สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com .... เจอกับ พี่เป้ และประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ ทุกวันพฤหัสเช่นเคยนะคะ ^^ สำหรับประสบการณ์ที่นำมาฝากวันนี้ เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจทีเดียว เพราะปกติเราจะอ่านเรื่องของนักเรียนแลกเปลี่ยนกันซะเยอะ แต่สำหรับเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของรุ่นพี่ที่เค้าได้ไปเรียนภาษาและทำงานในประเทศออสเตรเลียค่ะ ใครที่ชอบสงสัยว่า เอ๊ะ ถ้าไปเรียนนอกแล้วจะหางานพิเศษทำได้มั้ย เรามาหาคำตอบพร้อมกันจากประสบการณ์เด็กนอกเรื่องนี้เลยดีกว่า!!
สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com พี่ชื่อชมพูนุท สมพรหม ชื่อเล่นชื่อพี่แก้ม เป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช ตอนนี้ก็อายุ 27 ปีค่ะ พี่เรียนจบวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พอจบก็ทำงานอยู่ที่ Double A จ.ปราจีนบุรี ทำมาได้สามปีก็จึงตัดสินใจเดินทางไปเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เพราะมีเพื่อนเรียนอยู่ที่นั่นค่ะ
ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีหลากหลายเชื้อชาติ หลายวัฒนธรรม เมืองที่พี่แก้มเลือกไปคือซิดนีย์ซึ่งมีคนไทยเยอะมาก แต่ก็อบอุ่นดีค่ะ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นซิดนีย์โอเปร่าเฮ้าส์ สะพานฮาเบอร์บริดจ์ หาดบอนได หาดแมนลี่ เป็นต้น
ซิดนีย์มีข้อดีคือพี่แก้มรู้สึกเหมือนเราได้มาเที่ยวหลายๆ ประเทศ เรียนรู้วัฒนธรรมที่หลากหลายได้ในคราวเดียว เนื่องจากในแต่ละเขตชุมชน จะมีเชื้อชาติที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่น Suburb Cabbramatta ก็จะมีชาวเวียดนามอาศัยอยู่เยอะ ก็จะมีร้านอาหารเวียดนาม ของใช้ เสื้อผ้าที่บ่งบอกถึงวัฒนธรรมและความเป็นชาวเวียดนาม นอกจากนั้นก็ยังมี ชุมชนเกาหลี, จีน, ไทย, อินเดีย, ญี่ปุ่น เป็นต้น แต่ข้อเสียคือพวกห้างต่างๆ จะปิดเร็วมาก ห้างที่นี่ส่วนใหญ่จะปิดห้าโมงเย็นบ้าง ทุ่มนึงบ้าง ยกเว้นวันพฤหัสบดี เรียกได้ว่าเป็นวันช้อปปิ้ง แต่ก็นะ ปิด 3 ทุ่มอยู่ดี
พอมาถึงที่ออสเตรเลีย เพื่อนแนะนำให้ลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ EAP หรือ English Academic Purpose กับสถาบัน SSBT หรือ Sydney School of Business and Technology ซึ่งเป็นคอร์สที่เตรียมความพร้อมสู่การเรียนมหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรีหรือปริญญาโท ส่วนตัวพี่แก้มเองสนใจจะเรียนต่อปริญญาโท แต่ไม่เคยสอบ IELTS จึงเลือกเรียนคอร์สนี้ หลังจากจบคอร์สนี้แล้ว ก็สามารถนำคะแนนที่ได้ไปยื่นสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำได้ค่ะ ค่าเรียนอยู่ที่ประมาณ 200 เหรียญออสเตรเลียต่อสัปดาห์ (1 เหรียญออสเตรเลียประมาณ 30 บาทเศษๆ)
ที่สำคัญคือ ที่ประเทศออสเตรเลียอนุญาตให้ผู้ที่ถือวีซ่านักเรียนทำงานได้ถูกกฎหมาย 20 ชม. / สัปดาห์ ประหยัดเงินคุณพ่อคุณแม่ไปเยอะค่ะ ตัวพี่แก้มเองก็ทำงานตั้งแต่อาทิตย์แรกที่ไปเหยียบเลยค่ะ อาศัยลูกขยัน ที่จริงจะเรียกว่าความงกดีกว่า เพราะลงคอร์สเรียนไป 5 เดือน เลยได้วีซ่า 6 เดือนเท่านั้น มีเวลา Make money แค่นี้จริงๆ
งานแรกพี่หาได้จากป้ายประกาศตามเสาไฟฟ้าเป็นงานแจกใบปลิว อ่านเจอเลยลองโทรไปสมัคร คนจ้างงานก็เป็นร้านอาหารไทยนี่เอง งานคือเดินแจกใบเมนูอาหารตามละแวกบ้าน ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ชม.ต่อวัน ค่าจ้างประมาณ 40 – 60 เหรียญต่อ 1000 ใบ ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของพื้นที่ ถ้านึกไม่ออกลองจินตนาการภาพเป็นคนแจกใบปลิวโลตัสบิ๊กซีบ้านเราดีๆ นั่นเอง
แต่โชคเข้าข้างนิดนึงได้ มีพี่ๆ แนะนำงานเสิร์ฟร้านอาหารให้ เลยลองไปเทรน แต่ละร้านอาหารจะมีช่วงเทรนงาน 2 – 3 วันค่ะ บางร้านก็เป็นอาทิตย์ ขึ้นอยู่กับนโยบายแต่ละร้าน บ้างก็ให้ค่าจ้างระหว่างเทรน บ้างก็ไม่ให้ หรืออาจให้เป็นอาหารหรือไม่ได้อะไรเลย โชคดีที่เจ้าของร้านอาหารที่ไปเทรนเค้าใจดี เค้าให้ค่าจ้างพร้อมให้อาหาร เลยตกลงปลงใจผูกขาดกับสองร้านนี้ คือร้าน Thai Place และ Pink Chili ย้ำว่าเจ้าของร้านใจดีมาก ให้อาหารกลับมาทานที่บ้านทุกวันที่ไปทำงาน รายได้จากงานนี้อยู่ที่ 60 เหรียญ ยังไม่ได้รวมทิปนะคะ
สำหรับชั่วโมงการทำงานส่วนใหญ่จะเป็นหลังเลิกเรียนคือ ช่วง 16.30 น. – 22.00 น. หรืออาจจะดึกกว่านี้นิดหน่อย ในการทำงานช่วงแรกๆ ค่อนข้างหางานยากนิดนึง เนื่องจากเราไม่เก่งภาษาอังกฤษเลยก็ว่าได้ หรืออาจเป็นเพราะทักษะการฟังที่ยังไม่คุ้นสำเนียงคนออสเตรเลียเท่าไหร่ ยกตัวอย่างง่ายๆ จากการทำงาน ขณะที่รับออเดอร์ ลูกค้าฝรั่งพูดว่า “May I get chicken pandanus” ซึ่งแปลเป็นไทยว่า “ฉันขอรับไก่ห่อใบเตยได้ไหม” แต่พี่แก้มได้ยินเป็น “May I get chicken panang” เสิร์ฟผิดไปหลายรอบ จนต้องถามย้ำหลายรอบ หลังๆ เริ่มลงตัวค่ะ ค่อยๆ คุ้นชิน เริ่มปรับตัวได้ตั้งแต่เดือนแรกแล้วค่ะ
ในส่วนห้องพัก พี่แก้มได้แชร์อยู่กับคนไทย ในส่วนนี้พี่แก้มเป็นคนเลือกที่จะอยู่กับคนไทยเอง เพราะกลัวการสื่อสารและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ราคาอยู่ที่ 100 เหรียญต่อสัปดาห์ เป็นห้องพักสองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ ในบ้านอาศัยอยู่ 6 คนรวมพี่แก้ม
การเตรียมตัวก่อนไปก็ไม่ค่อยมีอะไรมากมายค่ะ เพราะซิดนีย์มีร้านอาหารไทย, ซุปเปอร์มาเก็ต, Coffee shop, Food Court เกือบทุกพื้นที่ แต่จะแนะนำเรื่องการเตรียมใจที่จะเจอกับคนที่ต่างเชื้อชาติ ต่างวัฒนธรรม รวมถึงการใช้ภาษา ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่เชื่อว่าทุกอย่างสามารถเรียนรู้ได้ค่ะ ส่วนสภาพอากาศโดยทั่วไป ค่อนข้างหนาวเย็นในช่วงเดือนมิถุนายน – ตุลาคม ส่วนหน้าร้อนจะเป็นพฤศจิกายน – ปลายเดือนมีนาคมค่ะ
สุดท้ายก็อยากขอบคุณพี่ๆ ทีมงาน S.E.A Center ที่ช่วยทำให้ได้มีโอกาสดีๆ แนะนำโรงเรียนและงาน ตลอดอะไรหลายๆ อย่าง เช่นการเดินเรื่อง การเตรียมเอกสาร การปรับตัว ทำให้พี่แก้มได้วีซ่าและได้มีโอกาสมายืนอยู่ที่ซิดนีย์ ได้ทำงาน รวมถึงได้ประสบการณ์ดีๆ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
โอ้วววว อ่านแล้วก็น่าสนุกดีนะคะ ได้เรียนด้วยได้ทำงานด้วย ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจมากกกกเลยค่ะ แถมยังช่วยที่บ้านประหยัดค่าใช้จ่ายได้ด้วย ดังนั้นน้องๆ คนไหนที่สนใจไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลีย จะลองหางานทำแบบนี้บ้างก็ไม่เลวนะคะ^^ ส่วนใครมีประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ อยากแบ่งปันให้โลกรู้ล่ะก็ เขียน 3-4 หน้า แนบรูป 10 รูป ส่งมาที่ pay@dek-d.com ได้เลยค่ะ อย่าช้าๆๆๆ รออยู่จ้า
มาฟอลโลว์กันได้ที่ twitter@paydekd
59 ความคิดเห็น
น่าสนุก และท้าทายจัง
สงสัยต้องเก็บเงินเยอะๆซะแล้ว
พี่ค่ะแอดไลน์หนูหน่อยอยากไปทำงานที่นั่นะ
LINE:strawberryskgie
พอดีลูกชายอยากไปปีหน้า ตอนนี้เขาเรียนอยู่ปี 4 จะจบต้นปี 56 วางแผนไว้ว่าจะไปปลายปีหน้า
หรือต้นปี 57 เพราะติดภาระกิจเรื่องทหาร ซึ่งจะไปสมัครเป็นทหารก่อน เพื่อเวลาไปจะได้ไม่ต้องทำเรื่องผ่อนผันอีก เพราะตั้งใจว่าจะไปเรียนภาษา 6 เดือน แล้วดูว่าถ้าสามารถเรียนต่อ ปโทได้ ด้วยการทำงานด้วย ก็จะเรียนต่อเลย จึงอยากได้ข้อมูลกับรายละเอียดทุกอย่างที่ควรรู้ว่าต้องเริ่มต้นอย่างไร ในเบื้องต้นต้องใช้งบประมาณเท่าไร เพื่อได้จัดเตรียมค่ะ
ขอบคุณค่ะ/แม่น้องกาย
ปล.http://writer.dek-d.com/evethippayapokin/writer/view.php?id=831432 แล้วก้อฝากงานเขียนนิดนึงนะคะ >< เข้าไปติชมได้เลยจ้าาา writer ชื่ออีฟนะ ไม่หยิ่งนะเออ @eve_tth ทักทางทวิตได้นะ ^^
ขอให้ทุกคนสนุกกับแผนการเตรียมตัวการมาที่ออสเตเลียนะคะ
izzy@coolwebs.com.au
เลยอยากปรึกษาเรื่องการเรียนและทำงานค่ะ