วิจารณ์หนังสือ : แฮร์รี่ พอตเตอร์กับบางสิ่งที่ซ่อนอยู่


 

วิจารณ์หนังสือ : แฮร์รี่ พอตเตอร์

เพราะวรรณกรรมเรื่องนี้ไม่ได้ให้แค่ความบันเทิง
แต่ยังสะท้อนสังคมโลกของเรา!


 
สวัสดีชาวไรเตอร์ทุกคนค่ะ มาพบกับพี่น้ำผึ้งอีกแล้วนะคะ ปีใหม่นี้ไปเที่ยวไหนกันบ้างคะ? ส่วนพี่ ไหนๆ ก็หยุดยาวแล้วเลยขอแอบอ่านหนังสือสักหน่อย ซึ่งหนังสือที่พี่หยิบมาก็เป็นเรื่องพี่ที่เชื่อว่าน้องๆ ชาวเด็กดีต้องรู้จักแน่นอน มันคือ... ''แฮร์รี่ พอตเตอร์" นั่นเอง! 

วรรณกรรมเล่มนี้นับว่าเป็นหนังสือเล่มโปรดของพี่เลยก็ว่าได้นะคะ อีกทั้งยังเป็นหนังสือนิยายต่างประเทศเล่มแรกที่พี่อ่านเลย ในช่วงหยุดยาวก็เลยได้โอกาสหยิบมาอ่านอีกครั้งซึ่งก็สนุกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือสิ่งที่เราได้จากการอ่าน อาจเป็นเพราะเราโตขึ้นด้วยเลยทำให้เราตกตะกอนอะไรได้หลายๆ อย่างจากหนังสือชุดนี้ หลังจากอ่านจบก็ได้ทั้งแง่คิดและมุมมองที่น่าสนใจ พี่ก็เลยนำมาแบ่งปันให้น้องๆ ชาวไรท์เตอร์ได้อ่านค่ะ ส่วนประทับใจตรงไหนหรือคิดเห็นยังไงก็อย่าลืมแบ่งปันให้พี่ฟังด้วยนะจ๊ะ ^___^
 
เจ.เค. โรว์ลิ่ง
 
เจ.เค โรว์ลิ่ง คือผู้ประพันธ์นิยายชื่อดังเรื่องนี้ โดยหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ แบ่งออกเป็น 7 เล่มด้วยกันดังนี้
 
  • แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์
  • แฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ
  • แฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบัน
  • แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี
  • แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟินิกซ์
  • แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม
  • แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต

     
         
หนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ฉบับภาษาไทย
 
ซึ่งในแต่ละเล่มเราก็จะเห็นพัฒนาการของตัวละครที่ชัดเจน อย่างในช่วงเล่ม 1-2 ถ้าเปรียบเป็นช่วงในบ้านเราก็คงเหมือนกับเด็กมัธยมต้น ม.1 ม.2 ที่ใสๆ พอช่วงเล่ม 3 เราจะเห็นว่ามันเป็นคาบเกี่ยวที่ว่าแฮร์รี่ของเราจะเป็นเด็กใสๆ หรือจะเป็นวัยรุ่นดีนะ เราเรียกช่วงนั้น “หัวเลี้ยวหัวต่อ” ค่ะ คือถ้าเด็กจะดีหรือแย่ก็ตัดสินมันช่วงนี้แหละ!
 
อย่างในเล่ม 3 เราก็จะเห็นพฤติกรรมของแฮร์รี่ที่เปลี่ยนไปจากตอนเด็กๆ ชัดเจนเลยนะคะว่าตัวของเขานั้นก้าวร้าวขึ้น หรือทำอะไรไม่รู้จักคิด เห็นได้จากการที่แฮร์รี่ของเราเสกคาถาทำให้ป้าของเขาบวมเป่งเป็นบอลลูนเลย ทั้งหมดเป็นผลจากการที่ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองไงล่ะ
 
พอพ้นหัวเลี้ยวหัวต่อมาได้ก็เป็นช่วงเล่ม 4-6 ที่เห็นได้ชัดเจนเลยว่าแฮร์รี่ของเราเป็นหนุ่มแล้วนะ! เขาเริ่มจะมีมุมแอบรักโช แชง หรือแม้กระทั่งในเล่ม 6 ที่แสดงออกชัดเจนเลยว่า “หลงรักจินนี่” น้องสาวของรอนหัวปักหัวปำ ถ้าเปรียบกับบ้านเราก็คงเป็นช่วง “มัธยมปลาย” ที่เริ่มจะรู้อะไรๆ มากขึ้นและสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเองแล้ว

 
จินนี่ วีสลี่ย์ กับ แฮร์รี่ พอตเตอร์ 
 
พี่น้ำผึ้งเองก็เคยเปรียบเปรยขำๆ นะคะ เรื่องข้อสอบที่ชาวฮอกวอตส์ต้องสอบในช่วงปี 5 และปี 7 นั้นเหมือนกับการสอบในบ้านเราไม่มีผิดเลยค่ะ โดยพวกนักเรียนเนี่ยต้องสอบ ว.พ.ร.ส (O.W.Ls) กับ ส.พ.บ.ส (N.E.W.Ts) ซึ่งมีผู้ทดสอบมาจากกระทรวงเวทมนตร์ เหมือนกับพวกเราที่ต้องสอบ O-NET และ GAT-PAT ซึ่งเป็นข้อสอบมาตรฐานระดับชาติ การสอบนี้ว่ากันว่ายากมากๆ เลยนะคะ ก็เลยส่งผลให้ตัวนักเรียนเกิดภาวะความเครียดและกดดันอย่างเช่นซูซาน โบนส์เป็นต้น ก็แหม... ข้อสอบระดับชาติขนาดนั้นไม่เครียดได้ยังไงล่ะ
 
แล้วไอ้เจ้า ว.พ.ร.ส (O.W.Ls) คืออะไรล่ะ? มันคือ การทดสอบขั้นพื้นฐานวิชาพ่อมดระดับสามัญ (Ordinary Wizarding Levels Test) ที่นักเรียนทุกคนต้องสอบเมื่อครบอายุ 15 ปี (อย่าลืมว่านักเรียนที่นี่เข้าเรียนตอนอายุ 11 ปีนะจ๊ะ) ส่วน ส.พ.บ.ส (N.E.W.Ts) คือการทดสอบความรู้พ่อมดเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ (Nastily Exhausting Wizarding Test) ที่สอบในปี 7 และเป็นวุฒิการศึกษาสูงสุด
 
เพราะงั้นถ้า ว.พ.ร.ส เหมือนกับ O-NET ส.พ.บ.ส ก็คงเหมือน GAT-PAT สินะคะ น้องๆ คิดว่ายังไงล่ะ? #ร้องไห้หนักมาก
 
ส่วนในเล่มสุดท้ายนั้นแฮร์รี่โตขึ้นกว่าเดิมมาก ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือแม้กระทั่งความคิด นิสัยของเขาที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เขาได้เรียนรู้เรื่องราวภายนอกมากกว่าสิ่งที่อยู่ในโรงเรียน เห็นได้ชัดว่าวุฒิภาวะของแฮร์รี่นั้นเปลี่ยนไป อาจเนื่องด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง ทั้งสภาวะกดดันที่ต้องตามหาและกำจัดฮอร์ครักซ์อีก 5 ชิ้นของโวลเดอร์มอร์ รวมทั้งในเล่มนี้เรายังพบ “จุดแตกหัก” ของเพื่อนรักที่เรียกได้ว่าทำให้ใครหลายคนต้องเสียน้ำตา
 

ตัวละครหลัก

แฮร์รี่ พอตเตอร์
 
แฮร์รี่ พอตเตอร์ เกิดเมื่อ 31 กรกฎาคม 1980 พ่อแม่ของเขา เจมส์ และลิลลี่ ได้สละชีวิตเพื่อปกป้องเขาจากอำนาจแห่งศาสตร์มืด โดยมีเพียงแผลเป็นรูปสายฟ้าเท่านั้นที่ลอร์ดโวลเดอมอล์ได้ฝากเอาไว้  เขาจึงถูกขนานนามว่าเด็กชายผู้รอดชีวิต
 
แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นตัวละครหลักที่นอกจากจะมีความกล้าหาญแล้ว เขายังมีคุณธรรมที่น่ายกย่องอีกมาก เช่น  ความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ อย่างที่เห็นได้ในภาค 4 แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี  แฮร์รี่เลือกที่จะไม่วิ่งไปหยิบถ้วยรางวัล แต่ไปช่วยเหลือเซดริกแทน อีกทั้งเขายังเป็นคนที่เสียสละเพื่อส่วนรวม  เขายอมสละชีวิตเพื่อกำจัดฮอครักซ์อีกชิ้นที่อยู่ในตัวของเขาเพื่อที่จะได้กำจัดลอร์ดโวลเดอมอร์และรักษาโลกแห่งเวทมนตร์เอาไว้ในเล่มสุดท้าย

 
เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์
 
เฮอร์ไมโอนี่มีพ่อแม่เป็นมักเกิ้ลที่เป็นหมอฟัน แม้ว่าเธอจะเป็นพวกเลือดสีโคลน แต่ก็ได้รับการยอมรับจากเพื่อนๆ  ในสติปัญญาอันชาญฉลาด  เธอมีไหวพริบที่ยอดเยี่ยม และ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ได้เสมอ  เฮอร์ไมโอนี่รักในการเรียน  เมื่อจบสงครามแล้วเธอก็ยังคงศึกษาต่อตอนจบชั้นปีที่ 7 แม้จะต้องเสียเวลาอีก 1 ปีก็ตาม ในขณะที่แฮร์รี่และรอนเข้าทำงานเป็นมือปราบมารเลย
 
น้องๆ ต้องเอาอย่างเฮอร์ไมโอนี่ไว้นะคะ นับว่าคุณเฮอร์เขาเป็นไอดอลใครหลายๆ คนรวมทั้งพี่เลย ^^
 
นอกจากนี้เธอยังโดดเด่นในความกล้าหาญและมีสติ เธอมักจะเตรียมความพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงไว้ล่วงหน้าเสมอ  อย่างเช่นในภาคที่ 7 แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต เธอเตรียมข้าวของที่จำเป็นใส่ลงในกระเป๋า เมื่อพวกผู้เสพความตายบุกเข้ามาในงานแต่งงานทำให้เธอและเพื่อนจำเป็นต้องหนีไป เธอก็ไม่ต้องห่วงเพราะว่าเธอได้ตระเตรียมของไว้แล้ว

 
รอน วีสลีย์
 
รอนเกิดในตระกูลวีสลีย์ซึ่งเป็นตระกูลพ่อมดเลือดแท้  เขามีพี่ชาย 5 คนคือ บิล ชาลี เพอร์ซี่ย์  คู่แฝดเฟร็ดกับจอร์จ  และมีน้องสาวอีกหนึ่งคนคือจินนี่ เนื่องจากตระกูลวิสลีย์ไม่ค่อยร่ำรวยและออกไปทางยากจนเลยทำให้รอนต้องใช้ของที่ตกทอดมาจากพวกพี่ๆ
 
รอนเป็นเพื่อนรักของแฮร์รี่ แต่ลึกๆ นั้นเขาก็เคยรู้สึกกดดัน เพราะว่าพี่ชายของเขาล้วนมีความสามารถ อีกทั้งเพื่อนสนิทของเขาแฮร์รี่ก็เป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง อีกทั้งเฮอร์ไมโอนี่ก็ยังเป็นหัวกะทิของโรงเรียน  ความกดดันนี้ได้ถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจนในภาคที่ 4 แฮร์รี่พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี เมื่อตอนที่รอนรู้ว่า มีชื่อของแฮร์รี่ในถ้วยอัคนี เขารู้สึกโกรธมาก แต่ท้ายที่สุดเขาก็สำนึกได้ว่ามิตรภาพนั้นสำคัญกว่าชื่อเสียงใดๆ
 
แม้จะฟังดูแย่ แต่จริงๆ รอนเองก็มีความสามารถพิเศษเหมือนกันนะคะ ในด้านหมากรุกพ่อมดนั้นรอนทำได้เยี่ยมยอด สังเกตได้จากในเล่มที่ 1 แฮร์รี่พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ เขาได้เอาชนะหมากรุกยักษ์ของศาสตราจารย์มักกอนนากัล  
 
หมากรุกพ่อมดในภาคที่ 1
 
ซึ่งหมากรุกนับว่าเป็นเกมกีฬาที่น่าสนใจ เพราะไม่ได้เพียงแต่ช่วยทำให้เรามีสมาธิมากขึ้น หากแต่ยังช่วยบริหารสมองอีกด้วยค่ะ เราเรียกเกมจำพวกนี้ว่า “เกมของคนฉลาดจอมวางแผน” ถ้าน้องๆ มีโอกาสก็ลองเล่นดูนะคะจะพบว่าเรารู้จักวางแผนมากขึ้นเยอะเลยค่ะ :D
 
นอกจากนี้รอนยังโดดเด่นในด้านความกล้าหาญ เสียสละและความมั่นคงในมิตรภาพของเขา  
 
ทอม ริดเดิ้ล
 
ทอม ริดเดิ้ลเป็นหนึ่งในตัวละครโปรดของพี่ค่ะ พี่รู้สึกว่าเขามีมุมที่ซับซ้อน แม้จะดูลึกลับแต่ก็แอบอ่อนแอ พี่รู้สึกว่าการที่เขาเป็นแบบนี้เป็นเพราะต้องการปิดบังความอ่อนแอของเขาที่มีอยู่ค่ะ ถ้าอย่างนั้นลองมารู้จักทอม ริดเดิ้ลกันเถอะ
 
ทอม เกิดจากพ่อที่เป็นมักเกิ้ล ซึ่งทิ้งเขาไปหลังจากที่แม่ของเขาเลิกใช้ยาเสน่ห์ เขาเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าและเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ สังกัดบ้านสลิธีริน  เขามีความยอดเยี่ยมในด้านการเรียน แต่ก็เลิกเรียนเมื่อปีที่ 5  เพราะค้นพบห้องแห่งความลับและเกิดเรื่องขึ้น  
 
ทอมผันตัวเข้าสู่เส้นทางศาสตร์มืด เขาต้องการสร้างโลกที่ปราศจากมักเกิ้ล และผู้มีเวทมนตร์สามารถเปิดเผยตัวเองเป็นอิสระได้  เขารวบรวมพรรคพวกเพื่อปฏิวัติ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ต่อต้านเขาหรือที่เรารู้จักในชื่อภาคีนกฟินิกซ์  ทอมเรียกตัวเองว่าลอร์ดโวลเดอมอร์  โดยประชาชนที่เกรงกลัวอำนาจของเขาเรียกเขาว่า คนที่คุณก็รู้ว่าใคร

 
ทอม ริดเดิ้ลตอนเป็นโวลเดอมอร์
 
ลอร์ดโวลเดอมอร์สูญเสียอำนาจครั้งแรกหลังจากสังหารครอบครัวพอตเตอร์  และ 11 ปีให้หลังเขาก็ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง หลังจากที่ฮอร์ครักซ์ทั้งหมดถูกทำลาย  แฮร์รี่ พอตเตอร์โดยใช้คำสาปพิฆาต มันจึงเป็นจุดจบของลอร์ดโวลเดอมอร์
 
ศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์
 


 
ดัมเบิลดอร์มีน้องชายชื่ออาร์เบอร์ฟอร์ท และน้องสาวชื่อแอรีอานนา  ดัมเบิลดอร์ไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัวเท่าไรนัก  เข้าเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์และเป็นอาจารย์สอนวิชาแปลงร่างและหัวหน้าบ้านกริฟฟินดอร์  ในปี 1970 เขาได้ดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ใหญ่   ดัมเบิลดอร์สามารถเอาชนะพ่อมดมืดกรินเดลวัลด์ในปี 1945 ทำให้เขามีชื่อเสียงมากในโลกพ่อมด  เขาเป็นคนใจดีและมีความเมตตา เขาฉลาดและมองการณ์ไกล แต่กระนั้นเขาเองก็ยังมีด้านมืด อย่างเช่น ความเห็นแก่ตัว

 

 
เดรโก มัลฟอย
 
เดโกรเป็นบุตรชายของลูเซียส มัลฟอยและนาร์ซิสกา แบล็ก ครอบครัวของเขาเป็นตระกูลพ่อมดเก่าแก่ประเภทเลือดบริสุทธิ์ เพราะเขามีความร่ำรวยมากจึงได้รับความนับถือจากพ่อมดแม่มดหลายคน เหมือนกับในโลกแห่งความเป็นจริงที่เรามักจะนับถือคนที่มีเงิน
 
ที่เดโกรดูเหมือนชั่วร้ายก็เพราะว่าเขาถูกเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่ไม่ค่อยดี  พ่อแม่ของเขามักจะบังคับเขาไปซะทุกเรื่อง  และเขามักจะได้ทุกอย่างที่ต้องการเลยทำให้เขาเป็นพวกเอาแต่ใจตนเอง เดโกรมีลูกสมุนคือแครบบ์และกอยล์  เขามักจะทำตัววางอำนาจแต่ในความจริงแล้วเขาเป็นพวกอ่อนแอ เดโกรถูกผู้เสพความตายบังคับให้ฆ่าดัมเบิลดอร์ แต่ก็ไม่สามารถตัดใจฆ่าลงได้  เมื่อเขาแต่งงานภรรยาของเขาก็นำเขาไปสู่ทางที่สว่าง เดรโกยอมรับในพวกมักเกิ้ลมากขึ้น
 



 
นอกจากนี้พี่ยังแตกประเด็นต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ในวรรณกรรมชุดนี้ ซึ่งพี่คิดว่าเจ.เค. โรว์ลิ่งเองก็คงต้องการจะแอบบอกเราเป็นนัยๆ
 

เหยียดเลือด -  เหยียดสีผิว

แน่นอนว่าการแบ่งชนชั้นวรรณะไม่ได้มีแค่ในโลกของเรา แต่ในโลกเวทมนตร์เองก็มีเหมือนกัน ในภาคที่ 7 มีการกวาดล้างพวกเลือดสีโคลน ซึ่งเกิดจากมักเกิ้ล (มักเกิ้ล = มนุษย์) โดยดูถูกว่าเป็นพวกน่ารังเกียจ
 
ผู้เขียนต้องการสื่อถึงการเหยียดสีผิวและเชื้อชาติที่เคยรุนแรงมากในอดีต  และในปัจจุบันก็ยังคงมีอยู่ทั่วทุกมุมโลก แต่ในท้ายที่สุด เมื่อจบสงครามทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ  พวกเลือดสีโคลนและมักเกิ้ลได้รับการยอมรับมากขึ้น
 
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์  ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นพวกเลือดสีโคลน  แต่ก็ยังได้รับการยกย่องในความสามารถอันโดดเด่นของเธอ
 

การกำพร้าพ่อแม่


จะเห็นได้ว่า ตัวละครหลักๆ ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่ว่าจะเป็นตัวแฮร์รี่เอง ตัวของทอม ริดเดิ้ล หรือเนวิลล์ ลองบัทท่อม ต่างก็ล้วนแต่กำพร้าพ่อแม่ทั้งนั้น แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดก็คือลักษณะนิสัยและการเลี้ยงดูที่ได้รับ  เช่น  
 
เนวิลล์ ลองบัตท่อม
 
หลังจากแม่ของทอม ริดเดิ้ลตายไป ตัวเขาก็ถูกส่งไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ก็ถูกกลั่นแกล้งเสมอ เขาใช้ความเจ็บปวดเหล่านั้นนำไปสู่เส้นทางของจ้าวแห่งศาสตร์มืดที่เต็มไปด้วยความโลภ ความเห็นแก่ตัว และความชั่ว
 
ในขณะที่แฮร์รี่ แม้จะถูกเลี้ยงดูมาด้วยป้าเพ็ตทูเนียและลุงเวอร์นอนที่เป็นญาติ  แต่สภาพแวดล้อมก็ไม่ได้ต่างจากทอมเท่าไรนัก เขามักจะถูกดัดลีย์  ลูกชายของป้าและลุง รังแกบ่อยๆ และถูกมองว่าเป็นเศษเกินของครอบครัวเสมอ แต่เขากลับใช้ความเจ็บปวดและปมนี้ผลักดันให้เขารักในความยุติธรรม เห็นแก่เพื่อนมนุษย์ และนำไปสู่ทางสว่าง
 
ส่วนเนวิลล์นั้น แม้เขาจะไม่มีพ่อแม่ แต่ก็ยังมียายที่คอยเลี้ยงดู  เนวิลล์มักถูกเพื่อนถูกแกล้งบ่อยๆ แต่เขาก็ยังได้รับกำลังใจจากเพื่อนอีกหลายคน ทำให้เขาเติบโตมาเป็นคนดีนั่นเอง
 

ศาสตราจารย์รีมัส ลูปิน -  ตัวแทนของผู้เป็นโรคร้าย


ศาสตราจารย์รีมัส ลูปิน
 
ศาสตราจารย์รีมัส ลูปิน ปรากฏตัวครั้งแรกในภาคที่ 3 นักโทษแห่งอัซคาบัน โดยเขาเป็นมนุษย์หมาป่าซึ่งเขาไม่ได้รับการยอมรับในสังคม  จำเป็นต้องเก็บซ่อนตัว เปรียบเสมือนกับผู้เป็นโรคร้ายในที่โลกแห่งความจริงก็ไม่มีใครกล้าปรากฏตัวในสังคมอาจจะเพราะอับอาย ทั้งที่เขาก็ไม่ได้อยากเป็นโรคร้าย เช่นเดียวกับศาสตราจารย์ลูปินที่ไม่ได้อยากเป็นมนุษย์หมาป่า   
 
แต่เขาก็ยังคงได้รับการยกย่องในความกล้าหาญและความดี  ภายหลังสงครามจบเขายังได้รับเหรียญตราเมอร์ลินชั้นที่ 1 อีกด้วย แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้เขาจะเป็นมนุษย์หมาป่า แต่ถ้ายอมรับในสิ่งที่ตนเป็นและต่อสู้กับมัน พยายามหมั่นสร้างความดี โลกก็จะเห็นและยอมรับในความดีของเขานั่นเอง
 

ตัวละครทุกตัวล้วนมีปม

มีคนมากมายที่มีอดีตอันเลวร้ายและไม่น่าจดจำ เช่นเดียวกัน ตัวละครหลักทุกตัวในเรื่องหนังสือเล่มนี้ล้วนแต่มีปมในอดีตทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่ทุกคนรู้กันดีว่าเขาต้องสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็กๆ เพราะลอร์ดโวลเดอมอล์ อีกทั้งยังถูกเลี้ยงดูมาด้วยครอบครัวที่ไม่เคยรักและใส่ใจเขาเลย
 
ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์นั้นมีพ่อแม่เป็นมักเกิ้ล  เธอจึงเป็นพวกเลือดสีโคลนผู้เป็นที่รังเกียจของผู้คลั่งไคล้เลือดบริสุทธิ์อย่างครอบครัวมัลฟอย เคยมีครั้งหนึ่งที่เดโกรดูถูกเฮอร์ไมโอนี่ว่าเป็นพวกเลือดสีโคลน
 
ส่วนรอนแม้จะเกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น แต่พ่อแม่ก็ไม่ค่อยสนใจเขาเท่าไร  เพราะพ่อแม่ของรอนอยากได้ลูกสาวมากกว่า และในหลายๆครั้งที่เราจะเห็นว่าอาเธอร์และมอลลีย์ พ่อแม่ของรอน ให้ความสนใจกับแฮร์รี่มากกว่ารอน  
 
เฟร็ด, รอน, จินนี่ และจอร์จ วีสลีย์
 
อีกทั้งรอนยังมีพี่ชายหลายคนและพวกเขาต่างก็มีความสามารถ ทำให้รอนรู้สึกว่าเขาตามพวกพี่ๆ ไม่ทันก็เลยเกิดเป็นปมเล็กๆ ข้างในจิตใจของเขา ในเล่มแรก รอนยังเห็นภาพตัวเองถือถ้วยรางวัลบ้านดีเด่นและถ้วยชนะเลิศควิดดิช รวมทั้งเขายังได้เป็นกัปตันทีมควิดดิชและพรีเฟ็ค ในกระจกแห่งแอริเซดซึ่งสะท้อนความปรารถนาภายใต้จิตใจของเขา
 
เดรโก มัลฟอย แท้จริงแล้วเขาเป็นตัวละครที่น่าสงสารคนหนึ่ง  พ่อแม่ของเดโกรบีบบังคับให้เขาทำทุกอย่างตามต้องการ ทำให้เดรโกไม่มีอิสระในการตัดสินใจชีวิตของเขาเอง  และด้วยความที่บ้านของเขามีฐานะจึงเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาเอาแต่ใจตัวเอง  ถึงแม้ดูเหมือนเดรโกจะเป็นคนเลวแต่เขาก็ไม่ได้ชั่วร้าย แต่เพราะสภาพแวดล้อมส่งผลให้เขามีนิสัยที่ไม่ดีหลายประการ
 
ทอม ริดเดิ้ล หรือโวลเดอมอร์ มีความหลังที่ค่อนข้างคล้ายกับแฮร์รี่ เขากำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็กและถูกเพื่อนแกล้งเป็นประจำ
 
และแม้แต่ศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์ เองก็มีปมเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว เขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้แอรีอานนา น้องสาวของเขาตายเพราะเขาไม่มีเวลาให้แก่ครอบครัว สิ่งที่เขาเห็นในกระจกแห่งแอริเซดก็คือภาพของเขายืนคู่กับครอบครัวของเขาอย่างอบอุ่น
 
ถ้าลองสังเกตจะพบว่าปมของทุกตัวละครล้วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวทั้งสิ้น บางที เจ.เค. โรลิ่งอาจต้องการสื่อให้เห็นถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัวที่ส่งผลต่ออุปนิสัยของแต่ละบุคคลและอื่นๆ นั่นเอง
 
พออ่านแฮร์รี่จนจบพี่ก็รู้สึกได้เลยว่าหนังสือเล่มนี้ซ่อนอะไรไว้ต่างๆ มากมาย แล้วก็ยังมีมุมมองอีกเยอะมากเลยนะคะที่ไม่ได้พูดมา ไว้ถ้ามีโอกาสพี่น้ำผึ้งก็จะมาแชร์ให้น้องๆ อีกฟังนะคะ ส่วนใครที่อ่านแฮร์รี่แล้วก็อย่าลืมบอกเล่าความรู้สึกให้พี่ฟังด้วยล่ะ ^__^
 

ขอบคุณรูปภาพจากภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ค่ะ
 
พี่น้ำผึ้ง :)
 

 
Deep Sound แสดงความรู้สึก
พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

6 ความคิดเห็น

HERRINNE POTTER Member 10 ม.ค. 59 16:56 น. 1

อาเบอร์ฟอร์ธ ดัมเบิลดอร์ เป็นน้องค่ะอัลบัส ดัมเบิลดอร์เกิดใน ค.ศ. 1881อาเบอร์ฟอร์ธ ดัมเบิลดอร์เกิดค.ศ. 1884 วันและเดือนไม่ปรากฎแน่ชัดคะ รักเลย

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด