เผยนักเรียนสอบติดคณะแพทย์สละสิทธิ์พุ่งสูงร้อยละ 25 สะท้อนให้เห็นค่านิยมคนเรียนแพทย์ลดน้อยลง ด้านเลขาธิการแพทยสภา ระบุสาเหตุว่า หมอเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นๆมากขึ้น จากกรณีญาติๆและคนไข้ฟ้องร้องหมอเพิ่มขึ้น มีเรื่องร้องเรียนค้างพิจารณาที่แพทยสภา 600 เรื่อง ด้านเครือข่ายผู้ป่วยติงแพทยสภาให้ตำรวจถามความเห็นก่อนรับแจ้งความฟ้องหมอเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ปลัดยุติธรรมหนุนแพทย์ควรมีกฎหมายพิเศษไว้ดูแล ไม่ควรต้องรับโทษทางอาญา เหตุเพราะความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ หมอไม่ได้ตั้งใจทำร้ายผู้ป่วย เห็นด้วยตั้งกองทุนชดเชยความเสียหาย 


       


       ศ.เกียรติคุณ นพ.ประดิษฐ์ เจริญไทยทวี ประธานอนุกรรมการสิทธิด้านสุขภาพอนามัย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดการสัมมนา “สิทธิปัญหาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการ และผู้รับบริการทางการแพทย์” เพื่อรับฟังความคิดเห็น และข้อเท็จจริงในการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงสิทธิของแพทย์ คนไข้ และญาติ พร้อมแนวทางแก้ปัญหารวมทั้งผลักดันร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับริการสาธารณสุข พ.ศ...
       


       ศ.เกียรติคุณ นพ.ประดิษฐ์ กล่าวว่า ปัจจุบันความขัดแย้งระหว่างแพทย์กับญาติ และคนไข้นำไปสู่การร้องเรียนทางจริยธรรม การฟ้องศาลทางแพ่งและทางอาญาสูงขึ้น ซึ่ง 6 ปีที่ตนเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้รับการร้องเรียนหลายเรื่อง เช่น กรณีตั้งครรภ์มีเลือดออกทางช่องคลอดเล็กน้อย แพทย์ขูดมดลูก แต่เด็กยังอยู่ ต้องวิตกกังวลจากการตั้งครรภ์อยู่เป็นเวลา 9 เดือน เกรงว่า ลูกจะพิการ หรือการเสียชีวิตของแม่และลูกจากภาวะรกเกาะต่ำ แพทย์ผ่าตัดให้แต่ไม่ได้ติดตามอาการอย่างใกล้ชิดทำให้เสียเลือดมาก ฯลฯ พบว่า หลายกรณีเกิดจากความไม่เอาใจใส่ ในการให้บริการขาดการให้คำอธิบายกับคนไข้และญาติ คาดหวังว่า เวทีการสัมมนาครั้งนี้จะร่วมกันแสวงหากลไก ระบบการบริหารจัดการที่เหมาะสม แนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน เพราะวิชาชีพแพทย์เป็นที่ยอมรับและนับถือของคนในสังคม

 


       รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวในการอภิปรายหัวข้อ“สิทธิและปัญหาของผู้ให้บริการและผู้รับบริการทางการแพทย์ ”ว่ามีนักเรียนที่สอบได้คณะแพทยศาสตร์ สละสิทธิ์ภาพ รวมของทั้งประเทศคิดเป็นร้อยละ 25 โดยเฉพาะที่คณะแพทย์ฯศิริราชมีสละสิทธิ์ร้อยละ 15 ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง ถือว่าความต้องการเป็นแพทย์ในภาพรวมนั้นลดลง ผู้ที่มีคะแนนสูงหันไปเรียนสาขาอื่นแทน ขณะนี้ที่คณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ กำลังทำวิจัยเรื่องนี้อยู่


