สวัสดีค่ะสาวๆ NUGIRL ห่างหายกันไป 2 สัปดาห์ มีสาว NUGIRL คนไหนเจอะเจอ
เรื่องราวน่าสนใจก็แวะเวียนมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะ ^^ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีสาวน้อย NUGIRL
อยู่คนนึงแว๊บเข้ามาฝากคำถามถึงพี่ผึ้ง เกี่ยวกับเรื่องราวของ
“ความรักในวัยเรียน” ที่ตัดพ้อมาว่า ปรับเปลี่ยนยังไงก็ไม่ลงตัวสักที แหม แหม!!! ใจเย็นนิสสส
นึงดีกว่าเนอะ ^^ พี่ผึ้งว่าความรักถ้าหยิบจับมาใช้ใหถูกที่ถูกเวลา
ยังงั๊ยยย ยังไง ก็สวยงามเสมอจ้า เห็นสาวๆ กลุ้มอกกลุ้มใจกันขนาดนี้ พี่ผึ้งเลยไป
สืบเสาะค้นหาถึงเรื่องราวของการปรับมุมมองความรักในวัยเรียน จะทำยังไงให้ลงตัว มาฝากใน
Girl Advice ประจำสัปดาห์นี้ค่ะ
พี่ผึ้งเชื่อว่า ความรักในวัยเรียนเป็นอีกเรื่องที่ยุ่งยาก และสร้างความลำบากใจให้
กับสาวๆ NUGIRL หลายๆ คน แต่ถ้าสาวๆ ปรับตัวปรับใจได้ละก็ "ความรักในวัยเรียน"
จะลงตัวและผ่านพ้นไปได้แบบสวยงามแน่นอนจ้า >0<
1. ต้องมีสติ และสร้างสรรค์
พูดถึง เรื่องรักในวัยเรียนยังงั๊ยย ยังไง ก็ถูกมองในด้านลบอยู่แล้วเพราะฉะนั้นสาวน้อยทั้งหลาย ถ้าคิดจะมีความรักอย่างแรกที่ต้องมาเหนือความรักความรู้สึกก็คือสติ นั้นเองจ้ารักกันชอบกันแบบมีสติอย่าหลงระเริงให้ความรักครอบงำสติของเราได้พากันไปในทางที่ดีและสร้างสรรค์ชวนกันทำในสิ่งดีๆ คุณพ่อคุณแม่จะได้รักใคร่เอ็นดูหวานใจของเราไปด้วย
"ตอนช่วงมัธยม แตงกวา รู้สึกว่าความรักเป็นเรื่อง
ที่สำคัญมาก สำคัญที่สุดในชีวิตเลย แบบว่า
เครียดกับความรัก ทะเลาะกับแฟนก็เครียดมาก
แต่พอโตขึ้นมาแล้วย้อนคิดกลับไป ก็รู้ว่าความรัก
ในครั้งก่อนนั้นไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไรขนาดนั้น
ความรักในวัยเรียนถ้ารู้จักปล่อยว่างบ้าง ทำให้
มันสบายๆ ให้ความรักดำเนินไปด้วยตัวของมันเอง
แบบนี้ละดีที่สุดแถมยังมีเวลาได้ทำอย่างอื่นที่สนุก
อีกมามาย มีเวลาเหลือก็คอยดูแลและให้กำลังใจ
กันบ้างแค่นี้ก็มีความสุขมากแล้วสำหรับความรัก
ในวัยเรียน จริงๆ นะ"
2. แพลนชีวิตให้ดี แบ่งเวลาให้ถูก
การแบ่งเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญ ผู้ใหญ่หลายท่านมองว่ารักในวัยเรียน มักทำให้สาวๆ เสียการเรียน เพราะฉะนั้นสาวๆ ควรวางแผนให้ดีแบ่งแยกเรื่องรัก เรื่องเรียนให้ถูกที่ถูกเวลา เวลาไหนควรเรียนก็ต้องตั้งใจให้ถึงที่สุดเมื่อมีเวลาว่างก็ค่อยหาเวลาให้หวานใจบ้าง แบบนี้ก็ลงตัวแล้วล่ะค่า
"เบล คิดว่าการมีความรักในวัยเรียน ไม่ใช่เรื่อง
ผิดที่ต้องปิดบังเลยค่าแต่ต้องคิดถึงอนาคต
และการเรียนเป็นสำคัญด้วยค่ะหรือ
คบได้ มีความรักได้ แต่ต้องแบ่งเวลาให้ถูกและ
รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ คิดจะทำอะไรต้องไม่
เดือดร้อนตัวเอง คนที่เราคบ รวมถึงครอบครัวด้วยค่ะ"
3. ใช้เทคโนโลยี ให้เป็นประโยชน์
วัยเรียนแบบนี้ก็ต้องทุ่มเทให้กับเรื่องของกิจกรรมการเรียนเป็นสำคัญ อย่าเพิ่งยึดติดชีวิตรักให้มากนักนะจ๊ะ >///< จันทร์ถึงศุกร์ แบ่งเวลาให้การเรียนและเพื่อนซี้ วันเสาร์เจอหวานใจบ้างสัปดาห์ละครั้ง วันอาทิตย์วันแห่งครอบครัวหรรษา ห่างไกลกันบ้างก็ไม่ต้องฟูมฟายไป ยุคสมัยนี้ต้องใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คให้เกิดผลคุย line กันบ้าง ในวันที่ไม่ได้เจอกัน ทักทายกันใน facebook แบบนี้ถึงตัวไกล แต่หัวใจก็ใกล้กันแล้วค่า (วิ้ววววว!!!!)
4. มีแฟนเหมือนมีเพื่อนสนิท
ไม่ต้องหวานจะจนน้ำตาลขึ้น ก็ได้นะจ๊ะ อยู่กันอย่างเพื่อนสนิทก็เข้าท่าดีนะ ไม่ต้องตามติดประชิดกันซะตลอดเวลามีช่องว่างให้กันพอหายใจหายคอกันได้สะดวก ปล่อยให้หวานใจและตัวเราไปมีเวลาทำตามความฝันบ้าง ความรักในวัยเรียนนั้นเพียงแค่อยู่ข้างๆ คอยให้กำลังใจกันและกันทำความฝันให้สำเร็จก็น่ารักที่สุดแล้วค่ะ
5.ให้รักครั้งนี้ เป็นแรงบันดาลใจ
ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามและน่ารักเสมอ โดยเฉพาะความรักในวัยเรียนถ้ารักให้ถูกทางจะเป็นประสบการณ์ชิ้นเยี่ยมสำหรับสาวๆ เลยล่ะ ให้ความรักในครั้งนี้เป็นแรงบันดาลใจในรูปแบบต่างๆ เช่น เป็นแรงบันดาลใจให้เราตั้งใจเรียน สอบเข้ามหาวิทยาลัย/คณะเดียวกันให้ได้ , รู้จักแต่งตัว ดูแลสุขภาพมากขึ้น ฯลฯ เห็นไม๊ล่ะว่าความรักเป็นอะไรได้มากกว่าที่สาวๆ คิดนะจ๊ะ พยายามทำให้ผู้ใหญ่เห็นว่าความรักนั้นทำให้เราดีขึ้นได้ ^^
6. ให้หวานใจเป็นส่วนหนึ่ง ของ "ครอบครัวเรา"
เข้าตามตรอกออกตามประตู สุภาษิตแต่ครั้งโบราณใช้ได้เสมอ >////< พยามพาหวานใจมาพบปะพูดคุย และทำความรู้จักกับคุณพ่อคุณแม่และครอบครัวให้ได้ เพื่อเพิ่มความไว้วางใจ ความรักในวัยเรียนอยู่ในสายตาคุณพ่อคุณแม่ถือเป็นสิ่งที่ดีและเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ความรักกุ๊กกิ๊กของสาวๆ จะได้ราบรื่นไม่มีปัญหา วันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็ลองชวนหวานใจมากินข้าวที่บ้านบ้าง หรือช่วงสอบก็ชวนหวานใจ แอนด์ เดอะแก๊งค์ แวะมาติวหนังสือกันที่บ้านก็ดูน่ารักอบอุ่นดี แบบนี้ก็อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ ไร้ข้อครหาแล้วล่ะค่า ^^อิอิ
"ส่วนตัวแล้วแป้งคิดว่าความรักในวัยเรียนไม่ใช่
เรื่องผิดและต้องปิดบังนะเพราะแป้งเชื่อว่าความรักจะ
ทำให้เราอ่อนโยนขึ้น ช่วงที่เรียนมัธยม แป้ง
ก็มีแฟนนะ และคุณพ่อกับคุณแม่ก็รู้ค่ะไม่ได้ปิดบัง
อะไร ^^ เพราะเวลามีอะไรจะเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังตลอด อยากแนะนำสาวๆ NUGIRLว่าเมื่อมีความรักไม่ควรปิดบังผู้ใหญ่ค่ะ ให้ใจเย็นๆ ค่อยเป็นค่อยไป คอยช่วยกันเรื่องเรียน และที่สำคัญ“อย่ามีแฟนเพราะเพื่อนมี” ค่ะเพราะแบบนั้นคงไม่ใช่ความรักที่แท้จริง"
พูดถึงเรื่องราวของ
ความรักในวัยเรียน ที่ไร
พี่ผึ้งต้องนึกถึงหนังเรื่องนี้ทุกทีเลย JUNO เรื่องราวของเด็กสาวมัธยนปลายที่เกิดตั้งท้องขึ้นมาระหว่างเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายและต้องฟันฝ่าอุปสรรค์ต่างๆ นาๆ รับรองว่าแฝงข้อคิดดีๆ ไว้เพียบ ฝากสาวๆ NUGIRL ลองหามาดูกันนะจ๊ะ สนุกดี
นะพี่ผึ้งชอบ >///< มี 2 เวอร์ชั่นจ้า JENNY JUNO (ฉบับ เกาหลี) และ JUNO (ฉบับ อเมริกา) น่ารักทั้ง
2 เวอร์ชั่น พี่ผึ้งคอนเฟิร์ม
ความรัก ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน เกิดขึ้นในช่วงเวลาอะไรก็ตาม หากความรักนั้นอยู่ในความเหมาะสมและความพอดีก็จะสร้างเรื่องดี ๆ ให้กับคนๆนั้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การใช้ชีวิต หรือแม้แต่เรื่อง
อื่นๆ ก็ตาม Girl Advice และพี่ผึ้ง ต้องบ๊าย..บาย ไปก่อนแล้วนะค่า ^^
56 ความคิดเห็น
เอ่อ คิดว่าน่าจะเหมือน P' เบล มากที่สุดอ่ะน๊ะ
เพราะว่า ความรักมักจะเกิดกับคน 2 คน มันไม่ได้จำกัดว่าต้องตอนไหน? เมื่อไหร?
แต่มันขึ้นอยู่กับจังหวะ แต่การมีความรักในวัยเรียนก้อไม่ควรจะวือหวา เพราะยังเรียนกัน
อยู่ และต้องแบ่งเวลาให้ถูก ทางที่ดีถ้าจะมีความรักก้อควรจะช่วยกันเรียนดีกว่าพ่อกับไม่จะได้
ไม่เสียใจ
หนูน่าจะเหมือนพี่แตงกวาค่ะ ขวนขวายหาแต่ความรัก จนลืมเรียน
ชอบของพี่แป้งค่ะ^0^ การมีความรักในวัยเรียนควรอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ค่ะ^^ เพราะเค้าก็จะให้คำแนะนำที่ดีกับเราได้เสมอ .... ค่อยเป็นค่อยไปไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรก็คอยช่วยกันนี่แหละค่ะ ความรัก^^ และชอบคำพูดของพี่แป้งที่พูดว่า'อย่ามีแฟนเพราะเพื่อนมี' เพราะในวัยเรียนเราก็ไม่ควรไปรีบร้อนอะไรมากมายอยู่แล้ว ... ถ้าเพื่อนมีแฟนก็ปล่อยเพื่อนเค้าไป...เราอยู่ของเราก็พอแล้ว และถ้ามีความรักก็ควรอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ดีที่สุด...อย่างมากเราก็ไม่เสียตัวไปตอนเรียนหนังสืออยู่
ตรงกับพี่เบลค่ะ
เพราะว่า รักในวัยเรียน นอกจะเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดในช่วงวัยรุ่นแล้ว
เราก็ยังสามารถทำให้มันเป็นความรักอย่างสร้างสรรค์โดยไม่ต้องปิดบังพ่อแม่ค่ะ
เช่น ชวนกันไปติวหนังสือกับกลุ่มเพื่อน ใกล้สอบก็โทรมาถามปัญหาข้องใจของกันและกัน
เปิดใจคุยกัน และแบ่งช่องว่างให้เหมาสม ให้เราได้ไปทำกิจกรรมอย่างอื่นกับครอบครัว และเพื่อนๆได้ค่ะ
ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย และยังเป็นประสบการณ์ให้เรา ก่อนที่เราจะเป็นผู้ใหญ่ค่ะ ^^
เหมือนพี่เบลค่ะ
เพราะอย่างที่พี่เบลบอกอ่ะค่ะ....
ใช่ค่ะ การมีความรักในวัยเรียนไม่ใช่เรื่องผิด ถ้าเรารู้จักแแบ่งเวลาให้เป็น ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน โดยเฉพาะตัวของเราเอง ค่าาา
เห็นด้วยค่ะ มีในวัยเรียนก็ควรรับผิดชอบตัวเองให้เป็นด้วย
และต้องแบ่งเวลาให้ถูกต้องจะได้ไม่ต้องมีปัญหาให้ปวดหัวเปล่าๆค่ะ ^^
เคยดูมาแล้วทั้งสองเรื่องเลย สนุกดีค่ะ
เหมือนพี่แตงกวาค่ะ
ความรักในวัยเรียนเราต้องรู้จักปล่อยวางบ้าง บางทีผู้ใหญ่หลายๆคนจะชอบบอกเด็กว่า ห้ามมีแฟน แต่เมื่อความรู้สึกมันเกิดขึ้นแล้วเราก้ห้ามมันไม่ได้ เราจึงต้องปล่อยวางบ้าง ไม่เครียดกับเรื่องนี้มากเกินไป แต่ถ้ามีแล้วต้องมีให้พอดี อยู่ข่วยๆกันเรียน เติมความรักให้กันบ้าง แต่ความจริงเราก้ต้องปล่อยวางแหละค่ะ เพราะถ้าเกิดทะเลาะกันอาจจะมีผลต่อการเรียนของเราได้ ปล่อยให้ความรักมันเป็นไปเองค่ะ แล้วซักวันเราจะเจอรักที่แท้จริง ^^
แต่หนู อยากมีรักแรก จังเลยค่ะ
อยากรู้มันรู้สึกยังไง
คิดเหมือนพี่แป้งค่ะ
เพราะส่วนตัวคิดว่าถ้าเกิดเรามีแฟนแล้วเราบอกผู้ใหญ่ ท่านจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเวลาเราอยากจะไปไหนกันสองคนเพราะท่านรู้ว่าเราคบกัน อีกอย่างท่านจะได้คอยช่วยเหลือเวลาเรามีปัญหากับแฟน เพราะท่านเคยผ่านมาแล้วท่านน่าจะแนะนำเราได้ดีกว่าการที่เรานั่งคิดเองเออเอง มันจะยิ่งทำให้เรื่องยุ่งค่ะ ส่วนอย่ามีแฟนตามเพื่อนเห็นด้วยมากๆค่ะ เพราะว่าถ้าเกิดมีแฟนตามเพื่อนขึ้นมาปัญหาหลักคือ เราจะไม่แน่ใจได้เลยว่าเราชอบเค้าจริงๆรึเปล่า แล้วยิ่งเวลาทะเลาะกันจะพาลทำให้เราอยากเลิกไปดื้อๆ และไม่สามารถกลับมามองหน้ากันติดได้อีก เพราฉะนั้นถ้าเกิดคิดจะมีแฟนก็ปล่อยให้เกิดความรู้สึกจากใจเราเองโดยที่เราไม่ต้องไปทำตามใคร หรือมีใครมาบังคับนะค่ะ
JINO Ver.อเมริกา ดูแล้วววว หนุกมากอ่ะ มันเป็นปัญหาของสังคมเลยอ่ะ ตรงไปตรงมาดีเรื่องนี้ เพราะคนในสังคมคงไม่อุ้มท้องมารร.หรอก 55555555 ชอบๆ
ไม่ได้จะมาแย่งรางวัลน้องๆ นะคะ มาเม้าเฉยๆ 5555555
เคยชอบเพื่อนตอนประถมคนนึง ตั้งแต่ป.3 - ป. 6 และสารภาพรักตอนวันสอบป. 6 ซึ่งก็อกหักตามระเบียบ แต่ทุกวันนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกันในฐานะเพื่อนเก่าสมัยประถม 5555
แต่ตอนมัธยม เพราะอยู่หญิงล้วนด้วยมั้ง เลยไม่เคยมีแฟนเลย เคยปิ๊งหนุ่มต่างโรงเรียนที่เจอที่ค่ายฤดูร้อน แต่ก็แค่งุงิๆ กัน เพราพเด็กกันทั้งคู่ ไม่รู้ว่าแฟนคืออะไร ต้องเป็นยังไง ทำอะไรกัน พอปิดค่ายก็ไม่เคยเจออีกเลยจนทุกวันนี้ ตอนนั้นไม่มีโทรศัพท์ อินเตอร์เน็ตเร็วๆ หรือเฟซบุคอะไรเลยด้วย
จากนั้นตอนม.ปลายก็มีปิ๊งไปทั่ว ตามที่เรียนพิเศษหรือกิจกรรมระหว่างโรงเรียน เป็นคนปิ๊งคนง่าย ประทับใจใครได้ง่ายมากๆ เลยดูเหมือนชอบไปทั่ว เจ้าชู้ แต่ไม่ใช่นะ ถ้ามีแฟนเป็นตัวเป็นตนก็ไม่มองใครแล้ว ^^
แต่ที่สุดๆ เลยคือพี่แจจุง (ติ่งเกาหลีมาอีกแล้ว) ชอบมาจะครบ 10 ปีแล้ว เหมาเองด้วยว่าเป็นแฟนกันแล้ว ก็จะมีพี่เค้าเป็นแรงบันดาลใจ ตั้งใจเรียนเพราะอยากไปเมืองนอก ไปหาพี่แจจุง ประหยัดอดออมเพราะจะซื้อซีดีให้ครบ แถมยังตั้งชมรมขึ้นมาใหม่ในโรงเรียนด้วย คือชมรมภาษาเกาหลี ที่เป็นประธานเอง 555 แต่จริงๆ คือสร้างเพื่อให้เพื่อนๆ ได้มาปิดห้องเรียนเปิดแอร์นอนดูเอ็มวีเกาหลี
ส่วนหนังทั้ง 2 เรื่องนั้น สนุกมากทั้ง 2 เรื่องเลย แต่ชอบพระเอกเกาหลีมากกว่าหน้าซื่อแบบแบ๊วๆ ส่วนพระเอกอเมริกาดูซื่อแบบบื้อๆ 55555 แต่สนุกทั้งสองอัน จะเห็นด้วยว่าผู้หญิงเกาหลีกับผู้หญิงอเมริกันนิสัยต่างกันยังไง
Thank You!
"เบล คิดว่าการมีความรักในวัยเรียน ไม่ใช่เรื่อง
ผิดที่ต้องปิดบังเลยค่าแต่ต้องคิดถึงอนาคต
และการเรียนเป็นสำคัญด้วยค่ะหรือ
คบได้ มีความรักได้ แต่ต้องแบ่งเวลาให้ถูกและ
รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ คิดจะทำอะไรต้องไม่
เบล คะ เหตุผลที่เลือกเพราะ รักอาจจะเป็นสิ่งสำคัญแต่ อนาคตต้องเป็นที่หนึ่งก่อน ต้อนนี้อาจจะมองว่ารักสวยงามแต่บ้างที่ถ้าลองนึกถึงอนาคต ว่าเราจะอยู่ยังไง เป็นยังไง
เราเคยมีรักอยู่ครั้งนึง รักครั้งนั้นทำให้เราไม่เคยลืม เพราะว่าตอนที่เรารักเขาเรา พยายามเรียนให้ดีขึ้น ปรับปรุงตัวเอง จนสวย และดีกว่าเดิม การเรียนก็ดีขึ้น ต้อนนั้นก็งงอยู่เหมือนกันว่าทำได้ไงเพราะเราไม่เคยสนใจเลย
ถ้าเป็นไปได้มีรักในวัยเรียนได้แต่อย่า ทำให้ใครหรือตัวเองเดือดร้อนก็พอ
คิดว่าเหมือนพี่แป้งค่ะ : เมื่อก่อนชอบใครก็บอกแม่หมด เพื่อนล้อกับใคร คนไหน เล่าให้ฟังหมดเลย ชี้ตัวให้แม่ดูด้วย 5555
เริ่มแรกเลยตอนป.4 (แก่แดดไปไหมฉัน) ชอบเพื่อนผู้ชายในห้องคนนึง เรานั่งห่างกันคนละฝั่งของห้องเลย อยู่ห้องเดียวกันมาเกือบปี ไม่เคยคุยกันเลย จนวันนึงครูบอกให้เราจับกลุ่มคนละ 4 คน ชาย 2 หญิง 2 แล้วเล่นเกม เพื่อนเราก็รู้ว่าเราชอบคนนั้นเลยจับคู่แล้ววิ่งไปนั่งข้างเค้าแล้วบอกว่ากลุ่มอื่นเต็มแล้ว ขอเข้ากลุ่มด้วย เค้าก็พยักหน้า เพื่อนเราก็จัดการให้เรานั่งตรงหน้าเค้า อ๊ากก >///< คิดแล้วเขินมาก หลังจากนั้นมาแอบมองเค้าตลอดอ่ะ จนวันนึงเราไปแกล้งเพื่อนในกลุ่มคนนึงว่าเราไปบอกผู้ชายคนที่เพื่อนเราชอบว่ามันชอบเค้า เท่านั้นล่ะเป็นเพรื่องเลย มันเดินไปบอกคนที่เราชอบว่าเราชอบ จากนั้นมาเพื่อนทั้งห้องล้อใหญ่เลย พอเราขึ้นป.6 เราก็เป็นเพื่อนสนิทกับญาติเค้า เพื่อนเราก็เลยช่วยชงกันใหญ่ ขนาดอยู่คนล่ะห้องยังตะโกนแซวให้อ่ะ พอขึ้นม.ต้น เราก็ยังได้มาอยู่ร.ร.เดียวกัน ห้องติดกันอีก แต่เค้าก็มีแฟน แต่เราก็ไม่เศร้าหรอก แค่รู้สึกว่าวันนึงเราก็จะต้องเลิกชอบเค้าเพราะเราคงเจอคนที่เหมาะกับเรามากกว่า เป็นการแอบรักที่ยาวนานมาก ตั้งแต่ป.4 - ม.3 = 6 ปี แม่รู้เอาไปเล่าให้พ่อฟังล้อกันใหญ่เลย ชี้ตัวให้แม่ดูด้วยว่าคนไหนเวลาแม่ไปรับที่ร.ร. 55555555555 ขำตัวเองตอนเด็กจริงๆ
คนที่ 2 เริ่มตอนอยู่ม.4 คนนี้โชคดีตรงที่ต่างคนต่างแอบรัก พอได้จังหวะก็เลยมีโอกาสคุยกันมากขึ้น เพื่อนก็ช่วยชงด้วย ไม่ใช่แค่เพื่อนเค้าเพื่อนเราเท่านั้นที่ช่วย เรียกได้ว่ามีคนรู้เรื่องนี้เกือบทั้งระดับม.4เลยทีเดียว แถมยังพ่วงพี่ม.5 อีกด้วยเพราะมีพี่คนนึงที่ชอบเค้าแล้วตามมาราวีเรา เราก็ไม่ค่อยสบายใจเลยพยายามตีตัวออกห่างจากเค้า จนในที่สุดเราคิดว่าถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่างเค้าก็คงไม่เลิกยุ่งกับเรา เราเลยสร้างเรื่องขึ้นมาว่าเรามีแฟนแล้ว เค้าเศร้ามากอ่ะ ผิดเป็นคนล่ะคนเลย เจอเราก็ไม่มอง ไม่พูดอยู่เป็นปี จนใกล้จะขึ้นม.6 เราคิดว่านี่จะเป็นโอกาสในปีสุดท้ายที่เราจะได้คุยกัน เราเลยคุยกับเค้าก่อน บบอก happy birthday เค้าตอนวันเกิด หลังจากนั้นมาก็ได้คุยกันแม้ไม่เหมือนเดิม แต่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนวันก่อนปีใหม่เราบอกเค้าว่าเรายังชอบเค้าอยู่ แต่มันมีเรื่องบางอย่างที่ทำให้เราต้องเลิกคุยกับเค้า (ซึ่งเราก้ไม่บอกว่าเพราะอะไร) เค้าก็เข้าใจ แต่ก็แสดงออกประมาณว่าเค้าคงคบกับเราไม่ได้อีก เพราะไม่อยากเจ็บ เราก็บอกว่าเราไม่ได้ต้องการให้กลับมาคบกับเรา แค่อยากบอกเท่านั้นเอง ช่วงที่เกิดเรื่องนี้เล่าให้แม่ฟังหมดอ่ะ แต่ไม่ได้ร้องไห้ แค่เสียใจกับการกระทำของตัวเอง แล้วก็โกรธที่รุ่นพี่เค้ามายุ่งวุ่นวาย แม่ก็บอกว่าวันนี้อาจไม่ใช่ วันหน้าเราอาจกลับมาเจอกันใหม่ก็ได้ ใครจะไปรู้ เอารูปเค้าให้แม่ดู ชี้บ้านให้ดูด้วย ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกันล่ะ เพราะเค้ามีแฟนแล้วว
เล่ามาซะยาวเหยียด เอาไปสร้างเป็นนิยายได้เรื่องนึงเลยนะเนี่ย เน่าซะไม้มีเลยฉันนนนน 55555
เห็นด้วยกับพี่เบลอย่างยิ่งเลยค่ะทีว่าการมีความรักในวัยเรียนนั้่นไม่จำเป็นที่ต้องปิดบังใคร
คิดว่าเหมือน "เบล" ค่ะ เพราะว่า ถ้ามีความรักในวัยเรียนก็ไม่ใช่เรื่องผิด อีกอย่างเวลาเดือดร้อนก็ไม่ใช่เราคนเดียวที่เดือดร้อนด้วยค่ะ อีกอย่างก็คือ การเรียนก็เป็นเรื่องสำคัญเราก็ควรแบ่งเวลาให้ถูกต้องและเหมาะสม ความรักมันไม่ได้ขึ้นกับเวลาหรอกนะคะ :)
แบบพี่เเตงกวาค่ะ เพราะเรายังเด็กๆอยู่ไม่ค่อยคิดมากเหมือนผู้ใหญ่ ตอนที่เราคบกับเเฟน เราคอยโทรหาเขาตลอด เเต่พอเลิกกันเราก็คิดได้ว่าอีกไม่กี่ปีก็จะเข้ามหาวิทยาลัยเเล้ว เราเอาเวลาทั้งหมดมาทิ้งกับเรื่องความรักไม่ได้หรอก กว่าเราจะโตจนถึงวัยเเต่งงาน เราต้องเจอคนอื่นมากหน้าหลายตาอีกเป็นเเสนๆคน เเละหนึ่งในนั้นอาจจะเป็นคนที่ใช่ที่สุดก็ได้ ตอนนี้เราควรใส่ใจอนาคตมากกว่า เพราะมันคือสิ่งสำคัญต่อเราไม่ยาวนาน ส่วนใหญ่ความรักในวัยเรียนมักไม่ยั่งยืนเราก็ควรเลือกอนาคตซึ่งเป็นสิ่งที่มั่นคงกว่าใช่มั้ยละคะ
คิดเห็นตรงกับเบลค่ะ เพราะว่าชีวิตในวัยเรียนบางครั้งก็ไร้สีสันหากขาดความรัก อาจจะมีปลื้มรุ่นพี่รุ่นน้องคนนั้นคนนี้บ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ ในแต่ละครั้งความรักที่เกิดขึ้นกับเราอาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้เราสู้ในอนาคต เป็นประสบการณ์ชีวิตอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ ถ้าหากขาดประสบการณ์ตรงนี้ไปอาจจะทำให้เราไม่เข้าใจถึงสภาวะตรงนั้นในภายภาคหน้า ไม่มีความพร้อม และความรู้ในการที่จะแก้ปัญหาตรงนั้นค่ะ หรือไม่บางทีอาจจะทำให้คนเราล้มทั้งยืนไปเลยหรือไม่มีแรงยึดเหนี่ยวในชีวิตเพราะคนส่วนใหญ่อาจจะตั้งตัวไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลง ความรักความรู้สึกที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตที่สำคัญที่สุดก็เป็นได้ แต่บางคนอาจจะคิดว่าการามีความรัก คบกับใคร ชอบใคร เป็นเรื่องที่ไม่น่าเปิดเผย แต่ถ้าคุณลองมองในทางกลับกัน ความรักไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ออกจะดีด้วยซ้ำไปเพราะไม่ต้องมีใครหาว่าเป็นไม่มีความรักในหัวใจ ซึ่งเราก็จะได้แสดงให้เห็นว่าเราก็มีความรักได้ มีสิทธิ์ที่จะรักใครชอบใคร คบกับใครก็ได้โดยไม่ต้องอาย เพราะนอกจากจะได้ประสบการณ์ชีวิตแล้วยังได้ลองสิ่งแปลกใหม่เพื่อเป็นกำไรให้ชีวิตด้วยค่ะ และสำหรับบางคนที่มีความรัก คิดว่าควรที่จะใส่ใจกับความรักแต่ไม่ต้องมากถึงขนาดที่ต้งอตามหึงตามหวงตามห่วงตามติดอะไรปานนั้น เพราะนอกจากจะทำให้อีกฝ่ายลำบากใจแล้วยิ่งจะทำให้เป็นจุดก่อกำเนิดความเข้าใจผิด ทะเลาะกันจนสุดท้ายก็กลายเป็นการเลิกราต่อกันแทนโดยที่ทั้งสองฝ่ายก็ยังรักยังคิดถึงมีความรู้สึกความสัมพันธ์ดีๆต่อกันอยู่ สำหรับเรื่องนี้ควรแบ่งเวลาให้ถูกต้อง ตัวอย่างตามที่พี่เว็บมาสเตอร์บอกก็ได้ค่ะ แต่เวลาส่วนมากจะต้องอยู่ที่การเรียนก่อนในอายุเราๆตอนนี้เพื่อจะได้ไม่เป็นปัญหาเรื้องรังที่ตามมา นอกจะคะแนนตกแล้วจะต้องเลิกเรียน ดร็อปเรียนไว้จากกรณีหลายๆอย่างที่ปรากฎในกระทู้นี้ค่ะ เช่น หึงหวง ตั้งครรภ์แบบไม่พึงประสงค์ ปัญหาจากทางบ้านในหลายๆด้าน เป็นต้น ก่อนทำอะไรควรคิดหน้าคิดหลังคิดถึงผลที่ตามมาก่อนที่จะตัดสินใจ เข้าใจและศีกษาให้ดีว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรควรอะไรไม่ควร ถ้าทำแล้วจะเป็นแบบนี้ ๆ หรือจะเป็นอย่างนั้น ในกรณีแบบนี้แนะนำให้เลือกทางออกไว้เยอะ ๆเลยค่ะ นั่งทบทวนว่าตัวเองพร้อมที่จะรับกับปัญหานี้ได้หรือไม่ จะมีผลกับอนาคตของเราอย่างไร ไม่ต้องไปซีเรียสกับความรักมามายนัก ปล่อยให้มันเป็นสเต็ป ๆไปจะได้มีความเข้าใจของกันและกันลึกซึ้งมากชึ้น เรื่องอะไรที่ไม่เข้าก็ควรปรึกษาคนที่เราไว้ใจได้ อาจจะไม่ใช่พ่อหรือแม่อย่างเดียว ควรปรีกษาคนที่มีความรู้และประสบการณ์มาช่วยด้วยเพื่อที่จะได้ดำเนินชีวิตเรื่อยๆได้ง่ายขึ้นค่ะ !
#รักกันวันละนิดๆ เติมรักวันละหน่อย ชีวิตน้อยๆจะได้ความสุข ไม่ต้องทุกข์อะไร เลิกกันไปก็ไม่เจ็บ และจะได้ไม่ต้องเก็บความเครียดมาคิดคนเดียวค่ะ !
#ขอให้คนที่มีความรักคิดและวางแผนชีวิตวัยเรียนให้ดีๆนะคะ อนาคตจะได้ไม่เสียเพราะปัญหาที่ตามมาค่ะ
ลองเอาวิธีนี้ไปใช้กันดูนะคะ ได้ผลยังไงมาบอกเล่าด้วยก็ดีค่ะ ><" เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ประสบปัญหานี้กันเลยนะคะ
คิดเหมือนพี่เบลค่ะ ^^ : เพราะเราก็เคยมีความรักในวัยเรียนค่ะ เคยคบกับคนนั้นด้วยแต่ตอนี้เลิกกันไปแล้ว แต่ถึงแม้จะเลิกกันหรือคบกันอยู่ต่างคนก็ไม่เสียการเรียนเลย เวลาคบก็ไม่มีใครเดือดร้อน จัดการเวลาถูก
ความรักในวัยเรียนมีได้แน่นอนว่าไม่ผิด แต่อย่ามีความรักจนเราต้องเสียอะไรหลายๆอย่างในชีวิต โอกาสหลายๆไป แบ่งเวลาให้ถูกต้อง ไม่เดือดร้อนใคร เป็นแบบทั้งเพื่อนสนิทและแฟนไปด้วย นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ ^^
ป.ล. เราพิมยาวไม่เท่าคนอื่น แต่สาระไม่แพ้ใครเลยนะ
เห็นด้วยกับพี่แป้งที่สุดค่ะ
ความรักในวัยเรียนไม่ควรปิดบังค่ะ ควรบอกพ่อแม่ ให้ผู้ใหญ่รับทราบ เมื่อมีปัญหาอะไรจะได้ไม่ต้องกลุ้มใจ คิดมากคนเดียว เพราะเรายังเด็กยังมองอะไรได้ไม่กว้างเท่าผู้ใหญ่ การบอกกล่าวและเล่าให้ท่านฟังคือสิ่งที่ควรกระทำค่ะ อีกอย่างหนึ่งก็คือ "อย่ามีแฟนเพราะเพื่อนมี"อันนี้เห็นด้วยที่สุดค่ะ รักแบบนี้ไม่ใช่รักแท้หรอกค่ะ มันเกิดขึ้นจากกิเลสความอยากมีอยากได้ อยากเป็นแบบเพื่อน ซึ่งมันไม่ทำให้ใครมีความสุขเลยแม้แต่ตัวเราเองค่ะ
***''เห็นด้วยกับแนวความคิดของพี่ๆ ทั้งสามคนเลยค่ะ ทั้งพี่แตงกวา พี่เบล พี่แป้ง''***
ประเด็นแรกเลยน้ะค่ะ 'ความรักในวัยเรียน' มีได้ค่ะแต่ต้องอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ มีปัญหาอะไรก็เล่าให้พ่อกับแม่ฟัง
และประเด็นที่สอง คิดถึง 'การเรียนและอนาคต' เป็นสำคัญ ต้องแบ่งเวลาให้ถูกต้องและเหมาะสม รักได้แต่ต้องไม่กระทบเรื่องเรียน
ประเด็นที่สาม รักกันได้ 'รักแบบเบาๆ' รู้จักปล่อยวางบ้างอะไรบ้าง แล้วความรักก็จะดำเนินไปตามทางของมัน
ปล. ขอบคุณพี่ๆ ที่คอยให้คำแนะนำดีๆ น่ะคะ ^___________________^
เห็นด้วยกับแป้ง
เพราะนี่ก็ไม่เคยปิดบังครอบครัวเวลามีแฟน ดีนะที่แม่เข้าใจวัยรุ่น แม่บอกว่าให้แม่รู้ด้วยดีกว่าปล่อยให้แอบไปมีเงียบๆ ถ้าดีไม่ดียังไงเดี๋ยวแม่ช่วยแสกน อิอิ
สำหรับเรามันต้องกับพี่แป้งนะคะ รักในวัยเรียนไม่ใช่เรื่องที่จะต้องปิดบังพ่อแม่ ใจเย็น ๆ ทะเลาะกันก็ปรึกษาพ่อแม่ ชอบที่สุดก็ตรงอย่ามีแฟนเพราะเพื่อนมี อาจจะเร็วไปเราเป็นนร. ม.2 ที่เพื่อน ๆ หลายคนก็มีแฟนกันแล้ว โดยเฉพาะเพื่อนสนิทคบ ๆ เลิก ๆ ไปหลายรอบหลายคน เกิดความรู้สึกอยากมีแฟนบ้าง เห็นเพื่อนชอบรุ่นพี่ ก็แกล้งบอกว่าตัวเองชอบรุ่นพี่คนนู้นคนนี้เหมือนกัน 555+
ส่วนตัวแล้วเห็นด้วยกับแป้งนะ :) เพราะความรักไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร สิ่งที่ผิดคือการรักโดยที่ไม่ลืมหูลืมตา เรียกว่าเป็น 'รักผิดๆ ที่เกิดกับคนที่ผิด' ต่างหาก เราทุกคนมีนิยามความรักที่แตกต่างกันออกไป ไม่มีใครรู้หรอกว่าที่จริงแล้ว รักคืออะไร .. ตราบใดที่ไม่เจอด้วยตนเอง สำหรับรักที่เกิดกับเรานั้นเป็นสิ่งที่มีค่ามาก ไม่ใช่เพราะเป็นรักครั้งแรกที่น่าจดจำอย่างเดียว แต่รักครั้งนั้นทำให้เรารู้ว่าสุดท้ายคนที่อยู่ข้างๆ และถามเราว่าเป็นอะไรรึเปล่าในวันที่เขาไม่กลับมาก็คือ 'ครอบครัว' ขอบคุณมี๊มากนะคะที่คอยอยู่ข้างหนูมาเสมอ รับฟังทุกเรื่องราว ยิ้มให้และดีใจไปกับหนูในวันดีๆ และเป็นมี๊ที่เข้มแข็งในวันที่ลูกสาวคนนี้ร้องไห้อย่างอ่อนแอ มี๊คะ.. หนูรู้แล้วค่ะว่าความรักไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ความรักเป็นเหมือนเครื่องปรุงรส ถ้าขาดไป ชีวิตก็ไม่อร่อย เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยตัวเอง จนกว่าจะถึงวันนั้น..ที่เป็นวันของเรา
และเขา.. ก็พร้อมที่จะเป็นคนที่ยืนเคียงข้างเรา จริงๆ.
*มี๊.. หนูจำได้เสมอนะ คำว่า 'ไม่มีแฟน ใช่ว่าไม่มีคุณค่า'
เพราะอย่างน้อยที่สุด หนูก็รู้ว่าหนูมีค่ากับมี๊ กับป๊า กับเฮีย :)
ความรักก็เหมือนเรื่องตลก.. ทำให้หัวเราะและร้องไห้ได้ในคราวเดียวกัน
สุดท้ายแล้ว 'รัก' คืออะไร ..
ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่เขา ไม่ใช่เรา..
แต่เป็น ใครก็ตามที่พร้อมนิยามความรัก'ของตัวเอง'
เหมือนพี่เบลค่ะ เพราะว่าความรักไม่ใช่เรื่องที่ผิด เราไม่สามารถจะบังคับตัวเองให้รักใครได้ รักใครไม่ได้ เพียงแต่เราแค่ควรจะคิดถึงอนาคตที่ดีของเราและควรจะแบ่งเวลาให้ถูกต้อง(อาจจะเน้นไปทางเรียนมากกว่าหน่อยนึง 555) แต่เราก็ยังต้องคิดอยู่เสมอว่าเราทำอะไร เพราะบางอย่างมันไม่ย้อนคืนกลับมา(อย่างเวอร์จิ้นของเรา มันก็ไม่ย้อนคืนกลับมา 555) เพราะงั้นก่อนจะทำอะไรก็จงนึกถึงครอบครัวของเราด้วยค่ะ
แล้วถ้ามันมีแต่แอบรักเพื่อนในวัยเรียนหละค้ะ ทำยังไงดี
ของพี่เบลค่ะ
อย่างที่พี่เบลบอกการมีคสามรักในวัยเรียนไม่ใช่เรื่องผิดแต่เราควรแบ่งเวลา รู้ว่าเวลาไหนควร หรือไม่ควร อาจจะเห็นว่าช่วงนี้ใกล้สอบแทนที่จะไปเที่ยวอาจจะนัดติวกันค่ะ
พี่แตงกวาค่ะ >< เพราะว่ามันเป็นเรื่องปกติใช่ป่ะล่าา ที่คนเราจะมีปัญหากันบ้าง แต่ว่าถ้าหากเรารู้จักปล่อยวางจะถือเป็นอะไรที่ดี เพราะในวัยนี้การเรียนยังคงสำคัญค่ะ
เหมือนพี่เบลค่ะ
"เบล คิดว่าการมีความรักในวัยเรียน ไม่ใช่เรื่อง
ผิดที่ต้องปิดบังเลยค่าแต่ต้องคิดถึงอนาคต
และการเรียนเป็นสำคัญด้วยค่ะหรือ
คบได้ มีความรักได้ แต่ต้องแบ่งเวลาให้ถูกและ
รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ คิดจะทำอะไรต้องไม่
เดือดร้อนตัวเอง คนที่เราคบ รวมถึงครอบครัวด้วยค่ะ"
** ถ้าเราจะรักใครสักคนก็อย่างลังเลที่จะรักค่ะความรักเป็นสิ่งสวยงามเราก็ต้องรู้จักปรับตัวรับทุกสถานการณ์ที่ส่งผลเสียให้ถูกอย่าเอาทั้งความรู้สึกไปทุ่มกับมันมากแบ่งเวลาให้เป็นที่สำคัญเราควรที่จะรักพ่อแม่กว่าแฟนนะค่ะ
Thank You!
เหมือนพี่แป้งค่ะ
เพราะว่าตอนที่มีความรักก็บอกทึกคนนะถ้าใครถามว่าชอบคนนั้นชอบคนนี้หรอถ้าเราชอบเราก็จะตอบว่าชอบถ้าไม่ชอบก็จะตอบว่าไม่เพราะคิดว่าความรักในวัยเรียนมันไม่ใช่เรื่องผิดบางครั้งก็อาจทำให้ใจเราเบิกบานได้อีกด้วยความรักในวัยเรียนสำหรับเรามันไม่ใช่รักเพราะอยากมีแบบคนอื่นแต่มันมาจากใจแต่ส่วนมากก็ไม่ค่อยคบใครเป็นแฟนหรอกนะเพราะคิดว่าเป็นเพื่อนกันน่าจะดีกว่า
ของพี่เบลค่ะ เชื่อกันว่าความรักคือสิ่งสวยงาม แต่รักในวัยเรียนก็คงต้องเข้าใจว่าวัยเรียนเพราะฉะนั้นเราควร มีสติ ในการมีความรักควบคู่ไปด้วย เพราะอย่างน้อยเราก็ต้องนึกถึงอนาคตของตัวเองเสมอๆค่ะ
ความเห็นตรงกับพี่แป้งค่ะ โดยเฉพาะตรงที่บอกว่า 'อย่ามีแฟนเพราะเพื่อนมี' เรารู้สึกว่าวัยรุ่นใช้เหตุผลนี้กันเยอะ ประมาณว่า 'เดี๋ยวนี้ใครๆเขาก็มีแฟนกันหมด ฉันก็ต้องมีบ้างสิ' การที่ใช้เหตุผลนี้ในการตัดสินใจว่าจะคบกับใคร มันจะทำให้ความรักนั้นไม่ยั่งยืนเลยค่ะ อยากจะให้คนคบกันเพราะรักกัน ไม่ใช่คบกันเพราะอยากตามเทรนด์อ่ะค่ะ
พี่แป้งค่ะ มีแฟนแล้วไม่ปิดบัง บอกพ่อกับแม่ค่ะ อย่างตอนนี้เราก็คบกับผู้ชายคนหนึ่งค่ะ ครั้งแรกกะจะปิดไว้ไม่บอกแม่ แต่ไปๆมาๆกลับบอกเฉยเลยค่ะ ครั้งแรกคิดว่าแม่จะโกรธ แม่ก็โกรธจริงๆค่ะ T^T ไม่คุยกันสักพักใหญ่ๆเลย แล้วจู่ๆแม่ก็มาคุยด้วย เราก็เล่าให้แม่ฟังเลยว่าเจอกันยังไง คุยกันแบบไหน แต่ก็ไว้ใจ บางทีเวลาเราไปเที่ยวแม่ก็ให้ชวนแฟนมาเที่ยวกับครอบครัวเราด้วย แต่ไม่ใช่ว่าแม่จะปล่อยนะคะ แม่จับตาดูอยู่ตลอด แม่บอกว่า ถ้ามีอะไรให้มาบอก ถ้าแม่ไม่ให้คบกันแบบนี้เดี๋ยวไปแอบคบกันแล้วมันจะหนักกว่าเก่า
ขอบคุณแม่ที่เข้าใจนะคะ
ติดอย่างเดียวตรงยังไม่มีแฟน555555
เหมือนพี่แตงกวาค่ะ
ก็เราน่ะเป็นคนที่คิดมากๆๆๆๆ แต่พอมาคิดทีหลัง ว่าคิดมากไปก็ไม่ได้ช่วยให้ความรักมันดีขึ้นกลับแย่ลงเสียอีก ก็เลยคิดว่าปล่อยวางบ้าง ก็คงไม่เสียหายอะไร แถมยังดีขึ้นอีกนะค่ะ เรื่องเรียนก็ดขึ้นด้วยค่ะ
เหมือนพี่แตงกวาค่ะ ถ้าไปยึดติดหรือคิดมาก ทำให้สูญเสียความเป็นตัวเอง ทำลายสมาธิด้วย คงไม่มีใครมีความสุขที่ต้องเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเราหรอกค่ะ ความรักนั้นสวยงาม ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างสบายๆดีกว่า ในวัยเรียนอาจรักได้ชอบได้ คอยให้กำลังใจ เป็นความรู้สึกดีอย่างหนึ่ง เมื่อเราโตขึ้นมุมมองความรักของตัวเองก็คงเปลี่ยนไป และเจอคนที่เหมาะสมและเข้ากันได้จริงๆ หากคิดมากหรือจริงจังไป ในวัยเรียนนั้นไม่ใช่เวลาที่เราพร้อมจะแบกรับปัญหาเรื่องรักๆใคร่ๆหรอกค่ะ :)
คิดแบบ พี่แตงกวา ค่ะ เพราะส่วนตัวหนูเองยังไม่เคยมีแฟนแต่เคยมีความรักในวัยเรียนถึงจะไม่สมหวังก็เถอะ แต่ว่าการที่เราเคยได้รักใครสักคนนั้น ไม่ว่าจะสมหวังรึไหมแต่มันก็เป็น ความทรงจำ ที่ดีนะค่ะ
หนูก็เหมือนกันค่ะรักมีสติอย่างหลงระเริง|หนูก็พยายามอยู่แต่หนูไม่กล้าอ่ะค่ะ
คิดถึงเเฟนจัง(ปิดเทอมตั้ง1เดือน
เหมือนเบลค่ะ เพราะคิดว่ารักในวัยเรียนต้องรู้จักแบ่งเวลา เพราะการเรียนของทั้งเราและเขาก็สำคัญมาก เพราะเป็นอนาคตของตนเอง ถ้าเรามัวแต่รักโดยที่ไม่สนใจเวลาในการอ่านหนังสือหรือสอบเข้ามหาลัย ในอนาคตทั้งตัวเราและเขาก็จะไปกันไม่รอด เพียงเพราะไม่รู้จักพากันแบ่งเวลาให้ถูกต้อง และ เหมาะสม แต่ถ้าเราอธิบายต่อแฟนเราว่า เราไปอ่านหนังสือ / เรียน (แล้วให้เวลาว่าจะถึงกี่โมงๆ) แบบนี้ค่อยมีเวลาให้กันและกันได้ง่ายขึ้น แล้วยังไม่ทิ้งการเรียนด้วย
เห็นด้วยกับสาวเบลเลยค่ะ ^^
"เบล คิดว่าการมีความรักในวัยเรียน ไม่ใช่เรื่อง
ผิดที่ต้องปิดบังเลยค่าแต่ต้องคิดถึงอนาคต
และการเรียนเป็นสำคัญด้วยค่ะหรือ
คบได้ มีความรักได้ แต่ต้องแบ่งเวลาให้ถูกและ
รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ คิดจะทำอะไรต้องไม่
เดือดร้อนตัวเอง คนที่เราคบ รวมถึงครอบครัวด้วยค่ะ"
เห็นด้วยเลยเพราะ ความรักวัยเรียนเป็นเรื่องที่เราควรเปิดเผยให้พ่อแม่รับรู้ เรื่องแฟน เรื่องความรักน่ะมีน่ะมีได้ ผู้ใหญ่สมัยนี้เขาเข้าใจค่ะ อีกอย่างการบอกให้ผู้ใหญ่รับทราบท่านจะได้คอยเป็นหูเป็นตา เราจะได้ไม่คิดทำอะไรเกินเลยและปฏิบัติอยู่ในกรอบ เนื่องจากเรายังเป็นเด็กนักเรียนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของการศึกษา จะทำอะไรก็ควรนึกถึงอนาคตต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีว่าทำแบบนี้แล้วจะส่งผลเสียไปยังภายภาคหน้าหรือเปล่า
คิดเหมือนพี่เบลค่ะ
"เบล คิดว่าการมีความรักในวัยเรียน ไม่ใช่เรื่อง
ผิดที่ต้องปิดบังเลยค่าแต่ต้องคิดถึงอนาคต
และการเรียนเป็นสำคัญด้วยค่ะหรือ
คบได้ มีความรักได้ แต่ต้องแบ่งเวลาให้ถูกและ
รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ คิดจะทำอะไรต้องไม่
เดือดร้อนตัวเอง คนที่เราคบ รวมถึงครอบครัวด้วยค่ะ"
*หากเรารักอยากมีเหตุผล มีสติ คิดก่อนทำเสมอๆก็ไม่มีปัญหาค่ะ
ตรงกับ พี่เบล ค่ะ
เพราะ คิดว่า การมีรักในวัยเรียนไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด แต่เราก็ควรมีความรักอยู่ในกรอบค่ะ คือ ต้องมุ่งมั่นในการเรียน และไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน รวมทั้งเราควรช่วยกันผลักดันแฟนของตัวเองให้ได้ผลการเรียนในระดับดีด้วยค่ะ เพื่ออนาคตของพวกเรา และเรื่องหวานๆ ก็ควรมีบ้างด้วยค่ะ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายน้อยใจเกินไปนะคะ
คิดเหมือนพี่แป้งเลยค้ะ >///< ไม่ควรปิดบังผู้ใหญ่ ค่อยเป็นค่อยไป
มีแต่แอบรักในวัยเรียน
รักในวัยเรียนต้องมีสติ
หนูอยากพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่ได้เหมือนครอบครัวอื่นๆแต่หนูทำไม่ได้เพราะ คุณแม่จะเป็นคนแบบชอบมองแรงใส่ แต่เรื่องนี้หนูเองก้อยากปรึกษา เกี่ยวกับการวางตัว เหมือนกันค่ะ