10 คำศัพท์ภาษาอังกฤษน่ารู้ที่มาจาก "ตำนานเทพเจ้ากรีก (Mythology)"

     

     สวัสดีค่ะชาว Dek-D น้องๆ หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าคำศัพท์ภาษาอังกฤษหลายคำมีที่มาจาก "ตำนานของเทพเจ้ากรีก" บางคำที่ใช้จนชินเราอาจไม่สงสัยความหมายเท่าไหร่ แต่สำหรับบางคำนั้น ถ้าไม่เคยได้ยินเรื่องราวมาก่อนรับรองเดาไม่ถูกแน่ๆ ค่ะ เดี๋ยววันนี้พี่จะไปรู้จักสตอรี่เบื้องหลังศัพท์เหล่านั้นกัน บอกเลยว่าน่าสนใจมากกก ยิ่งใครชอบเรื่องกรีกๆ แบบนี้ห้ามพลาดเลยค่ะ :)
 


1. An Achilles’ heel
 


      An Achilles’ heel แปลว่า จุดอ่อน คำนี้เกิดจากเรื่องราวของ "อคิลลิส" (Achilles) บุตรชายของกษัตริย์เพเลอุสกับนางพรายเธติสค่ะ ตอนแรกเกิดนั้นผู้เป็นแม่ได้จุ่มเขาลงไปใน "แม่น้ำสติกส์" เพื่อหวังให้เป็นอมตะ แต่ประเด็นคือตอนจุ่มเธอกลับจับข้อเท้าของลูกเอาไว้ ทำให้ข้อเท้าของลูกไม่ได้จุ่มลงไปในน้ำด้วย ผลคืออคิลลิสมีร่างกายแข็งแรง เป็นอมตะ แต่กลับมีจุดอ่อนที่ข้อเท้า สุดท้ายอคิลลิสถูกลูกธนูยิงเข้าที่ข้อเท้าระหว่างทำศึกกับเจ้าชายปารีสจนเสียชีวิตในที่สุด! 
 

ตัวอย่างประโยค
Though he was a good person, his short temper was his Achilles heel. (ถึงแม้ว่าเค้าจะเป็นคนดีก็ตาม แต่จุดอ่อนของเค้าก็คือารมณ์ร้อนของเค้าเอง)


2. The Midas touch


      สำนวน The Midas touch แปลว่า หยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง ไม่ว่าจะทำอะไรก็สำเร็จไปหมดทุกอย่าง อ้างถึงตำนานของกรีกได้เล่าไว้ว่า ไมดาสเป็นกษัตริย์ที่ร่ำรวยมากๆ เค้ามีเงินทองมากมาย แต่ความอยากได้อยากมีของเค้านั้นไม่มีที่สิ้นสุด จนในวันนึงเค้าได้พรให้ขออะไรก็ได้ 1 อย่าง ไมดาสจึงขอไปว่า "ขอให้ข้าหยิบจับอะไรก็เป็นทอง" และแล้วคำขอของเค้าก็เป็นจริง เมื่อเค้าเดินไปทั่วพระราชวัง และลองเอามือแตะโต๊ะ เก้าอี้ ทุกอย่างล้วนกลายเป็นทองไปหมด 
 

      แต่พอนานๆ เข้า ไมดาสก็เริ่มรู้ตัวว่า การที่แตะอะไรเป็นทองก็เริ่มสร้างความลำบากให้กับเค้า พอเค้าเริ่มหิว เค้าหยิบน้ำหรืออาหารกินก็ไม่ได้ เพราะมันกลายเป็นทองไปหมด แม้แต่ตอนที่พวกคนรับใช้หยิบอาหารป้อน เมื่ออาหารแตะริมฝีปากเค้าก็กลายเป็นทองไปซะหมด จนกระทั่งเค้าอยากไปกอดลูกสาวของเค้า และเมื่อพอได้สัมผัสกอดลูกสาว นางกลับกลายเป็นทองไปด้วย ทำให้เค้ารู้สึกเศร้ามากๆ ไม่อยากจะมีสัมผัสทองคำอีกแล้ว จนสุดท้ายแล้วเค้าก็ได้ขอทวยเทพให้ลบล้างคำสาปนี้ที ในที่สุดเค้าก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ค่ะ 

ตัวอย่างประโยค

That teacher has the Midas touch.  He turns any student into one of the best.  (ครูคนนั้นเป็นคนมีความสามารถมากๆ เค้าเปลี่ยนนักเรียนของเค้าให้กลายเป็นนักเรียนดีเด่นได้)


3. Phobia 
 


      คำว่า 'Phobia' จริงๆ แล้วมาจากชื่อของ 'Phobos' (โฟบอส) เทพเจ้าแห่งความกลัว มีฝาแฝดชื่อ 'Deimos' (เดมอส) เป็นเทพเจ้าแห่งความสยดสยอง ทั้ง 2 เป็นลูกชายของเทพเจ้ามาร์ (Mars) หรือเทพเจ้าแห่งสงคราม โดยทั้งคู่มักจะไปออกรบกับพ่อของตนเอง เพราะฉะนั้นเวลาที่ทั้ง 2 คนไปออกรบ สนามรบก็จะเต็มไปด้วยความกลัวและความสยดสยองของการต่อสู้ เหมือนกับชื่อของพวกเค้า และนี่ก็คือที่มาที่ไปของรากศัพท์ที่เอามาใช้กันในชื่อ 'โฟเบีย (Phobia)' ที่เป็นขั้นกว่าของความกลัวปกตินั่นเอง อย่างที่เห็นในปัจจุบัน มีรูปแบบความกลัวแปลกๆ เยอะมากค่ะ อย่างเช่น

Arithmophobia = โรคกลัวตัวเลข 
Anatidaephobia = โรคกลัวเป็ดมอง
Catoptrophobia = โรคกลัวกระจก
Consecotaleophobia = โรคกลัวตะเกียบ 
Genuphobia = โรคกลัวหัวเข่า

ตัวอย่างประโยค
Cherry had a phobia about serpents. (เชอร์รี่เป็นโรคกลัวสัตว์เลื้อยคลานจำพวกงู)


4. Atlas


      น้องๆ เคยเรียนวิชาภูมิศาสตร์เเล้วต้องใช้แผนที่ 'Atlas' กันมั้ยคะ? สมัยพี่เรียนนี่ต้องใช้เเผนที่อันนี้ควบคู่ในการเรียนไปด้วยเลยค่ะ คำว่า Atlas หรือที่เรารู้จักกันดีที่แปลว่า 'แผนที่' นั้น ในตำนานของกรีกกล่าวไว้ว่า ในสมัยที่พวกยักษ์ไททันรบกับพวกเทพแห่งโอลิมปัส พวกไททันได้รับความพ่ายแพ้ เทพเจ้าซุสแห่งโอลิมปัสจึงสั่งให้ Atlas หนึ่งในยักษ์ไททันให้แบกสวรรค์เอาไว้บนไหล่ของเขาเพื่อเป็นการทำโทษ ต่อมานักภูมิศาสตร์ชาวเบลเยี่ยมได้นำชื่อยักษ์ผู้แบกสวรรค์เอาไว้มาเป็นหน้าปกหนังสือแผนที่โลก และด้วยเหตุนี้ ทำให้ Atlas กลายเป็นชื่อของแผนที่โลกไปโดยปริยายค่ะ 

ตัวอย่างประโยค
I looked in the atlas to learn more about the European countries. (ฉันดูแผนที่โลกเพื่อที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับประเทศในยุโรปมากขึ้น) 


5. Echo


      Echo (เอคโค่) ที่แปลว่า เสียงสะท้อน แท้จริงแล้วมีที่มาจากนางไม้ที่น่าสงสารชื่อว่าเอคโค่ค่ะ เธอเป็นนางไม้ที่พูดมาก พูดไม่หยุด ชอบเล่าเรื่องและพูดไปเรื่อยเปื่อย และด้วยความพูดมากของนางสุดท้ายก็นำพามาซึ่งความซวย เมื่อวันนึงเทพีเฮรา ภรรยาของเทพซุส มาตามหาสามีของเธอที่ชอบมาจู๋จี๋กับพวกนางพราย แต่เมื่อเทพีเฮราลงมาก็ได้เจอกับเอคโค่ เธอจึงเล่าเรื่องต่างๆ ให้เฮราฟัง พูดไม่หยุดหย่อน จนทำให้เฮราพลาดจับสามีของเธอได้ เฮราโกรธมากจึงสาปให้เอคโค่พูดไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่ให้เธอพูดได้แค่ประโยคสุดท้ายหลังจากคนอื่นพูดเท่านั้น พูดง่ายๆ ก็คือ เสียงสะท้อนคำสุดท้ายนี่แหละค่ะ
 

photo credit: en.wikipedia.org
 
      วันนึงเอคโค่เกิดเจอกับชายหนุ่มรูปงามนามว่า 'นาร์ซิสซัส' เธออยากจะเข้าไปพูดคุยด้วยแต่ทำไม่ได้ เธอได้แต่พูดซ้ำประโยคสุดท้ายของนาร์ซิสซัส อีกทั้งนาร์ซิสซัสก็ไม่ได้สนใจเธอเลย ออกจะรำคาญเธอด้วยซ้ำ จนสุดท้ายเธอก็ตรอมใจตาย เสียงของเธอยังคงหลอกหลอนผู้คนที่อยู่ในป่า เพื่อสะท้อนเสียงคำพูดสุดท้ายของใครก็ตามที่ส่งเสียงร้องก้องป่า และนี่ก็เป็นที่มาที่ไปของคำว่า 'เอคโค่ (Echo)' หรือเสียงสะท้อน นั่นเอง 

ตัวอย่างประโยค
There was an echo in the cave when we went kayaking. (ตอนที่เราไปพายเรือคายัคเล่นกันมันมีเสียงสะท้อนจากภายในถ้ำด้วย)


6. Narcissism/ Narcisisitic 
 


      โรคหลงตัวเอง หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ 'Narcissism' หรือ 'Narcisisitic' นั้นมีที่มาจาก 'นาร์ซิสซัส' ชายหนุ่มรูปงามที่หลงรูปโฉมของตัวเอง จริงๆ แล้วตำนานของนาร์ซิสซัสนี่มีหลายอันเลยค่ะ อย่างเรื่องที่หลายคนน่าจะคุ้นกัน เล่าคร่าวๆ ประมาณว่า นาร์ซิสซัสเป็นชายหนุ่มที่หยิ่งทะนง ยโสมาก เพราะคิดว่าตัวเองหล่อ หน้าตาดี ไม่มีใครที่เหมาะที่จะได้รับความรักจากเค้า (คือหล่อสุด อะไรสุด) จนวันนึงเทพเนเมซิสเห็นดังนั้น จึงล่อลวงนาร์ซิสซัสไปที่บ่อน้ำ เค้าเห็นภาพสะท้อนตัวเองในบ่อก็เลยเกิดความลุ่มหลงในเงาสะท้อนของตัวเอง แต่เมื่อเค้าเอามือเอื้อมลงไปในน้ำ เงานั้นกลับหายไป เลยเกิดความเศร้า นาร์ซิสซัสไม่ยอมกินไม่ยอมนอนเพื่อที่จะนั่งเฝ้สมองเงาสะท้อนของตัวเองในน้ำด้วยความรัก จนสุดท้ายเค้าก็ตรอมใจตายข้างบ่อน้ำนั้น และร่างของเค้าค่อยๆ สลายและกลายเป็น 'ดอกนาร์ซิสซัส' ขึ้นมาแทนนั่นเองค่ะ

ตัวอย่างประโยค
Most young people are narcissistic and only care about their own desires. (วัยรุ่นส่วนใหญ่เป็นพวกหลงตัวเองและแคร์แค่สิ่งที่ตัวเองต้องการเท่านั้น)


7. Fortune
 


      ที่มาของคำว่า 'Fortune' ที่แปลว่า โชคดี นั้นมาจากเทพี Fortuna (ฟอร์จูนา) เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์และความโชคดี ตามตำนานของกรีกได้บอกว่าเธอเป็นเทพที่หมุน “วงล้อแห่งโชคชะตา” (Wheel of Fortune) ของมนุษย์ พูดง่ายๆ คือ เธอเป็นผู้กำหนดว่ามนุษย์คนนั้นจะโชคร้ายหรือโชคดี ชะตาของมนุษย์ทุกคนล้วนขึ้นอยู่กับวงล้อแห่งโชคชะตาของเธอว่าจะหมุนไปลงที่ตรงไหน 

ตัวอย่างประโยค
He has good fortune in buying lottery tickets as he has been known to win every time! (เค้าเป็นคนมีโชคในการซื้อล็อตเตอรี่มากๆ เพราะเค้ามักจะถูกหวยทุกครั้งเลย)



8. Beware of Greeks bearing gifts
 


      สำนวน 'Beware of Greeks bearing gifts' ถ้าแปลตรงตัวก็จะแปลได้ว่า ‘จงระวังเวลาชาวกรีกให้ของขวัญ’ แต่จริงๆ แล้วสำนวนนี้มีที่มาที่ไปมาจากสงครามเมืองทรอยค่ะ ในตอนช่วงสงครามระหว่างกรีกกับเมืองทรอยนั้น ชาวกรีกได้ออกอุบายสร้างม้าไม้ขนาดใหญ่ที่ซ่อนทหารเอาไว้ข้างใน ตอนนั้นชาวทรอยไม่ทันได้ฉุกคิด นึกว่าม้าไม้นั้นเป็นของขวัญ จึงได้นำเข้าไปในเมือง แต่แล้วพอตกกลางคืน พวกทหารชาวกรีกที่หลบอยู่ในม้าไม้ก็ออกมาเผาเมือง ทำลายเมืองทรอยได้ในที่สุด ฝรั่งเค้าเลยเอาเหตุการณ์นี้มาโยง กลายเป็นสำนวนนี้ขึ้นมาค่ะ โดยมีความหมายว่า อย่าไว้ใจศัตรูหรือให้ระวังคนที่เอาของขวัญมาให้เรา เพราะคนพวกนั้นอาจจะมีเจตนาที่ไม่ดีแฝงมาด้วย 

ตัวอย่างประโยค
A: "I can't believe the opposing team made us cupcakes before the big game!" (ไม่น่าเชื่อว่าทีมคู่แข่งเราจะทำคัพเค้กมาให้ก่อนการแข่งขัน)
 B: "Yeah, I'd beware of Greeks bearing gifts if I were you." (ใช่ แต่ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะระวังศัตรูเอาไว้นะ)


9. Fate
 


      The fates คือ กลุ่มเทพีมอยเร (Moirae) เป็นผู้ปั่นด้ายแห่งโชคชะตา ในสมัยก่อนชาวกรีกเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีผู้คอยควบคุมโชคชะตาอยู่ ไม่ว่าจะเกิด แก่ ไปจนถึงตาย โดยมีทั้งหมด 3 นางด้วยกัน 

โคลโท (Clotho) มีหน้าที่ปั่นเส้นด้าย เปรียบเหมือนการเกิดของมนุษย์ 
แลกคีลิส (Lachesis) มีหน้าที่ทอดเส้นด้าย เปรียบเหมือนการดำเนินชีวิตของมนุษย์ จากวัยเด็กไปจนถึงวัยแก่ชรา 
อโทรพอส (Atropos) มีหน้าที่ตัดเส้นด้าย เปรียบเหมือนการตายของมนุษย์ การหมดเวลาบนโลก

และด้วยเหตุนี้ ปัจจุบันคนจึงเอาคำว่า 'Fate' มาใช้ ซึ่งแปลว่าโชคชะตานั่นเอง

ตัวอย่างประโยค
Our fate depends on your decisions. (โชคชะตาของพวกเราขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณแล้ว)


10. Chaos 
 


      ตามตำนานของกรีกนั้น 'Chaos' เป็นจุดเริ่มต้นของจักรวาล ต้นกำเนิดของพวกทวยเทพกรีกรุ่นแรก เป็นสิ่งที่วุ่นวาย สับสน เพราะมันยังไม่มีรูปร่าง ไม่มีชีวิตหรือรูปแบบใดๆ ต่อมาภาษาอังกฤษเลยเอามาใช้แปลว่า ความยุ่งเหยิงหรือความวุ่นวายค่ะ

ตัวอย่างประโยค
Our country is in chaos right now. (ประเทศของเราตอนนี้กำลังอยู่ในความยุ่งวุ่นวาย)


      ต้องบอกว่าแต่ละคำศัพท์นี่มีที่มาที่ไปแบบคาดไม่ถึงเลย จริงๆ แล้วตำนานเทพเจ้ากรีกนั้นมีอีกเยอะมากๆ อ่านไปแล้วก็สนุกแถมได้ความรู้เพียบเลย ชาว Dek-D คนไหนสนใจลองไปหาอ่านกันได้นะคะ แล้วจะรู้จักคำศัพท์อีกเพียบเลยค่ะ ส่วนวันนี้พี่ก็ขอลาไปก่อน ไว้เจอกันใหม่บทความหน้านะคะ บั้ยบายยย! 
พี่หมิว
พี่หมิว - Columnist จบเอกอิ้ง ชอบปิ้งหมูกิน แถมอินกับหนัง ฟังเพลงเสียงดัง หูแตกไปเลยจ้า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด