สาเหตุที่เป็นแบบนี้ส่วนนึงก็เป็นเพราะเนื้อหาวิชาการทำให้สนุกมันก็ยาก ความแตกต่างระหว่างวัยก็มีส่วน วันนี้พี่มิ้นท์ได้รวบรวมสถานการณ์ต่างๆ ในห้องเรียน ที่ครูกับนักเรียนอาจจะคิดกันไปคนละอย่าง เคยเจอสถานการณ์ไหนกันบ้างและตรงกับที่คิดมั้ย ลองอ่านดูเลย
1. เมื่อครูสั่งให้ทำงานกลุ่ม
เอาล่ะ.... งานต่อไปจะเป็นงานกลุ่ม ให้นักเรียนจับกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ทำเรื่องต่อไปนี้..... ประโยคนี้ได้ยินทีไร นักเรียนสะดุ้งทุกที เพราะครูกับนักเรียน คิดต่างกัน แบบนี้
ครู : ทำงานกลุ่มสิดี นักเรียนช่วยกันดีจัง
นักเรียน : กว่าจะทำเสร็จ ตีกันแทบตาย สุดท้ายบางทีแทบจะทำคนเดียว
จุดประสงค์ของการทำงานกลุ่ม หลักๆ คือ ให้น้องๆ ช่วยกันทำ ไม่ต้องเหนื่อยคนเดียว และฝึกให้ทำงานร่วมกัน รู้จักแบ่งหน้าที่กัน ประหยัดค่าใช้จ่ายและทรัพยากรโลกด้วย แต่หารู้ไม่ว่า เบื้องหน้าที่รายงานออกมาสวยหรูนั้น เบื้องหลังเกือบจะตีกันตาย ดราม่ากันไปหลายรอบ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจริงตรงข้ามกับจินตนาการของครูโดยสิ้นเชิง เมื่อรายงาน 1 เล่ม อาจจะทำขึ้นโดยนักเรียนแค่ไม่กี่คน นักเรียนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยชอบงานกลุ่มกันเท่าไหร่
แม้ว่าเคสดราม่างานกลุ่มจะเกิดขึ้นเยอะก็ตาม แต่ก็ยังมีอีกเยอะค่ะ ที่ทำงานด้วยความราบรื่น เรียบร้อย สมาชิกในกลุ่มให้ความร่วมมือกันดีตามที่ครูตั้งใจไว้ อันนี้พี่มิ้นท์ขอชื่นชมจากใจเลยค่ะ ปรบมือสิคะ รออะไรอยู่!!
ในห้องเรียนจะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเสมอๆ โดยเฉพาะวิชายากๆ แถมครูยังจะตั้งโจทย์ยากอีก งานนี้ทั้งห้องนี่เงียบกริบเหมือนป่าช้า นักเรียนนั่งหน้าซีดเป็นผีดิบ ก้มมองแต่โต๊ะตัวเอง จนสุดท้าย ถ้าครูไม่ด่าแกมน้อยใจ ก็ต้องใช้วิธีสุ่มเลขที่เอาล่ะ กรณีนี้ครูกับนักเรียน มักจะคิดแบบนี้
ครู : เด็กไทยไม่ชอบแสดงความคิดเห็น
นักเรียน : ก็หนูไม่รู้ จะให้ตอบอะไร ถามอะไรยากจัง
เอิ่ม... บางทีก็อายจริงแหละ แต่เดี๋ยวนี้เด็กไทยกล้าแสดงความคิดเห็นเยอะขึ้น แต่ที่ไม่ยกมือตอบเนี่ย ไม่ใช่เพราะไม่อยากให้ความร่วมมือ แต่ครูรู้มั้ยว่าบางคำถามก็ยากเกิน ไม่เหมือนที่สอนตะกี้เลย อีกเหตุผลนึงก็คือ ครูอาจจะดุเวลาตอบผิด ก็เลยไม่กล้าตอบ
3. เมื่อครูสอนแล้วพูดว่า "ตรงนี้สำคัญมาก"
"ตรงนี้สำคัญมาก" คีย์เวิร์ดศักดิ์สิทธิ์ที่หยุดทุกการเคลื่อนไหว จะคุย จะเล่น ได้ยินคำนี้ต้องหันมาฟังหมด เหมือนได้เจอขุมทรัพย์ทางปัญญาที่จะทำให้เราสอบผ่านในเทอมนี้ เหตุการณ์แบบนี้ ครูกับนักเรียน คิดกันแบบนี้
ครู : นี่คือไฮไลท์ของบทเรียนนี้เลย นักเรียนต้องรู้ จะได้ไปต่อยอดได้
นักเรียน : ออกสอบแน่ๆ
บางครั้งก็ต้องยอมรับว่า ครูก็มีเทคนิคเรียกความสนใจอยู่ค่อนข้างเยอะ เพราะกว่าจะเป็นครูได้ ก็ต้องเรียนจิตวิทยามาบ้างล่ะ ทีนี้เจตนาของประโยคนี้ ถ้าเป็นนักเรียนจะชอบคิดว่า ตรงนี้มันต้องออกสอบแน่ๆ งานนี้ต้องจด! แต่ความคิดของครู อาจจะอยากบอกแค่ ตรงนี้เป็นเนื้อหาที่สำคัญ เป็นจุดเด่นของเรื่อง ถ้าเข้าใจตรงนี้ เราก็จะเข้าใจทั้งหมด บางทีเรียนๆ ไป เราอาจจะได้เจอ "ตรงนี้สำคัญมาก" ทุกวันก็ได้นะ
4. เมื่อครูบอกว่า "เดี๋ยววันนี้จะปล่อยเร็ว"
หนึ่งคาบมี 50 นาที เรียนกันจนง่วงนอนไปหมด การที่จะมีครูมาบอกว่า เดี๋ยววันนี้จะปล่อยเร็ว แม้จะ 5 นาที หรือนาทีเดียวก็ดีใจยิ่งกว่าถูกหวย เพราะเหมือนเราได้สิทธิพิเศษที่นักเรียนต้องการมากที่สุด แต่ให้รู้ไว้ตรงนี้เลย ว่าคำพูดนี้อาจไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป
ครู : จะปล่อยเร็วก็ต่อเมื่อ.... สอนจบเร็วนั่นแหละ
นักเรียน : อาจารย์ต้องปล่อยเร็วแน่ๆ เลย เฮฮฮฮ~~~~
จริงๆ แล้ว ทุกคาบ คุณครูก็อยากปล่อยเร็วค่ะ แต่ทำไงได้ ต้องสอนให้ได้ตามที่วางแผนมา ซึ่งการพูดแบบนี้ก็สร้างกำลังใจเล็กๆ ให้ทั้งคนสอนเองแล้วก็น้องๆ ด้วย แต่สุดท้ายจะสอนจบทัน และได้ปล่อยเร็วมั้ยอีกเรื่องนึง แต่เท่าที่พี่มิ้นท์สังเกตสมัยเรียนมัธยมนะ พูดแบบนี้ทีไร ไม่เคยได้ปล่อยก่อนเลย แถมปล่อยช้ากว่าเดิมอีกแน่ะ T^T
คุณครูบางท่านแลดูจะเอ็นดูนักเรียนบางคนเป็นพิเศษ เอะอะก็เรียกใช้ เรียกกินขนม พูดคุยเล่นสนิทกันเหมือนลูก ทั้งๆ ที่นักเรียนในห้องมีอีกหลายสิบชีวิตที่อยากกินขนมครูบ้าง! กรณีนี้ครูกับนักเรียน มักจะคิดแบบนี้
ครู : พวกนี้มีคุณลักษณะพิเศษ ทำให้จำได้ ไม่ใช่ว่าไม่สนใจคนอื่นนะ
นักเรียน : อาจารย์ลำเอียงรึป่าว
เคสแบบนี้ บางทีไม่ใช่ความลำเอียงหรอกค่ะ น้องๆ อย่าเพิ่งน้อยใจไป (แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่มีนะ) ลองนึกดูว่าครูคนนึงต้องสอนนักเรียนกี่คน และนักเรียนเปลี่ยนทุกปีอีกต่างหาก เหมือนต้องมานั่งเล่นเกมพันหน้าทุกปี ก็ไม่แปลกที่จำชื่อได้แค่บางคน แต่เชื่อเถอะว่าครูสนใจนักเรียนทุกคนและอยากจำชื่อนักเรียนให้ได้ทุกคนอยู่ แล้ว เพียงแต่อาจจะจำชื่อไม่ได้ เพราะไม่มีจุดเด่นที่ทำให้จำได้เป็นพิเศษ ยิ่งชื่อของน้องๆ สมัยนี้ สะกดแปลกขึ้นทุกวัน อย่าว่าแต่จำเลยค่ะ อ่านยังอ่านไม่ค่อยออกเลย ดังนั้นเรื่องนี้ต้องเปลี่ยนทัศนคติของน้องๆ ค่ะ อย่าเพิ่งโกรธครู หรือ มองว่าครูลำเอียง ถ้าอยากให้ครูจดจำชื่อเราได้ ก็ต้องแสดงให้ท่านเห็นถึงความสามารถของเราดูสิ
6 เมื่อมีกิจกรรมเข้ามาเพิ่ม จนต้องขอคาบเรียนไปทำกิจกรรมแทน
การเรียนในโรงเรียน ต้องมีทั้งวิชาการควบคู่ไปกิจกรรมที่มีตลอดทั้งเทอม เช่น กีฬาสี แห่เทียน ซ้อมหนีไฟ งานวันพ่อ วันแม่ ฯลฯ ครูที่สอนคาบแรกและคาบสุดท้ายมักจะนอยด์บ่อยๆ เพราะโดนกิจกรรมมาเบียดบังเวลาตลอด จะไม่ให้คาบก็ไม่ได้ กรณีแบบนี้ แน่นอนว่าต้องมีคนนึงโห่ คนนึงเฮ ค่ะ แล้วนั่นก็คือ
ครู : เดี๋ยวเรียนไม่ทัน ไม่อยากให้เลย
นักเรียน : อยากทำกิจกรรมมากกว่าจังเลย มีบ่อยๆ สิดี
งานนี้ครูประจำวิชาที่โดนเบียดคาบตลอดก็คงไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ เพราะสอนไม่ค่อยทัน ถ้านักเรียนสอบไม่ผ่านในวิชานั้นเยอะๆ ก็งานเข้าอีก แต่คนเรียนนี่สิ แค่นึกก็ฟินแล้ว แต่ส่วนนี้พี่มิ้นท์มองว่า ถ้าเป็นกิจกรรมที่โรงเรียนจัดสรรคาบมาแล้วก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่มีอีกหลายงานที่น้องๆ มักจะไปขอคาบคุณครูเพิ่มเติม อยากให้น้องๆ แบ่งเวลาหลังเลิกเรียนทำกิจกรรม แทนการรบกวนคาบของคุณครูนะคะ ให้นึกไว้เสมอว่าคุณครูเตรียมการสอนมาเต็มที่ และตั้งใจจะมาสอน แต่จู่ๆ มาขอไม่เรียน ก็น้อยใจเหมือนกันนะ
อู้หู! ความคิดบางอย่างของนักเรียนกับครูที่ช่างสวนทางกันซะจริงๆ เหมือนความจริงกับจินตนาการเลย แต่นี่เป็นแค่ส่วนนึงเท่านั้นนะคะ สัปดาห์หน้า พี่มิ้นท์มีอีก 6 ข้อมาให้อ่าน เข้มข้นกว่าเดิมแน่นอน กลับมาติดตามกันด้วยน้า :D
14 ความคิดเห็น
ถามในห้องแล้วไม่มีคนตอบอาจไม่ใช่เพราะครูหรอกเพราะผมเคยตอบได้แต่โดนเพื่อนในห้องตะโกนด่าข้ามโตะแล้วรุมกระทืบหลังจากนั้นเลยไม่ตอบอีกเลย
ง.ถูกทุกข้อ
งานกลุ่มทำนเดียว งานเดี่ยวทำทั้งกลุ่ม 55
คือการที่ครูถามไม่ตอบมีหลายเหตุผลนะ... ครูบางคนอยากให้เด็กตอบเหลือเกิน สุ่มเลขที่ด้วย!? แต่พอเด็กตอบผิดก็หักคะแนน ตอบผิดก็ด่าว่าไม่ตั้งใจเรียน ใครจะอยากตอบค้า
โดยเฉพาะงานกลุ่ม คือมันไม่ได้ทำให้เด็กสามัคคีกันมากขึ้นหรอกค่ะ จริงๆคนที่ทำก็มีอยู่แค่2-3คน แม้ว่าในกลุ่มจะมี10คนก็ตาม เหนื่อยมากนะคะ แล้วบางทีก็จะมีเพื่อนที่ไม่มีกลุ่ม ซึ่งไม่มีใครอยากให้อยู่เพราะเค้าไม่ทำงาน บางทีมันก็เหนื่อยกับพวกนี้จริงๆ อยากขอครูทำงานเดี่ยว...
วันหยุด
คุณครู : ไม่อยากให้หยุดเลยกลัวนักเรียนเรียนไม่ทัน
นักเรียน : เย้วันนี้วันหยุดดีใจจังเลยยยยย 55555
มันเป็นแบบนี้แหละคะ ชีวิตวัยเรียน
1.งานกลุ่ม... ใครไม่ทำบอกได้ค่ะ เดี๋ยวเราเก็บเงินมาหารกับคนที่ทำในกลุ่มเอง อิอิ
2.ครูของเราใช้วิธีถ้าตอบแล้วให้คะแนนค่ะ ใครจะตอบก็ได้ แต่ถ้าแบบสุ่มเลขที่ก็มีค่ะ ถ้าตอบไม่ได้ครูก็จะช่วยตอบ น่ารักกกกกกกกกก
3.ใช่ค่ะ ถ้าบอกว่าตรงนี้สำคัญมากเมื่อไรจะรีบไฮไลต์ไว้ แล้วไปหาข้อมูลเพิ่มอย่างเคร่งเครียด (แต่ทำไมไม่ออกสอบหว่า )
4.เดี๋ยววันนี้ปล่อยเร็ว บางทีก็ปล่อยช้าจริงๆ แต่บางทีก็ปล่อยเร็วแบบที่พูดจริงๆ นะ แต่ประเด็นคือครูเราไม่มีใครพูดว่าเดี๋ยวปล่อยเร็วสักคน 555
5.ครูบางคนจำนักเรียนทุกคนได้นะ แบบว่าสอนตั้งแต่ม.ต้น ม.ปลายก็มาเจอ
6.ขอคาบได้นะ แต่อย่าลืมหาคาบว่างมาใช้ด้วย จะได้แฮปปี้ทั้งครูทั้งนักเรียน
เรื่องที่ครูจะถามอะไรพวกนี้ก็เหมือนกัน (ขอนอกเรื่องนิดสส์ 555)
เคยครั้งนึงม.1คาบประวัติศาสตร์ ครูสอนๆไปแล้วถามเด็ก ซึ่งก่อนหน้านั้นครูบอกว่าใครจะตอบผิดตอบถูกครูไม่ว่าขอให้ตอบ พอครูถามแล้วเราตอบแต่ดันตอบผิด ครูก็บอก "เดี๋ยวเถอะตอบแบบนี้เดี๋ยวจะโดนตี" เรานี่นั่งงงเลยเอ้าอะไรก็ยังพูดอยู่ไม่เชื่อเหรอว่าผิดไม่ผิดไม่ว่า พอครั้งที่สองครูถามอีกแต่ไม่มีใครตอบเราเองก็ไม่ตอบเพราะไม่แน่ใจ ครูก็ว่า "ทำไมไม่ตอบอย่างโดนฟาดทั้งห้องเหรอ" อะไรแบบนี้ เรานี่แบบเฮ้ยอะไร ตอบผิดก็โดนไม่ตอบก็โดน ปวดตับกับครูมากกกกกกกก 5555555555555
คือจริงที่สุด 55555 แบบครูชอบกลัวเราเรียนไม่ทัน แต่เราไม่อยากจะเรียน
จริงๆด้วยค่ะ หึหึ
ตรงเป๋ง เลยค่ะ
เรื่องงานกลุ่ม - ผมคงโชคดีมั้ง เพราะมีกลุ่มประจำที่ทำงาน "ทุกคน" ย้ำเลยว่า ทุกคน บางทีไม่มีหน้าที่ก็เดินมาของานไปทำอีกตะหาก -w-
เรื่องตอบคำถามครู - คือไม่เชิงว่าเป็นเพราะครูหรอกค่ะ ในบางครั้ง เราตอบ ก็โดนคนในห้องเขม่นอีก บางทีโห่ไล่เลยก็มี ไม่รู้ว่าจะอคติอะไรกัน ก็แค่ตอบได้ เลยตอบ จะได้ไม่โดนด่ากันยกห้อง = = อีกส่วนนึงคือ คำถามมันยากเกินไป
ส่วนเรื่องโดนขอคาบเรียน - เฮสิคะ รออะไร 555 แต่ถ้าให้ดีก็ไปถามครูว่าคาบที่โดนขอไปมีเนื้อหาอะไรบ้างดีกว่า จะได้ไม่ต้องให้ครูมาเร่งสอน เชื่อเถอะค่ะ ถ้าครูเร่งสอน น้อยคนจริง ๆ ที่จะเรียนรู้เรื่องทั้งหมด -w- เนอะ?