สวัสดีค่ะ ปัญหานึงที่ประเทศไทยเราพบในปัจจุบันคือ การที่มีบัณฑิตเรียนจบมาแล้ว "ตกงาน" โดยจากสถิติพบว่า ในปีนึงมีบัณฑิต(จบปริญญาตรี) กว่า 400,000 คน แต่มีคนตกงานมากถึง 150,000 คน โดยที่คนที่มีงานทำก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำงานตรงสายการเรียนที่เรียนจบมา อาจจะเป็นเพราะค่านิยมในเรื่องของปริญญา ที่ทำให้เด็กไทยเลือกที่จะเรียนปริญญามากกว่าอาชีวศึกษา
คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวไว้ว่า ประเทศไทยเรามีตลาดแรงงานที่เริ่มขยับตัวสูงขึ้น ต้องบุคคลากรทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้น แต่เรากลับผลิตบัณฑิตทางสายสังคมมากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่สวนทางกัน เลยทำให้มีบัณฑิตจบมาแล้ว ไม่มีงานทำ และพวกเขาก็ไม่รู้ตัวว่า จะต้องไปทางไหน
คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวไว้ว่า ประเทศไทยเรามีตลาดแรงงานที่เริ่มขยับตัวสูงขึ้น ต้องบุคคลากรทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้น แต่เรากลับผลิตบัณฑิตทางสายสังคมมากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่สวนทางกัน เลยทำให้มีบัณฑิตจบมาแล้ว ไม่มีงานทำ และพวกเขาก็ไม่รู้ตัวว่า จะต้องไปทางไหน
ขอบคุณภาพประกอบจาก : รายการสามัญชนคนไทย ตอน เรียนแล้วไปไหน (Thai PBS)
ในช่วงปีที่ผ่านมา ตลาดอุตสาหกรรมของประเทศไทยเราขยายตัวขึ้นสูงมาก ทำให้ต้องการฝีมืออาชีวะทางสายต่างๆ ประมาณ 190,000 อัตรา แต่ในหนึ่งปีมีบุคลากรที่จบทางด้านนี้เพียง 100,000 คนเท่านั้น ซึ่งสวนทางกับกระบวนการพัฒนาประเทศในส่วนของอุตสาหกรรม โดยคนส่วนใหญ่ที่เรียนจบ จะสมัครงานในสายงานดังนี้
อันดับที่ 1 งานด้านการขาย การบริหารลูกค้า และพัฒนาธุรกิจ
อันดับที่ 2 งานวิศวกร
อันดับที่ 3 งานด้านไอทีและเทคโนโลยี
อันดับที่ 4 งานด้านทรัพยากรบุคคลและการจัดการ
อันดับที่ 5 งานด้านการตลาด และประชาสัมพันธ์
ซึ่งการเรียนในสายเหล่านี้ยังขาดแคลนอยู่มาก เพราะระบบการศึกษาในปัจจุบันเน้นเปิดหลักสูตรใหม่โดยไม่ได้สำรวจตลาดว่า เมื่อเรียนจบมาแล้วจะไปทำงานทางด้านไหน ทั้งๆ ที่ยังมีสายงานอีกเป็นจำนวนมากที่ขาดแคลน โดยเฉพาะบุคลากรทางด้านอาชีวะ
เพราะฉะนั้นก่อนที่จะเลือกศึกษาต่อ ขอให้น้องๆ ลองดูแนวโน้มของตลาดในอนาคตว่าต้องการแบบไหน อาจจะต้องเหนื่อยกับกระแส "ปริญญานิยม" ที่ต้องเรียนจบระดับชั้นปริญญาตรี ถือว่ามีเกียรติมากกว่า แต่สุดท้ายเมื่อเรียนจบมาแล้วมีงานทำมั่นคง สิ่งนี้แหละคือเกียรติของชีวิตที่แท้จริง
ในสายการเรียนอาชีวศึกษามีสาขาให้เลือกมากมาย และมีสถาบันที่เปิดเฉพาะทางอย่างเช่น โรงเรียนการไปรษณีย์, โรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ ที่จบมาแล้วมีงานรองรับแน่นอน แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่จะทำให้เราไม่ตกงานก็คือ "การเลือกงาน" ถ้าไม่เลือกงานก็ไม่ตกงาน อาจจะทำไปก่อนเพื่อให้เรามีเงิน สามารถดูแลครอบครัวได้ แล้วอนาคตก็ขยับขยายไปในทางที่ต้องการ
บทความนี้ พี่แป้ง อยากให้น้องตระหนักถึงทางเลือกเพื่อที่จะศึกษาต่อในอนาคต โดยเฉพาะน้อง ม.3 ที่ต้องเลือกว่าจะเรียน ม.ปลาย หรือ สายอาชีพ ถ้าใครค้นหาตัวเองเจอก็เดินไปในทางที่ถูก เมื่อจบมาแล้วมีงานทำ นั่นแหละคือความภาคภูมิใจที่สุดของเราเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก :
- สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา http://www.vec.go.th/
- รายการสามัญชนคนไทย ตอน เรียนแล้วไปไหน (Thai PBS)
18 ความคิดเห็น
ดีนะอาชีพที่เราอยากเป็นไม่ติด
สายอาชีพสบายเลยยย ไม่ตกงานแน่
สายอาชีพไม่มีวันตกงาน ถ้าคุณแน่พอ
แล้วความฝันที่ใฝ่ฝันมานานว่าอยากเรียนด้าน IT ต้องมานั่งคิดกังวลว่าจะตกงานอีกมั้ยหรอเนี้ย โอ้ย กลัวจะถอดใจไม่กล้าสู้ต่อนี่สิ
เรียนสายอาชีพ สาขา บัญชี จะตกงานมั้ยหว่าาาา
เรียนสายอาชีวะ ไม่ตกงานแน่นอน ถ้าไม่เลือกงาน และไม่เกี่ยงงาน
แต่เรียนสายอาชีวะเค้าจะฝึกความอดทนไปในตัวอยู่แล้วเพราะเริ่มเรียนตำราชีวิตกันตั้งแต่อายุ 17 ตำราชีวิตที่ไม่มีเรียนในสายอื่นในอายุเท่านี้
สายอาชีพมีหลายแบบน่ะ ไม่ใช่แค่สายช่างอย่างเดียว
เรียนพาณิชย์ก็เป็นสายอาชีพเช่นกัน
แต่ไม่ว่าเราจะเลือกเรียนทางไหนแล้วก็ตั้งใจให้เต็มที่ เพื่อไม่ใช่มันเสียป่าวน่ะ