น้องๆ ชาว Dek-D ติดโทรศัพท์มือถือหรือเปล่าคะ พี่เกียรติไม่ติดมือถือนะ แต่ติดแท็บเล็ตมาก ติดดูละครดูซีรีส์ ฮ่าๆๆ แต่ไม่ว่าจะติดมือถือหรือติดแท็บเล็ต ถ้าติดมากเกินไประวังเข่าข่าย "โนโมโฟเบีย" นะจ๊ะ
โนโมโฟเบีย (Nomophobia) มาจากคำว่า "no mobile phone phobia" เป็นศัพท์ที่องค์การวิจัยของสหราชอาณาจักร YouGov บัญญัติขึ้นเมื่อปี 2010 เพื่อใช้เรียกอาการกระวนกระวายหวาดกลัวเมื่อขาดโทรศัพท์มือถือ แต่โมโนโฟเบียยังไม่นับว่าเป็นโรคนะคะ เป็นเพียงกลุ่มอาการ และอาจสืบเนื่องมาจากโรคจิตเวชอื่นๆ อย่างโรคซึมเศร้า อาการขาดความมั่นใจ วิตกกังวล มีปัญหาการเข้าสังคม ฯลฯ เป็นความรู้สึกตื่นตระหนกเมื่อขาดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต เน็ตตัด อยู่นอกสัญญาณ หรืออุปกรณ์แบตหมด จนมีปัญหา จริงๆ ก็ไม่ได้หมายถึงโทรศัพท์มือถืออย่างเดียว อุปกรณ์พกพาได้แบบอื่นที่เข้าอินเทอร์เน็ตได้ก็อยู่ในข่ายโมโนโฟเบียนี้ด้วย อย่างแท็บเล็ต โน้ตบุค ไอพอด พวกนี้ด้วยค่ะ
ก่อนที่จะไปต่อ ขอย้ำกันสักนิด "โนโม โฟเบีย" นะจ๊ะ ไม่ใช่ "โมโน โฟเบีย" มันเป็นคนละกลุ่มอาการนะจ๊ะ ระวังจำคำสับสนนะคะ
โดยรวมแล้ว คนที่มีอาการโนโมโฟเบียจะรู้สึกตื่นตระหนก เมื่อมือถือไม่ได้อยู่ใกล้ตัว รู้สึกว่าต้องมีเครื่องสำรอง หรือเตรียมแบตเผื่อชาร์จไว้ตลอด ถ้าแบตหมดจะรู้สึกเข้าข่ายหวาดกลัวมากๆ ได้เลย เมื่อมีเด้งเตือนก็จะพุ่งเข้าหาโทรศัพท์ทันที ทิ้งงานทิ้งเพื่อนตรงหน้าไปเลย กลัวมือถือหายตลอดเวลาแม้จะอยู่แกใจว่างมือถืออยู่ที่ไหนก็ตาม มีประเด็นหลักๆ จากการศึกษาคนที่มีอาการโนโมโฟเบีย คือ รู้สึกว่าไม่สามารถติดต่อใครได้เลย กลัวไม่ได้ตอบเพื่อน รู้สึกเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ไม่ได้ รู้สึกตกข่าว รู้สึกว่าอึดอัดไม่สบายใจ ถ้ามือถือใช้งานไม่ได้ อย่างแบตหมด อยู่ในพื้นที่ไม่มีสัญญาณ
จากผลวิจัยส่วนใหญ่ทั่วโลกพบว่าอาการโนโมโฟเบียนี้เกิดขึ้นมากกับวัยรุ่นและวัยทำงานที่เข้าถึงอุปกรณ์และอินเทอร์เน็ตได้ค่ะ แน่นอนว่าส่วนใหญ่พวกเราก็ค่อนข้างจะติดเน็ตติดโชเชียลแบบนี้อะไรกันอยู่แล้วเนอะ นิดๆ หน่อยๆ ขอเช็คอินอัปรูปแป๊บ ฮ่าๆ แต่ถึงกระนั้น แม้ว่าพวกเราวัยรุ่นชาว Dek-D ยุคใหม่ทั้งหลาย จะใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลจนกระทั่งดูเหมือนทุกคนจะมีอาการโมโนโฟเบียกันไปหมด แต่อย่าเพิ่งตื่นตกใจนะคะ อาการนี้ไม่ใช่จะวินิจฉัยตัวเองว่าเป็นกันได้ง่ายๆ แค่ตัวเราลองวางมือถือไว้เฉยๆ สักวัน ไม่ต้องใช้งานดูค่ะ ไปทำอย่างอื่น อ่านหนังสือ เล่นกีฬากับเพื่อน คุยกับพ่อแม่ เดินเล่นที่ห้าง แต่งตัวตุ๊กตา ทำอาหารเล่น ฯลฯ คิดเสียว่าลืมโทรศัพท์ไว้ ขึ้นเขาแล้วลืมโทรศัพท์ไว้ สัญญาณไม่มีไรงี้ ลองงดเช็คอิน ถ้าทำได้ อย่างไรก็ไม่โมโนโฟเบียจ้า
แต่ถึงเราจะไม่ติดโทรศัพท์จนถึงขั้นมีอาการโนโมโฟเบีย แต่ถ้าติดเล่นบ่อยๆ จ้องจอนานๆ ก็อาจเสี่ยงโรคอื่นๆ ได้ อย่างสายตาเสีย ประสาทตาเสื่อมจะการเพ็งจอมานาน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเพราะก้มมองจอตลอด ฯลฯ ก็ได้ค่ะ สิ่งสำคัญคือการแบ่งเวลา และจัดการเรื่องสำคัญตามหน้าที่ก่อน ตั้งใจเรียน ทำการบ้าน ทำงานบ้านให้เสร็จก่อน ค่อยเล่นเน็ต เล่นคอม และไม่เล่นจนเบียดเบียนเวลาพักผ่อนก็พอแล้วจ้า
แหล่งข้อมูล, ภาพประกอบ:
- nomophobia.com
- wikipedia.org/wiki/Nomophobia
- hs.iastate.edu/news/2015/08/26/nomophobia/
16 ความคิดเห็น
อยากจะหยุดเหมือนกัน แล้วหันไปมองข้างหลัง คุยกันเหมือนเมื่อก่อน แต่ต้องกลับหันมาที่จอ เพราะมันมีคำว่า งาน การบ้าน ขึ้นสมองตลอดเวลา
เราไม่เป็นนะ เพราะไปเข้าค่ายที่โรงเรียนไม่ให้เอามือถือไป เราก็ไม่รู้สึกอะไรมากเท่าไหร่
นี่เป็นคนไม่ติดโ?รศัพท์ถ้าไม่ออกนอกบ้าน(เช่นไปพบเพื่อนไรงี้ รำคานเพื่อน)
แต่ติดคอมพิวเตอร์มากกว่า เคยทะเลาะกับคนผ่านไลน์เพราะไม่ตอบมาแล้ว ถ้าไม่โทรศัพท์มาก็ลืมไปเลยว่าเคยมีโทรศัพท์ 55555
เรามีอาการแบบที่กล่าวมานะ แบบติดมือถือมาก ขาดเน็ตไม่ได้ แบตใกล้หมดจะกระวนกระวายมาก ว่างเมื่อไหร่ต้องดูตลอด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่ได้ติดโซเชียล เราติดนิยายเด็กดีนี่แหละ แบบอ่านในมือถือสะดวกดีกว่านั่งหน้าคอม อ่านตลอดเวลา
เราก็ติดมือถือนะ แบบเป็นไรไม่รู้อะ แต่ต้องหยิบขึ้นมาดูตลอด ทั้งๆที่มันไม่สั่นไม่ไรเลยนะ 5555
นึกว่าจะมีคนมาเล่นมุขว่า
ไม่ได้ติดโทรศัพท์แต่ติดคนในโทรศัพท์
เสียอีก
555