สวัสดีค่ะน้องๆ ช่วงนี้เป็นช่วงของการสมัครสอบตรงและสอบตรงบางทีก็เริ่มไปแล้วด้วย แต่ถ้าเทียบแล้วก็เป็นช่วงแห่งการเตรียมตัวทั้งสอบตรง สอบ GAT PAT นอกจากนี้แล้วชาวสายอาชีพต้องเตรียมงานที่วิทยาลัย รวมทั้งเตรียมตัวจบ สอบ V-NET ถ้าจะเข้ามหาวิทยาลัยก็ต้องพ่วง O-NET ด้วย โอ๊ย แค่สอบอย่างเดียวก็กินเวลาซะนานหลายเดือน

            เป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลงในชีวิตก้าวใหญ่เลยก็ว่าได้กับหนทางการศึกษาต่อในทางที่ถนัด สายอาชีพอย่างเราๆ ได้เปรียบด้วยนะเออ เพราะว่าช่วงปวช.หรือเทียบม.ปลาย เราได้ทำกิจกรรมอะไรเยอะ รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบ เช่น คนที่เลือกเรียนสายบัญชีก็ต้องทำบัญชีเป็น เดบิต เครดิต ปิดงบ อะไรก็ว่าไป รู้ว่าชอบไม่ชอบ ถ้าชอบก็ต่อปวส.หรือปริญญาตรีทางบัญชีเน้นๆ ไปเลย แต่ถ้าไม่ชอบก็รู้แล้วว่าไม่ชอบบัญชี พอเข้าสู่มหาวิทยาลัยก็มีหนทางเบนเข็มเปลี่ยนสายได้ แต่ม.ปลายนี่ ...... พลาดแล้วพลาดเลย ทำใจได้ก็เรียน ทำใจไม่ได้ก็ซิ่ว เศร้าเนาะ T_T

            อย่างที่บอกไปข้างต้น ช่วงนี้ช่วงรับตรง นอกจากสอบข้อเขียนแล้วที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการสอบสัมภาษณ์ ซึ่งการสอบสัมภาษณ์แต่ละที่นั้นต่างกัน ถึงแม้ว่าไม่ได้สอบตรง จะสอบเข้าทางไหนก็มีการสอบสัมภาษณ์ด้วยกันทั้งนั้น บางทีมีแต่สัมภาษณ์ไม่มีข้อเขียน นี่อาการหนัก กดดันล้วน ๆ ดังนั้น พี่แป้งมีเคล็ดลับการสอบสัมภาษณ์สำหรับชาวสายอาชีพโดยเฉพาะมาฝากค่ะ ขอบอกเลยว่าโอกาสสำเร็จกว่า 80% สบายใจได้เลย

##สีของหัวสไลด์
1=ส้ม
2=ฟ้า
3=ชมพู
4=ม่วง
5=ฟ้า
6=เขียว##
ใส่สีเลขสีที่นี่หลังเครื่องหมายดอกจันทร์ห้ามมีเว้นวรรคนะ-> *5


            ในการสอบสัมภาษณ์นั้นแต่ละแห่งจะมีกรรมการผู้สอบต่างกัน บางที่ก็ 3 คน บางที่ก็ 5 คน แต่ละท่านนั้นจะแสดงบทบาทที่ต่างกันไปค่ะ ถ้ามี 3 คนจะมีท่านหนึ่งที่คอยถาม เมื่อเราพลาดท่านจะซ้ำเติมทันที พยายามให้เรากดดันและดูว่าเราสามารถทนแรงกดดันได้มากแค่ไหน บางคนร้องไห้วิ่งออกนอกห้องสัมภาษณ์ไปก็มี อีกท่านหนึ่งจะคอยถามปกติ เปิดประเด็นถามใหม่ ๆ รับฟังหน้าเฉย ๆ แบบไม่สนใจ ส่วนอีกท่านจะคอยปลอบ หรือทำให้สถานการณ์ตึงเครียดน้อยลง พี่แป้ง จะบอกว่ามันคือการจำลองสถานการณ์ค่ะเพื่อดึงความเป็นตัวตนของเราออกมาให้มากที่สุด
             หลังการสอบสัมภาษณ์อาจารย์บางท่าน
ถึงกับเครียดที่ทำให้น้อง ๆ ร้องไห้เลยนะ แต่พอเข้าเป็นศิษย์พวกท่านแล้ว อาจารย์ใจดีมาก ๆ ค่ะ อาจารย์ทุกท่านมีจุดหมายเดียวกันคือให้ศิษย์เป็นบัญฑิตที่มีศักยภาพสูงสุด เพราะฉะนั้นให้น้อง ๆ เตรียมตัวดี ๆ นะคะ
            

การแต่งกาย
          ก่อนออกจากบ้านควรสำรวจการแต่งกายเอาให้ดีเอาให้เนี๊ยบ แบบว่า... หน้าตาไม่ดีขอ หล่อเนี๊ยบ/สวยเนี๊ยบ ก่อนก็ยังดีนะ ยิ่งชุดของสายอาชีพด้วยแล้วเด่นเต็มที่ เป็นเอกลักษณ์ของสายอาชีพเลย บางที่มีสูทด้วย ดูดีขึ้นมา 10 เท่า (จะดูไม่ดีก็ตรงไม่รีดให้เรียบนี่แหละ) รองเท้าหนัง กางเกงขายาว กระโปรงสอบ กระโปรงจีบ สวย ๆ ทั้งนั้น ทั้งสวยทั้งเรียบร้อย กรรมการให้เลยเต็ม 10 การแต่งกาย
          ส่วนน้อง ๆ ผู้หญิงที่กระโปรงสั้นเกินไปนิดนึง พี่แป้ง ก็ขอวันนึงนะคะวันไปสัมภาษณ์ให้ยาวมาถึงเข่ากำลังสวย ส่วนหลังจากวันนั้นก็ตัวใครตัวมันละค่ะ (ก็มันเป็นสไตล์ ไม่ห้าม แต่ไม่ยุ สายกลาง โอเคไหม?) 

แฟ้มสะสมผลงาน


         ข้อได้เปรียบของน้องๆ สายอาชีพ คือมีกิจกรรมและผลงานเยอะมาก ทั้งเรียนวิชาการ ทั้งงาน เต็มที่กันไปเลย ดังนั้นแฟ้มสะสมผลงานของสายอาชีพก็มีงานให้เลือก ทั้งเด่น ทั้งไม่เด่นก็ใส่ไป แต่รูปแบบการเสนอนั้นก็ควรที่จะมีความแตกต่าง ดึงดูดความสนใจจากกรรมการ อย่าลืมว่ากรรมการที่สอบสัมภาษณ์เรานั้น ท่านเห็นแฟ้มผลงานมานับไม่ถ้วน แต่เราจะทำอย่างไรล่ะที่จะให้แฟ้มผลงานของเราเข้าตากรรมการ โดยการทำแฟ้มผลงานนั้นก็ควรที่จะใส่รูปไปด้วย เห็นตัวเราตัวเล็ก ๆ เสื้อเขียวๆ ก็วงบอกไปว่า นี่แหละผม/หนู ให้ท่านได้เห็นว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของงาน แต่อย่าไปแอบอ้างคนอื่นมาเป็นตัวเองนะคะ เพราะว่ากรรมการท่านอาจจะถามรายละเอียดของกิจกรรมเพื่อจับผิดเราได้ จัดแฟ้มให้ดูสะอาดตา น่าอ่าน น่ามอง มีรูปใส่รูป ถ้าเคยทำงานตำแหน่งอะไรก็ควรที่จะอธิบายด้วยนะคะว่างานตำแหน่งนั้นเป็นอย่างไร และได้อะไรจากงานนั้นบ้าง เพราะแฟ้มสะสมผลงานจะเป็นอีกทางที่กรรมการจะพิจารณาความเป็นตัวตนของเราค่ะ


การพูดจา

            ก่อนอื่นต้องออกตัวแรงก่อนเลยว่า มีน้องๆ สายอาชีพกลุ่มนึงที่สร้างชื่อเสียให้กับชาวสายอาชีพ ซึ่งทำให้บางครั้งสายอาชีพถูกมองเป็นภาพติดลบ ดังที่ว่าปลาเน่าตัวเดียวเหม็นหมดทั้งห้อง ต้องยอมรับเลยว่ามีผู้ใหญ่หลายท่านที่มองว่าชาวสายอาชีพชอบความรุนแรง ก้าวร้าว เพราะฉะนั้นอาจจะเกิดภาพติดลบได้ ทางที่แก้ได้ก็คือ การสร้างความประทับใจให้กรรมการโดยการพูดจานี่แหละ ให้เขารู้เลยว่าเราไม่ใช่ประเภทนั้นนะ ชาวสายอาชีพก็เก่งและดีไม่น้อยกว่าสายอื่น ควรพูดนอบน้อม ให้เกียรติกรรมการ ลงท้ายประโยคด้วยครับ หรือ ค่ะ ตามความเหมาะสม อย่าพูดก้าวร้าวหรือท้าทายกรรมการเป็นอันว่าใช้ได้   


การทำความเคารพ

         เมื่อเข้าห้องสัมภาษณ์แล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือกล่าว "สวัสดี" กรรมการทุกท่านแล้วก็ยืนรอ.....รอเพื่ออะไร? ก็รอกรรมการท่านเชิญนั่งค่ะ เหมือนเป็นมารยาทที่เราควรทำ ถ้าเขาไม่เชิญเรานั่งไปสุ่มสี่สุ่ทห้าถือว่าเสียมารยาทและไม่ให้เกียรติกรรมการมากๆ ค่ะ ถ้าไหว้สวยจะดีมาก ทำให้เขาเห็นไปเลยว่าตั้งใจไหว้ โอกาสสัมภาษณ์มีครั้งเดียว การสอบเข้าไม่มีการแก้การสัมภาษณ์นะเออออออ......

อย่าเยอะ อย่าแสแสร้ง อย่าอวด

           ก่อนอื่นร้อยละ 90 เปอร์เซ็นต์กรรมการจะให้แนะนำตัวเอง เราก็แนะนำตัวเองไปว่าชื่ออะไร มาจากโรงเรียนอะไร เป็นคนแบบไหน อาจจะไม่ต้องเป็นทางการเว่อร์(แต่ต้องดูหน้ากรรมการด้วย) แล้วก็อาจจะเล่าเรื่องราวความเป็นมา ตบทางด้วยเหตุผลที่อยากเรียนที่คณะ/มหา'ลัยนั้น ไม่ต้องรอกรรมการถามว่าอยากเรียนเพราะอะไร แสดงให้ท่านเห็นไปเลย แต่ว่า........จะมีบางคนที่ประเภทอวดตัวเอง เช่น บ้านหนูทำธุรกิจร้อยล้านอะค่ะ มีทุกอย่างพร้อม แต่ที่มาเรียนก็สมัครเผื่อเลือก แล้วก็ดันติด เลยคิดว่าน่าสนใจดีที่จะเรียน บลาๆๆ ว่าไป แบบนี้เขาคงไม่เอาเข้ามาเป็นลูกศิษย์หรอกค่ะ แค่กรรมการอวดขนาดนี้ เจอเพื่อนร่วมคณะด้วยกันนี่ไม่อวดว่าบ้านราคาสามพันแปดร้อยล้านเลยหรอ? คือ ตอบหรือแนะนำตัวแบบธรรมดา แต่มีน้ำเสียงที่น่าสนใจ ไม่ใช่ท่องมาจากบ้านนะคะ เหมือนการเล่าเรื่องให้น่าติดตาม ลองฝึกดูค่ะฝึกตอนนี้ยังทัน

             แล้วตอนที่กรรมการถามโน้นนี่ เช่น คิดว่าจะเรียนได้ไหม? ก็ควรตอบในแนวแสดงถึงความพยายามค่ะ ไม่ใช่บอกว่าง่ายอยู่แล้ว จบแน่ แบบนี้โดนไล่ออกนอกห้องอาจแถมด้วยกองกระดาษปลิวตามหลังนะคะ หรือ ถ้าถามว่ารู้จัก......ไหม? ถ้ารู้จักก็ตอบไปว่ารู้ ถ้าไม่รู้ก็คือไม่รู้ เพราะว่าถ้าตอบว่ารู้กรรมการถามต่อแล้วเราตอบไม่ได้นี่จบเลยนะ แต่ถ้าไม่รู้ก็ต้องต่อด้วยว่าเคยได้ยิน หรือ พยายามศึกษาและมั่นใจว่าจะต้องรู้ก่อนจบไปเป็นบัณฑิตที่มีศักยภาพ ให้กรรมการเห็นถึงความพยายามของเราไปเลย
ได้แน่คะแนนสัมภาษณ์!

แสดงความสามารถออกมาให้มากที่สุด

             การสัมภาษณ์นั้นเป็นการสอบที่ให้เราแสดงตัวตนออกมาให้มากที่สุด หมายความว่า การที่จะเข้าเรียนต่อนั้นแค่เก่งทางวิชาการนั้นไม่ได้หมายถึงการเข้าเป็นนิสิต/นักศึกษา แต่ต้องมีความเป็นตัวตนที่เหมาะสมกับคณะหรือสถาบันนั้น ๆ ด้วย เช่น จะเข้านิเทศศาสตร์แต่ไม่กล้าแสดงออก ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ หรือ จะเข้าวิศวกรรมแต่ไม่ชอบคำนวณ คือมันก็ไปไม่รอด การสัมภาษณ์กรรมการจะให้เราแสดงตัวตนของเราออกมาให้มากที่สุด สำหรับสายอาชีพนั้นฝอยไปเลยเรื่องกิจกรรม เคยทำโน้นทำนี่ ได้อะไรบ้าง บางครั้งกรรมการจะเปิดแฟ้มผลงานเราควบคู่ไปด้วย จำไว้ว่า อย่าตื่น!!! ถ้าตื่นเกินไปหรรมการจะรู้เลยว่าเราควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็เตรียมตัวหาที่เรียนใหม่ได้เลย.......


แถม ๆ

อย่าลืมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความสบายใจ


         อันนี้เป็นความเชื่อนะ ก่อนที่จะสัมภาษณ์อาจจะไหว้สิ่งศักดิ์ประจำสถาบันนั้นก่อนเพื่อความสบายใจค่ะ เช่น ถ้าไปสอบม.ศิลปากร ก็ไหว้พระพิฆเนศ ถ้าม.เกษตรศาสตร์ก็ต้องไหว้ 3 บูรพาจารย์ ถ้าม.มหิดลก็ตรงไปที่อนุสาวรีย์ ม.(มอม้า) เป็นต้น ตอนพี่แป้งสอบก็ไหว้ แต่ไหว้ผิดที่ สอบที่ม.เกษตรฯ ต้องไหว้ 3 บูรพาจารย์(หาไม่เจอ) แต่พี่แป้งไหว้ศาลตายาย ฮือ ๆ ๆ (แต่ก็รอด พูดเพื่ออะไร?)




           จดจำไว้ให้ดี 6 ข้อง่ายที่ควรปฏิบัติตอนสอบสัมภาษณ์ ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ? ก่อนจะสอบก็อย่าลืมขอพรพระที่บ้าน ให้ท่านช่วยให้เราสอบผ่านไปได้ด้วยดี เพราะถึงยังไงคุณพ่อคุณแม่ก็ถือว่าที่สุดในชีวิตแล้วละค่ะ ทำให้เต็มที่แล้วลุยไปเลย!!!

           ใครที่ไปสอบสัมภาษณ์มาแล้วเจอ
อะไรเด็ดๆ ก็มาเล่าให้ฟังบ้างนะ เดี๋ยวคราวหน้าพี่แป้งจะรวบรวมบทสัมภาษณ์สุดฮา ทั้งเก๋ แหวกแนว และไม่คิดว่าจะเป็นการสัมภาษณ์เข้ามหาวิทยาลัยมาฝากค่ะ (แว๊บ ไปรวบรวมต่อแล้ว .....)

ขอบคุณภาพประกอบ
http://www.obac.ac.th


พี่แป้ง
พี่แป้ง - Columnist นักข่าวสายรับตรง พร้อมเสิร์ฟข่าวสอบเข้าทุกมหา'ลัย เติมพลังได้จากชาเย็นหวานน้อย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

5 ความคิดเห็น

2MIM&RIN Member 28 ส.ค. 55 20:01 น. 1
ขอบคุณมากๆเลยนะครับ
ผมจะจำไว้ให้ขึ้นใจเวลาไปสัมภาษณ์เวลาสอบเข้าจะได้สบายๆ^^
แต่ข้อท้ายผมคงไม่ทำล่ะ(มั้ง) เพราะผมคิดว่าได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวของเรามากกว่าครับ
0
กำลังโหลด
BRANDS 29 ส.ค. 55 15:50 น. 2
เราเรียนสถาปัตย์ที่เทคนิค แต่อยากเข้าคณะนิเทศศาสตร์สาขาภาพยนตร์ ไม่รู้ว่าจะเข้าได้รึเปล่า เพราะที่เราเรียนเป็นสายอาชีพ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด