เราทุกคนต้องการความสุข แต่ตัวละครไม่
แต่นิยายที่ตรึงคนอ่านไว้ได้ไม่ใช่นิยายที่พูดถึงเด็กชายผู้มีความสุข แต่เป็นนิยายที่พูดถึงเด็กกำพร้า ต้องนอนในห้องใต้หลังคา แล้วจึงค้นพบว่าตัวเองเป็นพ่อมดต่างหาก
ดังนั้น จะเริ่มเขียนนิยายสักเรื่อง ควรตระหนักไว้เสมอว่าเราต้องสร้างตัวละครที่มีความทุกข์ หรือมีปัญหาบางอย่างที่ใช้ชีวิตปกติสุขไม่ได้ คนจะติดตามอ่านเรื่องของเรา เพราะเขามีความหวังว่าตัวละครนี้จะแก้ไขความทุกข์ของตัวเองได้
ตัวละครทุกตัวเริ่มต้นด้วยความไม่ปลอดภัย บางตัวอาจจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ความสุขนั้นไม่มีทางอยู่ได้นาน อย่างตัวละครของจอร์จ อาร์ อาร์ มาร์ตินแทบไม่มีตัวไหนมีความสุขเลย
ตัวละครที่หลากหลายช่วยคานอารมณ์ของเรื่อง
ในเรื่อง Game of Thrones มีทั้งคนที่ยึดมั่นในคุณธรรม คนที่สนแต่ผลประโยชน์ของตน คนที่ดีเป็นบางเรื่อง คนที่เลวเป็นบางเรื่อง และคนที่ยึดมั่นในการทำลายคนอื่น ถ้าในเรื่องมีแต่คนดี เรื่องก็จะดูน่าเบื่อ คาดเดาง่ายไป ถ้าในเรื่องมีแต่คนเลว เรื่องก็จะดูน่าหดหู่ ไม่มีความหวังว่าร้ายจะกลายเป็นดี
ดังนั้นการสร้างตัวละครที่หลากหลาย มีทั้งดีมาก ดีน้อย เลวมาก เลวน้อย ช่วยควบคุมเนื้อเรื่องไม่ให้หนักไปด้านในด้านหนึ่งอย่างเดียว ตัวละครที่ดีจะช่วยเป็นความหวังให้คนอ่านว่าความขัดแย้งในเรื่องยังแก้ไขได้ (เช่น ดัมเบิลดอร์ ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ หรือ ทีเรียน ใน Game of Thrones)
ในขณะที่ตัวละครแย่ๆ ช่วยทำให้คนอ่านรู้ว่าเป้าหมายนี้ไม่มีทางสำเร็จได้ง่ายๆ ยังมีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นได้เสมอ (เช่น ปีเตอร์ เพตติกรูว์ ใน แฮร์รี่ พอตเตอร์ หรือ ปีเตอร์ เบลิช ใน Game of Thrones)
ส่วนตัวละครที่เป็นได้ทั้งคนดีและคนเลว ก็ยิ่งทำให้เรื่องคาดเดาทิศทางได้ยากเข้าไปใหญ่ พวกเขาอาจจะตัดสินใจเป็นคนดี หรือยอมเป็นคนเลวเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเองก็ได้ทั้งนั้น นี่ก็เป็นเทคนิคอีกอย่างของจอร์จ อาร์ อาร์ มาร์ติน ในสถานการณ์เดียวกัน ถ้าเป็นนิยายเรื่องอื่น ตัวละครคงเลือกทำแต่สิ่งดีๆ ตามสไตล์พระเอก แต่สำหรับ Game of Thrones แม้แต่ตัวละครที่ดีก็ยังเลือกทำสิ่งเลวร้ายเพื่อรักษาชีวิตตัวเองก่อน
ไม่มีตัวละครตัวใดได้รับสิทธิพิเศษ
ตัวอย่างเช่น แฟนถูกจับเป็นตัวประกัน พระเอกตัดสินใจพุ่งเข้าชาร์จโจร โจรหันมายิงปืนใส่พระเอก แต่พระเอกหลบได้ ทุกอย่างลงล็อกไปหมด นี่คือตัวเลือกที่นักเขียนส่วนใหญ่ใช้กับตัวละคร เรามีสองทางเลือกให้ แต่เราจะเลือกทางที่ดีที่สุดตลอด ตัวเอกปลอดภัย เราก็รู้สึกปลอดภัยด้วย
แต่จอร์จ อาร์ อาร์ มาร์ตินไม่ยอมให้ตัวละครตัวใดตัวหนึ่งมีสิทธิพิเศษเหนือกว่าใคร ถ้าแดเนริสมีมังกรที่คนอื่นไม่มี เธอต้องเจอปัญหาควบคุมมังกรไม่ได้ ถ้าทีเรียนฉลาดเหนือใคร เขาต้องมีรูปร่างไม่สมส่วนและชอบหาเรื่องให้มีแต่คนอยากฆ่าตัวเอง
ลองเขียนให้ตัวละครที่เรารักจมลงไปลึกที่สุด แล้วปล่อยให้ตะกายขึ้นมาควานหาอากาศเอง เมื่อตัวละครของเรากลับขึ้นมาผงาดอีกครั้ง จะทำให้คนอ่านรู้สึกทึ่งกว่าการที่เราคอยแต่ช่วยระวังหน้าระวังหลังเป็นไหนๆ
เทคนิคนี้อาจจะใช้ไม่ได้กับนิยายทั้งหมด แนวที่เหมาะสมคือ แนวแฟนตาซีสงคราม, ไซไฟ, สยองขวัญ, ดราม่า (แบบสะท้อนสังคมหดหู่ ไม่ใช่แบบตบจูบเผ็ดร้อนนะ) ใครที่แต่งแนวนี้อยู่ก็ลองเอาเทคนิคนี้ไปใช้ดูนะคะ
Friday Challenge
เพื่อทลายกรอบที่กั้นเราไม่ให้พัฒนาไปไหนสักที
สำหรับศุกร์นี้พี่น้องขอท้าให้ทุกคนเขียนเรื่องสั้นๆ หัวข้อ
"ซื้อหวย"
แต่จะเกิดอะไรขึ้นก่อนซื้อหวย ระหว่างซื้อหวย หรือหลังซื้อหวยก็แล้วแต่เลย
กติกามีดังนี้
- ใช้หลักการเดียวกับข้างบน นั่นคือ "กดตัวเอกให้จมลึกลงไปให้มากที่สุด" จะสร้างอุปสรรคขัดขวางไม่ให้ตัวเอกไปถึงเป้าหมายยังไงก็ได้ อุปสรรคนั้นจะมาจากภายนอก หรือภายในตัวเอกเองก็ได้
- ไม่จำกัดแนว...จะเกี่ยวกับผี เป็นความรัก หวยวิเศษตามแบบฉบับนิยายแฟนตาซีก็ได้ทั้งนั้น จะเขียนออกมาในเชิงเศร้าๆ ชีวิตรันทด หรือจะฮาแตกเป็นตลกสิบหกฉากก็แล้วแต่
- ตอนจบตัวเอกจะทำตามเป้าหมายสำเร็จหรือไม่ก็ได้ แล้วแต่เลย
- ความยาวไม่จำกัด ใส่ในกล่องคอมเมนต์ได้เป็นพอ
- ผลงานต้องไม่คัดลอกของคนอื่นหรือเอาพล็อตจากเรื่องอื่นมาใช้
33 ความคิดเห็น
โหยยย น่าสนุกค่ะ ปักเลย เดี๋ยวไปคิดเรื่องก่อน
ว้าวนิยายพวกนี้นอกจากดึงดูดคนอ่านเเล้วยังหน่าสนใจอีกด้วยดีเลยเราจะลองเเต่งพวกเเนวนี้บ้างนะขอบคุณคนที่เขียนด้วยนะคะ
นิยายของผมก็ทำให้คนอ่านคลั่งได้เหมือนกันนะ
"นี่มันนิยายอะไรฟะ! อ่านไม่รู้เรื่องเลยว้อย!!"
และบางครั้ง คนเขียนเองก็ยังคลั่งเองเลย
"คนอ่านน้อยอิ๊บอ๋ายเลยว้อย!!"
ครับ...
Game of Thrones เป็นซีรีส์ที่ดีมากเรื่องหนึ่งครับ สร้างลักษณะนิสัยตัวละครออกมามีมิติอย่างที่เขาพูดมาจริงๆ ถือว่าเน้นหนักตรงนั้นเลย
ก่อนอื่นขอออกตัวว่าไม่ได้มีเจตนาล่วงเกินคนที่ชื่นชอบซีรีส์เรื่องนี้นะครับ
แต่สำหรับความเห็นส่วนตัวของผม ตัวละครของเขาเยอะไป หาจุดโฟกัสของเรื่องไม่ได้เลย
ซีซั่นแรก ผมยังดูไม่จบเลยเนี่ย เรื่องอื่นไม่ได้เป็นแบบนี้เลยนะ พอเห็นกระทู้นี้ คงต้องกลับไปดูใหม่แต่ต้นแล้ว
นับถือคนเเต่งมาก ซีรีย์เรื่องนี้ SS1 ผมดูจบภายในวันเดียว มันช่างทำร้ายจิตใจ แบบที่นักเขียนคนอื่นไม่กล้าอ่ะครับ
ว้าววววว //เข้ามาปักหมุด
‘พงศ์’ เดินซัดเซมาตามถนนคอนกรีต ลำตัวเซไปมาด้วยสภาพร่างกายกับจิตใจที่บอบช้ำ สิ่งที่เขาเพิ่งประสบมานั้นร้ายกาจนักเกินกว่าเขาจะทนได้ บ้านที่อยู่มาตั้งแต่เด็กก็ถูกธนาคารยึด ทรัพย์สินก็ถูกริบไปไม่มีเหลือ ส่วนแม่ที่ช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้นก็ถูกหามส่งโรงพยาบาลเมื่อไม่กี่วันก่อน ทุกอย่างเป็นเพราะหมอนั่น!
ผู้ชายที่มีสายเลือดเดียวกับเขา คนที่ได้ชื่อว่าเป็น “พี่ชาย” แท้ๆของเขา กลับทำเรื่องร้ายกาจได้ถึงขนาดนั้น
ตั้งแต่เด็ก พี่ชายเป็นลูกที่แม่เขารักมากที่สุด เพราะหน้าตาดี เรียนเก่งมีความสามารถ ในขณะที่เขาเป็นลูกชัง หลังจากเกิดมาไม่นาน พ่อก็เสียแถมยังขี้โรค กระนั้น แทนที่พงศ์จะเกลียดพี่ชายหรือมองเขาเป็นศัตรู เขากลับเทิดทูนพี่และมองเขาเป็นเหมือนต้นแบบให้เขาทำตาม
แต่เมฆหมอกดำมืดเริ่มปรากฏเค้าตอนพงศ์เริ่มเรียนปี 2 ที่มหาวิทยาลัย เมื่อพี่ชายเริ่มไปคบกับกลุ่มเพื่อนเลวๆ กินเหล้าเมายา การพนัน บางครั้งก็แอบลักลอบขโมยเงินแม่ไป แต่ทุกครั้งที่พงศ์บอก แม่ก็ทำเป็นเหมือนไม่รู้ไม่เห็น เขารู้ดีว่าแม่รู้ แต่แม่ทำใจไม่ได้ที่จะยอมรับว่า ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนั้น
พงศ์เองก็ไม่มีสมาธิกับการเรียน เขาทั้งผิดหวังสับสน ที่พี่ชายผู้เป็นต้นแบบที่เขานับถือจะทำได้ขนาดนั้น จนเกรดของเขาร่วงเรื่อยๆ และวันหนึ่ง ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยง!กลางวันแสกๆ...
“พงศ์! ธนาคารเขาแจ้งมาว่าจะยึดบ้านเรา”
“อะไรนะครับแม่?!” เขาแทบจะล้มทั้งยืน ตอนสอบเสร็จ เขาก็แทบจะไม่มีแรงอยู่แล้ว
“-พินิศ” แม่พูดถึงพี่ชายด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป “มันเอาบ้าน! เอาทรัพย์สินเราไปจำนองหมด! พนันแน่ๆ หมดๆกัน ไม่มีเหลืออะไรแล้ว”
หมด... ไม่มีเหลือ... พงศ์รู้สึกว่าโลกกำลังหมุน เขากำลังจะจบปี 4 อยู่รอมร่อแล้ว แม้เกรดจะห่วย แต่เขาก็ประคอง
มันมาได้เรื่อยๆ แต่ถ้าไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมปีสุดท้าย เขาก็จบไม่ได้ ทุกอย่างที่ผ่านมาสูญสลาย
ตึง!
พงศ์คืนสติ เมื่อเห็นร่างของแม่ล้มไปบนพื้น...
ถนนพื้นคอนกรีตเต็มไปด้วยขยะ และน้ำคลำแฉะ ทั้งเหนื่อยและหิว เขาอยากกลับบ้านเหลือเกิน เดี๋ยวสิ ลืมไปว่าเขาไม่มีบ้านอีกแล้ว ความคิดนี้ทำให้เขาจุกจนพูดไม่ออก เหมือนมีมวลสารบีบคั้นตรงลำคอ พงศ์รู้สึกหายใจไม่ออกจนต้องทรุดตัวริมถนนและมุดหน้าระหว่างเข่า คนที่เดินผ่านไปผ่านมามองเขาเป็นเพียงคนจรจัดน่ารังเกียจ น่าขยะแขยง น่าสมเพชชะตาตัวเองนัก
เขาเงยหน้าขึ้นมา คลำเงินจำนวนหนึ่งที่มีในกระเป๋า ตั้งใจจะไปหาอะไรกิน แต่สายตากลับไปสะดุดตากับแผงขายหวย มันช่างดูยั่วยวนให้เขาไปซื้อนัก ไม่รู้มาอะไรมาเข้าสิง รู้ทั้งรู้ว่าการพนันเป็นตัวทำให้ชีวิตเขาเป็นอย่างนี้ แต่อีกใจหนึ่ง ถ้าเกิดซื้อไปแล้วถูกขึ้นมา ชีวิตก็ไม่ต้องมาทนลำบากอย่างนี้อีก มีเงินไปรักษาแม่ มีเงินไปเรียนต่อ ไถ่บ้านคืน... ในขณะที่ถ้าซื้อของกิน กินแล้วก็สูญ
พงศ์หยิบเงินออกมาดู มีพอกับราคาหวย ซื้อแล้วยังมีเงินอีกหน่อยไว้พอซื้อของกินได้
“ป้า ครับ ล็อตเตอรี่ใบหนึ่งครับ”
“ได้ยินว่าลำบากพอสมควรเลยนี่ พงศ์”
น้ำเสียงดูเป็นห่วง แต่สีหน้านั้นดูถูกเยาะเย้ย พงศ์ฉุนกึก
“แกยังมีหน้ามาพูดอย่างนี้อีกเหรอ -_! แกขโมยเงินแม่ไป ทำ_ไม่ได้เรียนต่อ และยังมาลอยหน้าลอยตาพูดอย่างนี้ได้อีกเรอะ!”
“เอาน่าๆ ที่พี่มาเนี่ย เพราะพี่อยากช่วยแกจริงๆ” พินิศดัดเสียงเหมือนเป็นห่วง จนพงศ์อยากจะอักให้เลือดกบปากจริงๆ นี่ถ้านี่ไม่ใช่ที่ชุมชนนะ รับรอง -พินิศไม่รอดแน่
“แกต้องการอะไร! ข้าไม่อยู่ทนฟังอะไรไร้สาระหรอกนะ”
เมื่อเห็นว่าไร้ประโยชน์ที่จะเสแสร้ง พินิศจึงพูดน้ำเสียงปกติ “เพราะข้ายังเห็นเอ็งเป็นน้องอยู่ เห็นว่าไม่มีเงิน เลยจะเอาเงินมาให้”
“ข้าไม่เอาเงินสกปรกของเอ็ง เงินก็ไม่ใช่ของเอ็งด้วยซ้ำ เป็นของแม่”
พินิศอึ้งสักพักกับคำพูดเสียดแทงของน้องชาย แต่เขาก็กลับมาตั้งหลักได้ “เอาล่ะ ถ้าเอ็งไม่อยากรับเงินข้าเฉยๆก็ไม่เป็นไร งั้นข้าขอซื้อล็อตเตอรี่ที่อยู่ในมือเองด้วยราคา 5 เท่า”
พงศ์งง ทำไมพินิศจะต้องมาแกล้งทำดีกับเขา แต่เขาก็ตระหนักดีว่าล็อตเตอรี่ซื้อข้าวให้เขาไม่ได้ เขาหมดเงินไปกับล็อตเตอรี่ที่ไม่รู้จะถูกรางวัลหรือเปล่า อย่างนั้น การขายเศษกระดาษนี่กับคนอย่างพินิศด้วยราคาสูงก็ดูสะใจดี
“ตกลง”
เช้าวันรุ่งขึ้น พินิศโทรไปทางโรงพยาบาลเพื่อถามข่าวคราวแม่
‘คุณพงศ์ ญาติของคุณสิรินดา สิริรัตน์สินะคะ... ทำใจไว้หน่อยนะคะ ทางคุณหมอเหมือนจะตรวจพบว่าคุณสิรินดา เอ่อ เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายค่ะ...แต่ถ้าเกิดตรวจให้ละเอียดอีกที...’
‘เลขที่ออก... 4 3 8…’
พงศ์หันไปทางวิทยุ นั่นมัน เลขเดียวกับล็อตเตอรี่ที่เขาขายพินิศไปนี่
‘คุณพงศ์คะ?’
ตู๊ดๆๆ
ตอนแรกเราเกลียดท่านมากค่ะ จอร์จ อาร์ อาร์ มาร์ติน!
เพราะท่านฆาตกรรมตัวละครที่เรารักไปหลายครั้งหลายคราเหลือเกิน เน็ด สตาร์คคือรายแรก ร็อบ สตาร์คคือรายต่อมา แถมยังทำให้แบรนน้อยของเราพิการ และอีกมากมาย บลาๆๆ แล้วทำไม ทำไม ศึกแม่สามีลูกสะใภ้ (เซอร์ซีกับมาเจอรี่) อุตส่าห์เชียร์มาเจอรี่ ดันพลิกล็อคมาชนะได้อีก อีตาปีเตอร์ เบลิชก็เหมือนกัน ซานซาก็ด้วย! (เราเกลียดซานซาตั้งแต่ต้น ทำใจให้ชอบไม่ได้จริงๆ!)
แต่พอมาเขียนของตัวเอง.. เออเนอะ ตอนจบให้ตัวละครนี้ตายดีกว่า เอาเพื่อนรักเก่าไปฟัดกันดีกว่า หมั่นไส้นางเอกเอาอุปสรรคไปโยนใส่นางดีกว่า ฯลฯ ชักเข้าใจท่านจอร์จ อาร์ อาร์ มาร์ตินมากขึ้นว่าทำไมถึงชอบฆากรรมตัวละครของตัวเอง 55555
บอกตามตรงตอนนี้มีท่านจอร์จ อาร์ อาร์ มาร์ตินเป็นไอดอลแล้วค่ะ! ใครอ่านนิยายเราอยู่ก็กรุณาเตรียมใจด้วยนะคะ มีคนเขียนเป็นฆาตกรโรคจิตชอบฆ่าตัวละครตัวเองก็แบบนี้
ส่งผลงานได้แค่วันที่ 11 เหรอ -3- ปล.ปักหมุดๆๆๆ
รู้สึกถึงคำว่า "ทำไมพระเจ้าต้องเล่นตลกกับชีวิตข้าด้วยย!!!!!" ของตัวละครเลย
แต่ว่าน๊า ถ้าคนไม่เห็นนิยายของเราแล้ว เค้าจะรู้จักได้ยังไงครับ
ผมแต่งนิยายนานแล้วนะยังไม่มีคนเม้นสักกะคนเลยง่า
LOTRเป็นนิยายของพระเจ้าGRRMตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ฮาาาาาาาาาา
//แซวเล่นขำๆค่ะ แค่เห็นหัวข้อกระทู้พูดถึงแต่GRRMแต่เอารูปโฟรโดกับอารากอนตั้งด้วยแล้วรู้สึกสะกิดใจ //w\\
อ่านแล้วโดนใจมากครับ
นิยายแฟนตาซีไทย ถ้าไม่ได้เขียนโดยนักเขียนมีชื่อจริงๆ จะเป็นแนวตัวเอกเก่งเวอร์ตลอด ขนาดพวกที่ติดท็อปเท็นในเว็บเด็กดีนั้นยังมาแนวนี้เกือบจะทุกคนเลยมั้ง
บอกตรงๆว่าตอนแรกก็ชอบนะ แต่พอได้ลองอ่านนิยายของนักเขียนต่างชาติที่ดังๆแล้ว รู้สึกเลยว่านักเขียนไทยมันสู้อะไรเขาไม่ได้จริงๆ
มันเป็น. Humanity
*editแล้ว
ก๊อกๆๆ "มีใครอยู่ไหม"
แบงค์เดินออกไปเปิดประตูหลังจากได้ยินเสียงตะโกนจากนอกห้อง
"มีอะไรเหรอครับคุณตำรวจ" เขาถาม
"คุณถูกจับ ข้อหาฆาตกรรม.."
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
# 3วันก่อนหน้านี้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“จบครึ่งแรกไปแล้วสำหรับยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกนัดชิงชนะเลิศ มิลานนำลิเวอร์พูลอยู่ถึงสามประตูต่อศูนย์ครั…”
แบงค์เอื้อมมือมาปิดวิทยุ
“แ-่งเอ๊ย!!!” เขาแหกปากโวยวายเสียงดังลั่น มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่นทุบเข้าไปที่วิทยุอย่างจัง “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้วะ”
โอกาศที่ลิเวอร์พูลจะพลิกล็อคกลับมาชนะได้นั้นแทบเป็นศูนย์ นั่นคือสิ่งที่ทำให้แบงค์หัวเสียถึงขนาดนี้ อันที่จริงเขาไม่ได้เป็นแฟนบอลทีมลิเวอร์พูล ไม่เคยดูแม้แต่แมตช์เดียวด้วยซ้ำ แต่เหตุผลที่เขาไม่อยากให้ลิเวอร์พูลแพ้ในคืนนี้ก็เพราะเขาลงพนันข้างทีมทีมนี้เอาไว้
แบงค์เป็นแฟนบอลขาจรผู้ชื่นชอบการพนันเป็นชีวิตจิตใจ เขาเริ่มเล่นพนันบอลตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง จนตอนนี้ทำงานแล้วก็ยังเล่นอยู่ เพื่อนๆต่างตั้งฉายาให้เขาว่า‘นักแทงผู้มากับดวง’ เนื่องจากแบงค์ไม่ใช่คนที่มีความรู้เชิงลึกเรื่องลูกหนัง แต่เวลาเล่นพนันบอล เขาจะเชื่อลางสังหรณ์ของตนเองทุกครั้ง แล้วมันก็ถูกแทบทุกครั้ง แต่ไม่ใช่สำหรับครั้งนี้ ครั้งที่เขาลงเงินไปมากที่สุดเท่าที่เคยเล่นมา เงินเก็บในบัญชีเกินกว่าครึ่งถูกนำมาลงพนันด้วยความบ้าบิ่นและเชื่อมั่นในสัญชาติญาณของตนเอง เขาหวังจะใช้มันทำกำไรก้อนโต แต่ตอนนี้มันกำลังจะหายไป
เขานึกถึงคำพูดที่แอบไปได้ยินลุงบุญมี ลุงห้องข้างๆพูดไว้ช่วงก่อนบอลเริ่มแข่ง “เสี่ยครับ ผมถูกหวยรางวัลที่สอง เสี่ยไม่ต้องห่วงว่าผมจะเบี้ยวหนี้แล้วนะครับ เดี๋ยวผมขอเวลาไปขึ้นเงินสักวันสองวัน มีเงินมาใช่ให้แน่นอน” จากนั้นลุงห้องข้างๆก็โห่ร้องดีใจเสียงดังจนทะลุมาถึงห้องของแบงค์
หลังจากนั่งระทมทุกข์อยู่ได้สักพัก อยู่ๆแบงค์ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว “ลุงห้องข้างๆแกนอนเร็ว ป่านนี้แกน่าจะหลับแล้ว ถ้าเราเข้าไปขโมยล็อตเตอรี่…” เขานึกในใจ
แบงค์ลุกออกจากเตียง แต่งตัว แล้วรีบวิ่งลงไปที่ชั้นหนึ่ง เขาสังเกตุเห็นยามกะดึกหลับอยู่ตามฟอร์ม เขาค่อยๆย่องแอบไปหยิบกุญแจสำรองของห้องข้างๆ พอได้กุญแจมาแล้วก็รีบวิ่งขึ้นบันไดกลับมา
เขาจัดการไขกุญแจและเปิดประตูเข้าไป แบงค์หยิบมือถือขึ้นมาใช้เป็นไฟฉาย พยายามหาล็อตเตอรี่ใบนั้นภายในความมืด เขาต้องหามันให้เจอให้ได้และต้องทำมันให้เงียบที่สุด เขาค้นทุกที่ที่สามารถค้นได้ ไม่ว่าจะโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำ ตู้เย็น หัวเตียง จนแล้วจนเล่าก็ยังหาไม่เจอ
มีอยู่สิ่งหนึ่งในห้องของลุงบุญมีซึ่งสะดุดตาเขามาก มันคือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างๆเตียง แบงค์รูดซิปเปิดมันออกมาแล้วลงมือค้น ข้างในมีเสื้อผ้าและของใช้เบ็ดเล็ตที่ถูกใส่เข้าไปแบบยัดๆ เขาล้วงลงไปลึกขึ้นเรื่อยๆในที่สุดปลายมือของเขาก็ไปสัมผัสเข้ากับเศษกระดาษอะไรสักอย่างที่ทำให้เขารู้สึกสากๆมือ "ต้องใช่แน่ๆ ล็อตเตอรี่" เขานึกในใจพร้อมหยิบมันขึ้นมา
"เสร็จกู"
จากนั้นเขาก็เก็บกระเป๋าให้เข้าที่เหมือนเดิมแล้วย่องออกจากห้องของลุงบุญมีไป ขณะที่เอากุญแจสำรองไปคืนที่เดิม ระหว่างทางเดินลงบันได เขาเดินสวนกับชายคนหนึ่งซึ่งเขาไม่คุ้นหน้า แบงค์ไม่เคยเห็นชายคนนี้มาก่อน ดูเหมือนไม่ใช่คนในตึกนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
ผู้ชายคนนั้นคือ 'เล็ก' ชายวัยกลางคน ผิวคล้ำ ไว้ผมยาวถึงไหล่ เขาเป็นหนึ่งในลูกน้องของเสี่ยป๋อง เดิมทีเขาถูกส่งมาทวงหนี้จากลุงบุญมี เมื่อตอนเย็นเสี่ยป๋องเจ้านายของเขาสั่งเล็กไว้แล้วว่าไม่ต้องไปทวงแล้ว เพราะลุงบุญมีถูกหวย เดี๋ยวมันจะไปขึ้นเงินแล้วเอามาใช้หนี้
แต่ด้วยความละโมภ เล็กอยากได้ล็อตเตอรี่ใบนั้นเสียเอง เขารีบบึ่งมาที่ห้องของลุงบุญมี วิธีของเขาไม่เหมือนกับแบงค์ เขาใส่ถุงมือยาง สะเดาะกุญแจ พอเข้าห้องไปได้เขาก็เปิดไฟสว่างโร่ จากนั้นปลุกลุงบุญมีให้ตื่นจากฝันขึ้นมาเจอกับฝันร้าย
"ลุงๆ รางวัลที่สองเลยเหรอ" เขาหยิบอาวุธคู่ใจขึ้นมาคล้องที่คอของลุงบุญมี มันคือสายไฟซิลิโคนสีดำเส้นหนา ความยาวพอดีมือ เล็กตัดมันมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ "ล็อตเตอรี่ มันอยู่ไหน" เล็กกระซิบข้างๆหูลุงบุญมี จากนั้นรัดคอของลุงอยู่สักพักหนึ่ง แล้วก็คลายเชือกออก
"เดี๋ยวลุงเอาไปขึ้นเงินแล้วลุงจ่าย สัญญา" ลุงบุญมีตอบเสียงแหบๆ
"ไม่เป็นไรลุง เดี๋ยวผมเอาไปขึ้นให้" เล็กยิ้มมุมปาก ในใจเขาไม่ได้หมายความอย่างนั้นแต่น้อย
เล็กลงมือรัดคอลุงบุญมีอีกครั้ง คราวนี้นานกว่าเดิม "บอกมามันอยู่ไหน"
"ให้ตายกูก็ไม่บอก" ลุงบุญมีพูดพลางสำลักไปพลาง
เขารัดคออีกครั้งเป็นรอบที่สาม แต่ลุงบุญมีก็ยังไม่ยอมตอบอยู่ดี เล็กทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย
"ปกติผมไม่ชอบใช้ปืนนะ เพราะมันเสียงดัง แต่ลุงนี่ก็ดื้อด้านจังเนอะ" เล็กหยิบปืนพกขึ้นมาจ่อที่หว่างขาของลุงบุญมี "โดนยิงมันไม่เหมือนกับโดนตัดนะลุง โดนยิงมันต่อไม่ได้ เพราะมันเละเป็นโจ๊กไปแล้ว เลือกเอาเองนะลุง ว่าจะเก็บล็อตเตอรี่ หรือน้องบุญมีน้อยไว้ ตัดสินใจดีๆนะ"
"อยู่ในกระเป๋าๆ" ลุงบุญมีรีบตอบทันที
"ใบนี้น่ะเหรอ" เล็กชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางที่อยู่ข้างเตียง
ลุงบุญมีพยักหน้า
"แหม มีเงินแล้วแพ็คของเตรียมตัวหนีเลยนะ" เล็กพูดแซว จากนั้นเขาก็ลงมือค้นจนทั่ว แต่ก็ไม่เจอล็อตเตอรี่ "ลุงโกหกผมนี่... เมื่อกี้ผมก็เตือนลุงแล้วนะ ว่าให้เลือกให้ดีๆ" เขาหยิบปืนขึ้นมาจ่อที่หว่างขาของลุงบุญมีอีกครั้ง
"เดี๋ยวๆ อย่าพึ่งๆ" ลุงบุญมีรีบขัด "ลุงบอกความจริงก็ได้ๆ ความจริงก็คือลุงไม่ได้ถูกหวยหรอก ลุงซื้อหวยมาและมันก็อยู่ในนั้นจริงๆ แต่ลุงก็ถูกกินเหมือนคนอื่นๆนี่แหละ ลุงโกหกเสี่ยป๋องว่าถูกหวย เผื่อจะต่อเวลาได้อีกสักพักให้ลุงได้หนีไปได้... ลุงพูดความจริงแล้วจริงๆนะ"
"งั้นลุงก็ไม่มีเงินมาใช้หนี้" เล็กยกปืนขึ้นมาจ่อที่หัว
"อย่ายิงลุงเลย ขอร้องล่ะ ลุงพูดความจริงหมดแล้ว" ลุงบุญมีร้องขอชีวิต
"งั้นก็ได้ ผมจะไม่ยิงลุง" เล็กหยิบสายไฟซิลิโคนขึ้นมา แล้วจัดการรัดคอของลุงบุญมี พอรัดไปได้นานพอสมควรเล็กก็คลายเชือกออก แต่ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนๆตรงที่หลังจากคลายเชือกลุงบุญมีไม่เหลือลมหายใจแล้ว...
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เช้าวันต่อมาแบงค์ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเรื่องช็อคสามเรื่องซ้อน
หนึ่งคือ เขาเห็นภาพของ 'สตีเว่น เจอร์ราร์ด' กัปตันทีมลิเวอร์พูลชูถ้วยแชมป์ยูฟ่า อยู่บนหนังสือพิมพ์กีฬาทุกฉบับ "ปาฏิหาริย์ที่อิสตันบูล ลิเวอร์พูลตามตีเสมอเอซีมิลาน 3-3 ก่อนชนะจุดโทษได้แชมป์ไปครอง" พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์กีฬาฉบับหนึ่งเขียนไว้อย่างนั้น
สองคือ เมื่อนำมาตรวจดูให้แน่ใจกลับพบว่า ล็อตเตอรี่ที่เขาไปขโมยมาจากห้องลุงบุญมีไม่ใช่รางวัลที่หนึ่ง มันไม่ถูกรางวัลอะไรเลย ไม่มีแม้แต่จะเฉียด สรุปได้ว่าถ้าเขายอมเสียเวลาดูบอลจนจบ เขาจะได้รู้ความจริงที่ว่า มันไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่จะเข้าไปขโมยลอตเตอรี่เก๊จากห้องข้างๆ เพราะเขาชนะพนันครั้งนี้ ได้เงินก้อนโตที่สุดที่เคยได้ในชีวิต ลางสังหรณ์เขายังคงแม่นเหมือนเดิม
สามคือ ที่ประหลาดและน่าตกใจที่สุด ลุงบุญมีห้องข้างๆเขาถูกรัดคอตาย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากนั้นสองวัน ตำรวจเข้ามาบุกห้องของแบงค์พร้อมกับหมายศาล
"คุณถูกจับ ข้อหาฆาตกรรม" ตำรวจนายหนึ่งกล่าว จากนั้นก็ใส่กุญแจมือเขา
"ผมไม่ได้ทำนะ นี่มันเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว"
"หลักฐานทุกอย่างชี้มาที่คุณหมด มีลายนิ้วมือของคุณอยู่ทั่วห้องของผู้ตาย แล้วก็ที่กุญแจสำรองของห้องผู้ตายด้วย คุณไม่มีพยานที่อยู่"
แบงค์รู้ตัวว่าเขาไม่ได้ทำ แต่คำพูดของตำรวจทำเอาแบงค์เถียงไม่ออก
แม้ความจริงกับสิ่งที่เห็น จะไม่จำเป็นต้องเหมือนกันเสมอไป แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ...
/จบ.
ในค่ำคืนแห่งแสงสีและเสียง รถรายังคงหยุดนิ่งเนื่องจากรถติด ผมเหม่อมองดูท้องฟ้าจากหน้าต่างชั้นสองของบ้าน ทุกวันนี้มันช่างน่าเบื่อ ทั้งเรื่องครอบครัวที่ไม่มีความรักความอบอุ่นให้กัน พ่อแม่ก็มีแต่ก้มหน้าก้มตาหาเงินเลี้ยงดูลูก ปากก็พูดว่ารักแต่การกระทำช่างแต่ต่าง และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมอยู่ในบ้านคนเดียว บ้านหลังหนึ่งขนาดปานกลาง ซึ่งพ่อให้เหตุผลกับผมว่า เราจะได้อยู่ใกล้ๆกันไง
“เหอะ! ตลกสิ้นดี คำพูดก็เป็นเพียงแค่ลมปาก”
และแล้วกระดาษขนาดเล็กใบหนึ่งก็ผ่านพัดมากับสายลมที่ลอยมา
“หวย... งั้นเหรอ” ผมเปิดหน้าต่างออกมามองกระดาษแผ่นนั้นที่ยังคงลอยอยู่แถวหน้าต่างของห้องผม น่าสนใจดีแฮะ พยายามเอือมมือไปหยิบหวยใบนั้น แต่ก็รู้สึกเหมือนว่ามันจะลอยออกห่างไป ผมเลิกล้มที่จะหยิบมันแล้วปิดหน้าต่างกลับมาเหมือน
“หวย ก็เป็นแค่แผ่นกระดาษที่มีไว้แลกกับแผ่นกระดาษ ฉันไม่ตกหลุมนายง่ายๆหรอกนะ เจ้าผี...” ผมเหลือบตามองไปยังมุมห้อง แล้วร่างเงาดำทะมึนก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้น ทั้งดวงตาสีแดงฉานและริมฝีปากยิ้มสยองทำให้ผมเห็นแต่ฟันปลาที่เรียงกันอย่างเบี้ยวๆ มีคราบเหลืองและคราบสีดำอยู่เต็มไปหมด น่ารังเกียจจริงๆ ผมส่ายหัวน้อยๆ
“จะฆ่าฉันด้วยหวยรึยังไง ปัญญาอ่อนจริงๆ หวยแค่นั้นซื้อเอาก็ได้” แต่ยิ่งเห็นเจ้าผีไร้ร่างนั้นยังคงฉีกยิ้ม ผมก็ยิ่งรู้สึกอยากฟาดเท้าใส่ก้านคอของเจ้าผีให้มันหนักๆ
ยิ้มมมมม...
“เฮ้อ” เสียแต่ว่าผมจับต้องร่างกายมันไม่ได้นี้นะ
.........................................
และเช้าวันต่อมาผมก็ไปชื้อหวย ตามองเลขที่อยู่ในกระดาษอย่างชั่งใจ ก่อนจะหยิบใบที่มีเลขคล้ายๆกับเมื่อตอนในฝัน
ใช่...
ทุกอย่างมันเป็นเพียงแค่ความฝัน และในฝันนั้นก็มีสิ่งลี้ลับที่อยากให้ผมตาย อยากรู้จริงๆว่ามันคิดอะไรอยู่
“ขอให้มีความสุขมากๆนะ” ชายขายหวยพูดขณะทอนเงินมาให้ผม ผมได้แต่สงสัย ความจริงมันต้องบอกว่า ‘โชคดี’ ไม่ใช่รึไง
และพอผมเดินมาถึงริมฟุตบาท คำพูดของชายขายหวยก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ภาพของหวยที่กำลังลอยข้ามถนนไปทำให้ผมขยับร่างกายตามอะไรสักอย่างที่บอกมา ‘คว้าเอามาไว้สิ ความสุขของนาย...’
แล้วมันคืออะไรกันล่ะ ผมถามในใจอย่างไม่รู้ตัว ในสมองก็พลางเห็นร่างในความฝันโผล่หน้าออกมา ริมฝีปากของมันขยับพูดเป็นครั้งแรกทำให้ผมอ่านมันได้ใจความว่า
‘ความตายไง’
แล้วทุกอย่างก็มืดมิดไป พร้อมกับลมหายใจของผม...
ธารานั่งอยู่อย่างสิ้นหวังอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องพักซอมซ่อ
พรุ่งนี้หวยออกสินะ เขาคิด จะลองเสี่ยงดูอีกสักครั้งดีไหมนะ
ใครจะไปคิดล่ะว่าเรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นเพราะลอตเตอรี่ใบเดียว
ย้อนเวลากลับไป 10 ปีก่อน
คนสามคนเดินไปตามถนน พวกเขาเป็นเด็กเล็กๆ 2 คนและผู้ใหญ่อีก 1
ในเวลานั้นพระจันทร์ไม่ส่องสว่าง ไม่มีแสงไฟตามถนนแต่สิ่งที่พวกเขามุ่งหน้าไปนั้นมีแสงสว่าง
ร้านขายของชำเล็กๆร้านหนึ่ง
พวกเขาวิ่งไปที่นั่นเพื่อขอความช่วยเหลือ พ่อของธาราพูดขึ้นว่า"ขอโทษครับ เราหลงทางครับ มีใครอยู่มั้ย"
ชายแก่คนหนึ่งนั่งอยู่ที่หน้าประตู เขาพูดขึ้นมาว่า"ตามสบายเลยพรุ่งนี้ค่อยไป เชิญ"แล้วเขาก็เดินนำพวกเราไป ไปสู่ถนนสายปีศาจ พวกเขาพักที่นั่น 1 คืน
วันรุ่งขึ้น
เมื่อพวกเขาตื่นขึ้นก็มีอาหารร้อนๆควันฉุยวางอยู่พร้อม หลังจากพวกเขากินเสร็จทั้งหมดก็เดินออกไปหาชายแก่
พ่อของธาราพูดขึ้นว่า"ขอบคุณสำหรับที่พักและอาหารนะครับ"
"ไม่เป็นไร"ชายแก่ตอบ"รับลอตเตอรี่ซักใบมั้ยล่ะ"เขายื่นมันมาให้ธารา
"ขอบคุณครับ" ธาราบอก
"ต้องมีของแลกเปลี่ยน"ชายแก่บอก
"อะไรหรอคะ เราหามาให้คุณปู่ได้ทุกอย่างเลย"วารีบอก เธอเป็นเพื่อนของธาราและเป็นทายาทของครอบครัวมหาเศรษฐี
"ทุกอย่าง แน่ใจสินะ"ชายแก่พึมพำเบาๆ
"เท่าไหร่ครับ"พ่อถาม
"ฟรี"ชายแก่บอก
"แต่ว่า"พ่อเริ่มแต่ถูกชายแก่ขัดซะก่อน"เดินไปทางเหนือเรื่อยๆจะถึงเมือง ไป ไปได้แล้ว"
หลังจากนั้น
พวกเขากลับไปถึงบ้านทันได้ดูใจแม่ของธารา คำพูดสุดท้ายของแม่คือ "รักษาตัวด้วยนะ"
ตอนนั้นธาราคิดว่านี่แย่ถึงที่สุดแล้ว แต่มันพึ่งเริ่มต้น
ในงานศพของแม่มียายคนหนึ่งที่ธาราไม่รู้จักมาถามเขาว่า"เธอเคยเจอชายแก่ที่ร้านขายของชำรึเปล่า"
"เคยฮะ ทำไมคุณถึงรู้ล่ะ"
"เพราะฉันเจอเขาน่ะสิ เดินออกมาจากบ้านเธอวันที่แม่เธอตาย"
เธอเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า
"ครอบครัวของเธอตกอยู่ในอันตราย ทุกคนที่ซื้อของจากชายคนนั้นจะต้องจ่ายด้วยชีวิต"
ในตอนนั้น แน่นอน เขาไม่เชื่อหรอก
1 ปีต่อมาพ่อของเขาตาย และชีวิตของเขาก็ร่วงลงเหว
ครอบครัววารีรับเขาไปเลี้ยงแต่เขาหนีออกมา
ทันทีที่หนีออกมาเขาเจอยายที่เคยเห็นที่งานศพแม่
"เธอมีพูดอะไรกับเขาเรื่องของแลกเปลี่ยนรึเปล่า"เธอถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
"วารีพูดกับเขาว่าเราให้เขาได้ทุกอย่าง หา! ก็แปลว่าที่เขาตามล่าเราก็เพราะ"
ตึก ตึก ตึก เขาหันไป ชายแก่กำลังไล่ตามเขามา
"หนีไปเด็กหนุ่ม! หนีไป ฉันจะต้านเขาไว้"ยายร้องและเขาก็ไม่เจอเธออีกเลย
ถ้าตอนนั้นเชื่อยายคนนั้นก็คงจะดี เขาคิดอย่างขมขื่น
เขาเดินออกไปที่ระเบียงและเห็นร้านขายของชำซอมซ่อ แต่คุ้นตา
เขาเดินไปที่ร้านนั้นและพูดว่า"ขอซื้อลอตเตอรี่ครับ"
ภายในร้านมีชายแก่ที่ดูคุ้นตายิ่งกว่าพูดว่า
"ได้เลย พ่อหนุ่ม ไม่ได้เจอกันนานนะ"
"สรุปง่ายๆ ว่าเทคนิคของลุงจอร์จ อาร์ อาร์ มาร์ตินคือการทรมานคนอ่าน ด้วยการใส่ "สิ่งที่คนอ่านมักไม่ชอบ" ลงไป ตามธรรมชาติคนเราที่มีความรุนแรงอยู่ในตัว และมีความสุขจากการถูกทรมาน (แต่ไม่ค่อยมีใครยอมรับหรอกนะ)" โอ้ ม่ายยยยนะ เราเป็นMรึนี่ 55555
GoTสำหรับเรา สนุก น่าติดตาม มีเหตุมีผล ที่สำคัญคือ เดาไม่ได้ ทำให้เรื่องนี้ต่างกับนิยายทั่วไป ซึ่งมักมีตัวเอกหลักๆ ที่ต้องปูทางให้อยู่ได้จนจบเรื่อง ไม่ว่าจบดีจบเศร้า ตัวละครนั้นจะอยู่ไปจนถึงท้ายๆ
แต่GoT ตัวละครเด่นๆเยอะ ทำให้ไม่ต้องลากไปจนจบก็ได้ เด่นแค่ไหนก็มีสิทธิตาย เลยกลายเป็นจุดขายของGoTไป
ซึ่งคนเขียนเก่งมากด้วย ตรงที่มีตัวละครเด่นๆหลายตัวก็จริง แต่เฉลี่ยบทให้น่าสนใจได้ทั้งนั้น ตัวนึงตายไปก็มีตัวอื่นดำเนินเรื่องต่อแบบไม่สะดุด หรือตัวไม่เด่นก็ขึ้นมาเด่นได้แบบไม่รู้สึกว่าโดนยัดบท คือขึ้นมาเด่นได้อย่างมีเหตุมีผล
เรื่องนี้ทำเอาคารวะคนเขียนเลย เป็นเรื่องเดียวที่ดูซีรี่ย์แล้วถึงขนาดต้องไปหาภาษาอังกฤษต้นฉบับมาอ่านอีกรอบ เพราะอยากดูแนวทางการเขียน การวางเรื่องเจ๋งๆ
ตระกูลแสตนส์ คือตระกูลที่มีลูกชายรูปหล่ออยู่4คนคือ เซนเดิล นิสัยดุร้ายป่าเถื่อนไม่ให้เกียติผู้หญิงแต่กลับแพ้น้ำตาผู้หญิงซะงั้น== เคนไรส์ นิสัย เย็นชาเหมือนน้ำแข็งหน้าด้าน เลาเลส นิสัยเพลย์บอยโครต ทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบก็มี สุดท้ายคุณชายแสนดีเพอร์เฟกนั่นก็คือ ลูซันเดิล นิสัย ใจดีเพอร์เฟกให้เกียติผู้หญิงพูดน้อยต่อยหนัก
ส่วนฉัน สาวใช้หน้าตาน่ารัก สวยด้วย ลูล่าคนนี้ กำลังเป็นที่โปรดปรานของพวกเขา แต่ว่านะ...ฐานะน่ะเซ่!!!! ฉันมันจนโอ้ม่ายยยยย ฉันน่ะนะกำลังรักกับลูซันเดิล โชคดีเป็นบ้าแต่ว่านะเขามีคู่หมั้นที่สวยไม่แพ้ช้านนนน โอ้พระสงฆ์
ด้วยเหตุนี้ฉันจึงต้องเก็บเงินเพื่อที่จะแต่งงานกับเขา!!
เช้าวันหนึ่ง เวลา 7:30 นาที
สาวสวยคนหนึ่งแต่งตัวเริ่ดไฮโซ เดินเข้ามาในคฤหานส์หลังนี้ แน่นอนว่าสาวรับใช้แบบฉันต้องมายืนต้อนรับแบบนี้ทุกวัน
"ยินต้อนรับค่ะคุณหญิง" ซูซัส คู่หมั้นของลูแซนเดิล กำลังเดินขึ้นบันไดที่ปูพรมแดง อิจฉาเสียจริ๊งงงงงง ทั้งรวยทั้งสวย แต่กับฉันมักจะโดนแซนเดิลจิกหัวใช้อยู่บ่อยครั้ง จนบางวันก็ไม่ได้กินข้าวแถมห้องที่ฉันอยู่ก็สกปรกมากกก
ทำความสะอาดเท่าไหร่ก็ไม่เคยสะอาดเลยฝุ่นเยอะจริงๆ สิ่งที่กั้นความรักของฉันกับลูแซนเดิลคือ "ฐานะ" เขารวยฉันจน............. ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย Q^Q ทางเดียวที่จะรวยได้ในตอนนี้คือ "ล๊อตเตอรี่"แน่นอนว่าฉันต้องไปซื้อ ถ้าเกิดว่าถูกขึ้นมาล่ะก็ รวยค่าาาาาาาา
คิดได้ดังนั้นก็หาเวลาและโอกาสว่างไปซื้อ ในที่สุดโอกาสว่างก็มาถึงโฮๆๆๆๆๆๆๆๆ น้ำตาจะไหลค่าาาาา ลูล่ารีบวิ่งไปที่ตลาดเพื่อซื้อ ล๊อตเตอรี่
"ป้าคะๆๆๆๆล๊อตเตอรี่ใบละกี่เท่าไหร่!!"
"1ดอลล่าห์จ่ะอีหนู" ฉันรีบเลือกแล้วจ่ายเงินไป เมื่อกลับมาถึงคฤหานส์ก็ยิ่งต้องฟังวิทยุบอกล๊อตเตอรี่ จนจะไม่เป็นอันกินอันนอน ในที่สุดเวลานั้นก็มาถึง
"ล๊อตเตอรี่รางวัลที่1ได้เงินร้อยล้านดอลล่าห์คือ 1-4-5-3-6-6 "
"กรี๊ดดดดดดดช้านถูกล๊อตเตอรี่โอ้เย้~!!>{}<"ลูล่ากระโดดโลดเต้นดีใจแล้ววิทยุก็บอก่อว่า
"ล้อเล่นครับล๊อตเตอรี่ที่ถูกคือ 1-3-4-4-5-0" ความดีใจหายไปฉับพลันมีแต่ของสิ้นหวังเอย
ม่ายจริงงงงง ฉันจะได้แต่งงานได้ยังไงฉันโดนล๊อตเตอรี่กิน ม่ายยยยยยยยยยยยยยย โลกช่างโหดร้ายยยยยยยยยยยยยยย ลูล่าเดินออกมานอกห้องด้วยความสิ้นหวัง แล้วเห็นลูซันเดิลกำลังนั่งชันเข่า ในมือมีกล่องแหวน "แต่งงานกับผมนะ" คำพูดนี้ทำให้ฉันต้องคิดใหม่ โลกนี้ช่างดี๊ดี ต่างหาก
น้ำตาฉันไหลอาบแก้มด้วยความซึ้ง ฉันพยักหน้า แล้วเขาก็ยิ้มก่อนจะพูดว่า "สินสอดทองหมั้นของคุณคือ เพรช10ตัน เงินสามร้อยล้านดอลล่าห์ และค่าพิธีวิวาห์อีกแสนล้าน"
ม่ายยยยยยยยยยย นี่มันอารายก๊านนนนนนนนน โลกนี้ช่างโหดร้ายยยยยยยย น้ำตาแห่งความซึ้งกลายเป็นน้ำตาแห่งความกังวล แล้วจะหาเงินที่ไหนอีกล่ะเนี่ยยยย คงต้องหวังพึ่ง "ล๊อตเตอรี่"อีกแน่นอน
ฮึกๆๆๆๆๆๆ ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
THE END
สิ้นหวังมากมายไม่มี "สินสอด"
ร่างบางนั่งจ้องมองสมุดบัญชีธนาคารอย่างท้อแท้ใจ ตัวเลขที่มีเพียงหลักร้อยทำให้น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาอย่างท้อแท้
‘เจ้าจอม’ เงยหน้าขึ้นสะกดกลั้นน้ำตา สถานะทางการเงินของที่บ้านกำลังย่ำแย่ถึงขีดสุด แต่พ่อแม่ของเธอกลับทิ้งเธอซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวไว้ที่เมืองไทย และพากันใช้เงินก้อนสุดท้ายที่มีอยู่บินไปฮ่องกงเพื่อหาลู่ทางในการเพิ่มจำนวนเงินในบัญชี
“หนู เป็นอะไรไป ทำไมมานั่งร้องไห้แบบนี้ล่ะ” เสียงหนึ่งดังขึ้น เจ้าจอมปาดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะเงยหน้ามองเจ้าของเสียงที่เดินเข้ามาทักเธอ หญิงชราที่ยืนตรงหน้าเธอส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้
เจ้าจอมส่ายหน้าก่อนจะพยายามฝืนยิ้มออกมา อา...นี่เธอนั่งร้องไห้มานานแค่ไหนแล้วเนี่ย ร่างบางลุกขึ้นก่อนจะเดินผ่านหญิงชราไป หญิงสาวเดินเตะฝุ่นไปตามถนนอย่างล่องลอย เสียแล้ว...
ฟิ้ว
แผ่นกระดาษใบเล็กแผ่นหนึ่งลอยมาปะทะกับหน้าของเจ้าจอมอย่างไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวดึงกระดาษออกจากหน้าก่อนจะพบว่ามันคือลอตเตอรี่นั่นเอง เจ้าจอมเพ่งมองตัวเลขในกระดาษอย่างชั่งใจก่อนจะตัดสินใจโยนลอตเตอรี่ทิ้งไปอย่างไม่เห็นค่า
เช้าวันต่อมา
หญิงสาวตื่นขึ้นแต่เช้าก่อนจะเดินเสาะไปตามทางเพื่อหาป้ายรับสมัครงาน จนตกบ่ายเธอก็ได้สมัครงานในตำแหน่งแม่บ้านของบริษัทแห่งหนึ่ง เจ้าจอมต้องทนล้างห้องน้ำที่ส่งกลิ่นเหม็น สกปรก ในใจก็หวนคิดไปถึงวันคืนที่แสนสุข วันที่เธอยังเป็นคุณหนูที่ใช้ชีวิตอย่างแสนสบาย หญิงสาวก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดจนถึงเย็นอันเป็นเวลาเลิกงาน เจ้าจอมเดินตรงรี่เข้าไปยังร้านขายหนังสือแถมๆ นั้นก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านฟรีเพื่อให้ตนได้รับรู้ข่าวสาร ก่อนจะต้องขยี้ตาถึงสามครั้งเมื่อเห็นตัวเลขประกาศรางวัลที่1 ในหนังสือพิมพ์
เบอร์นั้น...
มันเบอร์ลอตเตอรี่ที่เธอเก็บได้เมื่อวานนี่!!!
เจ้าจอมมือสั่น ปากสั่นไปหมด เธอรีบวางหนังสือพิมพ์ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปยังถนนเส้นที่เดินเมื่อวาน สานตาก็กวาดมองหาเศษกระดาษทั่วทั้งถนน จนเวลาผ่านไป ท้องฟ้ายามราตรีก็มาแทนดวงอาทิตย์ เจ้าจอมทรุดตัวลงนั่งอย่างเศร้าเสียใจและท้อแท้
“โอกาสอยู่ตรงหน้า...แต่ฉันกลับไม่คว้าเอาไว้....” เธอซุกหน้าลงกับแขนเพื่อซ่อนน้ำตา