สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... ถ้าพูดถึงสถาบันดังระดับโลกที่(น่าจะ)ทุกคนรู้จักแน่นอน คงต้องยกให้ University of Oxford หรือ มหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ในประเทศอังกฤษ เพราะมีการจัดอันดับทีไร ที่นี่ก็เป็นท็อประดับโลกตลอด แถมยังคัดคนเข้าไปเรียนแบบหินสุดๆ คือเน้นระดับหัวกะทิตัวท็อปจริงๆ วันนี้ พี่เป้ มีสถิติมาให้ดูค่ะว่า อัตราการรับของสาขา-คณะไหนของระดับปริญญาตรีที่อ๊อกซ์ฟอร์ด ที่มี "การแข่งขันมากที่สุด"
อันดับ 5 EEM อัตราสมัครต่อการรับเข้า 10:1
EEM มาเป็นตัวย่อเลย ซึ่ง EEM ก็คือ Engineering, Economics and Management พูดง่ายๆ คือสาขาที่ได้เรียนทั้งวิศวกรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และการจัดการ โอ้โห เรียกว่าเป็น 3 วิชายอดฮิตมารวมอยู่ในสาขานี้สาขาเดียว แล้วใครล่ะจะไม่อยากสมัครเรียน แล้วขึ้นชื่อว่าอ๊อกซ์ฟอร์ด จบไปก็น่าจะเทพทั้ง 3 วิชานี้เลย แต่ถ้าถามว่าจะหนักไปทางสาขาไหนมากที่สุด ก็ต้องตอบว่าจะหนักไปทางวิศวะสัก 2/3 ค่ะ เพราะสาขานี้สังกัดอยู่ในภาควิชาของคณะวิศวกรรมศาสตร์นั่นเอง
วิชาที่ต้องใช้ในการสมัครเข้าเรียน A-Level วิชาฟิสิกส์ และ คณิตศาสตร์
อันดับ 4 Law อัตราสมัครต่อการรับเข้า 10.2:1
Law หรือ นิติศาสตร์นั่นเองค่ะ สำหรับการเรียนนิติศาสตร์ระดับปริญญาตรีที่อ๊อกซ์ฟอร์ดนั้นจะมี 2 แบบ คือ
- เรียนแบบปกติคือปริญญาตรี 3 ปี (ปริญญาตรีสาขาทั่วไปในอังกฤษเรียน 3 ปีจบนะ) จบแล้วก็จะได้วุฒิปริญญาตรีนิติศาสตรบัณฑิต พอจบแล้วส่วนมากก็จะไปฝึกทนายความกันต่อ
- เรียนปริญญาตรี 3 ปี + 1 ปีพิเศษ ที่จะได้ไปเรียนหาประสบการณ์ในมหาวิทยาลัยอื่นๆ ในยุโรป ได้แก่ ฝรั่งเศส อตาลี เยอรมัน สเปน เนเธอร์แลนด์
สำหรับการเรียนนิติศาสตร์ที่นี่ ในชั้นปีที่ 1 นักศึกษาต้องเรียน 3 วิชา คือ กฎหมายเอกชนเบื้องต้น กฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายอาญา และสอบผ่านทั้งสามตัวจึงจะถือว่าผ่านไปเรียนกฎหมายตัวอื่นๆ ได้
วิชาที่ต้องใช้ในการสมัครเข้าเรียน A-Level วิชาใดก็ได้ ยกเว้นวิชาการศึกษาทั่วไป
อันดับ 3 History of Art อัตราสมัครต่อการรับเข้า 11.4:1
History of Art หรือ ประวัติศาสตร์ศิลปะ โอ้ววว ฟังดูไม่น่าเชื่อใช่มั้ยคะว่าจะมีคนแข่งขันเรียนกันเยอะขนาดนี้ เพราะในบ้านเราดูไม่ค่อยบูมแถมยังไม่ค่อยมีเปิดสอนเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นแถบยุโรปเนี่ย มีเปิดสอนกันเยอะมากๆ เลยทีเดียว คนที่จะเข้ามาเรียนนี่ต้องถือว่ามีความสนใจในด้านนี้จริงๆ นะ ประมาณว่า Born to be Art Lover อะไรทำนองนั้นเลย วิชาที่ต้องเรียน เช่น สังคมและวัฒนธรรมในช่วงยุคฟื้นฟูศิลปะตอนต้นในอิตาลี สถาปัตยกรรมและศิลปะของอียิปต์ โบราณคดีและศิลปะกรีก ศิลปะในช่วงจักรวรรดิโรมัน ศิปะในจีนตั้งแต่ปี 1911 ความเข้าใจในพิพิธภัณฑ์และชิ้นงาน เป็นต้น เรียกว่าต้องเป็นคนที่สนใจศิลปะ+ประวัติศาสตร์ไปควบคู่กันจริงๆ
วิชาที่ต้องใช้ในการสมัครเข้าเรียน A-Level วิชาใดก็ได้
อันดับ 2 History and English อัตราสมัครต่อการรับเข้า 12.7:1
History and English เป็นสาขาที่รวมกันระหว่าง ประวัติศาสตร์ และ วรรณคดี(อังกฤษ) ฟังดูแล้วเข้ากั๊นเข้ากัน ต้องบอกเลยว่า สาขา History and English ของที่อ๊อกซ์ฟอร์ดนั้นใหญ่ที่สุดในอังกฤษเลยทีเดียว ดังนั้นใครได้เข้ามาเรียนก็คุ้มค่าสุดๆ และจากสถิติแล้ว ผู้ที่จบการศึกษาจากสาขานี้มักได้เข้าทำงานในวงการสื่อต่างๆ ไม่ก็ทำงานสอนเป็นส่วนมากค่ะ ส่วนวิชาที่จะได้เรียนนั้นก็จะเน้นเป็นเปเปอร์หรือทำรายงานส่งซะเป็นส่วนใหญ่ เพื่อฝึกทักษะภาษาและการเขียนนั่นเอง
วิชาที่ต้องใช้ในการสมัครเข้าเรียน A-Level วิชาวรรณกรรมอังกฤษ หรือ วิชาภาษาอังกฤษ
อันดับ 1 Economic and Management อัตราสมัครต่อการรับเข้า 14.2:1
เชื่อเลยว่าสาขาที่ได้เรียนหลายๆ วิชารวมกัน ดูจะเป็นอะไรที่ฮอตฮิตและมีคนสมัครเข้าเรียนเยอะมาก อันดับ 1 ก็เช่นกันกับสาขาเศรษฐศาสตร์และการจัดการ เป็นอะไรที่ลงตัวอย่างกับกิ่งทองใบหยก คือได้เรียนรู้เศรษฐศาสตร์เพื่อให้เข้าใจกระบวนการการจัดสรรทรัพยากรและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมถึงได้เรียนการจัดการเพื่อให้รู้ว่า จะจัดการยังไงให้พอดีลงตัวกับความต้องการของมนุษย์ นอกจากนี้ คนที่เรียนจบสาขานี้ยังเป็นที่ต้องการงานของตลาดงานในอังกฤษมาก(ของไทยก็ด้วย) จบปุ๊บ หางานได้ปั๊บทั้งนั้นเลย
วิชาที่ต้องใช้ในการสมัครเข้าเรียน A-Level ไม่จำกัดวิชา แต่หากมีผลสอบวิชาคณิตศาสตร์จะได้รับการพิจารณาก่อน
สำหรับนักเรียนที่จบมัธยมชั้นปีที่ 6 จากโรงเรียนในไทย(ที่ไม่ใช่นานาชาติ)ไม่สามารถสมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ดได้ค่ะ เพราะมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ดเน้นรับนักเรียนที่เรียนจบมัธยมปลายด้วยหลักสูตร A-Level ซึ่งเป็นชื่อเรียกชั้นเรียน 2 ปีสุดท้ายของระดับมัธยมในอังกฤษ(Year 12-13) โดยนักเรียนต้องเลือกเรียน 3-4 วิชา เน้นเป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับสาขาหรือคณะที่ต้องการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เมื่อเรียนจบแล้วสอบผ่าน ก็นำผลสอบ A-Level นี่แหละไปสมัครเข้ามหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ดังนั้นเด็กไทยที่ต้องการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในอ๊อกซ์ฟอร์ดจะต้อง....
-จบจากโรงเรียนนานาชาติในไทยที่มีสอนหลักสูตร A-Level
หรือไม่ก็
-บินไปเรียนหลักสูตร A-Level ในโรงเรียนมัธยมที่ประเทศอังกฤษ
บทความนี้ถูกเขียนหรือแปลโดยทีมงานเว็บไซต์ Dek-D.com เป็นที่แรก หากต้องการนำไปเผยแพร่ต่อในเว็บไซต์อื่น กรุณาใส่เครดิตให้ครบถ้วน พร้อมทำลิ้งค์เชื่อมโยงกลับมาหน้านี้เท่านั้น |
27 ความคิดเห็น
โตๆ กันแล้วจะทะเลาะกันเพื่ออะไร =.=
คือที่ผมเข้ามาอ่านก็เพราะเพิ่งสมัคร UCAS กับ International year one ของมหาลัยต่างๆที่อังกฤษไป เข้ามาอ่านคอมเมนต์ มี แต่เถียงกันเรื่องหมอ คือ ผมว่า หมอ ฝรั่งเองก็นิยมนะ เข้ายากด้วยถ้าของพวก warwrick, Durham, st andrew ส่วน ของ oxford กับ cambridge เขาเป็น pre-clinical แล้วจะเข้าเรียนหมอไม่ได้ใช้แค่ A level หรือ IB แต่มีสอบวัดระดับของหมอเองอีก สรุปง่ายๆ ได้ใจความ ลองๆ ไปดูกันแล้วกันถ้าอยากไปเรียนกัน
เรียนหมอ เรียนยาก? แต่มีงานทำ? มั่นคง? มีเงินเยอะ? เพราะงั้นผู้ใหญ่ทั้งหลายจึงให้ส่งเสริมให้ลูกหลานเรียนหมอกัน ใครติดนี่ปิดบ้านเลี้ยงฉลองกันทั้งบ้าน? แล้วค่านิยมพวกนี้ มันก็ทำให้เด็กที่จะต่อศิลป์ พวกเกี่ยวกับวาดรูปนี่ถูกมองว่ามันไม่มั่นคง จบไปไม่มีงานทำบ้างล่ะ ทั้งที่ก็มีงานทำมีเงินใช้เหมือนกัน แต่กลับไม่ถูกมองว่ามันเป็นเรื่องหน้ายินดี เอะอะอะไรก็ให้เข้าสอบแพทย์ให้ได้ แล้วพวกที่บอกว่าหมอเรียนเพราะเงิน มันก็มีคนเรียนแบบนั้นจริงๆ เพราะงั้นพวกโลกสวยก็จะออกมาดิ้นๆ ถ้าคุณไม่ทำงานเพราะเงิน แล้วตอนนี้เรียนเพื่ออะไร ทำงานการกุศล? หรือยังไง โลกนี้มันมีทั้งดีและไม่ดี คนเรียนเพราะใจรักมันก็มี เพราะงั้นเอามาวัดกันหมดไม่ได้ เพราะงั้นเรียนเพราะเงินก็ไม่ผิด เรียนด้วยใจรักก็ไม่ผิด
คณะอันดับ 2 น่าเรียนมาก *-*
History and English
เพื่่อนรุ่นเดียวกับเราไม่ได้เรียนนานาชาติอ่ะ แต่สอบติดอ็อกซ์ฟอร์ดอ่ะ งงนะเนี่ย
อยากทราบเกี่ยวกับคะแนน A-Level ของ Law ครับว่าเราควรเรียนวิชาอะไรบ้างแต่ละวิชาเราควรได้ผลสอบอย่างไรบ้างครับ แล้วคะแนน IGCSE ต้องใช้หรือไม่ครับ ขอบคุณทุกคำตอบครับ