|
|
|
พี่ออม: ยกตัวอย่างให้ฟังหน่อยได้ไหมจ๊ะ (พี่ถามไปก็ชักจะขนลุกไปนะเนี่ย) |
|
บิ้วด์ : ตัวผมยังไม่เคยเจอนะครับ แต่มีรุ่นพี่ที่เขาเล่าๆ กันต่อๆ กันมานะครับ มีเรื่องอยู่รุ่นหนึ่งนะครับ ตอนเย็นวันหนึ่งประมาณ 2 ทุ่มนะครับข้างๆ ตึก 4 ก็จะมีสถานพยาบาลอยู่ ก็ในเย็นวันนั้นก็จะมีคุณลุงแก่ๆ คนหนึ่งมาที่ห้องพยาบาล ซึ่งตอนนั้นห้องพยาบาลก็กำลังจะปิดแล้ว นางพยาบาลก็กำลังเก็บยา เก็บห้อง ทำความสะอาด ก็มีคุณลุงเข้ามาเคาะห้องบอกว่าปวดหัวขอยาพาราแก้ปวด คุณนางพยาบาลก็บอกให้กรอกรายละเอียดแล้วกันค่ะ จะได้ไปหยิบยาให้ พอคุณลุงก็กรอกรายละเอียดเสร็จ นางพยาบาลก็ยื่นยาให้ คุณลุงก็รับยาไป พอรุ่งเช้าพี่พยาบาลคนนั้นมาเช็คสต๊อกยา เช็คของในบัญชียาที่ยังทำไม่เสร็จ ก็เจอคุณลุงมีชื่อนามสกุล ในใบกรอกก็จะมีให้กรอกตำแหน่งคุณลุงกรอกว่า อาจารย์ใหญ่ ทุกคนนี่รู้กันว่าถ้าในมหาลัยนี่ อาจารย์ใหญ่จะหมายถึงคนที่เสียชีวิตแล้วอุทิศร่างให้กับนักศึกษาแพทย์ในการทำการศึกษา พี่ๆ เขาก็สงสัยกันว่ามีคนมาล้อเล่นหรือเปล่า หรือจะเป็นอาจารย์ใหญ่จริงๆ ก็มีคนไปหาเจ้าหน้าที่ที่ห้องกายวิภาค เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ทราบ เพราะว่าเมื่อวานเพิ่งรับศพอาจารย์ใหญ่เข้ามาที่มหาวิทยาลัยกับทางรามา รายชื่อก็ยังไม่ได้ ที่ข้อมือของอาจารย์ทุกท่านนะครับ จะมีด้ายกับป้ายชื่อติดอยู่ และก็ชื่อที่ห้องพยาบาลกับชื่อข้อมืออาจารย์ใหญ่ที่เพิ่งเข้ามาเมื่อวานนะครับ ตรงกัน! ก็เลยเป็นเรื่องฮือฮากันไปเลย |
|
|
พี่ออม: พี่ขอฮือฮาด้วยคน >[]< อันนี้นานหรือยังคะ |
|
บิ้วด์ : ก็นานแล้วเหมือนกันครับ น่าจะสัก 7 8 รุ่นมาแล้ว แต่ว่าล่าสุดปีก่อนก็มีเหมือนกัน |
|
|
พี่ออม: ยังไงจ๊ะๆ |
|
บิ้วด์ : ก็มีพี่น้องคู่หนึ่งครับรุ่นผม ตอนนี้ขึ้นปี 2 เขาก็เป็นผู้หญิงทั้งคู่ พี่มาเรียนกับน้องแล้วอยู่หอใน มีอยู่คือหนึ่งน้องได้ยินเสียงก๊อกแก๊กในห้อง แต่ก็ไม่กล้าถามพี่ ส่วนพี่เองก็ไม่กล้าถามน้อง น้องก็เลยเปิดไฟนอนไป 2 3 คืน จนคืนที่เจอก็เปิดไฟนอนเหมือนกัน ทั้งสองคนก็หลับไปน้องก็ตื่นขึ้นมากลางดึก เห็นผู้หญิงคนหนึ่งมายืนอยู่ที่ปลายเตียงพี่สาวตัวเองแล้วก็จ้องไปที่พี่ตัวเอง ก็ตกใจว่าใครเข้ามาที่ห้องของตัวเอง แต่พอเห็นหน้าเท่านั้นล่ะครับก็ต้องตกใจเพราะว่าเป็นอาจารย์ใหญ่ โต๊ะของตัวเองนี่ล่ะครับที่ผ่า พอเอามาเล่าก็เป็นที่ฮือฮากันมากๆ ว่าอาจารย์ใหญ่โต๊ะนี้มาแล้ว ก็ทำให้ไม่ค่อยมีใครเข้าไปดูอาจารย์ใหญ่ของโต๊ะอื่นๆ แต่พอเวลาสอบเราก็จะต้องไปดูครบทุกโต๊ะมีประมาณ 50 โต๊ะ เราต้องดูให้หมดเลยเวลาสอบนี่อาจารย์ใหญ่หนึ่งท่านก็จะออก 1 ข้อ ก็จะดูทุกโต๊ะกันพลาดเพื่อให้ได้คะแนนดีๆ กันน่ะครับ |
|
|
|
พี่ออม: โต๊ะหนึ่งที่นี่เรียนกันกี่คนคะ |
|
บิ้วด์ : โต๊ะหนึ่งที่นี่ก็เรียนกัน 8 คนครับ ต่ออาจารย์ใหญ่ 1 ท่าน |
|
|
|
|
พี่ออม: เจออาจารย์ใหญ่ครั้งแรกปีไหน |
|
บิ้วด์ : ปี 1 ครับ แต่ว่าโดยทั่วๆ ไปที่อื่นจะเรียนปี 2 |
|
|
พี่ออม: รู้อย่างไรบ้างที่จะได้เรียนกับอาจารย์ใหญ่แล้ว |
|
บิ้วด์ : ก็ต้องบอกว่าตื่นเต้นครับว่าใครล่ะจะมาสละร่างกายมาให้เราทำการศึกษา ตอนครั้งแรกที่ท่านนอนอยู่ก็ต้องทาน้ำมันทำความสะอาด สิ่งที่เรียนส่วนแรกเลยคือ ที่หลัง ครั้งแรกที่ลงมีดกรีดไปที่หลัง และคนๆ นี้ไม่มีชีวิตแล้ว เป็นอาจารย์ของเรา มือสั่นเลยครับ |
|
|
พี่ออม: เราเตรียมตัวเรียนอย่างไรบ้างคะ |
|
บิ้วด์ : ก็โดยทั่วไปนักศึกษาแพทย์ต้องมีความขยัน อดทนอยู่แล้วครับ เฉพาะนั้นในการเรียนวิชาต่างๆ จะมีความรับผิดชอบมากๆ เราจะต้องพัฒนาตัวเองว่าต้องทำคะแนนให้ดี เพราะในอนาคตเราจะต้องเป็นหมอจ ะมีคนมาฝากชีวิตไว้กับเรา หลายๆ คนก็ทุ่มเทจริงๆ ตอนเรียนหนังสือม.ปลาย อ่านหนังสือถึง 4 ทุ่ม 5 ทุ่ม ก็นอนแล้ว แต่พอเป็นนักศึกษาแพทย์ ตอนที่สอบครั้งแรกทุกคนเก่งหมด เราไม่รู้ว่าเราอยู่ตรงไหน เราก็ต้องทุ่มเทให้ดีที่สุด ครั้งที่อ่านหนังสือดึกที่สุดคืออ่านถึงตี 4 ทำให้เราได้รู้ว่าความรู้ที่เรียนมาตอนม.ปลาย เป็นความรู้เพียงเล็กๆ เท่านั้น พอก้าวมาสู่มหาลัยความรู้มันกว้างขวางขึ้นอีก พอจบวิชานี้แล้ว วิชาต่อไปมันก็ยิ่งกว้างไปอีก ของที่เรียนไปเมื่อวิชาที่แล้วมันเป็นเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น ตอนเรียนแพทย์จะได้รู้เลยว่า ร่างกายของคนเราเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มากๆ จะมีการเรียนต่อยอดต่อไปเรื่อยๆ |
|
|
พี่ออม: แบ่งเวลายังไง |
|
บิ้วด์ : ผมเองรู้ตัวว่าถนัดทางไหนก็ไปช่วย อย่างเช่น ผมไปช่วยเป็นพิธีกรในการตักบาตรของชมรมพุทธศาสนา อย่างของชมรมยูไดมอนที่เพิ่งตั้งใหม่ ตัวผมเองชอบเรื่องสมาธิ เพราะสมาธิจะช่วยดึงพัฒนาศักยภาพ ความสามารถของเราออกมาได้ ทำให้การเรียนดีขึ้น รู้จักการจัดระเบียบชีวิตต่างๆ รวมถึงการที่เราทำกิจกรรมมากๆ ทั้งในและนอกคณะ หากเราไม่รู้จักการแบ่งเวลาก็จะเป็นเรื่องที่เสียหายพอสมควร เวลาทุกๆ เวลาจะมีค่ามากๆ พักผ่อนด้วย เรียนด้วย ทำกิจกรรมด้วย จะต้องแบ่งเวลาๆ ให้เท่าๆ กัน ส่วนเรื่องขนลุกๆ ก็ยังมีอีกเรื่องนะครับ |
|
|
พี่ออม: ยังจะมีอีกหรือค่ะ (โอ้ .. พี่กลัวแต่ก็อยากฟังค่ะ) |
|
บิ้วด์ : ผมเองก็ยังไม่เคยเจอนะครับ คนที่ไม่เคยเจอเลยก็ไม่เจอ ส่วนคนที่เจอก็เจอบ่อยเหมือนกันครับ ก็จะมีอีกเรื่อง ตอนที่มหาวิทยาลัยสร้างใหม่ๆ ทางด้านห้องกายวิภาคก็สร้างแล้ว แต่ว่ารั้วเป็นเพียงแค่คันดินกั้นระหว่างเมืองเอกกับมหาวิทยาลัยรังสิตเท่านั้น บ้านข้างหลังที่เป็นบ้านเดี่ยวเขาก็รู้ว่าเป็นห้องเรียน แต่ไม่รู้ว่าเรียนอะไรกันพอตกกลางคืนจะมีคนมาจัดปาร์ตี้ เขาก็สงสัยกันว่าทำไมนึกศึกษาที่อยู่ตึกตรงนี้มาจัดปาร์ตี้ที่ห้องนี้บ่อยมาก พอมองเข้ามาจะเห็นคนมาสังสรรค์กัน พอหลังๆ ไปมารู้ว่าห้องนี้เป็นห้องที่เรียนกับอาจารย์ใหญ่ แล้วไม่มีใครมาจัดปาร์ตี้เลย ก็เลยสันนิฐานกันแล้วว่าคนที่มาจัดปาร์ตี้ก็คือ อาจารย์ใหญ่ท่านั้นๆ ที่อยู่ที่นี่มาจัดปาร์ตี้กันแต่ในการเรียนกับอาจารย์ใหญ่ในทุกๆ ครั้งก็จะมีการทำพิธีคือ จะมีการเรียกพระมาสวด แล้วก็เชิญญาติมาทำร่วมพิธี อีกทีหนึ่งเลยคือ เมื่อเรียนเสร็จแล้วก็จะรวบรวมชิ้นเนื้อและกระดูกทั้งหมด ทำเรื่องของพระราชทานเพลิงศพ เพราะว่าอาจารย์ใหญ่คือ คนที่อุทิศร่างเป็นผู้ที่เสียสละอย่างจริงๆ ร่างกายส่วนที่รักที่สุดให้คนที่ไม่รู้จักมาศึกษา ทางวิทยาลัยแพทยศาสตร์ก็จะทำเรื่องขอพระราชทานเพลิงศพให้ทุกปีน่ะครับ |
109 ความคิดเห็น
มันทะแม่งๆนะเนี่ย อ.ใหญ่มาร่วมกันจัดปาร์ตี้เนี่ยอ่ะนะ นานๆทีจะเจอวิญญาณชอบปาร์ตี้ เหอๆ แต่น่ากลัวดีนะคะ
อยากเข้าแพทย์ ม.รังสิตอ่ะคับ.............
อยากเรียนหมอเเต่กลัวอะ
เราอยากเรียนแพทย์นะ แต่ไม่รู้ว่าจะสอบได้หรือปล่าว ก็โอมเพี้ยงๆ อยากติดแพทย์วุ้ย ><~