6 วิธีแก้อาการโฮมซิกคิดถึงบ้าน (ได้ผลชะงัดนักแล)

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com มีใครเคยเกิดอาการ Homesick หรือเป็นโรคคิดถึงบ้านกันบ้างมั้ยคะ เด็กที่ไปเรียนต่อต่างประเทศมักจะเกิดอาการนี้กันไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะคนที่ต้องไปอยู่นานกว่า 6 เดือน มักจะเกิดอาการนี้ช่วงเดือนที่ 2 หรือ 3 ฉะนั้นถ้าใครมีอาการคิดถึงบ้านมากจนไม่อยากทำอะไรแล้ว อย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองไม่เข้มแข็งนะคะ อาการแบบนี้ใครๆ ก็เป็นกันค่ะ ฉะนั้นก็มีคนหาวิธีแก้ได้บ้างแล้ว ไปดูกันดีกว่าว่าเราจะรับมือกับมันอย่างไร

 

เมื่อไหร่ที่การคิดถึงบ้านเฉยๆ กลายเป็นโรคโฮมซิก???



     ซึม เศร้า เหงา หว้าเหว่ แม้จะอยู่กับคนอื่นแต่รู้สึกโหวงๆ ในใจ

     รู้สึกว่าอยู่ผิดที่ผิดทาง อยากกลับบ้าน เริ่มคิดว่าต้องทนอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่เนี่ย

     เวลายิ้ม หรือหัวเราะกับคนที่นี่ จะรู้สึกว่าเป็นรอยยิ้มปั้นแต่ง ไม่ได้มาจากใจจริงๆ

     เก็บตัว ตีตัวออกห่างจากทุกคน

     คิดถึงอะไรก็ตามที่เป็น “ไทย” อย่างไม่มีสาเหตุ

     จากที่ทานน้อย อาจจะทานทุกอย่างที่ขวางหน้า หรือจากทานปกติก็กลายเป็นไม่อยากทานอะไรเลย

 

วิธีแก้อาการโฮมซิก


โทรหาที่บ้าน




     จะวิดีโอคอลด้วย Skype, Tango หรืออะไรก็ตามสะดวกเลยค่ะ พยายามจัดตารางให้ได้คุยกับที่บ้านประมาณสัปดาห์ละครั้ง แล้วเล่าเรื่องราวที่เราเจอในสัปดาห์นั้น และให้ที่บ้านอัพเดตข่าวจากไทยไปให้ ว่าดาราคนไหนรักๆ เลิกๆ การเมืองเป็นยังไง มีข่าวอะไรเกิดขึ้นบ้าง แม้หลายคนจะแย้งว่ายิ่งเห็นหน้าก็ยิ่งคิดถึง แต่มันก็เหมือนเป็นวิธีหนามยอกเอาหนามบ่งค่ะ ถ้าเราคิดถึงแล้วเอาแต่อัดอั้นไว้ ดีไม่ดีจะทำให้เราเสียโอกาสได้ทำอย่างอื่นทั้งที่มาอยู่เมืองนอก ฉะนั้นคุยกันแบบสม่ำเสมอ ทีนี้เราก็จะไม่คิดถึงพร่ำเพรื่อ เพราะรู้ว่าเดี๋ยวสัปดาห์หน้าก็เจอกันอยู่ดี




     ระวัง! อย่าโทรหาตลอดทั้งวี่ทั้งวัน หรือพอเจออะไรนิดหน่อยก็โทร แบบนี้จะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงค่ะ


 

ดูรูปถ่ายของครอบครัว




     ถึงแม้ว่าเราจะมีรูปทั้งบ้านอัพไว้ในเฟซบุ๊ค แต่การพกรูปที่เป็นแผ่นกระดาษไป ก็ทำให้รู้สึกจับต้องได้มากขึ้น จะหากรอบรูปมาใส่ ทำเป็นอัลบั้ม หรือร้อยเชือกไว้ข้างกำแพงก็แล้วแต่เลยค่ะ ให้มีรูปครอบครัว เพื่อนๆ คนรัก หรือคนที่ทำให้สบายใจและรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน อาการโฮมซิกเกิดเพราะรู้สึกว่าที่นั่นไม่ใช่บ้าน เราก็ทำให้เหมือนบ้าน เหมือนห้องนอนตัวเองจริงๆ ไปเลยค่ะ พี่พิซซ่า พกปฏิทินตั้งโต๊ะรูปนักร้องที่ชอบไปตั้งไว้ตรงหัวเตียง จะได้ใกล้เคียงกับห้องนอนที่บ้านที่มีโปสเตอร์รูปเขาเต็มไปหมด (จะให้พกโปสเตอร์ไปเป็นม้วนๆ ก็กระไรอยู่) ถ้าเราสามารถทำให้ห้องนอนดูเป็นมิตรเหมือนที่บ้านมากขึ้น เราก็จะสบายใจกับที่นี่ค่ะ

     ระวัง! อย่าเอาแต่นั่งดูรูปแล้วร้องไห้อย่างเดียวนะคะ ให้มีรูปไว้เพื่อความสบายใจค่ะ ไม่ใช่ให้คร่ำครวญ

 


ออกไปเที่ยวกับเพื่อนใหม่ในต่างแดน




     เรามาที่นี่เพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ ฉะนั้นก็ตักตวงให้ได้มากที่สุดค่ะ ไปเที่ยวนี่ไม่ได้หมายถึงท่องราตรีอย่างเดียวนะคะ ใครที่ไม่ชอบการสังสรรค์แบบปาร์ตี้ ก็ไปเดินป่า ปีนเขา ไปสวนสนุก เดินชายหาด ขี่ม้า กิจกรรมอะไรก็ตามที่เขาฮิตๆ กัน ลองไปทำร่วมกับเพื่อนๆ ที่นั่น ไม่งั้นจะไม่มีรูปไปอวดที่บ้านนะว่ามาถึงที่นี่จริงๆ 555 ถ้าเราปิดตัวเองอยู่แต่ในห้อง เราก็จะพลาดอะไรหลายๆ อย่างที่เราจ่ายเงินมาที่นี่ (นึกถึงค่าโครงการ ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าเสื้อกันหนาวที่ต้องซื้อใหม่) จ่ายเงินมาแล้วก็ต้องเอาให้คุ้มค่ะ โอกาสไหนไปได้ ก็ไปเลย เย้

     ระวัง! หลายคนกลัวว่าพอสนุกสนานกับเพื่อนใหม่ แล้วลืมคิดถึงบ้านไป ที่บ้านจะน้อยใจว่าถูกลืม ไม่ต้องกลัวค่ะ ครอบครัวเข้าใจอยู่แล้วว่าส่งเรามาเพื่อหาประสบการณ์

 

เขียนบันทึกหรือบล็อก




     จะเขียนใส่เว็บไหนก็ได้ค่ะ อย่างในเฟซบุ๊คก็อัพเป็นสเตตัสสั้นๆ หรือจะร่ายยาวในโน๊ตก็ได้ค่ะ เมื่อไหร่เบื่อๆ เซ็งๆ ก็ระบายใส่ได้เลยว่าเซ็งจัง เบื่อโน่นนี่ เพราะได้ระบายแล้วอาการก็มักจะดีขึ้น แต่อย่าลืมนะคะว่าอัพเรื่องเซ็งๆ แล้ว ต้องอัพเรื่องดีๆ ด้วย ไม่งั้นที่บ้านจะกังวลตามว่าทำไมเจอแต่เรื่องแย่ๆ นอกจากนี้การบันทึกเรื่องดีๆ ก็ยังส่งผลดีกับเราด้วยค่ะ เพราะเมื่อไหร่ที่เกิดอาการโฮมซิกหรืออยากไปจากที่นี่ แล้วเราได้กลับมาอ่านเรื่องดีๆ ที่เคยเขียนไว้ เราก็จะจดจำความรู้สึกดีๆ แบบวันนั้นได้




     ระวัง! คนส่วนใหญ่มักลืมอัพเรื่องราวดีๆ แบบไปเที่ยวมาทั้งวัน สนุกมาก เฮฮากับเพื่อนจนตีหนึ่ง แล้วหลับปุ๋ยไปเลย ตื่นมาก็ไม่มีเวลาอัพแล้ว (พี่เป็นบ่อยมาก) แต่พอเรื่องเซ็งๆ นิดนึง เราจะมีเวลานั่งบ่นได้ยาวมากๆ เพราะไม่มีอะไรทำ และไม่อยากทำอะไรอยู่แล้ว ฉะนั้นเลยเหมือนเหตุการณ์แย่ๆ จะมีน้ำหนักมากกว่า ให้จำไว้ว่าพอมีเวลาอัพเรื่องแย่ๆ เมื่อไหร่ ต้องแบ่งไปอัพเรื่องดีๆ ที่ลืมไปแล้วด้วย ไม่งั้นพอเวลาผ่านไปสองสามปีกลับมาอ่านใหม่ จะรู้สึกว่าทำไมตอนนั้นชีวิตดราม่าขนาดนี้เนี่ย ทั้งๆ ที่โดยรวมมันเป็นหนึ่งในช่วงที่มีความสุขที่สุดในชีวิตเลยนะ 555

 

หากิจกรรมทำเสมอ




     แม้จะเป็นช่วงที่ไม่มีใครชวนไปเที่ยว ก็ต้องหากิจกรรมให้ตัวเองได้เสมอค่ะ เช่นเดินเล่นในเมืองแล้วถ่ายรูปชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ (พี่ทำบ่อย) เดินดูสินค้าในห้าง ปั่นจักรยาน อ่านหนังสือ ดูหนังดูละคร หรือบางทีก็เปิดเพลงแล้วเต้นในห้อง แนะนำเพลงจังหวะมันส์ๆ ในภาษาที่แปลไม่ออก เพราะถ้าแปลออกเดี๋ยวเกิดอินขึ้นมา น้ำตาจะไหล 555 อย่างเพลงเร็วๆ ของเกาหลีที่ฟังไม่รู้เรื่อง ก็ร้องมั่วๆ ตามไปเลยค่ะ สนุกดี ถ้าว่างเมื่อไหร่ความคิดมันจะวกกลับไปที่ “บ้าน” โดยอัตโนมัติ

     ระวัง! พยายามเลือกกิจกรรมที่เราต้องเอาสมาธิไปอยู่กับมันด้วย ไม่ใช่เดินเล่นแต่ในหัวคิดถึงแต่บ้าน บ้าน บ้าน ต้องเดินแล้วใส่ใจในรายละเอียดของวิวทิวทัศน์ ผู้คน หรือตึกรามบ้านช่องค่ะ

 


อย่าเครียด




     “วันนี้เรียนมา งงมาก ไม่เข้าใจเลย ไม่ไหวแล้วนะ” หรือว่า “เจ้านายจะอะไรนักหนาเนี่ย เบื่อเว่ย” พยายามอย่าไปเครียดกับมันให้มากค่ะ เพราะเครียดมากๆ ปุ๊บก็จะ “ไม่ไหวแล้ว” แล้วอาการโฮมซิกจะกลับมาได้ ฉะนั้นถ้ารู้ว่าเริ่มจะเครียดแล้วก็ค่อยๆ ผ่อนอารมณ์ค่ะ ปล่อยวางมันลงช้าๆ ถ้าเครียดในห้องเรียนหรือขณะทำงานที่จะให้เลิกกลางคันก็ไม่ได้ ก็ช่างมันค่ะ อย่าไปใส่ใจกับสิ่งที่ทำให้เราเครียด หันไปสนใจอย่างอื่นแทน ถ้าต้องอ่านหนังสือสอบหรือทำการบ้านแล้วไปต่อไม่ไหว ก็วางแล้วทำอย่างอื่น เพราะถึงดันทุรังทำไปผลงานก็ออกมาไม่ดีอยู่ดี รอให้อารมณ์ดีแล้วทำใหม่ สมองจะไบรท์ขึ้นเยอะค่ะ ไม่เครียด ก็จะไม่คิดมาก ไม่คิดมากแล้วก็จะไม่คิดถึงบ้าน

     ระวัง! วิธีแก้เครียดแต่ละคนต่างกันไป แต่อย่าถึงขั้นทำตัวไม่ดีนะคะ เพราะมันส่งผลเสียในระยะยาว

 



     แต่ละคนคงมีวิธีแก้โรคโฮมซิกต่างกันออกไป ถ้าทำวิธีเหล่านี้ไม่ได้ผลก็ลองหาวิธีอื่นๆ นะคะ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่เราต้องยอมรับให้ได้ก่อนว่าเรากำลังโฮมซิก เราถึงจะแก้ได้ ถ้ามัวแต่บอกว่าไม่เป็น เพราะคิดว่ามันดูเป็นโรคประหลาด เหมือนโรคจิต หรือเป็นสัญญาณแสดงความอ่อนแอ ดีไม่ดีสุดท้ายน้องอาจจะเป็นโรคซึมเศร้าแทนได้ ฉะนั้นต้องยิ้มรับว่าเราเป็นโฮมซิก และยิ้มรับวิธีที่เราจะรักษาตัวเอง สุดท้ายเราก็จะยิ้มได้กับชีวิตในต่างแดน (เริ่มจะเพ้อ) ส่วนใครมีวิธีใดแนะนำเพิ่มเติม แชร์ได้ที่คอมเมนท์ด้านล่างเลยค่ะ

     ส่วนใครอยากอ่านบทความดีๆ เคล็ดลับการไปเรียนต่อนอก อย่าลืมแวะเวียนเข้าไปเจอกันได้ที่คอลัมน์เรียนต่อนอกที่ www.dek-d.com/studyabroad นะคะ



ข้อมูล

http://collegelife.about.com/od/cocurricularlife/qt/5homesicktips.htm
http://collegelife.about.com/od/cocurricularlife/a/homesickness101.htm
http://skintbutmint.wordpress.com/2011/03/30/theres-no-place-like-home/

ภาพประกอบ
www.theunderground.nl, lungkings-download.blogspot.com
techblog.weblineindia.com, onwisconsin.uwalumni.com
favim.com, www.collegeonline.com, blogaholicdesigns.com
www.flickriver.com, health.howstuffworks.com, criticbehindthecurtain.wordpress.com 

พี่พิซซ่า
พี่พิซซ่า - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

Nut n 29 ต.ค. 61 09:57 น. 4-1

เป็นหนักม่กเลยค่ะตอนนี้แค่มารร.เดี๋ยวก็กลับอยู่ดีๆก็นึกถึงบ้านตลอด ทำให้เครียดปวดหัวไม่เป็นอันเรียนนัางคิดแต่เรื่องเดิมๆทั้งๆที่บ้านก้อยุ่อย่างสงบแต่เรากลับมานั่งร้งไห้คิดถึง นี่เราบ้าปัญญาอ่อนรึป่าววะ

0
กำลังโหลด
Sukoyจัง Member 4 ก.พ. 56 18:34 น. 5
กำลังเป็นเพราะหาเพื่อนไม่ได้คะ อยากกลับไทย แต่เพราะแม่จ่ายเงินเยอะมาก + ช่วงแรกอยากมามาก แม่ส่งมาเพราะความพยายามของเรา แต่ตอนนี้เจอปัญหาใหญ่คือเพื่อน เรายังไม่ได้เพื่อนจริงๆเลย เลยอยากกลับบ้าน แต่โฮสแฟมิลี่เราดีมาก เขาคืออีก1เหตุผลที่เราอยากอยุ่ที่นี่ต่อ มันมีดีก็มีร้าย นี้แหละคือประสบการณ์ ถ้าที่ไทยคงร้องไห้นานแล้ว แต่ที่นี่ ต้องอดทน ต้องคิดหลายๆอย่างมากขึ้น มันคือประสบการครั้งหนึ่งจริงๆ และเราหวังว่าทุกอย่างจะลงตัว และเราจะมีความสุขกับที่นี้มากขึ้น
0
กำลังโหลด
Benlo 28 ก.พ. 57 15:51 น. 16
ลองดูแล้วไม่เห็นได้ผลเลย คิดถึงแม่มาก แต่ไม่ได้คิดถึงเมืองไทยเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าพาแม่มาได้ เมืองไทยก็ไม่มีความหมายสำหรับเราอีกต่อไป เพราะการศึกษาที่ออสเตรเลียดีกว่าที่ไทยเป็นล้านเท่า ทั้งอาจารย์ เจ้าหน้าที่ senior students ก็น่ารักเปนกันเองกว่า ไอพวก อาจารย์ เจ้าหน้าที่ เคี่ยวรากดินของเมืองไทยที่วันๆทำตัวเป็นหิ้งไว้บูชา แตะต้องไม่ได้ แถมไม่มีระบบรุ่นพี่รุ่นน้องอุบาศอย่างเมืองไทย ที่ต้องทำตามคำสั่งมันทุกอย่าง เพราะที่นี่ทุกคนเท่าเทียมกัน อิสระเสรี ไม่ต้องแต่งชุดนศ เหมือนสัตว์ในฟาร์มอย่างเมืองไทยด้วย
0
กำลังโหลด
rm123 5 ม.ค. 58 22:23 น. 22
ไม่ได้ผลซักกะวิธีเยย T^T ขนาดไม่ได้ไปเมืองนอกนะเนี่ย แค่ไปเข้าค่ายก้ไม่อยากไปแล้ว รูปก้ไม่กล้าเอาไป กลัวร้องหนักกว่าเดิม เหนข้าวแล้วกินอะไรไม่ลงเลย (แต่พอวันสุดท้ายกลับกินลง 555)
0
กำลังโหลด
freedom 27 ก.ค. 59 15:34 น. 31
เราเคยเป็นhomesickหนักๆอยู่(ตอนนี้ก็เป็นอยู่แต่ดีขึ้นมาก) เห็นรูปพ่อแม่ไม่ได้เลย ร้องไห้ตลอด แค่คิดถึงหน้าแม่ยังไม่ได้ เห็นภารโรงเดินจูงมือลูกแล้วน้ำตาปริ่มเลย ตอนนี้ก็อยู่คนเดียว เมทยังไม่มา หาเพื่อนยังไม่ได้ ทั้งเหงาทั้งคิดถึง นี่ขนาดอยู่ในประเทศนะเนี่ย แต่ท่องในใจตลอดว่าเรามาเพื่อเรียนแม่เสียเงินไปต้องคุ้ม ห้ามซิ่ว ต้องเข้มแข็ง พ่อแม่ไม่ได้อยู่กับเราตลอด เรารักพ่อแม่แค่นี้ต้องทำได้ เราเลือกแล้วห้ามหันหลังกลับ อ่อนแอได้แค่ช่วงนี้เท่านั้นอย่าท้อ มันเป็นแค่ช่วงนี้เท่านั้น ถ้าเราไม่เรียนเอาแต่สบาย ไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหา ไม่เข้มแข็ง ไม่มีเงินหากท่านแก่ไปใครจะดูแล เรายังจำหน้าแม่ตอนส่งเราครั้งสุดท้ายได้เลย(คิดแล้วจะร้องไห้TT) แม่เข้ามากอดเราแล้วบอกให้ตั้งใจเรียน ดูแลตัวเองดีๆ ยิ่งทำให้เราต้องพยายามยิ่งขึ้น นี่คือวิธีที่เราเลือกคือหากำลังใจสู้โดยสู้เพื่อคนสำคัญ การเขียนบันทึกก็ช่วยได้มากนะ เราเครียดอะไรคิดอะไรต้องการระบายอะไรก็เขียนๆไปเถอะ ไม่ต้องเอาให้รู้เรื่อง ใส่ไปให้เต็มที่ จะให้ความรู้สึกเหมือนพูดระบายกับใครซักคน อาการเราตอนนี้ดีขึ้นมาก
0
กำลังโหลด

34 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Nut n 29 ต.ค. 61 09:57 น. 4-1

เป็นหนักม่กเลยค่ะตอนนี้แค่มารร.เดี๋ยวก็กลับอยู่ดีๆก็นึกถึงบ้านตลอด ทำให้เครียดปวดหัวไม่เป็นอันเรียนนัางคิดแต่เรื่องเดิมๆทั้งๆที่บ้านก้อยุ่อย่างสงบแต่เรากลับมานั่งร้งไห้คิดถึง นี่เราบ้าปัญญาอ่อนรึป่าววะ

0
กำลังโหลด
Sukoyจัง Member 4 ก.พ. 56 18:34 น. 5
กำลังเป็นเพราะหาเพื่อนไม่ได้คะ อยากกลับไทย แต่เพราะแม่จ่ายเงินเยอะมาก + ช่วงแรกอยากมามาก แม่ส่งมาเพราะความพยายามของเรา แต่ตอนนี้เจอปัญหาใหญ่คือเพื่อน เรายังไม่ได้เพื่อนจริงๆเลย เลยอยากกลับบ้าน แต่โฮสแฟมิลี่เราดีมาก เขาคืออีก1เหตุผลที่เราอยากอยุ่ที่นี่ต่อ มันมีดีก็มีร้าย นี้แหละคือประสบการณ์ ถ้าที่ไทยคงร้องไห้นานแล้ว แต่ที่นี่ ต้องอดทน ต้องคิดหลายๆอย่างมากขึ้น มันคือประสบการครั้งหนึ่งจริงๆ และเราหวังว่าทุกอย่างจะลงตัว และเราจะมีความสุขกับที่นี้มากขึ้น
0
กำลังโหลด
Sukoyจัง Member 4 ก.พ. 56 18:34 น. 6
กำลังเป็นเพราะหาเพื่อนไม่ได้คะ อยากกลับไทย แต่เพราะแม่จ่ายเงินเยอะมาก + ช่วงแรกอยากมามาก แม่ส่งมาเพราะความพยายามของเรา แต่ตอนนี้เจอปัญหาใหญ่คือเพื่อน เรายังไม่ได้เพื่อนจริงๆเลย เลยอยากกลับบ้าน แต่โฮสแฟมิลี่เราดีมาก เขาคืออีก1เหตุผลที่เราอยากอยุ่ที่นี่ต่อ มันมีดีก็มีร้าย นี้แหละคือประสบการณ์ ถ้าที่ไทยคงร้องไห้นานแล้ว แต่ที่นี่ ต้องอดทน ต้องคิดหลายๆอย่างมากขึ้น มันคือประสบการครั้งหนึ่งจริงๆ และเราหวังว่าทุกอย่างจะลงตัว และเราจะมีความสุขกับที่นี้มากขึ้น
0
กำลังโหลด
Sukoyจัง Member 4 ก.พ. 56 18:34 น. 7
กำลังเป็นเพราะหาเพื่อนไม่ได้คะ อยากกลับไทย แต่เพราะแม่จ่ายเงินเยอะมาก + ช่วงแรกอยากมามาก แม่ส่งมาเพราะความพยายามของเรา แต่ตอนนี้เจอปัญหาใหญ่คือเพื่อน เรายังไม่ได้เพื่อนจริงๆเลย เลยอยากกลับบ้าน แต่โฮสแฟมิลี่เราดีมาก เขาคืออีก1เหตุผลที่เราอยากอยุ่ที่นี่ต่อ มันมีดีก็มีร้าย นี้แหละคือประสบการณ์ ถ้าที่ไทยคงร้องไห้นานแล้ว แต่ที่นี่ ต้องอดทน ต้องคิดหลายๆอย่างมากขึ้น มันคือประสบการครั้งหนึ่งจริงๆ และเราหวังว่าทุกอย่างจะลงตัว และเราจะมีความสุขกับที่นี้มากขึ้น
0
กำลังโหลด
คิม ซูบัก 5 ก.พ. 56 08:16 น. 8
อยู่เกาหลีมาหกเดือนแล้วถ้าไม่โฮมซิคนี่ผิดปกติหรือเปล่าคะพี่พิซซ่า มีแต่เวลาเห็นรูปคิมแจจุงแลวนกถึงเพื่อนบางคนที่อยู่ไทยอ่ะค่ะ ชีชอบแจจุงมากถึงมากที่สุด
0
กำลังโหลด
PiZZaPeaCH Member 5 ก.พ. 56 08:23 น. 9
ไม่ผิดปกตินะคะ เพราะบางคนจะรู้สึกเป็นอิสระที่ได้ไปเมืองนอก หรือบางคนที่ชอบผจญภัย ก็จะไม่โฮมซิก ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นเรื่องผิดปกติหรอกค่ะ
1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
คิดถึงแม่ 14 ก.ค. 56 18:07 น. 13
แค่มาทำงานต่างจังหวัด คิดถึงแม่ มาก มาวันแรก ร้องไห้เลย แค่ได้ยินเสียงแม่ เห็นรูปแม่ น้ำตาก็ไหลพรากเลย วันที่2 เริ่ม จะร้องไห้น้อยลง เริ่มคุยกับแม่ได้ละ วันที่3 คงจะชิน แล้วก็ตั้งใจ ทำงาน ซื้อรถแล้ว ขับกลับบ้านไปหาแม่ ต้แงท่องไว้ ตั้งใจ มุ่งมั่น อดทน อดออม เข้มแข็ง เท่านั้น รักแม่นะคะ 55 ระบายอะ
0
กำลังโหลด
ปิงปอง 13 ส.ค. 56 04:14 น. 14
ตอนนี้เราก็ตกอยุ่ในสภาวะ hoesick เราดิ้นรนที่จะมาเรียนภาษาเอง พ่อ แม่ก็ส่งมาตามใจเรา พอมาเรียนได้เดือนกว่า แล้วจะมีสอบ เรารุสึกว่าเราสอบไม่ผ่านแน่ๆ ภาษาหรือคำศัพท์ก็จำไม่ได้ อีกอย่างเปนคนอ่านโจทย์ที่ค่อนข้างสับสน แล้วเวลาตอบก็จะผิด ถ้าสอบไม่ผ่านก็สงสารพาอแม่ ที่เสียเงินจำนวนมากส่งลูกเรียน เลยรุ้สึกว่า กดดันตัวเอง เครียดและอยากกลับบ้าน เหลืออีก 8 เดือน ที่ต้องอยุ่ที่ออส ณ ตอนนี้นับเวลาถอยหลังรอไว้แล้ว อยากกลับไทยมากๆ
0
กำลังโหลด
กิตติพงษ์ 22 ก.ย. 56 23:22 น. 15
เราก็เป็นเหมือนกัน ปิงปอง ตอนนีั้เราคิดถึงบ้านมากๆ อยู่มาได้ 2 เดือนแล้ว อยากกลับบ้านมากๆ เยื่อมากๆ ทุกคนแบบไม่ค่อยรู้จักกันเลย รู้แต่ก็รู้จักรกันแบบเผินๆจริงๆ เซ็งมากตอนนี้ นับเวลาถอยหลังกลับเหมือนกันง่ะ
0
กำลังโหลด
Benlo 28 ก.พ. 57 15:51 น. 16
ลองดูแล้วไม่เห็นได้ผลเลย คิดถึงแม่มาก แต่ไม่ได้คิดถึงเมืองไทยเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าพาแม่มาได้ เมืองไทยก็ไม่มีความหมายสำหรับเราอีกต่อไป เพราะการศึกษาที่ออสเตรเลียดีกว่าที่ไทยเป็นล้านเท่า ทั้งอาจารย์ เจ้าหน้าที่ senior students ก็น่ารักเปนกันเองกว่า ไอพวก อาจารย์ เจ้าหน้าที่ เคี่ยวรากดินของเมืองไทยที่วันๆทำตัวเป็นหิ้งไว้บูชา แตะต้องไม่ได้ แถมไม่มีระบบรุ่นพี่รุ่นน้องอุบาศอย่างเมืองไทย ที่ต้องทำตามคำสั่งมันทุกอย่าง เพราะที่นี่ทุกคนเท่าเทียมกัน อิสระเสรี ไม่ต้องแต่งชุดนศ เหมือนสัตว์ในฟาร์มอย่างเมืองไทยด้วย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
นานา 19 มิ.ย. 57 22:05 น. 18
เ้ราก็ว่ามันไม่ได้ผลหรอก เราอยู่เมืองไทยเชียงราย ยังคิดถึงพ่อแม่ที่กรุงเทพเลย อยากกลับบ้านมาก ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว มีแต่คนอื่นที่ไม่จริงใจ ไม่อยากอยู่ที่นี่ ทำยังไงดีในเมื่อเราไม่มีทางเลือก ปล. คิดถึงบ้านโว้ย
0
กำลังโหลด
thek 14 ก.ย. 57 22:40 น. 19
มาได้สามสี่วันแล้ว ร้องไห้หนักมากๆ ทุกวันเลย อะไรร้องได้ร้องหมด เรื่องเล็กๆก็น้ำตาไหลแล้ว พรุ่งนี้เปิดเรียนวันแรก พอคิดถึงก็ร้องเลย มันแย่มาก คิดถึงเพื่อนคิดถึงทุกอย่าง รู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว อยู่ท่ามกลางอะไรไม่รู้ที่เราไม่รู้จัก ไม่มีใครพูดภาษาเดียวกับเรา ไม่มีใครเข้าใจ เคว้งมากกก ร้องไห้จนป่วยอะ รู้สึกแย่มาก เดินดูของในsuper marketยังร้องเลย มันไม่ใช่ภาษาที่เราคุ้นเคย ทั้งๆที่โฮสต์ดีมาก มากๆๆๆๆเลย แต่ก็ยังเป็น ทำยังไงดีคะ ไม่ดีขึ้นเลย
0
กำลังโหลด
Bufben 19 ก.ย. 57 18:44 น. 20
ยุมา3 4 วัน โฮสก้ใจดีแต่โฮสมีลูกชายอ่าค่ะ แล้วลูกชายพูดแล้วฟังไม่รุเรื่องเลย เค้าดูไม่ค่อยจะชอบเราสักเท่าไหร่ เพราะมาวันแรกๆ ภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้เลยเงียบมาก ไม่รุจะพูดอะไรเพราะฟังไม่เข้าใจยุด้วยแล้วอึดอัดมากปกติไม่มีพี่ชายอ่าค่ะ พอมาเจอพี่ชายแบบนี้แล้วยิ่งไม่อยากอยู่เลย ตอนนี้คิดถึงบ้านมากเสียใจ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด