใช้ความคิด น้ำตาร่วงเป็นถังเลยค่ะ

     เรื่องนี้จะหลุดจากการเรียนนิติศาสตร์และแพทยศาสตร์แล้วค่ะ แม้การเรียนโทคณิตศาสตร์จะไม่ค่อยฮิตกันมากนัก แต่ก็เป็นตัวแทนของรูปแบบการเรียนคณะที่ต่อเนื่องจากป.ตรีในระบบการศึกษาของอเมริกาค่ะ






1. Good Will Hunting (1997)







     อีกเรื่องของหนุ่ม Matt Damon ค่ะ พี่ไม่ได้ลำเอียงนะคะ 555 คราวนี้เขารับบทเป็นอดีตนักโทษที่มาเป็นภารโรงที่ MIT แต่เขามีสมองที่อัจฉริยะมากจนไปเข้าตาศาสตราจารย์วิชาคณิตศาสตร์ผู้หนึ่ง (ไม่ใช่จากเรื่องเมื่อกี้นะคะ) เขาเชื่อว่า Will Hunting เกิดมาเพื่อเป็นอัจฉริยะโดยแท้ เพียงแต่เกิดมาผิดที่ทำให้พรสวรรค์นี้โดนกดเอาไว้ จนจิตแพทย์อีกคนยื่นมือเขามาช่วยรักษาในจุดนี้ เพื่อให้เขาเปิดใจและกล้าเป็นอัจฉริยะค่ะ เรื่องนี้ได้ Oscar กันหลายตัวมาก และสร้างชื่อให้กับทั้ง Matt Damon และ Ben Affleck ให้ดังระเบิด

     เรื่องนี้อาจจะไม่เน้นเรื่องชีวิตป.โทมากเท่ากับชีวิตส่วนตัวของ Will Hunting แต่ก็ทำให้เห็นระบบการศึกษาของเขา ที่เหมือนจะเท่าเทียมกัน แต่ก็ไม่เท่าเทียมสำหรับคนที่มีพรสวรรค์ แต่กลับเป็นอดีตนักโทษที่ถูพื้นมหาวิทยาลัยไปวันๆ เขาจึงโดนกีดกันไม่ให้เรียนโทได้โดยง่าย





     ถ้าดูครบ 7 เรื่องก็น่าจะตาแฉะกันใช้ได้เลยสำหรับสาวๆ ทั้งหลาย 555 ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ลองหามาดูจริงๆ ค่ะ เพราะเราจะรับข้อมูลได้ดีกว่าการเปิดเว็บกระทรวงศึกษาของอเมริกามาดูรูปแบบการเรียนต่อโท แค่คิดก็อยากกดปิดแล้วใช่มั้ยล่ะ ฉะนั้นดูหน้าสวยๆ หล่อๆ ถ่ายทอดชีวิตการเรียนป.โทแบบทางอ้อมน่าจะสนุกกว่าเยอะ แถมได้แรงบันดาลใจไปในตัวอีกต่างหาก คณะที่ต่างจากบ้านเราชัดเจนเลยคือเรียนกฎหมายกับหมอ ที่ต้องจบตรีมาก่อนเท่านั้น แถมยังต้องเรียนเตรียมอีก (Pre-Law หรือ Pre-Med) ส่วนคณะอื่นๆ ก็เหมือนกับของเราค่ะ หนังส่วนมากเลยเน้น 2 คณะนี้เป็นพิเศษ คณะอื่นอย่าน้อยใจเลยนะ ^_^




 




ข้อมูลและภาพประกอบ
www.onlineschools.com
www.imdb.com
fordhamgsaslife.blogspot.com
พี่พิซซ่า
พี่พิซซ่า - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

USAW 16 ธ.ค. 56 16:36 น. 5
A Beautiful Mind นี่สุดยอดครับ ผมชอบมาก ตอนที่ดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกไม่รู้เลยว่าจอห์นป่วย แต่ช่วงท้ายที่กลับไปพรินซ์ตันนี่ชอบในความพยายามของเขามากจริงๆ
0
กำลังโหลด
LoveKwonYul Member 17 ธ.ค. 56 10:02 น. 12

ดู 4 จาก 7 ค่ะ

จำได้ว่าดู legally blonde ตอนม.3 Elle Wood นี่เป็นไอดอลเลย จากแฟชั่นไปเรียนกฏหมายเฉย รักเลย

A beautiful mind ดูตอนอยู่อเมริกา (อาจารย์คณิตเปิดให้ดูในคาบเลย) ทำนักเรียนน้ำตาร่วงกันเป็นแถว ๆ เสียใจ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
jade Member 16 ธ.ค. 56 20:56 น. 8

A Beautiful Mind สนุกและซึ้งสะเทือนอารมณ์มากๆๆ

...แต่ระวังนะคะ หลายสิ่งในนั้นมันก็ไม่ตรงกับความเป็นจริง (ตามสไตล์หนังอิงชีวิตจริง)

0
กำลังโหลด

15 ความคิดเห็น

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
USAW 16 ธ.ค. 56 16:36 น. 5
A Beautiful Mind นี่สุดยอดครับ ผมชอบมาก ตอนที่ดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกไม่รู้เลยว่าจอห์นป่วย แต่ช่วงท้ายที่กลับไปพรินซ์ตันนี่ชอบในความพยายามของเขามากจริงๆ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
PROF.NOAR Member 16 ธ.ค. 56 20:27 น. 7

ผมเป็นผู้ชายที่ชอบดู Legally Blonde นะฮะ  ^^"  ผมว่ามันให้พลังใจเยอะดี  ป.ล. จำไม่ผิดรู้สึกจะมีสามภาคเยี่ยม

0
กำลังโหลด
jade Member 16 ธ.ค. 56 20:56 น. 8

A Beautiful Mind สนุกและซึ้งสะเทือนอารมณ์มากๆๆ

...แต่ระวังนะคะ หลายสิ่งในนั้นมันก็ไม่ตรงกับความเป็นจริง (ตามสไตล์หนังอิงชีวิตจริง)

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
LoveKwonYul Member 17 ธ.ค. 56 10:02 น. 12

ดู 4 จาก 7 ค่ะ

จำได้ว่าดู legally blonde ตอนม.3 Elle Wood นี่เป็นไอดอลเลย จากแฟชั่นไปเรียนกฏหมายเฉย รักเลย

A beautiful mind ดูตอนอยู่อเมริกา (อาจารย์คณิตเปิดให้ดูในคาบเลย) ทำนักเรียนน้ำตาร่วงกันเป็นแถว ๆ เสียใจ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Kurama Shannon Member 19 ธ.ค. 56 22:03 น. 14

ถึงแม้จะไม่เคยดูซักเรื่อง (ทุกเรื่องตั้งแต่สมัยเรายังเล่นกระโดดยางอยู่เลย)

แต่ก็อยากจะไปหามาดูนะ  ขอบคุณที่แนะนำนะคะ

0
กำลังโหลด
jupiroy Member 15 มิ.ย. 57 21:03 น. 15

เข้าใจผิดนะคะ แพทย์อเมริกาไม่ได้เริ่มเรียนปริญญาโท (master degree)

แต่คนที่จะเรียนแพทย์ในอเมริกานั้นมีคุณสมบัติจะต้องจบอย่างน้อยปริญญาตรี แล้วเรียนเตรียมแพทย์เพื่อทีจะสอบเข้าเรียนใน คณะแพทยศาสตร์อีก ใช้เวลาเรียน5ปี

1
VersailleS Member 1 พ.ย. 57 10:40 น. 15-1
ขอแก้เพิ่มนิดนึงนะคะ เรื่องแรกคือไม่จำเป็นต้องเลือกเรียนเตรียมแพทย์ค่ะ แค่ take requirement courses เฉยๆ คนที่เลือก major ด้านศิลป์ ก็สามารถสอบเข้า med school ได้ค่ะ อีกเรื่องคือ ระยะเวลาเรียน standard คือ 4 ปีค่ะ ไม่ใช่ 5
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด