^^ ในยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำอย่างปัจจุบันนี้ น้องๆ คงได้เห็นข่าวคราวอาชญากรมมและมิจฉาชีพต่างๆ ตามหน้าหนังสือพิมพ์มากมาย ... นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่น้องๆ dek-d.com จะต้องรู้จักระแวดระวังตัวให้มากขึ้น เพราะเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เราไม่มีทางทราบได้เลยว่า วันไหนเราจะต้องตกเป็นเหยื่อ!!!
เตือนภัยเด็กดี วันนี้ พี่เหมี่ยวมีเรื่องราวของภัยร้ายในสังคมจากกลุ่มมิจฉาชีพที่แฝงตัวอยู่ตาม ฟู้ดเซ็นเตอร์ มาฝากน้องๆ กันค่ะ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับหญิงสาวคนนึง (พี่เหมี่ยวขอเรียกเธอว่าน้องเอแล้วกันนะคะ) น้องเอเล่าให้ฟังว่า วันที่เกิดเหตุนั้นเป็นวันที่เธอออกมาเรียนพิเศษที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง และหลังจากเรียนเสร็จเธอก็รู้สึกหิว จึงไปทานข้าวที่ฟู้ดเซ็นเตอร์ตามปกติเหมือนทุกครั้ง
แน่นอนว่าที่ฟู้ดเซ็นเตอร์นั้นมีผู้คนพลุกพล่าน เธอจึงไม่ทันสังเกตถึงสายตาประสงค์ร้ายสองคู่กำลังจับจ้องตนเองอยู่โดยมีเครื่องประดับมีค่าบนตัวเป็นเป้าหมาย เมื่อน้องเอซื้ออาหารเสร็จแล้ว เธอจึงทิ้งอาหารไว้บนโต๊ะเพื่อไปซื้อเครื่องดื่ม จึงเป็นโอกาสของคนร้ายที่จะลงมือปฏิบัติการ
มิจฉาชีพในแก็งฟู้ดเซ็นเตอร์(เป็นผู้หญิง) ซึ่งนั่งห่างออกไปไม่ไกลนักรีบเดินมาที่โต๊ะของน้องเอ ทำทีเป็นหยิบทิชชูบนโต๊ะด้วยความรวดเร็วแอบเทยานอนหลับอย่างแรง ใส่ลงไปในอาหารที่น้องเอวางทิ้งไว้ แล้วทำทีเป็นเดินเลือกซื้ออาหารตามร้าน เมื่อน้องเอกลับมาที่โต๊ะพร้อมน้ำดื่มเธอจึงเริ่มต้นรับประทานอาหาร ขณะที่มิจฉาชีพคนนั้นก็หาที่นั่งที่ใกล้ที่สุด
น้องเอเล่าว่าตอนนั้นเธอไม่ได้สงสัยอะไร เพราะฟู้ดเซ็นเตอร์ก็จะมีคนพลุดพล่านอยู่แล้ว ดังนั้นการที่จะมีคนแปลกหน้ามานั่งใกล้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยกันจึงไม่ได้สงสัยอะไร
แต่หลังจากนั้นเพียงเวลาไม่นานที่น้องเอรับประทานอาหารผสมยานอนหลับเข้าไป เธอก็เริ่มง่วงและมึนศีรษะ และนั่นคือโอกาสของแก็งมิจฉาชีพจริยาตรงรี่เข้าไปทันที และทำทีท่าว่าจะเข้าไปช่วยเหลือเธอและพยายามที่จะพาเธอไปโรงพยาบาล แต่ตอนนั้นน้องเอเองก็พยายามปฏิเสธความช่วยเหลือ
ตอนนั้นมิจฉาชีพเริ่มเห็นว่าท่าไม่ดีจึงรีบประคองกึ่งลากน้องเอออกไปจากบริเวณนั้น โดยมีสายตาหลายคู่จ้องตามไป แต่ไม่มีใครสงสัย เพราะภาพที่เห็นทำให้คิดว่าผู้หญิงคนหนึ่งไม่สบายและเพื่อนกำลังพาออกไปเท่านั้น ไม่มีใครสังเกตก่อนหน้านี้ว่าใครเป็นใคร มาคนเดียวหรือมากับใคร นอกจากมิจฉาชีพเท่านั้น!
และหลังจากที่พาออกจากบริเวณห้างสรรพสินค้าแล้ว สมาชิกร่วมแก็งทำทีเป็นคนขับวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง คอยท่าอยู่แล้ว มิจฉาชีพจึงรีบพาน้องเอขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซต์ สามไป แน่นอนว่าคนร้ายไม่ได้นำเธอส่งโรงพยาบาล แต่กลับพาไปยังซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นก็ปลดทรัพย์ของเธอออกจนหมด และทิ้งเธอไว้ที่นั้นแล้วก็หนีไป
น้องเอเล่าว่าโชคยังดีที่เธออาเจียนเอาอาหารที่กินเข้าไปออกมาบ้าง ยายนอนหลับที่มิจฉาชีพใส่ให้เธอกินจึงปนออกมาด้วย จึงทำให้ฤทธิ์ยานอนหลับในตัวเธอเจอจางลง ...
นี่ยังถือว่าเป็นโชคดีของน้องเอที่คนร้ายแค่ปลดทรัพย์เธอเท่านั้น ไม่ได้โดนทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด แต่ก็ต้องถือว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นบทเรียนให้เธอต้องรู้จักระวังและสังเกตคนแปลกหน้าที่อยู่ใกล้ตัวเราให้มากขึ้น และที่สำคัญสิ่งที่เราคิดว่าปกติ ความจริงแล้วสิ่งนั้นอาจจะมีอันตรายแฝงอยู่ก็ได้
และถ้าน้องๆ dek-d.com คนไหนที่มีประสบการณ์เตือนภัยแบบนี้ก็สามารถมาแลกเปลี่ยนกันได้นะคะ ^^
|
32 ความคิดเห็น
เข้าร้านอาหารดีกว่า สั่งแร้ว อาหารมาปุ๊บ ก้อโซ้ยเรย ~
เราก้อเคยเดินห้างคนเดียว กินคนเดียว เหมือนกัน
มีบางที่ก็ชอบเอาหลอด(ที่ต้องกดอย่างเช่นในแมค)
ที่ชอบมีคนกดเกินอ่ะค่ะ เอาไปเคลือบยานอนหลับไว้
แล้วคนที่มาเอาหลอดก็เอาไปใช้ก็มี มีคนเคยเล่า
ดังนั้นบางคนชอบหยิบหลอดที่วางเกินไว้ไปเลย ไม่ดีค่ะเสี่ยง
เวลาเดินคนเดียวด้วย เพื่อนเคยโดนโจรมันมาฟังว่าเราคุยโทรศัพท์กับใคร
แล้วก็ทำเนียนมาคุยด้วย แบบตอนนั้นมันคุยกับพ่อเรื่องธุระว่าต้องไปเอาของกับเพื่อนพ่อ
แกล้งเล่นละครตบตาว่าเป็นคนที่พ่อจะให้ไปเอาของด้วย เนี่ยๆพ่ออ่ะรถเสียอยู่ใช่ไหม ตามมาเลยๆ
(เพราะว่าเพื่อนมันอยู่คนละบ้านกับพ่อ) แล้วก็แกล้ง แบตหมดขอมือถือคุยกับพ่อหน่อย แล้วหนูเดินเข้าไปหยิบ
ของในร้านเลยนะไปถามพี่ในร้าน เพื่อนมันก็ต่อสายพ่อให้ แล้วก็เดินไปเอาของในร้าน (ซึ่งร้านใครก็ไม่รู้)
แล้วก็มันชิงมือถือไปอย่างหน้าด้านๆ ชั่วจริงๆ
อ่อ! ในบทความพี่ค่ะพิมพ์ผิดค่ะ มันต้อง ยานอนหลับ ไม่ใช่ยายนอนหลับ
ถ้าเป็นเรานะ จะด่าให้ดูเลย
"เงินน่ะมีีปัญญาให้แต่คุณมีปัญญาชดใช้เวรกรรมหรือเปล่า"
สมัยนี้แย่มากเลยอ่ะ ไปไหนต้องระวังตัวให้มาก จะกินข้าวยังโดนเลย
เกิดมาก็มีกรรมมากพอแล้ว ไม่รู้จะชดใช้หมดหรือเปล่ามาสร้างกรรมใหม่อีกหรือไง
จริงๆเลย ที่ขโมยเงินไปน่ะ รู้มั้ยว่าเขาก็เดือดร้อนไม่แพ้คุณหรอก
คุณไม่มีเงินกินข้าวไปขโมยเงินเขามา แล้วคุณคิดบ้างมั้ยคนที่คุณขโมยเงินเขามาเขาก็หิวเหมือนกัน
อ
สมัยนี้ต้องระวังตัวกันให้มากๆค่ะ น่ากลัวจริงๆ
ถ้าซื้อน้ำก่อนซื้อข้าว เค้าอาจะใส่ยานอนหลับในข้าวก็ได้ ??
สรุปต้องหาคนเฝ้าโต๊ะ ! ไม่ก็กินร้านอาหารไปเลยดีกว่า
โล่งอกไปที
โชคดีมากมายเลยนะที่ไม่โดนข่มขืน
ของนอกกาย หาใหม่เมื่อไหร่ยังไงก้ได้
แต่ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงนี่ ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้นะคะ
เพราะฉะนั้น อย่าไว้วางใจอะไรค่ะ ระวังตัวไว้ดีที่สุด
งืมมมมมมมมมมมมมมมมมมมๆๆๆ
รุ้หน้าไม่รุ้ไจจจจจจจจ
โหด-โฉด-ถึก
เกี่ยวกัลไหมมมม
ชั่วนี้ก้ต้องระวังตัวให้มากๆๆเพราะ
(ขี้เกรียจพิมเเระ)
THE END
เดี๋ยวนี้ต้องระวังตัว
เดี๋ยวนี้เจอแต่วิธีที่เราไม่คาดคิดทั้งนั้น
ยังไงก็ระวังๆด้วยนะ
เราก็ชอบทิ้งอาหารไว้บนโต๊ะบ่อยๆเหมือนกัน
ภัยมาได้หลายรูปแบบมากๆเลย
ขอบคุณสาระดีๆค่ะ
สมัยนี้ คนน่ากลัวกว่าผีเยอะเลย เฮ้อ แขนขาก็มีไม่รู้จักทำมาหากิน
มันต้องล้มแล้วลุก เจ๊งแล้วต้องสู้ ป๋าทำมาหมดแล้ว ไม่สู้ได้ไง อายหมามัน
(ซักโฆษนา 55+ )
ตอนนั้นอยู่กับเพื่อนด้วย อยู่ตั้ง 4คนแน่ะ
ยังโดนหลอกเอาไปได้เลย
ตอนแรกมันบอกว่าน้องสาวมันอยู่รร.เดียวกับเรา
แล้วมันบอกว่าน้องมันโดนทำร้าย เลยอยากรู้ว่าเราจะรู้จักรึเปล่า
แล้วตอนนั้นเรากำลังเดินเข้าร้าน MK มันก็เลยทำที บอกว่าเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง
เอาแบงค์ 500 ออกมาให้เพื่อนเรา บอกว่าสั่งกันตามสบายเลยนะ
ตอนแรกก็คุยกันไป เราก็ไม่ได้เอะใจอะไร ตอนแรก รู้สึกสงสารน้องเค้า
เพราะเค้าบอกว่าน้องเค้าตอนนี้นอนอยู่โรงพยาบาล แล้วก็บอกว่านัดแม่เค้าไว้ที่ ฝั่งตรงข้าม
แล้วแบตมือถือหมดพอดี เลยขอยืม เพื่อนแมร่งก็เลยบอกว่าของเรามีตัง ให้พี่เค้ายืมหน่อยสิ
(แอบเซง) พี่เค้าก็โทรไปหาแม่เค้า แล้วก็บอกว่าเดี๋ยวพี่ไปเข้าห้องน้ำก่อน เอ้อ มันเอามือถือของเพื่อนเราไปด้วย
เอาไปคิดบัญชีอะไรก็ไม่รู้อะ จำไม่ค่อยได้ เท่ากับว่า ตอนนี้มันมีโทรศัพท์เราและเพื่อนอยู่ในมือ
แล้วมันก็เดินไปเข้าห้องน้ำ เพื่อนเราคนนึงมันก็พูดว่ามันก็ปวดฉี่เหมือนกัน มันก็เลยเดินไปกับพี่เค้า
แล้วพอมันเดินออกมา มันก็ไม่เห็นพี่คนนั้นแล้ว มันก็เลยรีบวิ่งออกมา บอกเรากับเพื่อนว่า พี่เค้าหายไปแล้ว
มือถือเราเพิ่งถอยมาหมาดๆเลย หายแว๊บไปกับตา มันเป็นกะเทย ลืมบอกไป คนที่หลอกโทรศัพท์เราไปน่ะ
แล้วก็มีข่าวออกมาด้วย ว่ามีเด็กโดนหลอกเอาโทรศัพท์ไปหลายรายเหมือนกัน หลังจากที่เราโดนหลอกไปอะ
ที่ห้างๆนั้น เซ็งไปตามๆกันเลย