อ๊อกซ์ฟอร์ด และเคมบริดจ์ (เรียกรวมๆ ว่า อ๊อกซ์บริดจ์) มหาวิทยาลัยในตำนานของอังกฤษ ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันน่าสนใจและเป็นแหล่งผลิตหัวกะทิระดับโลก
แน่นอนว่าพอมหาวิทยาลัยนี้เป็นที่สนใจ การแข่งขันก็ย่อมสูงตาม เมื่อการแข่งขันสูงก็ย่อมมีข่าวลือเกี่ยวกับการสอบเข้าสองมหาวิทยาลัยนี้
แน่นอนว่าพอมหาวิทยาลัยนี้เป็นที่สนใจ การแข่งขันก็ย่อมสูงตาม เมื่อการแข่งขันสูงก็ย่อมมีข่าวลือเกี่ยวกับการสอบเข้าสองมหาวิทยาลัยนี้
1. นักเรียนที่เข้าเรียนที่นี่ต้องฉลาดระดับไอน์สไตน์
มีมั้ยคนที่ฉลาดระดับนั้น ก็ต้องมีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะฉลาดระดับนั้นหมด และความรู้มันไม่มีที่สิ้นสุด ถ้ารู้หมดคงไม่ต้องเรียนกันแล้ว เราเรียนต่อมหาวิทยาลัยก็เพราะเราอยากฉลาดขึ้น อยากรู้มากกว่าเดิมไม่ใช่เหรอคะ?
ทางอ๊อกซ์บริดจ์ออกมาบอกเองเลยว่าไม่ได้ต้องการหาคนฉลาด แต่หาคนที่มีความต้องการ และความมุ่งมั่นที่จะเรียนสาขาวิชานั้นจริงๆ
ทางอ๊อกซ์บริดจ์ออกมาบอกเองเลยว่าไม่ได้ต้องการหาคนฉลาด แต่หาคนที่มีความต้องการ และความมุ่งมั่นที่จะเรียนสาขาวิชานั้นจริงๆ
2. นักเรียนที่นี่ต้องแต่งหรูดูดีตลอดเวลา
ด้วยความที่ประเทศอังกฤษมีภาพลักษณ์เป็นเมืองผู้ดีอยู่ในตัว แถมอ๊อกซ์บริดจ์ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่สุดๆ อีก ทุกคนเลยคิดว่าถ้าไปเรียนที่นี่ต้องสวมเสื้อผ้าแบบผู้ดีเก่าหรือเปล่า เสื้อผ้าต้องแบรนด์เนมระดับไฮเอนด์เลยมั้ย แต่ความจริงคือ เด็กๆ ที่นี่ก็แต่งตัวตามรสนิยมของตัวเองเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยอื่นนั่นแหละค่ะ
3. นักเรียนที่นี่ต้องหน้าจมอยู่ในกองหนังสือ
ตำราเก่าๆ อ่านยากๆ ตลอดเวลา
ความจริงก็คือนักเรียนที่นี่ก็มีกลุ่มที่ตั้งใจเรียนจริงๆ อยู่กับตำราจริงๆ และกลุ่มที่ติดซีรี่ส์เช้าเย็น มาอ่านหนังสืออีกทีตอนใกล้สอบหรือหาข้อมูลจาก Wikipedia เหมือนเด็กมหาวิทยาลัยอื่นๆ นั่นแหละค่ะ พี่เองก็มีเพื่อนไปเรียนต่อออกซ์บริดจ์อยู่หลายคน บอกเลยว่าแต่ละคนก็นิสัยต่างกันมาก บางคนปาร์ตี้หนักมากกกก แต่พอถึงช่วงสอบ ก็ตั้งใจมากและเงียบหายไปจากโลกออนไลน์เลยค่ะ
4. นักเรียนที่นี่ต้องสวมสูทชุดราตรี
เพื่อรับประทานอาหารค่ำในฮอลตามแบบฉบับผู้ดี
หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่า อ๊อกซ์ฟอร์ดและเคมบริดจ์มีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมภายในคล้ายกับแฮร์รี่พอตเตอร์ (ไม่สิ ต้องบอกว่าแฮร์รี่พอตเตอร์ไปคล้ายซะมากกว่า) เลยคิดว่านักศึกษาที่นี่คงต้องใส่เสื้อผ้าเนี้ยบๆ ร่วมกินอาหารกัน ซึ่งก็ไม่ใช่อีกเช่นกัน เพราะนักเรียนที่นี่บ้างก็ทำอาหารกินกันเองในหอพัก บางคนทำอาหารเองไม่เป็นก็ซื้ออาหารสำเร็จรูปใส่กล่องโฟมนี่แหละกินกัน
อย่างไรก็ตาม ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ก่อนเปิดภาคเรียนจะมีพิธีต้อนรับนักศึกษาใหม่ และทุกคนจะต้องถูกแบ่งออกเป็นบ้านๆ มีการเลี้ยงต้อนรับเป็นอาหารมื้อหรูและใส่ชุดกาวน์ค่ะ เห็นบรรยากาศแล้วบอกเลยว่าอลังการมาก ใครอยากอ่านแบบละเอียด คลิกได้ที่นี่
อย่างไรก็ตาม ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ก่อนเปิดภาคเรียนจะมีพิธีต้อนรับนักศึกษาใหม่ และทุกคนจะต้องถูกแบ่งออกเป็นบ้านๆ มีการเลี้ยงต้อนรับเป็นอาหารมื้อหรูและใส่ชุดกาวน์ค่ะ เห็นบรรยากาศแล้วบอกเลยว่าอลังการมาก ใครอยากอ่านแบบละเอียด คลิกได้ที่นี่
5. นักเรียนที่นี่ต้องมีต้นตระกูลสูงศักดิ์
มีข่าวลือว่าคนที่มีนามสกุลเก่าแก่อย่าง เพอร์ซี่ หรือ ดาร์ซี่ จะได้เข้าเรียนทันทีโดยไม่ต้องสัมภาษณ์ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงน่าจะมีคนเรียนที่สองมหาวิทยาลัยนี้น้อยลงเยอะเลยทีเดียว ทางออกซ์บริดจ์เองก็ประกาศเลยว่าที่มหาวิทยาลัยก็มีบุคลากรหลายชนชั้นหลายสัญชาติ ไม่จำเป็นต้องลำเอียงเลือกแค่ชนชั้นสูงอย่างเดียวเลย
6. จะมาเรียนที่นี่ต้องรวย รวย รวย
ที่ออกซ์บริดจ์มีนโยบายว่านักเรียนที่เรียนดีต้องได้เข้าเรียนที่นี่ไม่ว่าฐานะที่บ้านจะเป็นอย่างไรก็ตาม (ซึ่งมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ก็ยึดแนวคิดนี้) นอกจากนี้ยังมีทุนการศึกษา ทุนสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่างๆ อีกมาก ขอแค่เดินเข้ามาปรึกษาเถอะ หรือหากเป็นนักศึกษาต่างชาติก็มีทุนแจกให้เยอะมากๆ เลย เช่น Gate Cambridge Scholarship
และแม้ว่าค่าครองชีพในเมืองออกซ์ฟอร์ดจะค่อนข้างสูงกว่าเมืองอื่นๆ ของอังกฤษ แต่ถ้าเราอยู่แต่ในเขตมหาวิทยาลัย ค่าเดินทางก็ไม่ต้องจ่าย (เพราะเดินไปมาหาสู่กันได้ หรือปั่นจักรยานก็ได้) ค่าหนังสือก็ไม่ต้องเสีย เพราะที่นี่มีห้องสมุดใหญ่ที่รวบรวมตำราเรียนเกือบทุกเล่มไว้แล้ว อาหารก็ราคาถูกเพราะมหาวิทยาลัยให้การสนับสนุนค่าอาหารด้วยส่วนหนึ่งแล้ว
และแม้ว่าค่าครองชีพในเมืองออกซ์ฟอร์ดจะค่อนข้างสูงกว่าเมืองอื่นๆ ของอังกฤษ แต่ถ้าเราอยู่แต่ในเขตมหาวิทยาลัย ค่าเดินทางก็ไม่ต้องจ่าย (เพราะเดินไปมาหาสู่กันได้ หรือปั่นจักรยานก็ได้) ค่าหนังสือก็ไม่ต้องเสีย เพราะที่นี่มีห้องสมุดใหญ่ที่รวบรวมตำราเรียนเกือบทุกเล่มไว้แล้ว อาหารก็ราคาถูกเพราะมหาวิทยาลัยให้การสนับสนุนค่าอาหารด้วยส่วนหนึ่งแล้ว
7. การสอบสัมภาษณ์ของที่นี่น่ากลัวมาก
ทุกๆ ปีจะมีข่าวลือเกี่ยวกับคำถามสอบสัมภาษณ์แปลกๆ หลุดมาตลอด ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นแค่ "เรื่องโม้" เช่น
- มีนักศึกษาถูกตั้งคำถามว่า "คุณคิดว่าความกล้าหาญคืออะไร?" เขาเลยบอกว่า "นี่ไง" แล้วเดินออกจากห้องสัมภาษณ์ไปเลย
- นักศึกษาบางคนที่เดินเข้าห้องสัมภาษณ์อาจเจอผู้สัมภาษณ์ปาลูกรักบี้ใส่ คนที่รับได้จะได้เข้าเรียน แต่คนที่รับได้แถมโยนลูกกลับจะได้ทุนทันที
- ผู้สัมภาษณ์จะขอให้ผู้สมัครกินลูกพีช (ซึ่งน้ำเยอะมาก ต่อให้กินเรียบร้อยแค่ไหนก็เละ) แล้วดูว่าจะทำอะไรกับแกนลูกพีชที่เหลือ
- ผู้สัมภาษณ์อาจหยิบกล่องขึ้นมาแล้วให้ผู้สมัครบอกว่าแมลงปีกแข็งที่อยู่ในกล่องนั้นเป็นพันธุ์อะไร
- มีนักศึกษาถูกตั้งคำถามว่า "คุณคิดว่าความกล้าหาญคืออะไร?" เขาเลยบอกว่า "นี่ไง" แล้วเดินออกจากห้องสัมภาษณ์ไปเลย
- นักศึกษาบางคนที่เดินเข้าห้องสัมภาษณ์อาจเจอผู้สัมภาษณ์ปาลูกรักบี้ใส่ คนที่รับได้จะได้เข้าเรียน แต่คนที่รับได้แถมโยนลูกกลับจะได้ทุนทันที
- ผู้สัมภาษณ์จะขอให้ผู้สมัครกินลูกพีช (ซึ่งน้ำเยอะมาก ต่อให้กินเรียบร้อยแค่ไหนก็เละ) แล้วดูว่าจะทำอะไรกับแกนลูกพีชที่เหลือ
- ผู้สัมภาษณ์อาจหยิบกล่องขึ้นมาแล้วให้ผู้สมัครบอกว่าแมลงปีกแข็งที่อยู่ในกล่องนั้นเป็นพันธุ์อะไร
ได้ยินอย่างนี้แล้วโล่งใจขึ้นบ้างมั้ยคะ? เอาจริงๆ ทุกมหาวิทยาลัยในโลกนี้ไม่มีอะไรไกลเกินฝันหรอกค่ะ ถ้าเราตั้งใจเสียอย่าง ใครอยากเรียนที่สองมหาวิทยาลัยนี้ "พี่น้อง" ก็ขอเอาใจช่วยนะคะ ^^ หรือใครที่เป็นศิษย์เก่าศิษย์ปัจจุบันของที่นี่ ก็มาแชร์ประสบการณ์ให้น้องๆ อ่านกันได้นะ
4 ความคิดเห็น
ใช่ๆๆ นั้นเป็นความเห็นที่ผิดจริงๆขอบคุณ พี่น้องด้วยจ้าที่มาแก้ความสงสัยให้
มีเรียนภาคเสาร์อาทิตย์แบบให้ผู้ใหญ่ที่ทำงานแล้วเรียนไหมครับ ผมอายุสี่สิบกว่าแล้วอยากไปเรียนศิลปะ