|
|
สวัสดีครับน้องๆ ชาว Dek-D.com เมื่อคราวที่แล้วพี่ยีนได้พาน้องๆ ไปตามติดชีวิตพี่ๆ ในรั้วคณะเศรษฐศาสตร์กันไปแล้ว งานนี้กระโดดออกมานอกรั้วกันบ้างดีกว่า เพราะพี่ยีนได้พาบรรดาอดีตนิตินักศึกษาชาวเศรษฐศาสตร์ มาให้รู้จักชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัยกันครับ แต่ละคนจะรุ่งพุ่งแรงในหน้าที่การงาน หรือทะยานไปศึกษาต่อกันยังสาขาไหน ไปติดตามกันเลยดีกว่าครับ..! | |
|
|
|
|
|
รุ่นพี่เศรษฐศาสตร์คนที่ 1: พี่นุช ผู้จัดการด้านกลั่นกรองสินเชื่อ
|
|
พี่ยีน: ช่วยแนะนำตัวให้น้องๆ รู้จักหน่อยครับ! |
|
|
|
พี่นุช: ในช่วงนั้น มหาวิทยาลัยลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงทางด้านบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ และบัญชี คือ ม.หอการค้าไทย ซึ่งรุ่นพี่ที่จบจากสถาบันนี้ ต่างก็ได้ทำงานในตำแหน่งและสถานที่ทำงานที่ค่อนข้างดี และสร้างผลงานเป็นที่ยอมรับไม่แพ้นักศึกษาที่จบจากสถาบันการศึกษาของรัฐค่ะ | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
พี่ยีน: ตอนเรียนได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างครับ? |
พี่นุช: ตอนเรียนนั้น กิจกรรมที่ร่วมทุกปีก็น่าจะเป็นกิจกรรมรับน้อง ซึ่งทำให้เราได้มีโอกาสให้คำแนะนำแก่รุ่นน้องที่เข้ามาใหม่ค่ะ โดยเฉพาะเด็กต่างจังหวัด ที่อาจจะยังขาดความมั่นใจในการเข้ามาเรียนในกรุงเทพ
นอกจากนั้นก็จะเข้าร่วมชมรม ISEC บ้าง แต่ส่วนใหญ่นอกเหนือจากเวลาเรียน ก็จะไปหาประสบการณ์จากการทำงานข้างนอก เช่น การเป็นผู้ช่วยมัคคุเทศก์ ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากสิ่งที่เราเรียน เพราะงานจะเกี่ยวข้องกับการให้บริการ แต่ถือเป็นการเปิดโอกาสเบื้องต้นของสังคมการทำงาน ซึ่งต้องอดทนและรับผิดชอบมากขึ้นค่ะ |
|
|
พี่นุช: นอกเหนือจากความรู้ที่ได้รับ ความเอาใจใส่ในการเรียนการสอนของคณาจารย์ และสังคมรุ่นพี่รุ่นน้องที่เอื้อเฟื้อต่อกันแล้ว กิจกรรมหลายๆ อย่างของมหาวิทยาลัย ยังเป็นกิจกรรมที่ให้นักศึกษาได้ร่วมกันทำงาน และเปิดโอกาสให้แสดงความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย เช่น กิจกรรมเล่นหุ้น และการเปิดร้านของคณะบริหารธุรกิจค่ะ
สำหรับการเรียนบางวิชา แม้จะไม่ใช่วิชาหลักของสาขา แต่ก็สร้างความประทับใจได้เช่นกันค่ะ เช่น วิชาปรัชญาของปี 2 มีการกำหนดให้ทำกิจกรรมโดยเชิญวิทยากรมาพูดคุยเกี่ยวกับปรัชญาชีวิต ซึ่งไม่มีข้อจำกัดว่าจะเชิญวิทยากรท่านใด ซึ่งทุกคนก็ต้องวางแผนในด้านต่างๆ ร่วมกัน ทั้งการประชาสัมพันธ์ การตบแต่งสถานที่ การติดต่อ และเชิญพิธีกร สนุกดีค่ะ ไม่ใช่จะต้องเคร่งกับวิชาการเกินไป ซึ่งขณะนั้นกลุ่มห้องพี่ เลือกพี่โน๊ต อุดม แต้พานิช ซึ่งพี่เชื่อว่าการทอล์คโชว์เมื่อปี 2535 ครั้งนั้น น่าจะเป็นครั้งแรกของพี่โน๊ต ซึ่งนักศึกษาที่เข้าฟังในที่ประชุม ต่างก็สนุกสนานและประทับใจเป็นอย่างมากค่ะ
|
|
พี่ยีน: ส่วนใหญ่เพื่อนๆ ที่จบมาด้วยกัน ทำอะไรกันต่อไปบ้างครับ? |
พี่นุช: มีทำหลากหลาย เช่น บริษัทเอกชนบ้าง ธุรกิจส่วนตัวบ้าง แต่เท่าที่สัมผัสส่วนใหญ่ น่าจะอยู่ในสถาบันการเงินต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงปีสุดท้าย ทางสถาบันได้จัดให้บริษัทต่างๆ ทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ รวมถึงสถาบันการเงิน เข้ามาเปิดรับใบสมัครถึงมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว ซึ่งสะดวกมากค่ะ |
| | |
|
พี่ยีน: ตัวพี่นุชเอง จบมาแล้วทำงานเลยหรือเปล่าครับ? |
พี่นุช: จบก็ทำงานเลยค่ะ เข้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ก่อน ซึ่งหน่วยงานสุดท้ายที่ทำเป็นงานด้านสินเชื่อค่ะ ลักษณะงานก็จะเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ เป็นงานที่ต้องพบปะกับลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการในแต่ละธุรกิจ โดยจะต้องศึกษาให้เข้าใจถึงธุรกิจที่เราจะพิจารณาอนุมัติเงินกู้ให้ โดยใช้หลักการวิเคราะห์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประสบกาณ์ การเงิน การตลาด อุตสาหกรรม และด้านต่างๆ ซึ่งต้องใช้ความรู้ที่หลากหลายทั้งด้านกฎหมายและความรู้ทั่วไปค่ะ
งานนี้เป็นงานที่มีอะไรใหม่มาให้เราได้วิเคราะห์ตลอดเวลา เป็นงานที่สนุก ได้ศึกษาและวิเคราะห์ธุรกิจหลากหลายแขนง ทั้งยังได้มุมมองการทำธุรกิจของผู้ประกอบการ ซึ่งเราเองก็ต้องพยายามเพิ่มพูนความรู้อยู่ตลอดเวลาด้วยค่ะ |
|
พี่ยีน: ก่อนเรียนจบกับหลังเรียนจบ สิ่งที่คาดหวังไว้ต่างกันบ้างไหม? |
พี่นุช: ไม่ค่อยจะแตกต่างค่ะ เนื่องจากที่ผ่านมาจะมีการวางแผนและกำหนดเป้าหมายให้กับตนเองไว้ตลอด ว่าเมื่อเรียนจบปริญญาตรี จะต้องหาประสบการณ์ในการทำงานก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าตนชอบงานด้านไหน ซึ่งขณะนั้นอยากทำงานด้านสินเชื่อมาก ช่วงปิดเทอมปี 3 ก็เข้าไปฝึกงานที่สหธนาคาร ด้านสินเชื่อ หลังจบปริญญาตรี ก็เข้าไปทำงานที่ ธ.ไทยพาณิชย์ ซึ่งแผนกสุดท้ายที่ทำ ก็คือด้านสินเชื่ออย่างที่ตั้งใจไว้เลยค่ะ |
|
|
|
พี่ยีน: สุดท้ายนี้ อยากฝากอะไรเพิ่มเติมกับน้องๆ บ้างครับ? |
พี่นุช: มันเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตจริงที่ต้องรับผิดชอบตัวเราเองให้ได้ หลังจากช่วงที่ผ่านมาเราต้องพึ่งพาพ่อแม่ แม้จะรู้สึกว่าการจบการศึกษาในภาวะปัจจุบันจะมีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่อย่าพึ่งท้อและใช้ความพยายามให้มากขึ้น ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยไม่ลงแรง หากจบมายังไม่ได้งานทำทันที ก็พยายามหาความรู้เพิ่มเติม เมื่อโอกาสเข้ามา แม้เงินเดือนหรือผลตอบแทนจะยังไม่มาก หรืออาจไม่ใช่สายตรงกับที่จบ แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่อาจนำไปใช้ประโยชน์กับงานที่ทำในอนาคต นอกจากนี้ ขอให้ทุ่มเทในการทำงานและพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะสิ่งนี้สำคัญมากค่ะ หากน้องๆ ต้องการจะก้าวหน้าในอาชีพการทำงานต่อไปไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็ตาม
สำหรับเรื่องการเรียนต่อในระดับสูงกว่าปริญญาตรีนั้น นอกเหนือจากการได้เรียนรู้ในเชิงลึกมากขึ้นแล้ว ยังช่วยปรับกระบวนความคิด และได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนทัศนคติกับกลุ่มเพื่อนใหม่ ต่างอายุ ต่างอาชีพ สร้างเครือข่ายได้หลากหลาย แม้จะไม่สำคัญที่สุดแต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของใบเบิกทางของการทำงานในปัจจุบันได้ค่ะ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
พี่ยีน: พี่นุชได้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไหมครับ? |
พี่นุช: หลังจากจบปริญญาตรีและทำงานประมาณปีครึ่ง ก็ออกมาเรียนต่อปริญญาโทตามแผนที่กำหนดไว้ ซึ่งจังหวะนั้นก็เป็นช่วงที่เพิ่งเริ่มเกิดวิกฤติเศรษฐกิจพอดี จึงไม่ค่อยได้รับผลกระทบ โดยคณะที่เรียนต่อก็ยังเป็นทางด้านเศรษฐศาสตร์ ที่สถาบันบัณทิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ (ภาคปกติ) สาขาวิเคราะห์และประเมินโครงการ ซึ่งส่วนหนึ่งหวังไว้ว่า วิชาที่เรียนจะนำมาประยุกต์ใช้ในงานสินเชื่อที่เคยทำ และอาจเข้าสู่งานวิชาการได้ค่ะ |
|
พี่ยีน: ปัจจุบันทำงานอะไรครับ? |
พี่นุช: ปัจจุบันยังคงทำงานด้านสินเชื่ออยู่ค่ะ เพราะเป็นงานที่ทำให้เราได้ศึกษาในหลากหลายธุรกิจ งานสินเชื่อเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะการวิเคราะห์แทบจะทุกด้าน ต้องเป็นคนช่างสังเกตและช่างซักถาม และต้องเพิ่มเติมความรู้อยู่ตลอดเวลา ถือได้ว่าเป็นงานที่ค่อนข้างท้าทาย และเป็นตำแหน่งงานที่สำคัญตำแหน่งหนึ่งของธนาคาร
ตำแหน่งปัจจุบันเป็นผู้จัดการด้านกลั่นกรองสินเชื่อ ซึ่งจะเป็นงานที่วิเคราะห์และให้ความเห็นเกี่ยวกับคำขอสินเชื่อที่นำเสนอเข้ามาว่ามีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด และอยู่ในเกณฑ์ที่ธนาคารจะอนุมัติหรือปฎิเสธภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้หรือไม่ค่ะ |
|
| |
รุ่นพี่เศรษฐศาสตร์คนที่2 : พี่บิ๊ก นศ. MBA, University of Massachusetts Dartmouth
|
พี่ยีน: ช่วยแนะนำตัวให้น้องๆ รู้จักหน่อยครับ? |
พี่บิ๊ก: ชื่อฤกษ์ชัย โพธิ ครับ ชื่อเล่นบิ๊กครับ จบ ม. ปลาย จากโรงเรียนสุโขทัยวิทยาคม จังหวัดสุโขทัยครับ (เด็กต่างจังหวัดโดยกำเนิด..ฮ่าๆๆ) และจบปริญญาตรี จากคณะเศรษฐศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ (B.E.) วิชาเอกเศรษฐศาสตร์การคลังและเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรม จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันกำลังศึกษาปริญญาโท MBA ที่ University of Massachusetts Dartmouth ประเทศสหรัฐอเมริกาครับ |
| |
|
|
|
|
|
|
พี่ยีน: ทำไมถึงเลือกเรียนคณะนี้ครับ? |
พี่บิ๊ก: อืม..พอดีมีโอกาสได้อ่านบทความของอาจารย์ป๋วย อึ้งภากรณ์ เรื่อง "จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน" มันเป็นบทความที่สะท้อนถึงสังคมในอุดมคติที่ผมอยากให้เกิดขึ้นจริงๆ นี่เป็นแรงบันดาลใจเบื้องต้นที่ทำให้สนใจเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ จากนั้นผมก็ค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับคณะเศรษฐศาสตร์ ว่าเรียนเกี่ยวกับอะไรบ้าง เนื้อหาวิชาเป็นอย่างไร จบมาแล้วจะได้อะไรบ้าง ซึ่งวิชาเศรษฐศาสตร์ จะสอนให้เราเรียนรู้เรื่องกลไกทางเศรษฐกิจ รู้จักการบริหาร จัดสรรทรัพยากรต่างๆ ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด การเรียนเศรษฐศาสตร์จะแตกต่างกับการเรียนบริหารธุรกิจตรงที่ว่า เศรษฐศาสตร์จะเน้นบริหารเศรษฐกิจและทรัพยากรโดยรวม เพื่อทำให้สวัสดิการของผู้คนในประเทศมีระดับที่สูงที่สุดเป็นเป้าหมายหลัก ส่วนบริหารธุรกิจจะเน้นเรื่องการบริหารธุรกิจเพื่อองกรค์ใดองกรค์หนึ่ง โดยเน้นกำไรและผลประโยชน์ขององค์กรเป็นหลัก ซึ่งผมตัดสินใจว่าจะเรียนเศรษฐศาสตร์ เพื่อจะได้เข้าใจถึงกลไกโดยรวมของเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งระดับเล็ก (บริษัทและองกรค์ต่างๆ) จนถึงระดับใหญ่ (ระดับประเทศและระหว่างประเทศ) ซึ่งคิดว่าจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาความคิด การวิเคราะห์ถึงเหตุและผล เพื่อให้ทันกับโลกแห่งความเปลี่ยนแปลงครับ | |
พี่ยีน: ตอนเรียนได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างครับ? |
พี่บิ๊ก: ผมก็ทำกิจกรรมเรื่อยๆ ทุกปีครับ เริ่มด้วยปีหนึ่งก็ร่วมกับเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน ทำกิจกรรมหาเงินมาจัดงานรับน้องครับ ไม่ว่าจะบูมเชียร์รุ่นพี่ตอนวันรับปริญญา ทำซุ้มงานลอยกระทงที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต หรือแม้แต่ขายของตอนงานบอลประเพณีจุฬาธรรมศาสตร์ ช่วงปีสองก็ช่วยเพื่อนจัดงานรับน้อง และร่วมแข่งบาสเกตบอลในงาน Interdorm ด้วยครับ สำหรับปีสามก็เป็นคณะกรรมการจัดค่ายอาสาพัฒนาชนบท ซึ่งจัดที่หมู่บ้านห้วยปงและแม่ทา จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเวลา 10 วัน และก็ช่วยจัดงาน bynior ให้รุ่นพี่บัณฑิต โดยมีโอกาสได้เล่น guitar โดยมีเพื่อนที่อยู่ TU band เป็นนักร้อง ฝีมือ guitar อ่ะ ไม่เท่าไหร่หรอก เล่นขำๆ ไป แต่นักร้องน่ะสิ ช่วยให้วง folk song ดีขึ้นเยอะ..ฮ่าๆๆ ส่วนปีสี่ทำไรบ้างนะ นึกไม่ออกแฮะ ปีสี่คงเป็นปี chill out มั้ง ส่วนใหญ่จะ hang out กับเพื่อนๆ เก็บความทรงจำในชีวิตในรั้วมหาลัย และสุดท้ายก็เตรียมตัวเผชิญโลกภายนอกครับ |
พี่ยีน: คิดว่าคณะนี้ให้อะไรกับพี่บิ๊กบ้าง? |
พี่บิ๊ก: นอกจากวิชาความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ที่ผมเรียนรู้แล้ว การเรียนคณะเศรษฐศาสตร์นี้ ยังพัฒนาให้ผมเป็นคนคิดเป็น คิดเป็นระบบ โดยวิเคราะห์ถึงเหตุและผลของสิ่งต่างๆ ทั้งยังพร้อมเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ผมได้นำหลักเศรษฐศาสตร์มาใช้ในการดำรงชีวิตเสมอครับ โดยผมต้องพยายามวิเคราะห์สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงหรือปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งในโลกเศรษฐกิจและการดำรงชีวิต เมื่อเรารู้สาเหตุของปัญหาแล้ว เราถึงสามารถหาวิธีแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพได้ นอกจากนี้การได้เรียนคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังทำให้ผมรู้จักเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ดีๆ มากมาย ซึ่งพวกเราอยู่กันอย่างครอบครัว B.E. Thammasat จริงๆ ครับ | |
|
|
|
|
พี่ยีน: ส่วนใหญ่เพื่อนๆ ที่จบมาด้วยกันทำอะไรกันต่อไปบ้างครับ? |
พี่บิ๊ก: เพื่อนๆ พี่ๆ ที่จบมาจากคณะเศรษฐศาสตร์ ก็จะทำงานไปสองสายใหญ่ๆ คือ ถ้าไม่ทำงานในสายเศรษฐศาสตร์โดยตรง ก็จะอยู่ในสายธุรกิจครับ พวกที่ทำงานสายเศรษฐศาสตร์โดยตรงก็จะไปทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือไม่ก็ทำงานในหน่วยงานราชการ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง กรมศุลกากร กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น ส่วนพวกที่ทำงานสายธุรกิจก็ไปทำงานบริษัทเอกชน หรือไม่ก็ธุรกิจส่วนตัว ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไปทำงานสายการตลาดกับการเงินครับ | |
|
พี่ยีน: พี่บิ๊กจบมาแล้วทำงานเลยหรือเปล่าครับ?
|
|
พี่บิ๊ก: ผมจบมาแล้วก็เข้าไปทำงานโปรเจ็คหนึ่งเดือนครึ่งของ Bank of America (สาขากรุงเทพ) ครับ เป็นงานที่ตรวจสอบเอกสารของลูกค้า Bank of America ทั้งหมดครับ พอจบงานนี้ก็กลับบริหารงานธุรกิจครอบครัวประมาณหนึ่งปี ก่อนมาเรียนต่อโทครับ ธุรกิจครอบครัวเป็นธุรกิจค้าส่งเครื่องดื่ม ซึ่งผมทำตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการ หน้าที่หลักๆ ก็คือ พยายามจัดการดูแลทุกอย่าง Be your own Boss เรียกได้ว่า เป็นเจ้านายตัวเองครับ ต้องศึกษาถึงข้อดีข้อเสียของการบริหารธุรกิจของครอบครัวและก็พยายามแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นครับ พยายามรู้จักลูกค้า สร้างพันธมิตรทางธุรกิจ และเรียนรู้เกี่ยวกับผลกระทบและปัจจัยของยอดขายที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงตามฤดูกาลครับ |
พี่ยีน: ช่วงก่อนเรียนจบกับหลังเรียนจบ สิ่งที่คาดหวังไว้ต่างกันบ้างไหมครับ? |
พี่บิ๊ก: ในแง่ของสิ่งที่คาดหวัง เรื่องการเรียนรู้จะไม่ต่างจากที่หวังเท่าไหร่ เนื่องจากผมได้มีการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับคณะเศรษฐศาสตร์ว่าเรียนอะไร และเป็นอย่างไร ก่อนที่จะเลือกเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ครับ แต่ในแง่ของการใช้ชีวิตมันต่างครับ ผมจบ ม. ปลายจากต่างจังหวัด การมาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ ก็ได้ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง รับรู้ข่าวสาร การเรียนรู้ที่ทันต่อโลก และเปิดโลกทัศน์การเรียนรู้ของผมครับ นอกจากนี้ ยังทำให้ผมมีความรับผิดชอบมากขึ้น รู้จักการแบ่งเวลาที่เป็นระบบ รู้จักคิดและแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองมากขึ้นครับ |
| |
|
|
พี่ยีน: ทำไมถึงเลือกเรียนต่อระดับปริญญาโท ในสาขา MBA (บริหารธุรกิจ) ล่ะครับ?
|
พี่บิ๊ก: ผมเลือกจะทำงานสายธุรกิจในอนาคตครับ จากการเรียนเศรษฐศาสตร์ตอนปริญญาตรีนั้น ช่วยให้ผมวิเคราะห์เศรษฐกิจและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจได้ดีพอสมควร หลังจากวิเคราะห์เป็นระบบแล้ว ผมต้องการเครื่องมือที่ช่วยในการบริหารจัดการปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพครับ ผมเลยเลือกเรียนต่อ MBA ที่อเมริกาครับ ซึ่งหลังจากจบโทแล้ว คงอยากจะทำงานบริษัทเอกชนเป็นลูกจ้างเขาสักพัก เพื่อหาประสบการณ์ หลังจากนั้นก็คงทำธุรกิจส่วนตัวสักอย่าง คงทำอย่างพอเพียง ค่อยเป็นค่อยไปครับ | |
| |
รุ่นพี่เศรษฐศาสตร์คนที่ 3 : พี่ตาล ธุรกิจส่วนตัว
|
|
พี่ยีน: ช่วยแนะนำตัวให้น้องๆ รู้จักหน่อยครับ? |
พี่ตาล: ชื่อ สุจิตรา อึ้งพาณิชย์กุล อายุ 25 ปี ชื่อเล่น น้ำตาล จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ปัจจุบันประกอบธุรกิจส่วนตัว ทำงานให้กับครอบครัวค่ะ |
|
พี่ยีน: ทำไมถึงเลือกเรียนคณะนี้ครับ? |
พี่ตาล: คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เปิดทำการสอนมานาน เป็นคณะที่มีชื่อเสียงด้านผลิตบัณฑิตเศรษฐศาสตร์ให้มีความรู้ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม การค้า และการเงินระหว่างประเทศ มีอุดมการณ์ รู้จักคิดและวิเคราะห์สถานการณ์ ฝึกให้นิสิตรู้จักแก้ปัญหา สร้างโอกาสในการทำงานในหลาย ๆ องค์กร และเกียรติภูมิของมหาวิทยาลัยคือเกียรติแห่งการรับใช้ประชาชนค่ะ
สำหรับน้องๆ ที่จะเลือกคณะสำหรับเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาด้านไหน ก็ลองสำรวจตนเองก่อนเกี่ยวกับความพร้อม ความชอบในเนื้อหาวิชา และความมุ่งหวังต่อการทำงานในอนาคตนะคะ ซึ่งก็ต้องพิจารณาความถนัดทางวิชาการ และความเหมาะสมด้านจิตวิทยาด้วย และเมื่อน้องๆ ได้คณะที่ตนเองคิดว่าควรจะเรียนต่อแล้ว ค่อยมาดูรายละเอียดย่อยเกี่ยวกับสาขาที่มีให้เลือกค่ะ ซึ่งแต่ละสถาบันก็มีข้อดีแตกต่างกันไป นอกจากนั้นเราก็อาจจะคำนึงถึงชื่อเสียงของสถานศึกษา บุคลากร ระบบการศึกษา แนวคิดและการปฏิบัติด้วย เพราะมีผลต่อสังคมอาชีพในอนาคตค่ะ
สิ่งสำคัญอีกอย่างที่คิดว่าควรคำนึงถึงก็คือสถานที่ตั้งของสถาบัน ซึ่งวิถีความเป็นอยู่ในแต่ละที่แตกต่างกันแน่นอน ซึ่งก็ย่อมจะมีผลต่อการเรียนและการใช้ชีวิตของนักศึกษาค่อนข้างมาก |
|
พี่ยีน: ระหว่างเรียนอยู่ที่คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างครับ? |
พี่ตาล: ช่วงที่เรียนอยู่ก็ได้ร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัยค่ะ เช่น เขียนบทความลงคอลัมน์ในหนังสือรายเดือนของมหาวิทยาลัย เป็นสต๊าฟงานฟุตบอลประเพณีประจำปี ร่วมแข่งขันกีฬาเทเบิลเทนนิสที่จัดแข่งภายในชมรม และเป็นโคชฝึกน้องๆ ให้แข่งขันในปีต่อๆ มาด้วยค่ะ
นอกจากนั้นก็ช่วยงานของคณะจัดงานเปิดโลกเศรษฐศาสตร์ ช่วยแนะนำน้องๆ ในโรงเรียนมัธยมศึกษาเกี่ยวกับคณะ และร่วมจัดงานจุฬาวิชาการด้วยค่ะ | | |
|
|
|
|
|
|
|
พี่ยีน: คิดว่าคณะนี้ให้อะไรกับพี่ตาลบ้างครับ? |
พี่ตาล: คณะเศรษฐศาสตร์นอกจากจะให้ความรู้ทางด้านวิชาการ ซึ่งนิสิตสามารถนำไปประกอบอาชีพได้โดยตรงแล้ว ยังให้ประสบการณ์ชีวิตอีกมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมตนเอง การใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา การรู้จักคำนึงถึงผู้อื่น ตลอดจนการทำงานที่คำนึงถึงประโยชน์โดยรวมของสังคม ไม่ใช่เฉพาะประโยชน์ขององค์กรของตนเองค่ะ |
|
พี่ยีน: ส่วนใหญ่เพื่อนๆ ที่จบมาด้วยกัน ทำอะไรกันต่อไปบ้างครับ? |
พี่ตาล: เพื่อนๆ ส่วนใหญ่ที่จบออกมา ก็จะเริ่มทำงานในหลายๆ องค์กรค่ะ ทั้งรับราชการในแต่ละกระทรวง องค์กรมหาชนต่างๆ หรือบริษัทเอกชน และมีอีกส่วนที่เรียนต่อในระดับสูงต่อไปค่ะ |
|
พี่ยีน: พี่ตาลเข้าทำงานหลังเรียนจบเลยหรือเปล่าครับ? |
พี่ตาล: จบออกมาแล้วก็ต่างจากเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนที่ได้ทำงานเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเรียนจบมาค่ะ คือเราต้องกลับมาช่วยกิจการค้าวัสดุก่อสร้างของครอบครัว ก็ต้องดูแลเรื่องการขาย งานบัญชี ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้ทฤษฎีความรู้โดยตรงมาทำงาน แต่ก็ได้ใช้ประโยชน์ในด้านของการคิดอะไรเป็นระบบ รู้จักวางแผนจัดสรร วิเคราะห์ระบบเศรษฐกิจที่มีผลต่อการค้าขาย และที่สำคัญก็คือไม่ลืมที่จะจัดเวลาและทรัพยากรส่วนหนึ่ง เพื่อทำประโยชน์แก่ท้องถิ่นด้วย |
|
พี่ยีน: ก่อนเรียนจบกับหลังเรียนจบ สิ่งที่คาดหวังไว้ต่างกันบ้างไหมครับ? |
พี่ตาล: คิดว่าสิ่งที่เรียนมานั้นค่อนข้างจะเป็นทฤษฎีมากกว่าการปฏิบัติค่ะ จึงทำให้ต่างจากงานที่ทำเป็นมากๆ เลยต้องปรับตัวและหาความรู้เองมากขึ้น ซึ่งถ้าได้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ การวางแผนงานด้านเศรษฐกิจและสังคม น่าจะเหมาะสมกว่า ยอมรับว่าเมื่อเข้าไปเรียนแล้ว จึงรู้ได้เลยว่าเศรษฐศาสตร์เป็นศาสตร์ที่เข้าใจยากมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทฤษฎีบริสุทธิ์ ที่งานทั่วไปคงจะไม่ได้มีโอกาสจะได้นำไปปรับใช้ หรือว่าจะเป็นเรื่องประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ ที่จะต้องนำมาวิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบัน แต่คิดว่าการเรียนสิ่งที่ยากๆ ก็จะทำให้เราเป็นคนหมั่นเพียร ตั้งใจศึกษา ต่อไปเจอเรื่องอะไรยากๆ ก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ ทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีความคิดที่รอบคอบ ชัดเจน และเปิดกว้างขึ้นค่ะ | |
พี่ยีน: พี่ตาลได้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไหมครับ? |
|
|
พี่ตาล: ได้มีโอกาสศึกษาต่อระดับบัณฑิตศึกษาหรือปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัย Nottingham ที่สหราชอาณาจักร ในสาขาเดิมคือ International Economics ค่ะ ซึ่งมหาวิทยาลัยนี้ติดระดับ 1 ใน 5 ด้านเศรษฐศาสตร์ของประเทศ ส่วนตัวคิดว่ามหาวิทยาลัยก็เก่าแก่และมีแคมปัสที่ดี เหมาะแก่การศึกษา ถึงแม้รู้ว่าคงจะไม่ได้นำความรู้กลับมาทำงานทางด้านนี้โดยตรง แต่ก็คิดว่าในเมื่อเรามีโอกาสที่จะศึกษา เราก็ควรจะทำเต็มที่ เพราะความรู้และประสบการณ์ชีวิตไม่มีวันตาย เราควรจะก้าวไปให้ถึงที่สุดที่เราจะทำได้ ไม่แน่ว่าต่อไปในอนาคตเราอาจจะได้ใช้ประโยชน์จากความรู้เหล่านั้นค่ะ |
|
|
พี่ยีน: อยากฝากอะไรเพิ่มเติมกับน้องๆ บ้างครับ? |
พี่ตาล: ชีวิตในและนอกรั้วมหาวิทยาลัยมีความแตกต่างกันมาก การมีชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยที่ดี จะเป็นเครื่องเกื้อหนุนส่งเสริมชีวิตนอกมหาวิทยาลัยของเราได้ไม่น้อย ดังนั้นเราควรจะเรียนในสิ่งที่เรามีใจรักและถนัด เพราะนอกจากเราจะทำได้ดีแล้ว เวลาเรามีใจรัก มี passion ในสิ่งที่ทำ ก็จะทำให้เรามีความกระตือรือร้น หมั่นเพียรศึกษา เห็นการเรียนมีค่าและมีความหมาย และที่สำคัญก็คือ เราจะมีความสุขใจขณะที่ทำ และมีความภาคภูมิใจในความสำเร็จ นี่ต่างหากคือสิ่งสำคัญของชีวิตค่ะ สุดท้ายก็อยากจะฝากน้องๆ เกี่ยวกับเรื่องการศึกษาต่อว่า เป็นสิ่งที่จำเป็นในสังคมสมัยใหม่ เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้เปรียบ เพราะเราต้องอยู่ในโลกของการแข่งขัน ถ้าน้องๆ มีโอกาสก็ควรจะตั้งใจ ผู้ที่เข้าถึงการศึกษาได้สูงกว่า ย่อมมีโอกาสในการประสบความสำเร็จได้เร็วกว่า แต่ก็ไม่ควรจะคำนึงถึงแต่ประโยชน์ส่วนตน โดยไม่เคยคิดถึงผลเสียต่อประเทศชาติ เพราะผลดีหรือเสียสุดท้ายมันก็จะย้อนกลับมาหาตัวเราเองค่ะ |
เป็นอย่างไรบ้างครับ สำหรับเรื่องราวของพี่ๆ ชาวเศรษฐศาสตร์แต่ละคน พี่ยีนคิดว่าบทสัมภาษณ์ด้านบนนี้ คงทำให้น้องๆ มองเห็นลู่ทางของชีวิตหลังจบการศึกษาจากคณะนี้ไม่มากก็น้อยนะครับ และสำหรับคราวหน้า ใครที่ยังมีปัญหาคาใจ และใคร่อยากรู้คำตอบจากปากพี่ๆ คณะเศรษฐศาสตร์ ก็คอยติดตามกันได้นะครับ เพราะพี่ยีนได้รวบรวมสารพัดคำถามกับสารพันคำตอบมาฝากกันแบบเต็มๆ ว่าแต่ว่า จะน่าตรงใจใครบางคนแค่ไหน พี่ยีนขออุบไว้ คอยติดตามตอนต่อไปจะดีกว่าครับ...
|
|
|
|
10 ความคิดเห็น
ชอบมาก เพราะเป็นคนชอบวิเคราะห์และจัดสรรสิ่งต่างๆ
ตอนนี้กำลังจะขึ้น ม.6 ค่ะ
ตอนแรกคิดว่าคณะนี้ต้องเข้ายากแน่ๆเลย
แต่พอได้เข้ามาอ่านบทความต่างๆ ทำให้เรามีแรงบันดาลใจ ที่ต้องทำให้ได้
เศรษฐศาสตร์จ้า รอหนูด้วยนะค๊า ^^
เจ๋งอ้ะ บิ๊ก
เจ๋งมากๆ นับถือเลย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
°o.O.. Je t'aime™..O.o°
S t a T u S "ความสุขของฉันคือการได้เรียนรู้สิ่งที่ฉันรักและทำสิ่งนั้นให้ดียิ่งขึ้น"
อยากเข้าคณะนี้ที่สุด
และจะต้องทำให้ได้!!!
ไม่ธรรมดาจริงๆๆ
ขอให้จบโทเร็ยวเน้อ!!!!!!!!!!
เราจาต้องทำให้ได้
*สู้ๆๆ เพื่อทุกๆคน*