       
       สำหรับการคัดเลือกบุคคลเข้าเป็น นักศึกษาแพทย์นั้น มีข้อสอบวัดด้านจริยธรรมทางการแพทย์และเมตตาธรรม เมื่อเข้าเรียนก็มีกระบวนการเรียนการสอนปลูกฝังจริยธรรมและคุณธรรม เช่น การเข้าค่ายตั้งสติ การเรียนพยาธิสภาพโรค กายวิภาคด้วยการผ่าศพ เป็นการศึกษาจากร่างกายของมนุษย์จริงๆ เพื่อหล่อหลอมให้นักศึกษาแพทย์ตระหนักถึงความเป็นมนุษย์ สอนให้เป็นผู้นำ มีทักษะการสื่อสารและมีความรู้พร้อมรักษาดูแลประชาชนอย่างมืออาชีพ


       
        ขณะที่ นายสัมภาษณ์ กุลศรีโรจน์ ผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายฝึกอบรมการบิน สายการบินนกแอร์ ผู้แทนเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กล่าวว่า ผู้ป่วยมีสิทธิในฐานะที่ควรได้รับการดูแลที่ปลอดภัยที่สุด แต่ปัญหาที่เจอบ่อยๆ เมื่อพิสูจน์ถึงสุดท้ายจะพบว่า ปัญหาเกิดจากการไม่ได้เป็นการรักษาด้วยใจขั้นตอนในการผลิตแพทย์ไม่ได้มีปัญหา แต่ปัญหาก็คือ การควบคุมมาตรฐานการรักษาหลังจากนั้น สิทธิต่อมาที่ประชาชนมักถูกละเมิด คือ สิทธิหน้าที่พื้นฐานในการฟ้องร้องหลังจากเกิดความเสียหายขึ้นได้ และสิทธิในความเป็นมนุษย์ที่ถูกละเมิด หลายๆ กรณีถูกละเมิดทั้งกายและใจ


       
          “ส่วนใหญ่ความเสียหายจากทางการแพทย์ จะถูกระบุว่าเป็นเหตุสุดวิสัย โดยไม่ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดทางการแพทย์ ขณะที่แพทยสภาก็ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างแท้จริงเพราะไม่ได้รักษาความเป็นกลางระหว่าง ผู้เสียกับแพทย์แต่กลับทำหน้าที่ปกป้องแพทย์ เมื่อเปรียบเทียบกัน ในประเทศสหรัฐอเมริกามีผู้คดีทางการแพทย์จำนวน 98,000 - 190,000 รายต่อปี ขณะที่ประเทศไทย มีคดีทางการแพทย์ 25,000 – 500,000 รายต่อปี ขณะที่มีผู้ถูกตัดสินความผิดแค่ 30 - 40 ราย เท่านั้น”นายสัมภาษณ์กล่าว

 


      นายสัมภาษณ์กล่าวต่อว่า จากการฟ้องร้องในโรงพยาบาลเอกชน จะพบว่า มีจำนวนไม่มากเพราะ รพ.เอกชน มีเงินจ่ายเมื่อเกิดความเสียหายอย่างเต็มที่ ในขณะที่โรงพยาบาลรัฐบาล ซึ่งมีสัดส่วนเข้ารับการรักษามากกว่า จะทำอะไรต้องระมัดอย่างสูง เพราะไม่มีงบประมาณจ่ายในส่วนนั้นระบบการไตร่สวนเป็นเรื่องจำเป็น เพราะหากไม่มีความผิดพลาดเอามาไตร่สวน เพื่อเป็นบรรทัดฐาน ปัญหาก็จะยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ เช่น พบว่ามีผู้ป่วยจำนวนมากที่ช็อกจากการบล็อกหลัง การให้ยาสลบก่อนผ่าตัด การทำคลอด ซึ่งกรณีความผิดพลาดเหล่านี้ หากนำมาให้สังคมรับรู้ การผิดพลาดซ้ำๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต
       


         ด้าน นพ.อำนาจ กุสลานันท์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า ช่วงเวลา 17 ปีที่ผ่านมา มีเรื่องร้องเรียนจริยธรรมแพทย์มายังแพทยสภากว่า 3,000 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องร้องเรียนเกี่ยบกับ มาตรฐานการประกอบวิชาชีพ การโฆษณาอวดอ้าง ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้รับบริการ แพทย์ที่ถูกร้องเรียนส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 31-40 ปี โดยยังมีเรื่องค้างการพิจารณาที่แพทยสภากว่า 600 เรื่อง ทางกรรมการแพทยสภาชุดนี้ ยืนยันว่า จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด บนพื้นฐานความถูกต้องยุติธรรมทั้งต่อผู้ร้องและแพทย์ที่ถูกร้อง เพื่อคุ้มครองประชาชนและไม่กระทบต่อขวัญ และกำลังใจของแพทย์ เพราะผลจากการฟ้องร้องแพทย์ที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้แพทย์จบใหม่จำนวนหนึ่ง เปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่นๆ เช่น เป็นเซลล์ขายตรงแทนการประกอบวิชาชีพแพทย์ หลายคนบอกว่า การฟ้องร้องลดน้อยลงจึงจะกลับมาประกอบอาชีพแพทย์ การผลักดันร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ....ซึ่งมีกองทุนคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการน่าจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาได้
       

 

 


         นพ.ชาญวิทย์ ทระเทพ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริการสุขภาพ กรมสนับสนุนบริการสุภาพ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยยังมีปัญหาการขาดแคลนอยู่ มีสัดส่วนของแพทย์สังกัดกระทรวงสาธารณสุขมี  55% และส่วนมากกระจายอยู่ตามชนบท และต้องดูแลรับผิดชอบประชาชน 70 - 80% ทั่วประเทศ และเมื่อเปรียบเทียบประเทศในภูมิภาคเดียวกัน คือ มาเลเซีย สิงค์โปร์ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย ภาระการรับผิดชอบคนไข้ แพทย์ไทย มีอัตราความรับผิดชอบแพทย์ ต่อประชาชนจำนวนมาก ซึ่งรองจากประเทศอินโดนีเซีย เพียงประเทศเดียว


       
          “ในอนาคตผู้ป่วยสูงอายุจะเพิ่มขึ้น หมายถึงไทยจะมีผู้ป่วยโรคเรื้อรังจำนวนมาก ซึ่งในจำนวนนี้ 60% ไม่สามารถทำงานได้ ต้องมีผู้ดูแล และหมายความถึงระบบสาธารณสุข ต้องใช้ทรัพยากรทางการแพทย์จำนวนมาก ในการรับภาระโรคเรื้อรัง ทำให้ภาระแพทย์จะยิ่งเพิ่มขึ้นในอนาคต หากไม่มีมาตรการป้องกันจะยิ่งเกิดความขัดแย้งมากขึ้นในอนาคต ทั้งนี้แพทย์ในสาขาที่ถูกร้องเรียนมากที่สุดคือสาขาศัลยศาสตร์ รองลงมาคือ อายุรศาสตร์ และสูติศาสตร์”นพ.ชาญวิทย์ กล่าว


       
         นายจรัล ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ความขัดแย้งของทางการแพทย์นั้น เบื้องต้นควรต้องยอมรับหลักการว่าผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ มีความตั้งใจในการช่วยเหลือคน ไม่ได้คิดอยากทำร้ายผู้ป่วย แต่ความผิดพลาดนั้นอาจเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่มีใครสมบูรณ์ในทุกเรื่อง ดังนั้นหากเป็นความผิดพลาดปกติที่สามารถยอมรับได้ ก็ไม่ควรดำเนินคดีกับทางแพทย์ โดยเฉพาะคดีอาญาเพราะไม่เกิดประโยชน์กับฝ่ายใดเลย ซึ่งผู้ป่วยที่ได้รับความเสียหายเดือดร้อน ก็ไม่ได้ต้องการทะเลาะว่าใครผิดและต้องการการเยียวยา ชดเชย ดังนั้นกระบวนการตัดสินความผิดที่เกี่ยวกับแพทย์จึงควรมีการออกกฎหมายเฉพาะเพื่อพิจารณาคดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องตั้งศาลพิเศษเพราะไม่ได้ต้องการให้เกิดคดีขึ้นในจำนวนมาก


       

 


        “สังคมไทย ขณะนี้คนไปหันไปใช้กฎหมายในการแก้ไขปัญหา  เมื่อแบ่งเป็นสองฝ่าย ก็ต้องการคนแพ้ คนชนะ กลายเป็นการวิวาททางคดีซึ่งไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา ที่ดี จึงอยากให้มีการเขียนบทคุ้มครองผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ว่าไม่ต้องรับผิดทางอาญา  ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็เป็นเหตุผลที่ควรจะคุ้มครอง  เว้นแต่แพทย์นั้นมีความเจตนา หรือ ประมาทอย่างร้ายแรง แพทย์จะได้มีความมั่นใจในการตัดสินใจ เพราะบางโรคจำเป็นต้องใช้ความมั่นใจ กล้าในการรักษา มิฉะนั้นแพทย์จะระมัดระวัง จนผู้ป่วยเสียโอกาสในการรักษาไป”นายจรัลกล่าว
       


        นายจรัลกล่าวต่อว่า หากจะไม่ใช้ระบบพิสูจน์ ถูกผิด ก็จำเป็นต้องหามาตรการอื่น มารองรับเพื่อให้เกิดความรับผิดชอบ และมีมาตรฐานวิชาชีพ ซึ่งเห็นด้วยกับการตั้งกองทุนชดเชยความเสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์ โดยเงินทุนควรจะมาจาก 4 ส่วน คือ 1.ภาครัฐ 2.ผู้ประกอบการสถานพยาบาลเอกชน ที่เชื่อว่าอาจจะคัดค้านแต่ปัจจุบันสถานประกอบการเอกชนก็ต้องจ่ายเงินประกันอยู่แล้ว การเปลี่ยนมาจ่ายเงินเข้ากองทุนแทนไม่น่าจะเกิดปัญหา 3.กองทุนประกันสังคม แม้ว่าจะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายของทางการแพทย์อยู่แล้ว แต่ถ้าหากเกิดความเสียหาย ก็จะต้องจ่ายค่ารักษาที่มากกว่าเดิม การจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนก็ช่วยชดเชยความเสียหายดังกล่าวได้ และ 4.ผู้ประกอบวิชาชีพ เพราะหากไม่มีส่วนร่วมในการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน ที่อาจไม่ใส่ใจเพราะคิดว่ามีคนชดเชยความเสียหายให้ จึงถือเป็นการสร้างความรับผิดชอบร่วมกัน

 

พี่ลาเต้ : ขอขอบคุณผู้จัดการออนไลน์

พี่ลาเต้
พี่ลาเต้ - Columnist นักข่าวสายการศึกษา เกาะติดทุกข่าวแทนน้องๆ ตัวถีบ ตัวดันให้ ม.6 สอบติด

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

5 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
^+-+^ KiMmY ^+-+^ Member 19 ก.ค. 50 21:49 น. 3

ก็จริงอะนะคะ บางครั้ง แพทย์ก็ใช้ความรู้ที่มีอย่างสุดความสามารถแล้วจริงๆ แพทย์แต่ละคน ก็ไม่ได้ต้องการให้ผู้ป่วยคนใดเสียชีวิตหรอกค่ะ ในเมื่อเราช่วยเขาอย่างเต็มความสามารถแล้ว แพทย์ผู้นั้นก็ไม่ควรผิด แต่ญาติของผู้ป่วย มักมากล่าวว่าแพทย์รักษาไม่ดี ทำให้ผู้ป่วยตายได้

0
กำลังโหลด
ผู้ป่วยคนหนึ่ง 23 ก.ค. 50 16:14 น. 4
บางครั้งการวินิจฉัยของแพทย์แต่ละคนที่ออกมาไม่เหมือนกัน ดิฉันโดนมากับตัวเอง คุณหมอท่านหนึ่งวินิจฉัยบอกให้ผ่าตัด(รพ.เอกชน) แต่มีคชจ.สูงมาก เมื่อต่อรองบอกจะทำเรื่องผ่าที่รพ.รัฐให้ก็ได้ แต่ต้องใส่ซอง 20,000.- เพื่อการอำนวยความสะดวก ไม่ต้องรอคิวนาน ซึ่งธรรมเนียมนี้ดิฉันก็เข้าใจว่ามีมานานแล้ว แต่รู้สึกว่า ที่แพทย์ท่านนี้เรียกมาดูจะสูงกว่าที่เคยได้ยินมามากน่ะค่ะ (แต่แพทย์ท่านนี้มีชื่อเสียงและขึ้นชื่อว่าท่านเป็นหมอเก่งนะคะ) ดังนั้นดิฉันจึงลองไปตรวจอีกที่หนึ่ง ที่รพ.ของรัฐ คุณหมอบอกว่า ไม่ต้องผ่าตัด ถ้าผ่าแล้วอาจมีความเสี่ยงอย่างอื่นตามมา ขณะนี้ดิฉันก็ทำใจอยู่ ไม่ทราบว่าจะตัดสินใจอย่างไร นี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ เกิดข้อโต้แย้งระหว่างหมอ และ ผู้ป่วยนะคะ
0
กำลังโหลด
ศรีทอง 3 ต.ค. 51 17:06 น. 5
สำหรับเรื่องคดีอาญาที่ศาลจังหวัดทุ่งสงพิพากษาจำคุก พญ. นั้น ปัจจุบัน ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษายกฟ้องแล้วครับ (บุตรสาวผู้ตายอาจฎีกาต่อไปได้) แต่ไม่ได้มีข่าวแพร่หลายอย่างแรกเริ่มที่หมอออกมาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย
แสดงให้เห็นว่าการฟ้องเอาคนเข้าคุกไม่ง่ายเสมอไป โดยเฉพาะกับบุคลากรที่ถือว่ามี IQ สูงสุดของประเทศ เพราะคนที่จะมาบอกว่าหมอผิดหรือไม่ ก็ต้องเป็นผู้วชาญในด้านนั้น ๆ ด้วยกันเอง
ชาวบ้านธรรมดาที่จะนำสืบให้เห็นความผิดของหมอกระทำได้อย่างยากลำบาก จึงได้มีการแก้ไข พ.ร.บ. วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค (คดีแพ่ง) มาให้หมอปวดหัวกันหนักขึ้นไปอีก เพราะผลักภาระการนำสืบแก้ตัวให้ไปตกอยู่ที่หมอแทน แต่อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ห้ามฟ้องหมอแต่ให้ฟ้องสำนักงานปลัดกระทรวง ฯ แทน หมอจะรับผิดทางแพ่งก็ต่อเมื่อจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ส่วน พ.ร.บ.ความรับผิดและวิธีพิจารณาความสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ ที่จะทำให้ชาวบ้านฟ้องคดีอาญาากมากขึ้น ในฐานะนักกฎหมายอ่านแล้วคงจะต้องแก้ไขเพิ่มเติมอีกมากมาย และการจะผ่านสภาผู้แทนของราษฎรกว่า ๖๐ ล้านคนนั้นคงจะคลอดได้ยากมากกว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
วิธีแก้ไขสิ่งที่คิดว่ามีปัญหา ต้องใช้หลาย ๆ วิธีควบคุ่กัน โดยต้องไปศึกษาที่ต้นเหตุเสียก่อนจึงจะแก้ไขถูกจุดถูกใจทุกฝ่าย เช่น การเยียวยาด้วยกองทุนหลักประกันสุขภาพ การเจรจาไกล่เกลี่ยที่เข้มแข็งเชื่อถือได้ การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกันทั้งก่อนและหลังรักษา - การสื่อสารที่ดี การสร้างองค์ความรู้และทีมช่วยเหลือแนะนำที่ดีภายในองค์กร ฯลฯ (ศรีทอง)
0
กำลังโหลด
ไรเร สังคมที่ป่วย 6 ส.ค. 53 09:40 น. 6
ออก แล้ว จะไปใหน รพ.เอกชนเค้าอ้าแขนรับแพทย์ทุกคนหรอ ทุกวันนี้แพทย์ในเมืองไทยแทบเดินชนกันตายอยู่แล้วนี่ยังไม่รวมพยาบาลเทคนิคการแพทย์ฯ
แน่ใจหรือว่าอาชีพแพทย์มีทางเลือกมากมาย อย่าเอาเรื่องที่กฎหมายนี้ออกมา..แล้วขู่ประชาชน
หน้าที่ถ้าทำถูกต้องตามหลักวิชาชีพ เมื่อถูกฟ้องก็พิสูจน์ ยังไงก็ไม่ผิด แล้วกลัวอะไร
แต่ถ้าห่วยแตก โง่เขลา ประมาทบัดซบ เกิดข้อผิดพลาด มีความเสียหาย กฎหมายก็มีสำหรับควบคุมสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้

ผมเป็นวิศวกร เวลาวิศวกรทำผิดเช่น เซนต์อนุญาติก่อสร้างแล้วเกิดปัญหาวิศวกรคนนั้นก็ต้องรับผิดตามกฎหมาย

ต่อไปก็อาจเกิดกรณี คนขับรถสองแถว วินมอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง คงออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากสังคม ขอความเห็นใจกันเยอะครับว่า อย่าฟ้องพวกเขาเลยเวลาพวกเขาขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุ เพราะคงไม่มีใครคงอยากให้เกิดอุบัติเหตุหรอก

คุณรู้หรือป่าวว่าการจะเป็นวินมอไซค์มันยากแค่ใหน ต้องทำงานเหนื่อยแค่ใหน ต้องรับผิดชอบชีวิตของคนแค่ใหนและกี่คนในแต่ละวัน
บางครั้งพวกเขาก็ท้อใจ แต่พวกเขาก็ยังมีปณิธานและจรรยาบรรณโดยหวังจะช่วยเหลือดูแลรับผิดชอบชีวิตของผู้โดยสาร

บางครั้งแค่พวกเขาไปรับซองค่าดูแลชีวิตกรณีพิเศษจากผู้โดยสารเค้าก็ถูกประนามว่าเป็นสินบน หากินกับคนที่ต้องเอาชีวิตมาฝากให้เค้าดูแลแบบไม่มีทางเลือก แม้คนจะด่าอย่างไรเค้าก็ยังรับซองจากผู้โดยสารอยู่ดีเพราะการเป็นมอร์ไซค์รับจ้างมันยากนะ

ถ้ามีคดีฟ้องสองแถวหรือวินมอร์ไซค์ บ่อยๆ พวกเขาอาจเสียใจท้อใจจนไม่อยากขับรถให้พวกเรานั่ง
และต่อไปพวกเราก็อาจไม่มีวินมอร์ไซค์ราคานี้ให้เราใช้อีกแล้วก็ได้

ช่วยเห็นใจพวกเขาหน่อยก่อนที่จะไม่มีวินมอร์ไซค์ให้บริการดูแลชีวิตเราอย่างนี้อีกต่อไป
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด