5 นิยายพยากรณ์อนาคตโลก
นี่นักเขียนมองเห็นอนาคตหรือยังไงกันแน่นะ
สวัสดีชาวไรเตอร์ทุกคนค่ะ มาพบกับพี่น้ำผึ้งอีกแล้วนะคะ ครั้งนี้ ขอเริ่มต้นด้วยการให้น้องๆ ทบทวนตัวเองค่ะ หลายๆ ครั้งที่น้องๆ เขียนนิยาย ไม่ว่าจะเป็นแนวแฟนตาซีหรือไซไฟ หรือแนวไหนก็ตามที่มีเนื้อหาแปลกๆ ใหม่ๆ แล้วต้องเขียนอ้างอิงถึงสิ่งที่ยังไม่มีในโลกนี้... น้องๆ เคยสงสัยหรือคิดบ้างไหมคะว่าสักวัน มันอาจจะเกิดขึ้นจริงก็เป็นได้
นั่นแหละค่ะ หัวข้อของเราวันนี้ คือทุกวันนี้ เมื่อมองไปรอบๆ ตัว เรารู้สึกว่าอะไรก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟ รถยนต์ รถไฟฟ้า ฯลฯ แต่ในความเป็นจริงก็คือ ข้าวของธรรมดาในสายตาของเรา เป็นสิ่งแปลกใหม่มากในสายตาของคนในอดีต เพราะพวกเขาไม่เคยรู้จัก และไม่เคยเห็น แต่ก็น่าแปลกมากๆ เลยนะคะ ที่หลายสิ่งที่เป็นเรื่องธรรมดาในปัจจุบัน เคยไปปรากฎในนิยายที่เขียนขึ้นในอดีตด้วย!!
พี่น้ำผึ้งก็เลยขอตั้งชื่อบทความนี้ว่า 5 นิยายพยากรณ์อนาคตโลก! เพราะรู้สึกว่า นิยายพวกนี้พิเศษมากจริงๆ ค่ะ ยังกับคนเขียนมีตาทิพย์แน่ะ ไม่รู้ว่ามองเห็นได้ยังไงว่า... อนาคต เรื่องเหล่านี้จะกลายเป็นความจริงขึ้นมา น้องๆ เองก็เถอะ เวลาที่เขียนนิยาย ขอให้ตั้งใจและเต็มที่ไปเลยค่ะ ไม่แน่ว่าอีก 2-300 ปีข้างหน้า เรื่องราวที่เราได้เขียนเอาไว้ อาจกลายเป็นจริงเหมือนนิยายทั้ง 5 เรื่องนี้ก็ได้นะ
ดาวอังคารมีดวงจันทร์ 2 ดวง!
.jpg)
หนังสือเรื่องกัลลิเวอร์ ผจญภัย ฉบับตีพิมพ์เมื่อ 28 ตุลาคม ค.ศ.1726
ในปี 1726 โจนาทาน สวิฟต์ นักเขียนและนักบวชชาวไอริชได้เขียนนิยายเรื่อง “กัลลิเวอร์ ผจญภัย (Gulliver’s Travels)” ซึ่งเป็นเรื่องราวของนายแพทย์เลอมูเอล กัลลิเวอร์ผู้ชื่นชอบการเดินเรือ เขาได้เดินทางไปยังดินแดนต่างๆ เช่นคนแคระและยักษ์ โดยในหนังสือได้กล่าวไว้ “ดาวอังคารมีดวงจันทร์สองดวง”
และร้อยกว่าปีต่อมา... ในปี 1877 อาซาฟ ฮอลล์ นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกันได้ส่องดูดาวอังคารที่หอคอยดูดาว Naval Observatory ในกรุงวอชิงตัน ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ดาวอังคารอยู่ใกล้โลกมากที่สุด และในวันที่ 11 สิงหาคม 1877 เขาก็ได้พบกับดวงจันทร์ที่ชื่อ “ดีมอส (Deimos)” และอีก 6 วันต่อมาเขาก็เห็น “โฟบอส (Phobos)” ดวงจันทร์ดวงที่สอง นับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากเลยนะคะ
การเดินทางสู่ดวงจันทร์

หน้าปกหนังสือเรื่องความฝันของดวงจันทร์
ก่อนที่จรวดลำแรกจะขึ้นสู่อวกาศ โยฮันเนส เคปเลอร์ (ค.ศ. 1571 – 1630) นักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์และนักโหราศาสตร์ชาวเยอรมันได้เขียนหนังสือที่ชื่อว่า “ความฝันของดวงจันทร์ (Dream on the Astronomy of the Moon)” ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางไปยังดวงจันทร์ และในปี 1865 จูลส์ เวิร์น นักเขียนชาวฝรั่งเศสได้เขียนนิยายแนววิทยาศาสตร์เรื่อง “จากโลกถึงดวงจันทร์ (From the Earth to the Moon)” ที่ว่ามีการเดินทางไปยังดวงจันทร์เช่นกัน
แต่ใครจะรู้ว่าอีกร้อยกว่าปีต่อมาจะมีการเดินทางไปยังดวงจันทร์จริงๆ เมื่อในปี 1969 นาซ่าจะได้ทำการปล่อยจรวดอะพอลโล่ 11 (Apollo 11) ที่ประกอบไปด้วยนักบินอวกาศสามท่านได้แก่ นีล อาร์มสตรอง ผู้บังคับการปฏิบัติการ, ไมเคิล คอลลินส์ ผู้บังคับการนำร่อง และเอ็ดวิน บัซ อัลดริน ผู้บังคับยานลูน่าโมดูล (ชื่อยานเหมือนกับในหนังสือของเวิร์นไม่มีผิด) สู่ดวงจันทร์เป็นครั้งแรกในโลก
|
สามมนุษย์อวกาศในเที่ยวบินประวัติศาสตร์ อะพอลโล 11 (ซ้ายไปขวา) |
เรือใบสุริยะ
แน่นอนว่าในนิยายของจูลส์ เวิร์น เรื่อง “จากโลกถึงดวงจันทร์ (From the Earth to the Moon)” ข้างต้นนอกจากจะมีเรื่องการเดินทางไปยังดวงจันทร์แล้ว ยังปรากฏสิ่งที่เรียกว่า “Solar Sail” หรือ “เรือใบสุริยะ” อีกด้วย ซึ่งนาซาพยายามจะส่งยานอวกาศแบบใหม่ขึ้นไปสำรวจดาวหางฮัลเลย์โดยใช้แรงขับดันจากแสงอาทิตย์ในปี 1970 ตามแนวคิดของนวนิยายของเวิร์นเรื่องนี้ที่กล่าวว่า
"there will some day appear velocities far greater than these (of the planets and the projectile), of which light or electricity will probably be the mechanical agent ... we shall one day travel to the moon, the planets, and the stars."
แต่ก็ต้องเป็นอันพับเก็บโครงการนี้ไป และเมื่อปี 2010 องค์การสำรวจอวกาศแห่งชาติญี่ปุ่น (JAXA) ได้สร้างเรือยอชต์ท่องอวกาศพลังแสงอาทิตย์ลำแรกของโลกที่ชื่อว่า “อิการอส (IKaros)”
ซึ่งประสบความสำเร็จในการทดลองด้วยการเร่งความเร็ว และเปลี่ยนวงโคจรด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งยูอิจิ ทสึดะ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอวกาศแห่งองค์การสำรวจอวกาศแห่งชาติญี่ปุ่น (JAXA) กล่าวว่า
"ยานอวกาศอิการอสจะทำให้เราตระหนักได้ว่า ตราบใดที่จักรวาลมีดวงอาทิตย์อยู่ เราก็สามารถท่องอวกาศได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงใดๆ ที่สำคัญการนำแสงอาทิตย์มาผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนยังทำให้ยานเดินทางได้ไกลกว่าเดิม ไม่ต้องห่วงเรื่องเชื้อเพลิงจะหมด และมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมอีกด้วย"
เรือดำน้ำ
.jpg)
หนังสือเรื่อง 20,000 Leagues Under the Sea
หลังจากจูลส์ เวิร์น เขียนนวนิยายเรื่องจากโลกถึงดวงจันทร์จบแล้ว “ใต้ทะเลสองหมื่นโยชน์ (Twenty Thousand Leagues Under the Sea)” อีกหนึ่งนวนิยายที่เขาเขียนก็ได้รับการตีพิมพ์และเผยแพร่ออกมาครั้งแรกในปี ค.ศ. 1870
เรื่องราวของการออกสำรวจใต้ท้องทะเลกับกัปตันนีโม และเรือดำน้ำของเขาที่ชื่อว่า “นอติลุส (Nautilus)” ที่ออกท่องไปใต้มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ผ่านมุมมองของศาสตราจารย์ปิแอร์ นักชีววิทยาผู้เป็นผู้โดยสารไปกับเรือลำนี้
เรือดำน้ำนอติลุสในนิยายของจูลส์
โดยเจ้านอติลุสเนี่ยมาจากชื่อเรือดำน้ำลำแรกของโลกที่ใช้งานได้จริงที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1800 โดยโรเบิร์ต ฟูลตัน และด้วยความฮอตฮิตของนิยายเล่มนี้จึงนำชื่อ “นอติลุส” มาตั้งเป็นชื่อเรือดำน้ำของสหัฐอเมริกาหลายลำ รวมทั้งเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ลำแรกของโลกที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1954 ด้วยค่ะ
แม้ว่าเรือดำน้ำจะมีมาก่อนนิยายเล่มนี้เขียน แต่เรือดำน้ำเหล่านั้นล้วนใช้พลังงานกล (Mechanical Power) เป็นการขับเคลื่อน ทว่านอติลุสในหนังสือของจูลส์นั้นขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และนั้นทำให้อีกเกือบร้อยปี ราวๆ ยุค 1960 เรือดำน้ำที่ใช้พลังงานไฟฟ้าก็ถือกำเนิดขึ้นจริงค่ะ
น้องๆ ทราบไหมคะว่า จูลส์ เวิร์นนั้นถูกยกย่องให้เป็น “บิดาแห่งนิยายวิทยาศาสตร์” โดยสร้างสรรค์ผลงานไว้กว่า 60 เรื่อง นิยายที่ทำให้เขามีชื่อเสียงที่สุดคือเรื่อง “ใต้ทะเลสองหมื่นโยชน์ (Twenty Thousand Leagues Under the Sea)” เองค่ะ
บัตรเครดิต
ปิดท้ายกันที่นวนิยายเรื่อง “มองกลับ (Looking Backward)” ของเอ็ดเวิร์ด เบลลามี (Edward Bellamy) นักเขียนนิยายแนวยูโทเปียชาวอเมริกันที่ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1888 ซึ่งเรื่องราวของมองกลับนั้นถือว่าเป็นอิทธิพลทางความคิดของปัญญาชนจำนวนมาก เป็นจุดเริ่มต้นของบทบาทผู้นำทางความคิดการเมือง รวมทั้งก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวทางการเมืองจากประชาชนอย่างกว้างขวางมากทั้งในอเมริกาและยุโรปในช่วงต้นศตวรรษที่ 20
แม้จะเป็นนวนิยายแนวยูโทเปีย สะท้อนสังคมเบาๆ ทว่ากลับแฝงสิ่งประดิษฐ์ที่แพร่หลายในปัจจุบัน นั่นก็คือ “บัตรเครดิต” นั่นเองค่ะ โดยในหนังสือได้กล่าวไว้ว่า
"...a credit card issued him with which he procures at the public storehouses, found in every community, whatever he desires whenever he desires it. This arrangement, you will see, totally obviates the necessity for business transactions of any sort between individuals and consumers.”
แล้วหลังจากนั้นอีก 62 ปีต่อมา บัตรเครดิตก็ถือกำเนิดขึ้นมาจริงๆ บนโลก โดยในปี ค.ศ. 1950 นายแฟรงค์ แมคมารา นักธุรกิจชาวนิวยอร์คได้จัดตั้งบริษัทไดเนอร์สคลับเพื่อการออกบัตรเครดิตโดยเฉพาะ ซึ่งคำว่า diners นั้นมาจากคำว่า dinner นั่นเองค่ะ
จะเห็นได้ว่านิยายที่พี่หยิบยกมาทั้ง 5 เรื่อง ล้วนแต่เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ค่ะ และเนื้อหาที่เขียน ส่วนใหญ่ก็เต็มไปด้วยหลักการและเหตุผล คนเขียนเองก็ทำการบ้านมาอย่างดี และจริงจังกับข้อมูลมากๆ เพราะฉะนั้น น้องๆ ที่กำลังเขียนงานแนววิทยาศาสตร์ไซไฟ พี่ว่าตั้งใจทำการบ้านก็ดีนะคะ เผื่อว่าในอนาคต เรื่องที่เราเขียนอาจเป็นจริงขึ้นมาก็ได้ ใครจะรู้เนอะ ^ ^
พี่น้ำผึ้ง


.jpg)
.jpg)
.jpg)





7 ความคิดเห็น
จูลส์ เวิร์นนำโด่งเลยค่ะ
เฮ้ยย มันเจ๋งและสุดยอดมาก ผ่านไปร้อยปีใครจะคิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ ในอนาคตเมื่อเราไม่มีชีวิตอยู่เเล้ว อาจจะผ่านไปซักร้อยสองร้อยปี โหวว ไม่อยากจะคิดว่าโลกจะก้าวหน้าไปขนาดไหน
หรือมองในอีกแง่หนึ่งก็คือสิ่งเหล่านี้เกิดจากแรงบันดาลใจจากนิยายเหล่านี้ จึงได้เกิดการพัฒนาสิ่งต่างๆขึ้นมาตามจินตนาการเหล่านั้น
ของไทยก็มีอะโด่วววว ไปดูสิสุนทรภู่เขียนไว้เยอะแยะเลย
ตัวอย่างเช่น สำเภายนตร์ที่ที่เล่นได้ทั้งบนบกในน้ำ ปัจจุบันก็มี ควอดสกี นะจ๊ะ
ไม่ได้มีแค่นี้นะ(แต่เราขี้เกียจหา) วรรณคดีไทยมีอะไรน่ารู้อีกเยอะลองไปหาดูสิ
มีจูลส์ เวิร์น แต่ไม่มีเอช.จี.เวลส์ ได้ยังไงกัน 5555555555555 //แซ็วเล่นนะคะ
เราชอบผลงานของเวิร์นมากเลย และเขาก็เป็นแบบอย่างของนักเขียนที่ดีด้วย ถึงจะเรียนกฎหมายมาแต่เวลาเขียนงานแต่ละทีเขาจะทำการบ้านมาดีมาก ข้อมูลในงานเขียนของเขาจึงมีความน่าเชื่อถือและทำให้คนอ่านเลื่อสนิทใจ อย่างตอนเขียนห้าสัปดาห์ในบอลลูนเขาก็ไปศึกษาเรื่องบอลลูน ลงพื้นที่ดูของจริง นั่นจึงทำให้เขาเขียนงานคุณภาพได้ แล้วก็เขาชอบอ่านนิตยาสารหรือหนังสือแนววิทยาศาสตร์อยู่เป็นประจำ เป็นนิสัยที่นักเขียนควรทำตามมากเลย ก่อนจะเขียนวานแต่ละชิ้นต้องมีความรู้แจ้งจริง ๆ ในข้อมูลก่อน