วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

 
 

ตะลุยพาเที่ยวสถาบัน ตอน เรื่องลี้ลับของนักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต

 

 
สวัสดีจ๊ะน้องๆ ชาวเด็กดีที่น่ารักวันนี้พี่ออมจะพามาทำความรู้จักกับคณะที่เป็นที่ใฝ่ฝันของใครหลายๆ คน นั้นคือ วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตนั่นเอง วันนี้มีว่าที่คุณหมอสุดเท่มาเป็นไกด์พาน้องๆ ชาวเด็กดีเยี่ยมชมวิทยาลัย พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์ตื่นเต้น เอาล่ะใครขวัญอ่อนก็เกาะเก้าอี้ดีๆ หน่อย ไม่เช่นนั้นอาจจะเห็นอะไรก็ได้....กลัวหรือยัง ไปพบกับน้องบิ้วด์กันเลยดีกว่าจ๊ะ
 

พี่ออม: สวัสดีจ๊ะ แนะนำตัวให้เพื่อนๆ ชาวเด็กดีได้รู้จักกันหน่อยสิจ๊ะ

บิ้วด์ : สวัสดีครับ ชื่อ เชฐชาญ เจริญเวชพิพัฒน์ เรียกว่า บิ้วด์ ก็ได้ครับ ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตครับ

พี่ออม: เดี๋ยววันนี้จะพาเพื่อนๆ เด็กดีรู้จักกับวิทยาลัยแพทยศาสตร์ใช่ไหมคะ

บิ้วด์ : ใช่ครับ ก่อนอื่นผมขอแนะนำคณะให้รู้จักกันก่อนนะครับพี่ออม

พี่ออม: ได้จ๊ะ
บิ้วด์ : วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดรับนักศึกษา ตั้งแต่ปีการศึกษา 2532 ทบวงมหาวิทยาลัย และแพทยสภาได้รับรองมาตรฐานปี พ.ศ. 2537 มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ทำสัญญาความร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนด้วยครับ มีหลักปรัชญา คือ ผลิตแพทย์ที่ได้มาตรฐาน มีคุณธรรม จริยธรรม เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้แก่สังคม ครับ สำหรับการเรียนนั้น หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ใช้เวลาการศึกษา 6 ปีการศึกษา แบ่งเป็นนักศึกษาปีที่ 1 – 3 จะเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และสถาบันร่วมผลิตแพทย์ กรมการแพทย์-มหาวิทยาลัยรังสิต พอมาถึงปี 4 – 6 จะเรียนที่ สถาบันร่วมผลิตแพทย์ โรงพยาบาลราชวิถี สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีครับ

พี่ออม: น้องบิ้วด์เรียนวิชาเอกอะไรคะ

บิ้วด์ : แพทย์จะเรียนทั่วไปๆ ก่อนครับ 6 ปี พอจบมาเป็นนายแพทย์ แพทย์หญิงแล้วก็ถ้าใครสนใจเรียนต่อด้านไหน อย่างเช่นใครสนใจเรียนต่อด้านกระดูก ระบบประสาท และก็จิตวิทยา ก็ต้องใช้เวลาเรียนต่อนอกเหนือจาก 6 ปีไปอีกครับ
 
พี่ออม: เวลาเรียนแพทย์จริงๆ เป็นอย่างไรคะ
บิ้วด์ : พอปี 1 ทุกคนที่เขามาก็ตื่นเต้นครับ เราได้เป็นนักศึกษาแพทย์จริงๆ แล้ว ความฝันเราเป็นจริงแล้ว พอได้เข้ามาเรียนถ้าเราตั้งใจเรียนจริงๆ เราสามารถเรียนผ่านไปได้ ถ้าหากบางคนเรียนไม่ขยัน เรียนไม่ไหวก็จะมีกลุ่มเพื่อนๆ คอยพยายามช่วยติว นอกจากการเรียนยังมีกิจกรรมต่างๆ เช่น กิจกรรมรับน้อง กิจกรรมของคณะต่างๆ พอถึงช่วงที่เราจะเรียนอาจารย์ใหญ่ พวกพี่ๆ ก็จะมีพิธีที่เรียกว่า พิธีมอบห้องกรอส (Gross) เพราะว่าอย่างหลายๆ คนจะถามว่าที่รังสิตมีห้องกายวิภาคด้วยเหรอ ซึ่งห้องเรียนกายวิภาคคือ ห้องเรียนกับอาจารย์ใหญ่นะครับ แล้วคนภายนอกส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยทราบกันว่าที่นี่รับบริจาคร่างกายด้วย ก็คือท่านใดมีความประสงค์ในการจะบริจาคให้กับทางมหาวิทยาลัย เมื่อท่านเหล่านั้นเสียชีวิตเราก็จะนำร่างมาดองไว้เพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ต่อไปครับ ที่ตึก 4 (อาคารวิทยาศาสตร์) ข้างหลังนี้เองก็จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับอาจารย์ใหญ่มากมายเหมือนกันครับ
 


 

 

 
 
 

 

 
 
พี่ออม: ยกตัวอย่างให้ฟังหน่อยได้ไหมจ๊ะ (พี่ถามไปก็ชักจะขนลุกไปนะเนี่ย)
 
บิ้วด์ : ตัวผมยังไม่เคยเจอนะครับ แต่มีรุ่นพี่ที่เขาเล่าๆ กันต่อๆ กันมานะครับ มีเรื่องอยู่รุ่นหนึ่งนะครับ ตอนเย็นวันหนึ่งประมาณ 2 ทุ่มนะครับข้างๆ ตึก 4 ก็จะมีสถานพยาบาลอยู่ ก็ในเย็นวันนั้นก็จะมีคุณลุงแก่ๆ คนหนึ่งมาที่ห้องพยาบาล ซึ่งตอนนั้นห้องพยาบาลก็กำลังจะปิดแล้ว นางพยาบาลก็กำลังเก็บยา เก็บห้อง ทำความสะอาด ก็มีคุณลุงเข้ามาเคาะห้องบอกว่าปวดหัวขอยาพาราแก้ปวด คุณนางพยาบาลก็บอกให้กรอกรายละเอียดแล้วกันค่ะ จะได้ไปหยิบยาให้ พอคุณลุงก็กรอกรายละเอียดเสร็จ นางพยาบาลก็ยื่นยาให้ คุณลุงก็รับยาไป พอรุ่งเช้าพี่พยาบาลคนนั้นมาเช็คสต๊อกยา เช็คของในบัญชียาที่ยังทำไม่เสร็จ ก็เจอคุณลุงมีชื่อนามสกุล ในใบกรอกก็จะมีให้กรอกตำแหน่งคุณลุงกรอกว่า ‘อาจารย์ใหญ่’ ทุกคนนี่รู้กันว่าถ้าในมหาลัยนี่ อาจารย์ใหญ่จะหมายถึงคนที่เสียชีวิตแล้วอุทิศร่างให้กับนักศึกษาแพทย์ในการทำการศึกษา พี่ๆ เขาก็สงสัยกันว่ามีคนมาล้อเล่นหรือเปล่า หรือจะเป็นอาจารย์ใหญ่จริงๆ ก็มีคนไปหาเจ้าหน้าที่ที่ห้องกายวิภาค เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ทราบ เพราะว่าเมื่อวานเพิ่งรับศพอาจารย์ใหญ่เข้ามาที่มหาวิทยาลัยกับทางรามา รายชื่อก็ยังไม่ได้ ที่ข้อมือของอาจารย์ทุกท่านนะครับ จะมีด้ายกับป้ายชื่อติดอยู่ และก็ชื่อที่ห้องพยาบาลกับชื่อข้อมืออาจารย์ใหญ่ที่เพิ่งเข้ามาเมื่อวานนะครับ ตรงกัน! ก็เลยเป็นเรื่องฮือฮากันไปเลย

 
พี่ออม: พี่ขอฮือฮาด้วยคน >[]< อันนี้นานหรือยังคะ

บิ้วด์ : ก็นานแล้วเหมือนกันครับ น่าจะสัก 7 – 8 รุ่นมาแล้ว แต่ว่าล่าสุดปีก่อนก็มีเหมือนกัน


พี่ออม: ยังไงจ๊ะๆ
 
บิ้วด์ : ก็มีพี่น้องคู่หนึ่งครับรุ่นผม ตอนนี้ขึ้นปี 2 เขาก็เป็นผู้หญิงทั้งคู่ พี่มาเรียนกับน้องแล้วอยู่หอใน มีอยู่คือหนึ่งน้องได้ยินเสียงก๊อกแก๊กในห้อง แต่ก็ไม่กล้าถามพี่ ส่วนพี่เองก็ไม่กล้าถามน้อง น้องก็เลยเปิดไฟนอนไป 2 – 3 คืน จนคืนที่เจอก็เปิดไฟนอนเหมือนกัน ทั้งสองคนก็หลับไปน้องก็ตื่นขึ้นมากลางดึก เห็นผู้หญิงคนหนึ่งมายืนอยู่ที่ปลายเตียงพี่สาวตัวเองแล้วก็จ้องไปที่พี่ตัวเอง ก็ตกใจว่าใครเข้ามาที่ห้องของตัวเอง แต่พอเห็นหน้าเท่านั้นล่ะครับก็ต้องตกใจเพราะว่าเป็นอาจารย์ใหญ่ โต๊ะของตัวเองนี่ล่ะครับที่ผ่า พอเอามาเล่าก็เป็นที่ฮือฮากันมากๆ ว่าอาจารย์ใหญ่โต๊ะนี้มาแล้ว ก็ทำให้ไม่ค่อยมีใครเข้าไปดูอาจารย์ใหญ่ของโต๊ะอื่นๆ แต่พอเวลาสอบเราก็จะต้องไปดูครบทุกโต๊ะมีประมาณ 50 โต๊ะ เราต้องดูให้หมดเลยเวลาสอบนี่อาจารย์ใหญ่หนึ่งท่านก็จะออก 1 ข้อ ก็จะดูทุกโต๊ะกันพลาดเพื่อให้ได้คะแนนดีๆ กันน่ะครับ



พี่ออม: โต๊ะหนึ่งที่นี่เรียนกันกี่คนคะ

บิ้วด์ : โต๊ะหนึ่งที่นี่ก็เรียนกัน 8 คนครับ ต่ออาจารย์ใหญ่ 1 ท่าน
 


พี่ออม: เจออาจารย์ใหญ่ครั้งแรกปีไหน
 
บิ้วด์ :  ปี 1 ครับ แต่ว่าโดยทั่วๆ ไปที่อื่นจะเรียนปี 2

 
พี่ออม: รู้อย่างไรบ้างที่จะได้เรียนกับอาจารย์ใหญ่แล้ว

บิ้วด์ : ก็ต้องบอกว่าตื่นเต้นครับว่าใครล่ะจะมาสละร่างกายมาให้เราทำการศึกษา ตอนครั้งแรกที่ท่านนอนอยู่ก็ต้องทาน้ำมันทำความสะอาด สิ่งที่เรียนส่วนแรกเลยคือ ที่หลัง ครั้งแรกที่ลงมีดกรีดไปที่หลัง และคนๆ นี้ไม่มีชีวิตแล้ว เป็นอาจารย์ของเรา มือสั่นเลยครับ


พี่ออม: เราเตรียมตัวเรียนอย่างไรบ้างคะ

บิ้วด์ : ก็โดยทั่วไปนักศึกษาแพทย์ต้องมีความขยัน อดทนอยู่แล้วครับ เฉพาะนั้นในการเรียนวิชาต่างๆ จะมีความรับผิดชอบมากๆ เราจะต้องพัฒนาตัวเองว่าต้องทำคะแนนให้ดี เพราะในอนาคตเราจะต้องเป็นหมอจ ะมีคนมาฝากชีวิตไว้กับเรา หลายๆ คนก็ทุ่มเทจริงๆ ตอนเรียนหนังสือม.ปลาย อ่านหนังสือถึง 4 ทุ่ม 5 ทุ่ม ก็นอนแล้ว แต่พอเป็นนักศึกษาแพทย์ ตอนที่สอบครั้งแรกทุกคนเก่งหมด เราไม่รู้ว่าเราอยู่ตรงไหน เราก็ต้องทุ่มเทให้ดีที่สุด ครั้งที่อ่านหนังสือดึกที่สุดคืออ่านถึงตี 4 ทำให้เราได้รู้ว่าความรู้ที่เรียนมาตอนม.ปลาย เป็นความรู้เพียงเล็กๆ เท่านั้น พอก้าวมาสู่มหาลัยความรู้มันกว้างขวางขึ้นอีก พอจบวิชานี้แล้ว วิชาต่อไปมันก็ยิ่งกว้างไปอีก ของที่เรียนไปเมื่อวิชาที่แล้วมันเป็นเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น ตอนเรียนแพทย์จะได้รู้เลยว่า ร่างกายของคนเราเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากๆ จะมีการเรียนต่อยอดต่อไปเรื่อยๆ

 

พี่ออม: แบ่งเวลายังไง

บิ้วด์ : ผมเองรู้ตัวว่าถนัดทางไหนก็ไปช่วย อย่างเช่น ผมไปช่วยเป็นพิธีกรในการตักบาตรของชมรมพุทธศาสนา อย่างของชมรมยูไดมอนที่เพิ่งตั้งใหม่ ตัวผมเองชอบเรื่องสมาธิ เพราะสมาธิจะช่วยดึงพัฒนาศักยภาพ ความสามารถของเราออกมาได้ ทำให้การเรียนดีขึ้น รู้จักการจัดระเบียบชีวิตต่างๆ รวมถึงการที่เราทำกิจกรรมมากๆ ทั้งในและนอกคณะ หากเราไม่รู้จักการแบ่งเวลาก็จะเป็นเรื่องที่เสียหายพอสมควร เวลาทุกๆ เวลาจะมีค่ามากๆ พักผ่อนด้วย เรียนด้วย ทำกิจกรรมด้วย จะต้องแบ่งเวลาๆ ให้เท่าๆ กัน ส่วนเรื่องขนลุกๆ ก็ยังมีอีกเรื่องนะครับ
 

พี่ออม: ยังจะมีอีกหรือค่ะ (โอ้ .. พี่กลัวแต่ก็อยากฟังค่ะ)

บิ้วด์ : ผมเองก็ยังไม่เคยเจอนะครับ คนที่ไม่เคยเจอเลยก็ไม่เจอ ส่วนคนที่เจอก็เจอบ่อยเหมือนกันครับ ก็จะมีอีกเรื่อง ตอนที่มหาวิทยาลัยสร้างใหม่ๆ ทางด้านห้องกายวิภาคก็สร้างแล้ว แต่ว่ารั้วเป็นเพียงแค่คันดินกั้นระหว่างเมืองเอกกับมหาวิทยาลัยรังสิตเท่านั้น บ้านข้างหลังที่เป็นบ้านเดี่ยวเขาก็รู้ว่าเป็นห้องเรียน แต่ไม่รู้ว่าเรียนอะไรกันพอตกกลางคืนจะมีคนมาจัดปาร์ตี้ เขาก็สงสัยกันว่าทำไมนึกศึกษาที่อยู่ตึกตรงนี้มาจัดปาร์ตี้ที่ห้องนี้บ่อยมาก พอมองเข้ามาจะเห็นคนมาสังสรรค์กัน พอหลังๆ ไปมารู้ว่าห้องนี้เป็นห้องที่เรียนกับอาจารย์ใหญ่ แล้วไม่มีใครมาจัดปาร์ตี้เลย ก็เลยสันนิฐานกันแล้วว่าคนที่มาจัดปาร์ตี้ก็คือ อาจารย์ใหญ่ท่านั้นๆ ที่อยู่ที่นี่มาจัดปาร์ตี้กันแต่ในการเรียนกับอาจารย์ใหญ่ในทุกๆ ครั้งก็จะมีการทำพิธีคือ จะมีการเรียกพระมาสวด แล้วก็เชิญญาติมาทำร่วมพิธี อีกทีหนึ่งเลยคือ เมื่อเรียนเสร็จแล้วก็จะรวบรวมชิ้นเนื้อและกระดูกทั้งหมด ทำเรื่องของพระราชทานเพลิงศพ เพราะว่าอาจารย์ใหญ่คือ คนที่อุทิศร่างเป็นผู้ที่เสียสละอย่างจริงๆ ร่างกายส่วนที่รักที่สุดให้คนที่ไม่รู้จักมาศึกษา ทางวิทยาลัยแพทยศาสตร์ก็จะทำเรื่องขอพระราชทานเพลิงศพให้ทุกปีน่ะครับ
 
 
รู้สึกเสียวสันหลังเหมือนพี่กันไหมคะน้องๆ วันนี้ตะลุยพาชมวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ต้องขอขอบคุณน้องบิ้วด์มากๆ ที่มาพาชมรวมถึงได้เล่าเรื่องลี้ลับที่หากไม่ใช่นักศึกษาแพทย์ก็จะไม่มีทางได้รู้อย่างแน่นอนมาเล่าให้พวกเราชาวเด็กดีฟังกันนะคะ หากใครสนใจศึกษาเกี่ยวกับหลักสูตรของวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เพิ่มเติมก็เชิญเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ http://www.rsu.ac.th/medicine/ ค่ะ วันนี้สวัสดีจ้า ~

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

109 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
มามิยะ^ - ^ Member 5 พ.ค. 50 09:10 น. 4

มันทะแม่งๆนะเนี่ย อ.ใหญ่มาร่วมกันจัดปาร์ตี้เนี่ยอ่ะนะ นานๆทีจะเจอวิญญาณชอบปาร์ตี้ เหอๆ แต่น่ากลัวดีนะคะ

0
กำลังโหลด
เด็กม.รังสิต 5 พ.ค. 50 09:37 น. 5
*****เรียนม.รังสิตเหมือนกันแต่อยู่คณะนิเทศ พอได้รู้เรื่องเกี่ยวกับคณะแพทย์แล้วขนลุกเลย ขนาดตึกก็น่ากลัวอยู่แล้ว ไม่ค่อยกล้าเดินไปแถวตึก4เลยเพราะมันมึดๆเงียบๆไงบอกไม่ถูก***** ตึกนิเทศต่างจากตึกแพทย์อย่างมาก
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
mammoth 5 พ.ค. 50 12:12 น. 9
สมัครไปแล้วอ่ะคับ แต่อยากรู้ว่าจำนวนรับกับคนสอบมีเท่ารัยอ่ะคับ จะสอบ12-13 นี้แล้วอ่ะ เครียดพี่ๆแอดมาคุยหน่อยนะคับที่เรียนแพทย์รังสิตนะคับ
0
กำลังโหลด
กดดันอะ มากๆๆๆด้วย 5 พ.ค. 50 13:45 น. 11
อืมม์ น่ากลัวอยู่เหมือนกันนะ อยากเรียนเเพทย์มากๆ ทางบ้านก็ตั้งใจอยากจะให้เรียนมาทางสายนี้ ถามอย่างสิค่ะ เรียนหมอเนี่ยไม่จำเป็นต้องมีสมองอันล้ำเลิศระดับยอดมนุษย์ใช่มั๊ยค่ะ(แต่ไม่ใช่ว่าไม่รับรู้อะไรเลยน้า แบบ สมองธรรมดาๆอะ ) ขอเพียงเเค่ขยัน เเละเข้าใจในบทเรียนนั้นๆ สามารถอธิบาย หรือ เล่า ต่อๆ ไปได้ อย่าง นี้อะเป่า ถ้าอย่างนี้ ก็พอใจมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย เพราะเราอะ สมองไม่ใช้ระดับเซียน เเต่ถ้าให้ขยัน ก็พอใจทำได้ อืมม์ มันมีแรงกดดันเยอะนะ ญาติทางพ่อเราอะนะ นับว่ามีแพทย์เยอะพอสมควรเลยแหละ ขนาดอาเราอะ ก็ยังเป็นเเพทย์ ตั้ง 3 คน คนนึง เคยสอบติดแพทย์ เเต่เลือกไปเรียนวิศว ส่วนอีกคนสมองไม่ดีนัก เเต่อาศัยความขยัน ก็เลยติดแพทย์ อีกคนนะ คนนี้เป็นผู้ชาย ได้เเพทย์เหมือนกัน เเต่เป็น สัตวแพทย์ 2 คนก่อนหน้านี้อะ เป็นฝาแฝดกัน เป็น ญ ทั้งคู่ คนนึง สมองดี เเต่ไม่ขยัน อีกคน สมองมะดี เเต่อาศัยความขยัน ทั้งคู่เลยประสบความสำเร็จในชีวิต อย่างนี้อะจะไม่ให้เครียดได้ยังไงล่ะ เฮ้อๆๆๆๆๆๆๆ กดดันมากๆๆๆ ขอกำลังใจด้วยเน้ออ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
aPpPle 5 พ.ค. 50 16:51 น. 18
ฟังแค่เรื่องเล่ามันยังไม่พอ มันต้องลองดู แล้วจะพยายามเข้าไปเรียนคณะนี้ให้ได้เลย อยากรู้....อยากเห็น.....อยากศึกษา เพ่ง เข้าไว้ ขยัน ขยัน ขยัน พยามยาม พยามยาม พยามยาม อนาคตข้างหน้าจะดีเอง ขอกำลังใจจากพี่ๆ ด้วยนะคะ เหลือเวลาอีกไม่กี่ปีแล้วก็คงจะรู้ว่าจาติดรึเปล่า พี่ๆคะอยากได้คำแนะนำ -ทำยังไงไม่ให้ง่วงเวลาอ่านหนังสือ -อ่านยังไงให้จำเนื้อหาที่อ่านได้มากที่สุด -เวลาที่อ่านแล้วมีสมาธิมากที่สุดคือเวลาไหน -เวลาขี้เกียจควรทำไงดีคะ ส่งคำแนะนำมาให้หน่อยสิคะ (apple_name@hotmail.com) จะรอคำแนะนำนะคะ
0
กำลังโหลด
BokuranZa_SN Member 5 พ.ค. 50 17:19 น. 19
อยากเรียนแพทย์เหมือนกันน่ะค่ะ พลูกพี่ลูกน้องเราก็เรียนที่นี่นี่แหละ คณะนี้ซะด้วย ฮ่ะๆๆ

เราอยากเรียนแพทย์นะ แต่ไม่รู้ว่าจะสอบได้หรือปล่าว ก็โอมเพี้ยงๆ อยากติดแพทย์วุ้ย ><~

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด