ย่างเข้าเดือนหก เรียกว่าผ่านกันไปครึ่งปีแล้วสินะ เรามาพบกันนักเขียนคนที่หกของปีกันเลยดีกว่า เจ้าของนามปากกาเท่ๆ นาธาเนียล ชื่อเล่นเรียกสั้นๆ ว่าน้องนัท เป็นผู้มีจุดเด่นคือเป็นผู้ชนะรางวัลนักเขียนหน้าใสที่ทางเว็บไซต์เด็กดีดอทคอมของเราจัดร่วมกับสำนักพิมพ์แจ่มใสนั่นเอง ฟังมาแค่นี้หลายคนคงรู้แล้วว่านักเขียนคนนี้ต้องฝีมือไม่ธรรมดาไปคุยกับเธอและทำความรู้จักผลงานชื่อดุดัน “สืบลางร้าย คลายปมรัก” ได้เลยจ้า

พี่ติน : แนะนำตัวหน่อยจ้า เป็นใครมาจากไหน ตอนนี้ทำอะไรอยู่ เรียนหรือทำงาน เล่ามาๆ
นาธาเนียล : สวัสดีค่ะ นัทค่ะ ปีนี้อายุ 21 ปี ตอนนี้กำลังเรียนนิเทศศาสตร์ เอกการโฆษณาค่ะ

พี่ติน : นามปากกาเท่ดีนะ ทำไมเลือกชื่อนี้ มาจากชื่อเล่นหรือ
นาธาเนียล : นามปากกา นาธาเนียล ฮ่าๆ ชื่อนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษค่ะ มาจากชื่อเล่นนัทเนี่ยแหละ แค่อยากจะลองแปลงให้มันดูเป็นชื่อฝรั่งๆ ดูเท่านั้นเองค่ะ

พี่ติน : ที่มาที่ไปของหนังสือเล่มนี้ สืบลางร้าย คลายปมรัก ชื่อดูเป็นพล็อตนักสืบนะ
นาธาเนียล : จริงๆ แล้วเริ่มแรกเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับผีค่ะ ตอนนั้นเรียนอยู่มัธยมปลาย นัทกำลังจะกลับจากโรงเรียน แต่วันนั้นทำอะไรอยู่สักอย่างก็เลยออกมาช้ามาก เย็นมาก มันก็เลยไม่ค่อยมีใครอยู่เท่าไหร่แล้ว ระหว่างเดินก็เลยคิดว่าถ้าเจอผีจะเป็นยังไงนะ ก็เลยอยากจะเขียนอะไรสักอย่างที่มีตัวเอกเป็นสิ่งมีชิีวิตลี้ลับ แต่พอเวลาผ่านไปก็ค่อยๆ เกลาพล็อตไปมาจนได้เป็น Jinx สืบลางร้าย คลายปมรัก อย่างที่เห็นกันตอนนี้นี่แหละค่ะ

พี่ติน : ขอเนื้อเรื่องแบบย่อๆ ให้ไวๆ เอารวบรัดได้ใจความ  
นาธาเนียล : Jinx สืบลางร้าย คลายปมรัก เป็นเรื่องของคุณ เด็กผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวนำความโชคร้ายมาตลอดแปดปี ไม่ว่าคุณจะไปอยู่ที่ไหน จะทำอะไร ก็จะมีอุบัติเหตุ มีเรื่องเจ็บตัวที่หาสาเหตุไม่ได้เกิดขึ้นตลอด เพราะเป็นแบบนี้ก็เลยไม่ค่อยมีเพื่อน ต้องย้ายโรงเรียนอยู่ตลอด จนกระทั่งการย้ายโรงเรียนครั้งล่าสุดที่ทำให้คุณได้เจอกับทิม เด็กผู้ชายลูกครึ่งในโรงเรียนที่ทำให้คุณอยากรู้จัก อยากจะเป็นเพื่อน แต่คนเดียวที่คุณอยากเป็นเพื่อนด้วยอย่างทิมก็ดันมีตัวตนที่เป็นปริศนา การสืบเรื่องของทิมเลยเริ่มต้นขึ้น โดยมีความช่วยเหลือจากสมาชิกชมรมสืบเรื่องลี้ลับของโรงเรียนอีกสามคนที่จะมา ทำให้ชีวิตของคุณมีสีสัน (วุ่นวาย?) กว่าที่เคยก็เป็นเรื่องประมาณนี้ค่ะ

พี่ติน : ได้รางวัลนักเขียนหน้าใสสินะ ตอนมาประกวดคิดอะไรไว้ยังไงบ้าง แล้วทำไมเลือกพล็อตนี้มาประกวดล่ะ
นาธาเนียล :  ถ้าพูดว่าไม่ได้คิดอะไรเลยตอนเข้าประกวดนี่ก็คงจะเกินไป แต่ก็ไม่ได้คิดถึงขั้นว่าจะได้ที่หนึ่งจริงๆ ค่ะ เพราะสามปีก่อนหน้านี้ ก็เคยส่งเรื่องเข้าประกวดกับโครงการนักเขียนหน้าใส แต่ติดแค่รอบสิบเจ็ดคนก็หลุด รอบนี้ก็เลยส่งไปแบบติดก็ดี ไม่ติดก็ไม่เป็นอะไร ส่วนพล็อตนี้ที่เลือกส่งเข้ามาก็เพราะว่าชอบส่วนตัวค่ะ ในบรรดาทุกพล็อตที่เคยคิดมา นัทรู้สึกว่าเรื่องนี้สมบูรณ์กว่าเรื่องอื่นๆ แล้วก็เพราะอยู่กับมันมาหลายปีมาก ถ้าไม่ส่งก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เขียนมันจริงๆ จังๆ อีกเมื่อไหร่ นัทรักพล็อตนี้ค่ะ ไม่อยากให้มันอยู่แค่กับตัวเอง

พี่ติน : ตอนได้รางวัล รู้สึกอย่างไรบ้าง 
นาธาเนียล : ตกใจค่ะ งง อึ้ง เกินคาด ตอนนี้ก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่หน่อยๆ เพราะนัทไม่เคยคิดว่าตัวเองจะชนะที่หนึ่งหรือได้รางวัลอะไรแบบนี้ ยิ่งจากสถานการณ์ตอนนั้นยิ่งไม่ได้คิดเอาไว้เลย พอประกาศรางวัลที่สาม แล้วไม่ใช่เรื่องของตัวเอง นัทก็ไม่ได้สนใจเวทีประกาศผลแล้ว เพราะหวังไว้แค่นั้น ตอนที่ชื่อตัวเองดังขึ้นมาเลยรู้สึกตกใจมากๆ แต่พอได้สติแล้วก็รู้สึกขอบคุณค่ะ ขอบคุณทุกคน ทุกอย่างที่ทำให้ตัวเองตัดสินใจส่งพล็อตเข้าประกวด ขอบคุณที่ผ่านเจ็ดสัปดาห์ที่วุ่นวายสุดๆ มาได้ ขอบคุณกำลังใจระหว่างทาง ขอบคุณจริงๆ ค่ะ ไม่ได้รู้สึกอะไรมากกว่านั้นเลย

พี่ติน : ตอนคิดพล็อต มันมาได้อย่างไร แว่บเข้ามาในหัวหรือ หรือว่ายังไง แล้วแต่งเติมพล็อตต่อได้ยังไงให้สนุก
นาธาเนียล : อย่างที่เล่าไปแหละค่ะว่าจู่ๆ มันก็คิดได้ขึ้นมาเอง เหมือนกับเป็นไอเดียง่ายๆ สั้นๆ ที่แว้บเข้ามาในหัว ว่าเออ อยากจะลองมีตัวละครที่เป็นผีดูบ้าง แต่ตอนที่คิดจะทำจริงๆ ก็ต้องค่อยๆ ปรับพล็อตค่ะ เริ่มจากการต่อยอดไอเดียก่อนว่า ถ้ามีตัวละครเป็นผี แล้วผีจะเป็นยังไง จะมีใครมองเห็นมั้ยแล้วจะมองเห็นได้ด้วยวิธีไหน เลือกโทนเรื่องให้ชัดว่าจะเขียนออกมาในแนวไหน จะเป็นเรื่องผีตลกๆ เรื่องผีน่ากลัว หรือเรื่องผีดราม่า อะไรก็ว่าไปค่ะ จากนั้นก็เกลาให้พล็อตกลมและสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ หาจุดเริ่มต้น ไฮไลท์ของเรื่อง และตอนจบ แล้วก็ค่อยๆ เติมฉากเข้าไป อันนี้คือวิธีของนัทนะคะ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันถูกรึเปล่า แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าคนอื่นทำยังไง แต่ส่วนมากนัทจะทำแบบนี้แหละค่ะ

พี่ติน : ความรู้สึกที่ได้รับเลือกเป็น Book of the Month จากทีมงานเด็กดี
นาธาเนียล : ดีใจค่ะ ฮ่าๆๆ ไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ เพราะมันก็เป็นหนังสือเล่มแรกของนัทด้วย นัทเองก็ยังทำอะไรไม่ค่อยจะถูก ที่จู่ๆ ก็มีหนังสือเป็นของตัวเอง แต่ก่อนเคยอ่าน Book of the Month ก็เป็นเรื่องของคนอื่น ไม่เคยคิดจริงๆ ค่ะว่าสักวันตัวเองจะได้มาอยู่ตรงนี้ เขินๆ เหมือนกัน แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ

พี่ติน : คิดว่าคนอื่นจะชอบอะไรในเรื่องของเรา
นาธาเนียล : ให้พูดเองมันก็น่าอายแปลกๆ แต่นัทคิดว่าหลักๆ แล้วคนอ่านน่าจะชอบสำนวนค่ะ ต้องลองอ่านเนอะ

พี่ติน : การเขียนหนังสือมีจุดยากตรงไหน ข้อควรระวังอะไรบ้าง เขียนอย่างไรให้ออกมาดีที่สุด
นาธาเนียล :  สำหรับตัวนัทนะคะ มันยากตรงเขียนไปให้ถึงตอนจบค่ะ ตอนที่พยายามคิด พยายามหาไอเดีย หรือแรงบันดาลใจอะไรก็ตาม ตอนที่เก็บข้อมูล มันไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่พอลงมือเขียนจริงๆ การเขียนให้ถึงคำว่าจบในบรรทัดสุดท้ายของเรื่องเป็นอะไรที่ยากมาก เหมือนเราต้องใช้ความพยายาม ใช้ความตั้งใจ ใช้ความขยัน ใช้แรงใจ ใช้ทุกอย่างที่มี ต้องผลัก ต้องดันตัวเอง ต้องไม่ยอมแพ้ นัทยังทำมันได้ไม่เก่ง การเขียนนิยายให้จบสักเรื่องเลยเป็นเรื่องยากมากๆ ค่ะ
        เรื่องที่ต้องระวังเวลาเขียนอะไรสักอย่าง ที่นัทจะให้ความสำคัญมากๆ ก็คือเรื่องเหตุและผล ความสมจริงที่อยู่ในขอบเขตที่เรากำหนดให้กับเรื่องนี้แต่แรก หมายถึงถ้าเขียนเรื่องแฟนตาซีก็ต้องให้มันสมจริงในแบบของแฟนตาซี แต่ถ้าเขียนเรื่องรักวัยรุ่นก็ต้องให้มันสมจริงในแบบของมัน บางทีเขียนไปเรื่อยๆ เราก็จะเพลินใช่มั้ยคะ ตัวละครทำอะไร พูดอะไร บางทีมันไม่สมเหตุสมผล วิธีที่นัทใช้จัดการกับปัญหานี้ก็คืออ่านซ้ำๆ และจับผิดเรื่องของตัวเองค่ะ อ่านมันซ้ำๆ แล้วเราจะเอะใจ จะเห็นข้อผิดพลาด จะเห็นจุดอ่อนที่ตอนแต่งอยู่ไม่ทันได้เห็น แล้วก็แก้ค่ะ อย่าให้ใครมาจับผิดเรื่องของเราเลย คงไม่มีใครชอบที่จะโดนจับผิด เพราะฉะนั้นเราต้องทำมันก่อนที่คนอื่นจะทำนะคะ

พี่ติน : อยากบอกอะไรกับคนอ่านที่ติดตาม
นาธาเนียล :  แค่รู้ว่ามีคนติดตามอยู่ก็ดีใจมากแล้วค่ะ เดาว่าคนส่วนใหญ่คงลืมกันไปแล้ว ฮ่าๆ แต่สำหรับคนที่ยังรออยู่ นัทก็อยากให้รู้นะคะว่านัทดีใจมาก และขอบคุณมาก ไม่รู้ว่าคาดหวังอะไรไว้กับเรื่องของนัทบ้าง แล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะดีอย่างที่หวังกันไว้หรือเปล่า แต่อยากให้รู้ว่านัทตั้งใจทำมัน และทำอย่างเต็มที่มากๆ นะคะ ขอบคุณที่รอและติดตาม ยังไงก็ช่วยอุดหนุนและให้กำลังใจกันต่อไปด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

พี่ติน : ถ้าหนังสือเล่มนี้เป็นอาหาร เป็นเมนูอะไร รสชาติแนวไหน
นาธาเนียล : โห เป็นคำถามที่ยากจัง ฮ่าๆๆ ไม่เคยคิดจะเปรียบเทียบอะไรแบบนี้เลยค่ะ แต่ถ้าให้ลองดู เมนูแรกที่นัทนึกถึงก็คงจะเป็นปลาดิบ รสชาติก็ตามนั้นเลยค่ะ มันอร่อยมากสำหรับคนที่กินเป็น กัดเข้าไปก็คงนุ่มลิ้น คงฟิน อะไรแบบนั้น แต่ถ้าคนที่ไม่เคยกินมาก่อน หรือกินไม่เป็น ปลาดิบมันก็คงจะเป็นอะไรที่ต้องกลั้นหายใจกินนิดนึง มันก็คงให้ความรู้สึกแปลกๆ อารมณ์ประมาณว่าไม่รู้ว่ากินอะไรอยู่กันแน่ รสชาติปะแล่ม ถ้าลองแล้วชอบก็โอเคไป แต่ถ้าลองแล้วไม่ชอบก็คงไม่กินอีก แต่นัทก็หวังว่าทุกคนจะชอบปลาดิบของนัทนะคะ

พี่ติน : แนะนำน้องๆ ที่อยากเขียนหนังสือบ้าง
นาธาเนียล : ลงมือเลยค่ะ อย่ามัวแต่คิด เราไม่รู้ว่าเราจะเสียเวลากล้าๆ กลัวๆ เอาแต่ชั่งใจว่าจะทำดีหรือไม่ดีไปมากแค่ไหน เราไม่รู้ว่าเราพลาดโอกาสอะไรไปบ้าง ตอนที่เอาแต่ทบทวนกับตัวเอง ตอนที่เอาแต่ขี้เกียจ ตอนที่เอาแต่คิดว่าเดี๋ยวค่อยทำก็ได้ ลงมือเลยนะคะ ถ้ามีไอเดียก็คิดต่อให้มันกลม ให้มันเป็นเรื่องเป็นราว อย่าปล่อยมันไว้แค่ในหัว เพราะมันก็จะอยู่แค่ในหัวนั่นแหละ ไม่มีทางเป็นรูปเป็นร่างค่ะ ถ้าเราไม่ลงมือเขียนมันจริงๆ แล้วก็ถ้าคิดจะเขียนหนังสือ ต้องอ่านหนังสือเยอะๆ นะคะ สำคัญจริงๆ นะ การอ่านก่อให้เกิดการเขียนค่ะ

ตามหานาธาเนียลได้ที่

ได้พูดคุยกับน้องนัทแล้ว พี่ตินรู้สึกได้เลยว่าวงการนักเขียนของเรานี้
ช่างเต็มไปด้วยความหวังและความฝัน
น้องๆ คนไหนที่ฝันว่าอยากเขียนหนังสือหรือว่ามีผลงานของตัวเอง
ขอให้ยึดน้องนัทไว้เป็นแบบอย่างและก้าวตามมาให้ไวๆ นะ
จำไว้ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่นจ้า

อ่านบทวิจารณ์นิยายได้ที่นี่

อตินเอง

พี่อติน
พี่อติน - Writer Editor ผู้ดูแลหมวดนักเขียนที่หลงใหลการอ่านแบบสุดๆ และไม่เคยพลาดทุกข่าวสารในวงการวรรณกรรม!

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

hameii Member 2 มิ.ย. 57 11:46 น. 1

เราคนหนึ่งล่ะที่หลงใหลสำนวนเเละวิธีการบรรยายของนัทมาก

เราว่าวิธีการเขียนของนัทมันน่าทึ่งมากนะ งานเขียนของนัทไม่ใช่เเค่ตัวหนังสือ มันทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้อ่านนิยายเเต่กำลังดูหนัง ไม่ก็นั่งฟังเรื่องเล่าอยู่ อย่างตอนอ่านเรื่อง Jinx ก็เหมือนได้คุณมานั่งเล่าเรื่องราวของเธอ 

บางตอนก็สามารถทำให้เราหลุดเข้าไปในนิยายจริงๆ เราเห็นภาพ ไม่ใช่ภาพนิ่งด้วย มันคือภาพที่กำลังเคลื่อนไหว

จำได้ว่าตอนประกวดหน้าใส เราอ่านทุกเรื่องเลยนะ เเต่เรื่องที่เราชอบสำนวนที่สุดคือเรื่อง Jinx อ่านเเล้วเผลอคิดว่าใครเขียนเรื่องนี้ฟ้า มันเป้นลูกครึ่งป่าวว้า ทำไมเหมือนได้อ่านนิยายฝรั่งเลย 5555555

พูดเเล้วเหมือนโกหก คือต้องพิสูจน์เองเเล้วจะรู้อ่ะเยี่ยม

ปล.รักเธอนะทิม เอ้ย นัท 555555555555

0
กำลังโหลด
B'fern Member 3 มิ.ย. 57 21:39 น. 2

ตั้งแต่ได้รู้จักพูดคุยกัน เริ่มรู้สึกได้ถึงความมี'อะไร'ของพี่นัท รู้แล้วว่าทำไม jinx ถึงได้ที่ 1 ทุกสิ่ง พล็อต ภาษา มันสื่อความเป็นตัวเองของพี่นัท. ไม่รู้จะอธิบายยังไงนอกจากมันเจ๋งมากจริงๆ ^__^

0
กำลังโหลด

2 ความคิดเห็น

hameii Member 2 มิ.ย. 57 11:46 น. 1

เราคนหนึ่งล่ะที่หลงใหลสำนวนเเละวิธีการบรรยายของนัทมาก

เราว่าวิธีการเขียนของนัทมันน่าทึ่งมากนะ งานเขียนของนัทไม่ใช่เเค่ตัวหนังสือ มันทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้อ่านนิยายเเต่กำลังดูหนัง ไม่ก็นั่งฟังเรื่องเล่าอยู่ อย่างตอนอ่านเรื่อง Jinx ก็เหมือนได้คุณมานั่งเล่าเรื่องราวของเธอ 

บางตอนก็สามารถทำให้เราหลุดเข้าไปในนิยายจริงๆ เราเห็นภาพ ไม่ใช่ภาพนิ่งด้วย มันคือภาพที่กำลังเคลื่อนไหว

จำได้ว่าตอนประกวดหน้าใส เราอ่านทุกเรื่องเลยนะ เเต่เรื่องที่เราชอบสำนวนที่สุดคือเรื่อง Jinx อ่านเเล้วเผลอคิดว่าใครเขียนเรื่องนี้ฟ้า มันเป้นลูกครึ่งป่าวว้า ทำไมเหมือนได้อ่านนิยายฝรั่งเลย 5555555

พูดเเล้วเหมือนโกหก คือต้องพิสูจน์เองเเล้วจะรู้อ่ะเยี่ยม

ปล.รักเธอนะทิม เอ้ย นัท 555555555555

0
กำลังโหลด
B'fern Member 3 มิ.ย. 57 21:39 น. 2

ตั้งแต่ได้รู้จักพูดคุยกัน เริ่มรู้สึกได้ถึงความมี'อะไร'ของพี่นัท รู้แล้วว่าทำไม jinx ถึงได้ที่ 1 ทุกสิ่ง พล็อต ภาษา มันสื่อความเป็นตัวเองของพี่นัท. ไม่รู้จะอธิบายยังไงนอกจากมันเจ๋งมากจริงๆ ^__^

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด