พาไปดู "รร.สาธิตพัฒนา ฝ่ายมัธยม" กับแนวคิดไม่แยกวิทย์-ศิลป์ แต่ปั้นเด็กให้เก่งตามความถนัด พร้อมโค้ชส่วนตัววางแผนจนแอดมิชชั่นติด

น้องๆ ที่กำลังอยู่ในวัยมัธยม เคยคิดกันเล่นๆ บ้างหรือเปล่าว่า ถ้าเราอยู่ ม.ปลาย หรือ อยู่ ม.6 แล้ว เราจะไปอยู่ตรงไหนของระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือแอดมิชชั่น จะสอบติดที่ไหน จะได้เรียนคณะที่เราอยากเรียนจริงหรือเปล่า หรือ ถ้าจะต้องเปลี่ยนอะไรบางอย่าง เราจะสามารถเปลี่ยนไปเรียนสิ่งที่เราอยากเรียนตั้งแต่มัธยมได้หรือไม่  

หลายโรงเรียนพยายามพัฒนาหลักสูตรและปรับรูปแบบการเรียนการสอนให้ทันสมัยและยืดหยุ่นมากขึ้น เพราะทุกวันนี้ นักเรียนต้องเรียนไปตามกรอบจนไม่รู้ว่าตัวเองอยากเรียนหรืออยากเป็นอะไรกันแน่ แต่วันนี้มีหนึ่งโรงเรียนที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยให้ความสำคัญสูงสุดกับการค้นหาความชอบและความถนัดของนักเรียน และยังพาไปสู่เป้าหมายการสอบติดมหาวิทยาลัยในคณะที่ต้องการทั้งในไทยและต่างประเทศ ที่นี่คือ "โรงเรียนสาธิตพัฒนา ฝ่ายมัธยม" ทุกเรื่องที่เกริ่นมา ที่โรงเรียนนี้กำลังทำให้สิ่งเหล่านั้นเป็นจริง!  

ทำความรู้จัก 4 Success Steps  "รู้อาชีพ รู้คณะ รู้แผน รู้ผล" 
โมเดลการเรียนรู้ แอดมิชชั่นติดในสิ่งที่อยากเรียน

การออกแบบหลักสูตรของโรงเรียนสาธิตพัฒนา ฝ่ายมัธยม ให้ความสำคัญกับการค้นหาความชอบและความถนัดของนักเรียน โดยมีหลักสูตรที่รองรับแผนการเรียนรายบุคคลตามเป้าหมายรายบุคคล IDP & Career Track โดยระดมทรัพยากรมาช่วยเสริมทักษะต่างๆ ให้นักเรียน โดยไม่ต้องไปเรียนพิเศษเพิ่มเติม โดยใช้คอนเซ็ปท์ที่เรียงตามลำดับความสำคัญคือ "รู้อาชีพ รู้คณะ รู้แผน รู้ผล"

Step 1 : รู้ตัวตน รู้อาชีพ

ที่นี่เชื่อว่าความสุขเกิดจากการทำสิ่งที่ชอบได้สำเร็จและมีคุณค่าต่อตนเองและผู้อื่น แต่การจะไปถึงจุดนั้นจะต้องรู้ตัวเองก่อนว่าเราเหมาะกับอะไร ขั้นตอนแรกที่โรงเรียนสาธิตพัฒนา ฝ่ายมัธยม จะปูทางให้คือการสอนวิชา Personal Growth เพื่อปลูกฝังให้แยกแยะระหว่างความรู้สึก อารมณ์และความคิด จากนั้นต่อยอดไปสู่การบันทึกสิ่งที่ได้เรียนรู้ และพูดคุยเพื่อสะท้อนตัวตน ความคิด ความรู้สึก

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม Goal Catcher (ค้นหาตัวตน ค้นพบอาชีพ) เป็นรูปแบบที่น้องๆ จะได้พบกับรุ่นพี่ตัวจริงในแต่ละอาชีพ โดยมาทำ workshop จำลองการทำงานและทดลองทำสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาชีพนั้นจริงๆ ตัวอย่างอาชีพที่ผ่านมา เช่น นักเต้นในดิสนีย์แลนด์ สัตวแพทย์บล็อกเกอร์ชื่อดัง นักโปรแกรมเมอร์ที่ทำงานใน Sillicon Valley เป็นต้น ในขั้นตอนนี้ นักเรียนจะได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่นพี่หลากหลายสาขาอาชีพ

Step 2 : รู้คณะ รู้มหาวิทยาลัย รู้เป้าหมาย

เมื่อรู้ว่าตัวเองอยากทำอาชีพอะไรในอนาคต ก็จะมีการวางแผนต่อว่าเป้าหมายของแต่ละคนนั้นต้องเรียนคณะหรือมหาวิทยาลัยไหน ต้องสอบผ่านรอบใด และใช้เกณฑ์อะไรในการคัดเลือกบ้าง ขั้นตอนนี้ถือว่าสำคัญและทางโรงเรียนก็เน้นย้ำถึงการเจาะลึกหลักสูตรของแต่ละมหาวิทยาลัยกันเลยทีเดียว นอกจากนักเรียนจะมี IDP Advisor ที่เป็นเสมือนที่ปรึกษาวางแผนการเรียนแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมที่มีรุ่นพี่จากคณะต่างๆ มาบอกเล่าประสบการณ์จริง จะเรียนยาก เรียนง่าย เรียนสนุก เรียนหนักขนาดไหน รวมไปถึง Lifestyle ในรั้วมหาวิทยาลัยให้นักเรียนได้ฟังและถามตอบอย่างเป็นอิสระ รวมถึงยังมีการแนะแนวเกี่ยวกับระบบ TCAS เพื่อให้น้องๆ เตรียมตัวล่วงหน้ากันอีกด้วย

Step 3 : รู้แผนการเรียนรู้รายบุคคล

เมื่อนักเรียนมีความฝัน ค้นหาตัวเองได้แล้ว ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด เพราะนี่คือ การวางแผนการเรียนรู้ตามเป้าหมายรายบุคคล หรือ Individual Development Plan (IDP) & Career Track ที่จะวางแผนจากเป้าหมายของนักเรียนว่าต้องการอะไรบ้างออกมาเป็นวิชาที่ต้องเรียนและกิจกรรมที่ต้องทำเพื่อที่จะเข้ามหาวิทยาลัยที่ต้องการได้ ทั้งมหาวิทยาลัยในไทยและต่างประเทศ โดยปัจจุบันมี IDP/Career Track ยอดนิยมให้เลือกกว่า 15 สาย นั่นหมายความว่า น้องๆ กับเพื่อนที่อยู่ชั้นเดียวกัน ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนในรายวิชาเดียวกัน เพราะแต่ละคนมีความชอบและเป้าหมายไม่เหมือนกันนั่นเอง ซึ่งจริง ๆ แล้วโรงเรียนมีความยืดหยุ่นค่อนข้างมากในการจัดแผนการเรียน หากนักเรียนมีเป้าหมายที่นอกเหนือจาก 15 Career Tracks ที่นิยมก็สามารถจัดแผนเพิ่มได้

 

Step 4: รู้ผล รู้ก่อน ปรับตัวทัน สอบติดแน่นอน

เมื่อน้องๆ ได้เรียนตามแผนของตัวเองไปแล้วก็เริ่มจะเห็นภาพของการเรียน การสอบ การใช้คะแนนเพื่อยื่นเข้ามหาวิทยาลัย แต่เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม โรงเรียนจะมีจัดสอบเพื่อประเมินตนเองก่อนสอบ TCAS จริงด้วย เมื่อคะแนนออกมาแล้ว ยังมีตรงไหนที่ยังพลาด IDP advisor ก็จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดเพื่อให้พร้อมกับการลงสนามจริงมากที่สุด นอกจากนี้ก็ยังมีการช่วยจัดลำดับการเลือกมหาวิทยาลัยตามศักยภาพที่แท้จริงของนักเรียนทุกคนเพื่อเพิ่มโอกาสการสอบติดตามเป้าหมายอีกด้วย

บอกลาแผนการเรียนเดิมๆ 
สู่ Career Tracks อยากเป็นอะไร ได้เรียนสิ่งนั้น

อย่างที่ได้บอกไปข้างต้นแล้วว่า ที่นี่ไม่ได้จัดระบบการเรียนการสอนแบบสายวิทย์-คณิต ศิลป์-คำนวณ เพราะเป็นระบบที่ทำให้นักเรียนเรียนวิชาเกินความจำเป็นและไม่ต้อบโจทย์กับอาชีพและการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยปัจจุบัน ดังนั้น Career Track คือ สิ่งที่มาทดแทนรูปแบบการเรียนแบบแบ่งสายวิทย์/ศิลป์ นั่นเอง ซึ่งก็คือ การทำหลักสูตรเพื่อให้สอดคล้องกับการเข้าคณะนั้น ๆ หรือ ต่อยอดนำไปสู่การประกอบอาชีพในกลุ่มวิชาชีพนั้น ๆ วิชาที่ได้เรียนจึงเป็นวิชาที่จำเป็น ตรงประเด็น!

ลองมาดูตารางสอนกันบ้าง ทุกคนจะเริ่มเรียน 9.00 น. และเลิกเรียน 16.30 น. ของทุกวัน กลุ่มวิชาเรียนจะแบ่งเป็น 4 หมวดหลัก ๆ คือ  

 

  • Core courses (วิชาทักษะพื้นฐานเพื่อสร้างพลเมืองโลก) 45% (9 คาบต่อสัปดาห์)
  • Concentration courses based on career track (วิชาเน้นตามโปรแกรมเป้าหมายการเรียนต่อและอาชีพ) 40% (8 คาบต่อสัปดาห์)
  • Free electives (วิชาเลือกเสรีตามความสนใจหรือเสริมเป้าหมาย) 10% (2 คาบต่อสัปดาห์)
  • Capstone Project/Portfolio/Self-study (ทำโครงการหรือค้นคว้าด้วยตนเอง) 5% (1 คาบต่อสัปดาห์)
  • Potential number of classes learning in English (จำนวนคาบเรียนที่สามารถเรียนกับครูต่างชาติ) สูงสุด 85% (17 คาบต่อสัปดาห์)

เมื่อดูตามหมวดการเรียนการสอนแล้วจะเห็นว่า Concentration course ตาม Career track ที่เลือกจะมีสัดส่วนสูงถึง 40% หรือ 8 คาบต่อ สัปดาห์หรือสามารถเพิ่มถึง 50% ได้ หากรวมวิชาเลือกเสรีที่สอดคล้องกับ Career track เพิมอีก

เจาะลึก 15 career tracks พร้อมตัวอย่างวิชาเรียน

  1. Medicine & Health sciences
  2. แพทยศาสตร์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ
  3. Physical Science & Engineering
  4. Data Science & Computer Science
  5. วิศวกรรมศาสตร์
  6. Business Administration
  7. บริหารธุรกิจ บัญชี เศรษฐศาสตร์
  8. Product Design & Architecture
  9. สถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ
  10. Communication Arts (นิเทศศาสตร์ อักษรศาสตร์ ศิลปศาสตร์)
  11. Fine Art
  12. ศิลปกรรมศาสตร์
  13. นิเทศศาสตร์ อักษรศาสตร์ ศิลปศาสตร์
  14. รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์
  15. ดนตรี

จากแผนการเรียนทั้ง 15 Track ก็จะมีครบทุกสาขาวิชาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี ศิลปกรรม อักษรศาสตร์ พาณิชยศาสตร์ และยังมีให้เลือกทั้งกลุ่มภาษาไทยและสำหรับหลักสูตรอินเตอร์หรือการเรียนต่อต่างประเทศ เช่น กลุ่มแทรค Medicine & Health Science จะได้เรียนวิชาหลักเป็น A-Level แต่ถ้าแทรคแพทยศาสตร์และวิทยาศาสตร์สุขภาพก็จะได้เรียนเป็นวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา นั่นเอง 

หากใครมีเป้าหมายจะเรียนต่อในคณะอินเตอร์หรือมหาวิทยาลัยต่างประเทศ ก็สามารถเลือกเรียนกับครูต่างชาติในวิชาที่เกี่ยวข้องได้สูง 85% หรือ 17 คาบต่อสัปดาห์ ซึ่งเหมือนได้เรียนในโรงเรียนนานาชาติเลย  เพราะเรียนด้วยหลักสูตร Cambridge Assessment International Education ที่ได้มาตรฐาน Cambridge International School จะช่วยให้นักเรียนสามารถสอบวัดระดับ IGCSE A-Level และ IELTS 7.0 ได้ นอกจากนี้ยังมี Ignite และ EduSmith สถาบันกวดวิชาและแนวแนวการเรียนต่อต่างประเทศมาติว SAT, BMAT, IELTS, IGCSE, A-Level อีกด้วย

สำหรับความเข้มข้นของเนื้อหาวิชาต่างๆ ก็ไม่น้อยหน้า เพราะสถาบันกวดวิชา OnDemand (คณิตฯ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ) เป็นผู้วางหลักสูตรและเนื้อหาทั้งหมดที่จะตอบโจทย์ทั้งหลักสูตรแกนกลาง และเนื้อหาที่ Advance เพื่อพิชิตข้อสอบเข้าในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งจะเรียนกันทั้งในรูปแบบ Online ผ่าน iPad สามารถเลือกเรียนเมื่อไรก็ได้ จะทบทวนกี่ครั้งก็ได้ โดยมีคุณครูดูแลอย่างใกล้ชิดและพร้อมตอบคำถามและข้อสงสัยตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้นคุณครูจาก OnDemand จะเข้ามาช่วยติวกันสด ๆ อีกด้วย สำหรับวิชาทักษะต่าง ๆ ก็ยกทัพสถาบันและวิทยากรจากแต่ละสาขาวิชามาสอน เช่น ว.ดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล The Drama Academy by ครูเงาะ รวมไปถึงภาษาที่ 3 จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งเศส เยอรมัน จาก OKLS และ Goethe-Institute   

วิชาเลือกเสรีสุดคูล ไม่มีเก็บตังค์เพิ่ม

วิชาเลือกเสรี คือ วิชาที่สอนเพิ่มเติมจากวิชาหลักใน Career Track ที่น้อง ๆ เลือก โดยสามารถเลือกเรียนวิชาไหนก็ได้ที่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นวิชาที่เกี่ยวกับข้องกับ Career Track หรือไม่ก็ตาม ซึ่งโรงเรียนมีวิชาเลือกเสรีให้เลือกมากกว่า 30 วิชา ที่สอนโดยครูและผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันดัง ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม! เช่น 

  • Medical Lab (แล็บทางการแพทย์)
  • วิชาโคนัน (นิติเวช)
  • วิชางานช่างเบื้องต้น
  • วิชาการออกแบบ
  • วิชาการบริหารเงิน จาก Money Coach
  • วิชาการแสดง The Drama Academy ครูเงาะ
  • วิชาดนตรี จากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล
  • วิชาศิลปะป้องกันตัว
  • วิชาออกแบบคาแรกเตอร์แอนิเมชั่น โดย ANT มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
  • วิชาด้านภาษาที่ 3 ได้แก่ ภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมัน ฝรั่งเศส จากสถาบันภาษา เกอเธ่ และ OKLS ฯลฯ
วิชา 2D คาแรคเตอร์สำหรับแอนิเมชัน
วิชา 2D คาแรคเตอร์สำหรับแอนิเมชัน
วิชาการแสดง
วิชาการแสดง

บรรยากาศเอื้อต่อการเรียนรู้

ภายในโรงเรียนมีบรรยากาศที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นห้องเรียนที่ผสมผสานเทคโนโลยีในการเรียนรู้ เช่น ใช้  Apple TV  และ iPad ในการเรียน การนำเสนองาน และบรรยากาศห้องเรียนที่หลากหลาย เช่น ห้องเรียนสไตล์คาเฟ่ ห้องเรียนที่สามารถจัดที่นั่งได้หลากหลายรูปแบบ 

บรรยากาศห้องเรียนมีทั้งสไตล์คาเฟ่และห้องเรียนที่ใช้โต๊ะเรียนเพื่อปรับรูปแบบการนั่งได้หลากหลาย
บรรยากาศห้องเรียนมีทั้งสไตล์คาเฟ่และห้องเรียนที่ใช้โต๊ะเรียนเพื่อปรับรูปแบบการนั่งได้หลากหลาย

 

นอกจากนี้ โรงเรียนกำลังก่อสร้างอาคารเรียนและหอพัก ที่จะพร้อมเปิดใช้ในปีการศึกษา 2565 เพื่อรองรับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น และนักเรียนที่ต้องการอยู่แบบประจำ ด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ แบ่งเป็นโซนการเรียนรู้ใน Learning Hall พักผ่อนและทำกิจกรรมบันเทิงใจใน Courtyard และใช้ชีวิตส่วนตัว และพบปะเพื่อนๆ 

มีทุนสนับสนุนทั้ง ม.1 และ ม.4

น้องๆ ที่สนใจ สาธิตพัฒนา ฝ่ายมัธยม เปิดรับสมัครทั้งระดับชั้น ม.1 และ ม.4 และมีทุนสนับสนุนนักเรียนมีที่มีความสามารถทั้งวิชาการและความสามารถพิเศษ แบ่งเป็น ม.1  จำนวน 30 ทุน และ ม.4 จำนวน 30 ทุน ทุนละ 780,000 บาท ครอบคลุมค่าเล่าเรียนตลอด 3 ปี (ม.1-3 หรือ ม.4-6) โดยแบ่งเป็นออกเป็น  วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ ศิลปะ ดนตรี/ร้องเพลง และ กีฬา

            ผู้ที่สนใจสมัครสอบชิงทุน ม.1 ม.4 หรือ สอบทั่วไป ม.1-5 สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ https://bit.ly/2Y3HH4x

            สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมแบบเจาะลึก ทางโรงเรียนมีจัดกิจกรรม Open House & School Visit ในวันอังคารที่ 26 ต.ค. 64 โดยติดตามข่าวสารและรอบกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ FB :  www.facebook.com/satitpattanaschool และเว็บไซต์โรงเรียน https://bit.ly/3m9xfRv

 

เรียกได้ว่าเป็นโรงเรียนสมัยใหม่ ที่ตอบโจทย์ทั้งคนที่มีเป้าหมายในใจว่าอยากเรียนอะไร อยากทำอาชีพอะไร และคนที่ยังไม่มีเป้าหมายในใจก็สามารถมาเรียนได้เช่นกัน เพราะที่นี่จะเริ่มปูทางตั้งแต่การค้นหาตัวเอง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดค่ะ  “Be The Best In Your Way ไปให้สุดในแบบของเรา ที่สาธิตพัฒนา ฝ่ายมัธยม”

พี่มิ้นท์
พี่มิ้นท์ - Columnist พี่สาวใจเย็น ผู้เกิดมาในแอดมิชชั่นยุคแรก แต่เข้าใจ TCAS มากกว่า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

3 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด