คุยกับ “พี่ออฟโรด” ถึงชีวิตโหด มัน ฮา ของหนุ่มสงขลา ที่ต้องมาเรียน “มศว”

SPOIL

  • อดีตเด็กเกเร ที่กลับตัวกลับใจจนเรียนได้เกรด 3.5 ทุกเทอม
  • ตอนต้องไปอยู่หอที่องครักษ์ ได้สัมผัสกับประสบการณ์ลี้ลับที่ยังหาคำตอบไม่ได้!
  • ชีวิตในกรุงเทพฯ ที่ช็อกสุดๆ คือ ปริมาณคนในรถไฟใต้ดินตอนเช้า เยอะจนต้องร้อง “โอ้โฮ!”

ชีวิตมหาวิทยาลัย นอกจากต้องเปลี่ยนสถานศึกษาแล้ว หลายคนก็ยังต้องจากบ้านมาไกลๆ ด้วย เหมือนกับ พี่ออฟโรด – กันตภณ จินดาทวีผล นิสิต มศว คนเก่งที่มีเรื่องสนุกๆ ของชีวิตมหาวิทยาลัยมาเล่าให้น้องๆ ฟัง จะโหด มัน ฮา แค่ไหน ไปอ่านกันเลย!

หนุ่มคณะบริหาร ที่เลือกเรียนเพราะสนใจด้านการเงิน

สวัสดีครับ ชื่อ กันตภณ จินดาทวีผล ชื่อเล่น ออฟโรด อายุ 19 ปี ตอนนี้กำลังเรียนที่คณะบริหารธุรกิจเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒครับ ผมเลือกเรียนด้านนี้เพราะเทรนด์เรื่องเงินกำลังมา ถ้าอีกหน่อยเราทำงานมีเงิน แต่ไม่มีความรู้เรื่องเงินก็ไม่ได้ เป้าหมายของผมจึงคือการประสบความสำเร็จในชีวิต เลี้ยงดูพ่อแม่ได้ และเลี้ยงดูตัวเองได้ครับ

กาลครั้งหนึ่ง...เคยเกเร

ตอนเด็กๆ ผมเกเรมาก ทั้งติดเพื่อน ติดเกม ตี 2-3 ยังนั่งเล่นเกม อยู่เลย แล้วก็ไม่ค่อยเรียนหนังสือด้วย แต่ไม่โดดเรียนนะครับ ไปเรียนปกติแต่นั่งหลังห้องบ้าง หลับในห้องบ้าง ตอนนั้นผมอยู่ห้องโครงการพิเศษที่มีเพื่อนๆ ค่อนข้างเก่ง แต่เราได้เกรด 2.87 เอง

จุดเปลี่ยนอยู่ที่ตอนม.4 ผมไปสอบเข้าโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนดังในจังหวัด ระดับ Top 10 ของประเทศ แล้วสอบไม่ติดสายที่ตัวเองต้องการครับ แถมยังไม่ติดโควตาที่โรงเรียนเก่าด้วย เพราะเราความประพฤติไม่ดี ตอนนั้นแม่บอกผมแค่ว่า แม่ไม่ขออะไร แต่แม่ให้คิดเอง เพราะนี่คืออนาคตของผม ผมเลยรู้สึกว่าแม่เหนื่อย กับผมมาก ผมอยากทำยังไงก็ได้ให้แม่หายเหนื่อย เลยตัดสินใจตั้งใจเรียน และหลังจากนั้นก็ได้เกรดเกิน 3.5 มาตลอดจนจบม.6

ครั้งแรกที่ได้ใช้ชีวิตคนเดียว

ตอนรู้ว่าสอบติด มศว ผมก็ต้องขึ้นจากสงขลามาอยู่คนเดียวครับ แต่พ่อแม่ค่อนข้างเลี้ยงแบบปล่อยอยู่แล้วเลยไม่มีผลกระทบอะไรมาก ตอนปี 1 เรียนที่องครักษ์ (จ.นครนายก) ผมสนุกมาก ได้อยู่กับเพื่อนตลอด เรียนเสร็จว่างๆ ไม่รู้จะไปไหน ก็ชอบไปสนามบอล เตะบอลกับเพื่อนคณะพละ วิศวะฯ ดึกๆ ก็ชวนเพื่อนลงไปเซเว่น

ชีวิตเด็กหอสุดระทึกขวัญ

เรื่องพีคๆ คือ ตอนผมย้ายเข้าหอวันแรก ผมสังเกตเลยว่าห้องผมเป็นห้องเดียวในตึกที่มียันต์ติดอยู่หน้าประตู ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร แต่พออยู่ไปเรื่อยๆ กลายเป็นว่าผมชอบสะดุ้งตื่นช่วงตี 1-3 เพราะรู้สึกเหมือนมีใครมองอยู่ พอไปปรึกษาเพื่อนที่ห้องใกล้กัน เพื่อนก็บอกว่า ถ้าเป็นแบบนี้อีกให้ไปเคาะห้องได้ ปรากฎคืนนั้นผมสะดุ้งตื่นอีก ก็รีบวิ่งไปเคาะห้องมัน แต่เคาะอยู่นานมาก เพื่อนไม่ตื่น เลยต้องกลับไปนอนที่ห้องเหมือนเดิมครับ 555 แต่ก็ไม่มีอะไรนะ

อีกครั้งหนึ่งคือตอนมีแข่ง SWU Games แล้วผมต้องตื่นไปลองชุดเชียร์ลีดเดอร์แต่เช้าประมาณตี 5 ตอนนั้นผมอาบน้ำแต่งตัวกำลังจะออก ก็ได้ยินเสียงถามว่า “จะไปไหน” เบาๆ ข้างหู ผมตกใจ แต่ก็รู้สึกว่าเขามาดี ไม่ได้มาร้ายอะไร อาจจะเป็นห่วงที่เราตื่นเช้า แต่อยู่มาปีนึงก็ไม่เคย ได้เลขจากเขาเลยนะครับ 555

ชีวิตในกรุงเทพฯ ที่ต้องปรับตัว

ผมอยู่องครักษ์ 1 ปี แล้วก็ย้ายมาประสานมิตร (กทม.) ตอนปี 2 ครับ ที่นี่ก็ไม่เหงาเพราะมีญาติอยู่ เวลาผมเหนื่อยๆ จะไปบ้านญาติ แต่ที่ต้องปรับตัวเยอะจริงๆ เป็นเรื่องเวลาครับ เพราะตอนอยู่ต่างจังหวัดไปไหนมาไหนแค่แป๊บเดียว แต่มากรุงเทพฯ ปุ๊บ เราคิดผิดหมดเลย

ที่พีคช่วงแรกๆ คือรถไฟใต้ดินครับ ผมไม่รู้มาก่อนว่าคนมันจะ เยอะขนาดนั้น ยิ่งสถานีอโศกหรือเพชรบุรีมีคนเป็นล้านๆ ผมร้อง “โอ้โฮ!” เลย เพราะไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน เลยได้เรียนรู้ว่า ต้องเผื่อเวลา ส่วนตอนนี้ผมเลี่ยงไปทางเรือแทน มันเร็วกว่า แต่บางวันเรือก็คนแน่นจนอัดกันเป็นปลากระป๋องอีก ครั้งหนึ่งผมเคยเจอเรือวิ่งสวนกันแล้วคลื่นตีสูงมาจนตัวเปียก แต่ก็ยังต้องไปเรียนทั้งแบบนั้น กลับบ้านเจอผื่นแดงเป็นจ้ำๆ ประสบการณ์บนเรือผมเยอะมาก

“กับข้าวแม่” คือสิ่งที่คิดถึง

สิ่งที่ผมคิดถึงที่สุดในสงขลาคือ “อาหาร” ครับ เพราะผมชอบรสจัดจ้าน กินที่ไหนก็ไม่เหมือนบ้านเรา ผมคิดถึงฝีมือแม่มาก เมนูเด็ดของแม่คือหมูสับทอดใส่กระเทียมกับพริกไทย กินกับแกงไตปลา อร่อยมากๆ เวลาผมอยู่กับแม่จะกินข้าวเยอะมาก 3-4 จานเลย แต่ผมก็ทำอาหารเองได้นะ เคยทำให้พี่ๆ ที่คณะกินตอนประกวดดาวเดือนด้วย เป็นเมนูหมูผัดสูตรพิเศษ ใส่รากผักชี กระเทียม พริกไทย โขลกให้เข้าเครื่อง แล้วเอาหมูไปหมัก พี่ๆ บอกว่าอร่อย กินกันเกลี้ยงเลย เราก็มีความสุข

“ปล่อยวาง” คือเคล็ดลับในการไปต่อ

เวลาเครียดผมจะพยายามคิดบวกครับ อย่างวันก่อนที่เพิ่งสอบไป เพื่อนออกมาจากห้องก็เครียดว่าทำข้อนู้นผิดบ้าง ข้อนี้ผิดบ้าง แต่ผมจะพยายามคิดว่าเราทำเต็มที่ที่สุด ณ เวลานั้นแล้ว ย้อนไปแก้อะไรไม่ได้ ก็อย่าสนใจอดีต เอาความผิดพลาดไปแก้ไขกับวิชาต่อไปดีกว่า เพราะถ้าเรามัวแต่คิดมากแล้วดิ่ง จะทำให้สมองตื้อและส่งผลเสียไปหมดครับ ดังนั้นปล่อยวางดีที่สุด

อย่าลืมว่าเรามี “ความสุข” กับอะไร

สำหรับน้องๆ ที่ยังอยู่ในวัยมัธยม พี่อยากให้หาเส้นทางของตัวเองให้เจอ และใช้ชีวิตให้มีความสุขครับ อย่าไปเครียดมาก เพราะความเครียดไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ยิ่งโรคซึมเศร้าสมัยนี้ยิ่งน่ากลัวมาก เพราะเราต้องอยู่กับสังคมที่มีความกดดันหลายๆ อย่าง บีบให้วัยรุ่นต้องเครียด ทำให้บางทีเรามัวแต่แข่งขันกันจนลืมว่าเราชอบอะไร มีความสุขกับอะไร ก็อยากฝากบอกน้องๆ ว่าอย่ามุ่งมั่นกับการเรียนจนเกินไป เพราะการเรียนไม่ใช่ทุกสิ่ง บางทีสังคมและประสบการณ์อย่างอื่นจะเป็นส่วนที่ทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ครับ

YOU KNOW

  • ชื่อ “ออฟโรด” ได้มาเพราะคุณพ่อชอบรถมากๆ และความฝันอีกอย่างของออฟโรดคือการเป็นนักแข่งรถ
  • สมัยเด็ก สมาธิสั้นและซนมากๆ จนแม่ต้องจับไปเล่นกีฬา เผื่อจะได้เป็นนักกีฬา
  • ออฟโรดเล่นกีฬาได้แทบทุกชนิด แต่ถนัดที่สุดคือฟุตบอล
  • สมัยเด็กๆ เคยเป็นนักกีฬาปิงปอง บาสเก็ตบอล และกรีฑา ที่คว้ารางวัลระดับจังหวัดมาหมดแล้ว!
  • เล่นกีฬาหนักจนใส่เฝือกไป 3 รอบ และเอ็นพลิกจนต้องพักยาว ปัจจุบันเล่นได้แค่เบาๆ เพราะต้องระวังตัวเป็นพิเศษ
  • เวลาเป็นสิว ออฟโรดจะทาหน้าด้วยเจลว่านหางจระเข้ เพราะพยายามไม่ใช้สารเคมีเยอะ
  • ออฟโรดชอบกินอาหารรสเผ็ดมากๆ
  • ออฟโรดชอบทำอาหารเอง เพราะเป็นคนรักสบาย ขี้เกียจเดินออกไปซื้ออาหารนอกบ้าน

THANKS

Model : Kantapon Jindataweephol (Offroad)
Interviewer : h_shhshh
Photographer : Boycanoneos
Video Editor : Ladygunga
Makeup artist : O_indy
Graphic Designer : O_indy

พี่ออฟโรด Meet#641

 
พี่กวาง
พี่กวาง - Columnist พลเมืองบางบัวทอง ผู้ตามทันทุกเทรนด์ฮิต เพราะไถทวิตเตอร์ระหว่างรถติดแยกแคราย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น