น้องคนไหนชอบดูหนังในโรงบ้างคะ? แล้วเคยสงสัยรึเปล่าว่าโรงหนังแต่ละประเทศเป็นยังไง เหมือนหรือต่างกับบ้านเราแค่ไหน เดี๋ยววันนี้พี่กวางอาสาพาไปทัวร์เอง
โรงหนังสหรัฐอเมริกา
อยากนั่งตรงไหนนั่ง ไม่ต้องจองที่!
ปกติแล้วสเต็ปซื้อตั๋วโรงหนังไทยเราก็จะ เลือกเรื่อง เลือกโรง แล้วเลือกที่นั่งใช่ไหมคะ แต่ว่าที่อเมริกาไม่ใช่แหละ เพราะส่วนใหญ่ โรงหนังที่นั่นสามารถซื้อตั๋วแล้วเดินเข้าโรงไปเล่นเก้าอี้ดนตรีได้เลย ใครเข้าก่อนเลือกที่นั่งก่อน อ่านถึงตรงนี้น้องๆ หลายคนอาจคิดว่า โหยยย ถ้าอยากได้ที่ข้างหลังต้องไปเร็วๆ สิเนี่ย ซึ่งไม่ใช่จ้า เพราะที่จริงแล้วคนอเมริกาชอบเลือกที่ด้านหน้าๆ ล่ะ! (ซะงั้น) งานนี้คนไทยเราก็เลยสบายๆ เดินชิลไปช็อปปิงที่นั่งท้ายโรงได้เลย
ภาพจาก https://www.amctheatres.com
นอกจากเรื่องที่นั่งแล้ว อีกสิ่งที่โรงหนังอเมริกาต่างจากไทยก็คือของกินในโรงนี่แหละค่ะ อย่างบ้านเราส่วนใหญ่ก็จะกินป๊อบคอร์นกับน้ำอัดลม หิวๆ หน่อยก็ฮอตดอก หรือขนมกรุบกรอบเล็กๆ น้อยๆ แต่ที่อเมริกาเขาจัดหนัก จัดเต็ม กินกันตั้งแต่ป๊อบคอร์น ขนมกรุบกรอบ ฮอตดอก ไปจนถึง ไก่ทอด นาโช่ พิซซ่า ไอศกรีม โอยยย Enjoy Movie กันที่สุด
นาโช่แบบนี้ คนก็ฮิตซื้อเข้าไปกิน แต่ก็มีชาวอเมริกันบางคนออกมาบ่นเหมือนกันว่ามันเหม็นนะ!
ภาพจาก pixabay.com
โรงหนังญี่ปุ่น
อยู่กันจนจบ End Credit
ปกติแล้วพอหนังจบน้องๆ ทำยังไงคะ ถ้าไม่มีตัวหนังสือขึ้นว่ายังมีต่อ ก็ทยอยเดินออกกัน เพราะไฟในโรงสว่างโร่แล้วใช่รึเปล่า แต่ที่ญี่ปุ่นไม่ใช่ค่ะ เพราะที่นี่ยังไม่เปิดไฟในโรงหนังจนกว่า End Credit จะจบ เช่นเดียวกับคนในโรงที่ก็จะไม่ลุกไปไหนเช่นกัน แม้ว่าท้าย End Credit จะไม่มีหนังต่อก็ตาม สุดยอดไปเลยใช่มั้ยล่ะ
นอกจากนี้โรงหนังญี่ปุ่นยังขึ้นชื่อเรื่องหนังเข้าช้ามากกกก ถึงมากที่สุดด้วยค่ะ พี่กวางอยากให้น้องๆ ดีใจไว้ได้เลยว่าหนังที่ประเทศไทยเราดูๆ กันส่วนใหญ่ ชาวญี่ปุ่นจะยังไม่ได้ดูทั้งนั้น อย่าง Zootopia ที่ไทยเข้าไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แต่ญี่ปุ่นเพิ่งเข้าตอนเดือนเมษายน หรือตอนที่พี่กวางไปญี่ปุ่นช่วงเมษายน เชื่อไหมว่า The Revenant เพิ่งโปรโมทเอง! (ทั้งที่อเมริกาฉายกันตั้งแต่ปลายปี 2015 แล้ว) ดังนั้นใครมีเพื่อนอยู่ญี่ปุ่นก็อย่าไปสปอยล์หนังเขาล่ะ เดี๋ยวเขาจะงอนให้
โปสเตอร์โปรโมท The Revenant ที่โตเกียว ที่พี่กวางไปเจอตอนเดือนเมษายน งงเลย
โรงหนังเกาหลี
โฟโต้ทิกเก็ตเก็บความทรงจำ
ถ้าพูดถึงโฟโต้ทิกเก็ต หรือตั๋วหนังที่ถ่ายรูปเราเป็นที่ระลึกได้ ในไทยเราก็มีนะคะ แต่มีไม่กี่ที่เท่านั้น (เอาจริงๆ พี่กวางยังไม่เคยลองใช้บริการเลย) ส่วนถ้าเป็นที่เกาหลีนี่หาได้ทั่วไปเลยค่ะ แถมมี Photo Ticket ไม่พอ ยังมีสมุดสะสมขายด้วยนะ เอาไว้เก็บเป็นความทรงจำว่าเราดูเรื่องนี้ที่ไหนเมื่อไหร่กับใคร หรือจะปริ้นเป็นรูปโปสเตอร์หนังที่เราดูก็ได้ ถือเป็นการเก็บความทรงจำที่ดีมากๆ เลย
ใน IG คนเกาหลีโพสต์รูป #phototicket กันเพียบ
ภาพจาก Instagram
นอกจากโฟโต้ทิกเก็ตแล้ว ที่เกาหลียังมีซับไตเติลภาษาอื่นๆ นอกจากภาษาเกาหลีด้วย! เพื่อบริการนักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติที่อาศัยในเกาหลี โรงหนังใหญ่ๆ โซนที่มีนักท่องเที่ยวมากๆ เราก็จะสามารถเลือกดูหนังที่เป็นซับไตเติลภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น หรือภาษาจีนก็ได้ สะดวกสบายต่อคนต่างชาติมากเลย
โรงหนังจีน
แยกมุมแดงและมุมน้ำเงิน ต้อนรับ Civil War
รู้กันอยู่ใช่ไหมคะ ว่าจีนเป็นประเทศใหญ่ ประชากรเยอะมากกกกกกกกกกก (เยอะที่สุดในโลก) ดังนั้นโรงหนังของจีนจึงมีหลากหลายแบบแตกต่างกันไปในแต่ละเมือง มีทั้งแบบดีเวอร์ให้โลกตะลึง ไปจนถึงแบบโอ้โฮแฟนตาซี นี่จะนั่งดูหนังได้ยังไง อย่างล่าสุดพี่กวางเห็นข่าวเรื่องโรงหนังหนึ่งในจีน ที่ฉาย Captain America : Civil War มีการแบ่งข้างเก้าอี้ระหว่าง #TeamCap และ #TeamIronMan ให้คนดูเลือกนั่งได้ด้วย (ฟีลลิ่งเหมือนไปเชียร์มวยพิกล 555)
ถ้าไปกับเพื่อนแล้วอยู่คนละทีมทำไงอะ 555
ภาพและข้อมูลจาก Mtime.com
นอกจากนี้จีนยังเคยเปิดโรงหนังแบบพิเศษ ที่สามารถส่งข้อความขึ้นไปบนจอได้ด้วยนะ (ประมาณว่าดูเรื่องเล่าเช้านี้แล้วส่ง SMS ไปคุยกับสรยุทธ์ อะไรแบบนั้น) เรียกว่า Bullet Screen เหมาะสำหรับคนที่ติดมือถือ เข้าโรงหนังยังแชทได้ ส่งข้อความคุยกับหนังเลยก็ได้ อะไรจะขนาดนั้น! ใครที่อยู่จีนแล้วเคยลองดูโรงแบบนี้บ้างมาเล่าให้พี่กวางฟังทีนะ ว่ามันดูรู้เรื่องเหรอ 555
พี่กวางว่ามันดูแล้วเวียนหัว 555
ภาพและข้อมูลจาก cntv.cn
โรงหนังอินเดีย
โยก โยก โยก โยกเข้าไปให้มันหลุดโลก
เวลาดูหนัง คนไทยเราก็จะถูกปลูกฝังให้รักษามารยาท นั่งนิ่งๆ ไม่ถีบเบาะข้างหน้า ไม่คุยกัน ไม่ลุกเดินไปมาถ้าไม่จำเป็นใช่ไหมคะ แต่ทุกทฤษฏีนี้โยนทิ้งได้เลยจ้าเมื่ออยู่อินเดีย เพราะที่นั่นเขา Freedom มากเวอร์ ใครชอบเนื้อเรื่องส่วนไหนจะกรี๊ดให้กำลังใจ ตะโกนเตือนพระเอกว่าผู้ร้ายมาข้างหลัง เชียร์ให้ตัวละครสู้กัน หรือโห่ตอนไม่ได้ดั่งใจ ทำเลยเต็มที่! ทีเด็ดคือพวกฉากเต้นในหนังอินเดียที่พวกเราเห็นกัน อย่าคิดว่ามีแต่พระเอกนางเอกเต้นนะ เพราะคนดูก็จะลุกขึ้นมาเซิ้งแข่งกะบนจอเข้าไปอีก 55555 น่าสนุกมากอะพี่กวางว่า ว่างๆ ต้องไปหาโอกาสดูบ้างแล้ว
ภาพจาก https://www.youtube.com/watch?v=-jM-t7YoqkY
นอกจากโห่เชียร์ ลุกเต้นแล้ว เอกลักษณ์อีกอย่างของโรงหนังอินเดียก็คือ มีพักครึ่ง ค่ะ ฟีลลิ่งเหมือนมาดูบอลยังไงยังงั้น แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหนังอินเดียยาวมากๆ ด้วย (บางเรื่อง 3 ชั่วโมงได้) ทำให้ต้องมีการพักครึ่งเวลา ให้คนดูไปทำธุระเข้าห้องน้ำหาอะไรเบาๆ กินกัน แล้วกลับมาดูครึ่งหลังต่อ เอ้อ จะว่าไปโรงหนังอินเดียชิลมากเลยนะเนี่ย
น้องๆ อ่านแล้วรู้สึกอเมซซิงกับโรงหนังในประเทศอื่นๆ เหมือนพี่กวางไหมคะ (พี่กวางคิดว่าทุกที่จะเหมือนๆ กันซะอีก) แล้วน้องๆ ชอบเอกลักษณ์ของโรงหนังประเทศไหนที่สุด หรืออยากให้โรงหนังบ้านเราเป็นแบบไหนบ้าง มาคอมเมนต์ไว้ได้เลยค่ะ ส่วนตัวพี่กวางนะ อยากลุกมาเต้นแบบโรงหนังอินเดียได้บ้าง คงจะสนุกดี 555
15 ความคิดเห็น
โรงหนังอินเดีย นึกว่านั่งดูไป วิ่งและเต้นรอบโรงหนังไป
ถ้าพูดถึงหนังอินเดียก็คงต้องนึกถึงฉากที่พระเอกกับนางเอกร้องเพลงไป
เต้นและวิ่งขึ้นภูเขาไป
อยากให้เป็นแบบอเมริกาจังครับ เวลาหิวๆ นี่ไก่ทอดเลย
อยู่เมกาไม่ได้เลือกที่นั่งเองทุกโรงน๊า แต่เกลียดเวลาคนเอาพิซซ่าเข้ามากินไรงี้ หิววววว
อยากได้ของหลายๆประเทศเลยค่า มีอีกมั้ยคะ
โรงหนังอิตาลีก็มีพักครึ่งนะคะ ตอนดูครั้งแรกนี่ตกใจมากจู่ๆจอดับไฟสว่างเฉยเลย5555
อเมริการาคาแพงกว่าไทยดูทีอย่างต่ำก็ $10 ถ้าดู imax ก็ประมาณ $20 ที่ไทยนี่ถูกกว่าครึ่งนีง แถมส่วนมากยังจองที่นั่งไม่ได้ เข้าช้าจะเหลือแต่ที่หน้าๆติดจอ แต่โรงหนังที่นี่เดี๋ยวนี้เค้าเปลี่ยนเป็นเก้าอี้ไฟฟ้า, ปรับขาได้ นอนดูสบายเลย ก้อาจจะคุ้ม ถ้าเทียบกับราคาเมืองไทยสำหรับเก้าอี้แบบนี้นะ แต่ละโรงมันแตกต่างกันอ่ะ
(คนที่นี่ไม่ได้ชอบนั่งหน้าๆกันนะ)
ชาตินี้จะไม่ย่างกรายเข้าไปในโรงหนังอินเดีย...= = #ทีมโดนถีบเบาะ
ชอบทุกที่ยกเว้นอินเดียอ่ะ เราไม่อยากให้คนมาชนหรือยืนบัง หรือหนวกหูจนฟังไม่ออกว่าหนังพูดว่าไรกันบ้าง
อินเดียแนวสุดจริง แต่ไม่อยากเจอ เรื่องดูถึงเครดิตนี่ยังธรรมดาไปนิด(เพราะผมก็ดูจนหมดทุกที) แต่ที่พี่ยุ่นเข้าช้านี่เพราะเขาเอาหนังตัวเองเข้าก่อนรึเปล่า?
โรงหนังไทยก็เต็มที่ค่ะ ไก่เคเอฟซี เฟรนฟรายแอบเอาเข้าไปไม่เกรงใจคนอื่นเลย เตือนก็ไม่สนด้วยนะคะ 5555
จริงๆ อินเดียก็ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะเย้วนะ แต่ไม่เย้วเพราะหนังมันไม่สนุก หนังมันจืดชืด กร่อย อีกนัยก็คือถ้าไม่อยากโดนเตะก็ต้องหาหนังที่ไมน่าหนุกดู แต่หนังอินเดียบางเรื่องยาวมากจริงๆ พล็อตบางเรื่องก็มาทำเป็นซีรี่ย์ได้เลย แต่มันกลับจบภายใน 2-3 ชั่วโมง ทั้งที่จริงๆ มันควรเป็นซีรี่ย์ 100 ตอน 555 เช่น 2states
หนังของอินเดียแปลกด้วยนะคะ บางเรื่องเข้าหลายปีแล้วยังไม่ออกจากโรงเลยค่ะ แถมมีคนดูเรื่อยๆเลย