[เทคนิคจำง่าย] นิทานของสามเพื่อนซี้ "IN ON AT" บุพบทที่ต้องใช้กับ "เวลา"

        ปัญหาคลาสสิกของน้องๆ เวลาเขียนภาษาอังกฤษคือไม่แน่ใจว่าต้องใช้บุพบทตัวไหนบอกเวลาดี เพราะมันมีเยอะเหลือเกิน โดยเฉพาะเจ้า in, on, at ที่ดูจะใช้บ่อยที่สุดอีกต่างหาก
        วันนี้
พี่น้องก็เลยเอาหลักการจำวิธีใช้มาบอก แต่ยาวหน่อยนะ เพราะมันคือเรื่องราวของเพื่อนรัก 3 คนนาม in on และ at
 

ณ โลกคู่ขนานแห่งหนึ่ง...

        มีตัวละครนามว่า at (แอท) เขาเป็นคนเป๊ะมาก เวลานัดใครก็จะนัดกันลงลึกไปถึงหน่วยนาโนวินาทีเลยทีเดียว
        ความเป๊ะของ at ทำให้เขาได้รับเลือกเป็นผู้ครองนครที่มีชื่อว่า "นครเวลา" พวกเขานับเวลากันเป็นชั่วโมง เป็นนาที ตั้งแต่ก่อตั้งเมืองมา พวกเขาก็นับได้ 87,600 ชั่วโมง หรือ 5,256,000 นาที พวกเขานับเวลากันแบบนี้เลยทีเดียว

on (ออน) เป็นเพื่อนรักของ at...

        on เป็นคนสบายๆ ชอบเที่ยว ชอบสนุก
        เขารู้สึกว่าพลเมืองของ at เป๊ะเกินไป และเขาคิดว่าเวลาที่เราใช้อยู่นั้นก็เริ่มจะทวีจำนวนมากขึ้นทุกที เขาจึงแนะนำ at ว่าเราเพิ่มหน่วยเวลาเป็น "วัน" กันเถอะ ให้ 1 วันมี 24 ชั่วโมง ทีนี้เมืองของเราก็จะมีอายุแค่ 3,650 วัน
        at ไม่ยอม เพราะเขาชอบความเป๊ะ เขากับ on แตกคอกัน on จึงรวมพลส่วนหนึ่งและออกไปตั้งเมืองรอบนอก เรียกเมืองนี้ว่า "นครวัน"
        on ปกครอง "นครวัน" อย่างสนุกสนาน เขาแต่งตั้งวันสำคัญต่างๆ ให้พลเมืองของเขาได้หยุดพัก ทั้งวันคริสต์มาส (Christmas Day) วันก่อนวันคริสต์มาส (Christmas Eve) วันพ่อ (Father's Day) วันปีใหม่ (New Year's Day)
        เขากำหนดให้มี "วันที่" ด้วย ประชากรที่มาอยู่กับ on มีความสุขมาก เพราะไม่ต้องนับเวลาเป็นชั่วโมงให้เมื่อยนิ้วอีกต่อไป

ต่อมา เพื่อนรักเก่าแก่ของ on และ at ก็มาเยี่ยมเยียน...

        เขามีชื่อว่า in (อิน) เป็นคนหัวสมัยใหม่ เขาไปเที่ยวนครต่างๆ และเห็นความเจริญก้าวหน้าของนครนั้นๆ เขามาแนะนำเพื่อนของเขา ทั้ง on และ at ให้นับเวลาเป็น เดือน เป็นฤดูกาล เป็นปี เป็นยุคสมัย
        at มองว่าแบบนั้นไม่เป๊ะ การนับเวลาต้องเป๊ะ เศษเป็นเท่าไรต้องรู้หมด
        on มองว่าแบบนั้นยุ่งยาก เยอะแยะเกินไป
        สุดท้าย in จึงประกาศหาสมัครพรรคพวกและไปตั้งเมืองรอบนอกอีกที ตั้งชื่อว่า "นครใหญ่" เพราะหน่วยวัดเวลาของเขาใหญ่มากทีเดียว
        ประชากรในเมืองของ in นับเวลากันเป็นเดือน และฤดูกาล เมื่อครบ 12 เดือนก็จะนับได้ 1 ปี พวกเขาพัฒนาเมืองให้เจริญก้าวหน้าจนเกิดเป็นยุคต่างๆ และพวกเขาตั้งชื่อยุคพวกนั้นอย่างสนุกสนาน ทั้งยุคน้ำแข็ง ยุคเรเนอซอง ยุคทอง ฯลฯ
        ทั้ง 3 เมืองแม้จะมีความเชื่อต่างกัน แต่ด้วยความเป็นเพื่อน ก็ยังไปมาหาสู่ ติดต่อพูดคุยกันบ้าง บางครั้งพวกเขาก็แลกเปลี่ยนแนวคิดกัน และมีการรับวัฒนธรรมใหม่ๆ เช่น
        ที่เมืองของ on มีฉลองวันคริสต์มาส เมืองของ at ก็มีเช่นกัน แต่เรียกคนละแบบ
        เมืองของ in ยังมีทูตสัมพันธไมตรี 3 คน คือ morning (เช้า) afternoon (บ่าย) evening (กลางคืน)
        ส่วนเมืองของ at ก็มีทูตสัมพันธไมตรีเช่นกัน ได้แก่ noon (กลางวัน) และ night (กลางคืน) เป็นฝาแฝดที่คนหนึ่งจะทำงานในตอนเช้า อีกคนจะทำงานตอนกลางคืน
        นิทานเรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่า การจำภาษาอังกฤษเป็นภาพเฉยๆ ง่ายกว่าการจำเป็นเรื่องนะ (ฮ่าๆ)
        ถ้าใครไม่อยากอ่าน จะดูแค่ภาพอย่างเดียวก็รู้เรื่องจ้า แต่ที่พี่น้องเล่าเป็นนิทานก็หวังว่ามันจะทำให้หลายคนเข้าใจการทำงานของ in, on, at กับคำบอกเวลาได้มากขึ้น

        พี่คิดว่าวิธีการทำความเข้าใจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนหัวไว ให้อธิบายปากเปล่าก็เข้าใจ บางคนต้องใช้ภาพประกอบ บางคนแค่ภาพไม่พอ ต้องผูกเรื่องราวให้เชื่อมโยงตามได้ด้วย
 

แต่ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหน ถ้ามันทำให้จำได้ เข้าใจง่ายขึ้น
ก็ใช้ได้ดีเหมือนกันหมดแหละเนอะ ><

พี่น้อง
พี่น้อง - Columnist คอลัมนิสต์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

11 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด