สวัสดีค่ะน้องๆ ใกล้เข้าหน้าหนาวทีไร ท้องฟ้าก็แลดูมืดลงเร็วกว่าปกติ หกโมงนิดๆ ไฟถนนก็เริ่มเปิดแล้ว เป็นสัญญาณเตือนว่าถ้าบ้านใครเปลี่ยวให้รีบกลับบ้านดีที่สุด เพราะในช่วงกลางคืนมีอันตรายแอบแฝงอยู่เยอะทีเดียวนะคะ พอนึกขึ้นได้แบบนี้พี่มิ้นท์ก็นึกอิจฉาสัตว์บางประเภทที่มองเห็นในเวลากลางคืนได้ดี อย่างน้อยการมองเห็นพิเศษๆ เช่นนี้ก็ช่วยป้องกันภัยให้กับตัวเองได้ระดับนึงเลย
แต่ที่พูดมานี้จะบอกว่า "สัตว์" สายตาดีกว่ามนุษย์ก็คงไม่ถูกนะคะ เพราะว่าคนและสัตว์ต่างก็ดวงตาและการมองที่แตกต่างกัน ซึ่งวันนี้ พี่มิ้นท์ ก็จะมาพูดถึงการมองเห็นของสัตว์ต่างๆ ซึ่งหลายคนอาจจะเข้าใจผิดมาตลอดเลยก็ได้ว่าสัตว์ทุกชนิดมองเห็นเหมือนกัน อ๊ะๆ อยากรู้แล้วล่ะสิว่าความจริงมันเป็นยังไงกันแน่
แสงถือเป็นคลื่นแม่เหล็กชนิดหนึ่ง ซึ่งคลื่นแต่ละคลื่นจะมีความยาวของคลื่นต่างกัน เช่น คลื่นวิทยุมีความยาวที่สุด คือ ตั้งแต่ 1 มิลลิเมตรจนถึงหลายกิโลเมตร ส่วนคลื่นที่สายตาของมนุษย์มองเห็นได้ หรือ visible spectrum นั้นก็คือแสงนั่นเอง โดยแบ่งแสงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากว้างๆ ได้ 7 แถบสี คือ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง มันคือสีของสายรุ้งนั่นเองค่ะ ส่วนแสงที่อยู่ใต้สีแดงจะเป็นแสงอินฟราเรต ส่วนแสงที่อยู่เหนือสีม่วง คือ แสงอัลตร้าไวโอเลต ซึ่งเราจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
ในเรื่องของการมองเห็นแสง คนกับสัตว์ก็เห็นสีสันได้ต่างกันแล้วค่ะ อย่างคนจะมองเห็นได้ดีในเวลากลางวันเพราะสามารถรับแสงได้ดี แต่รู้มั้ยคะว่าเจ้าตูบกับน้องเหมียวที่บ้านเรามองเห็นสีไม่เหมือนกับเรานะคะ แต่จะมองเห็นแค่สีเทากับดำเท่านั้น ดังนั้นเวลาน้องๆ เลือกซื้อของเล่นให้น้องหมาที่บ้านก็ไม่ต้องคำนึงถึงสีสันมากมาย เพราะมันดูไม่ออกหรอกค่ะว่าสีอะไรเป็นอะไร ฮ่าๆ
สัตว์ประเภทที่ออกหากินเวลากลางคืน เช่น นกฮูก งู สัตว์เหล่านี้จะมองเห็นได้ดีในเวลากลางคืน เพราะโครงสร้างของดวงตาได้สร้างมาให้พวกมันมองเห็นในช่วงคลื่นอินฟราเรตได้ โดยจะมีเซลล์รับแสงมากกว่าเซลล์รับสี แต่จะมองเห็นสีได้น้อยกว่าคน หรืออาจจะออกมาเป็นแค่สีขาวดำ ความสามารถด้านการมองเห็นของมัน มนุษย์ก็เลยเอามาพัฒนาทำกล้องอินฟราเรต หรือกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพในที่มืดๆ ช่วงเวลากลางคืนได้ด้วย, ผึ้งก็เป็นสัตว์อีกประเภทที่เห็นสีแตกต่างจากมนุษย์ คือ แม้จะแยกสีสันได้ แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นสีแดงได้ แต่จะออกเป็นสีเทาๆ ดำๆ ส่วนสัตว์ที่มีการมองเห็นสีได้ยอดเยี่ยม พี่มิ้นท์ก็ต้องขอยกนิ้วให้กับนกค่ะ เพราะเป็นสิ่งมีชีวิตที่แยกแยะสีได้ดีมาก อย่างนกพิราบ สามารถมองเห็นเฉดสีได้มากกว่า 1 ล้านเฉดสีเลยทีเดียว
นอกจากเรื่องสีแล้ว ตำแหน่งของตา ระยะการมองเห็นและภาพที่เห็นของสัตว์แต่ละประเภทก็ไม่เหมือนกันอีกนะคะ เช่น ตำแหน่งตาและจมูกของฮิปโปจะอยู่สูงกว่าสัตว์ชนิดอื่น เพราะฮิปโปเป็นสัตว์ที่ต้องดำน้ำ พอดำน้ำลงไปก็จะโผล่ตา จมูกขึ้นมาเพื่อให้มองเห็นเป็นการป้องกันอันตรายนั่นเอง อย่างคนมีตาอยู่ที่หน้าก็จะมองเห็นแต่ด้านหน้า แต่ถ้ากรอกตาไปมาก็ยังพอเห็นด้านข้างได้ แต่จะไม่มีทางมองเห็นด้านหลังได้เลย
น้องๆ เคยสังเกตมั้ยคะว่าตาของม้ามันอยู่ข้างๆ เชื่อมั้ยว่ามันช่วยให้ม้ามองเห็นได้เกือบ 360 องศาเลยทีเดียว ถ้าเป็นคนจะเห็นแบบนี้ได้ก็คงต้องตีลังกาดู >< พอมองเห็นได้รอบด้าน จึงไม่แปลกใจที่ม้าจะเป็นสัตว์ขี้กลัว ส่วนตาของกวางก็เห็นได้มุมกว้างโดยไม่ต้องหันหลังเช่นกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับการมองเห็นผู้ล่า พูดง่ายๆ คือ จะได้หนีทันนั่นแหละค่ะ

ด้านขวา คือตัวอย่างภาพที่ม้าจะมองเห็น
พูดถึงเหยื่อแล้วก็มาที่ผู้ล่ากันบ้าง ผู้ล่าหลักๆ ก็เช่น เสือ สิงโต สัตว์เหล่านี้สายตาเฉียบแหลมมาก สังเกตได้ว่าถ้าได้ลองล่าเหยื่อก็จะไม่มีพลาด เพราะสายตาสามารถกะระยะของเหยื่อได้นั่นเอง ส่วนพวกเหยี่ยว อีแร้ง ถ้าน้องๆ เคยดูสารคดีก็จะเคยเห็นมันบินถลาลงมาโฉบเหยื่อ หลายๆ ครั้งก็แอบสงสัยว่า "เฮ้ย มันมองเห็นได้ไง/ อะไรมันจะแม่นขนาดนั้น" นั่นก็เป็นเพราะว่าเหยี่ยว มีจุดรับแสงเป็นล้านอันในจอดวงตาแต่ละข้าง ทำให้มันสามารถมองเห็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กอย่างงู หนู ได้ แม้ว่าตัวมันเองจะอยู่สูงถึง 15,000 ฟุต!! ยายแถวบ้านสายตายาวสู้ไม่ได้เลยนะเนี่ย
ความแม่นอีกชนิดที่พลาดไม่ได้เลย ก็คือ ปลาเสือพ่นน้ำ แม้ตัวมันจะอยู่ในน้ำ แต่สามารถมองเห็นเหยือที่อยู่เหนือน้ำได้ 3-5 ฟุต และเมื่อเจอเหยื่อที่ถูกใจก็จะยิงน้ำใส่เพื่อให้มันตกลงมา โดยสามารถพ่นน้ำได้ถึง 1.5 เมตรเลยทีเดียว ประโยชน์จากสายตาที่เฉียบคมเช่นนี้ก็ทำให้มันมีอาหารอิ่มท้องทุกๆ มื้อไงล่ะคะ
ช่างน่าทึ่งอะไรอย่างนี้!!! คิดว่าน่าจะทำให้น้องๆ หายสงสัยเกี่ยวกับการมองเห็นของสัตว์ต่างๆ กันแล้วนะคะ ยิ่งได้หาข้อมูลเรื่องพวกนี้พี่มิ้นท์ยิ่งรู้สึกอึ้งในธรรมชาติจริงๆ เพราะแม้ว่าสัตว์บางชนิดจะสายตาไม่ดี เช่น หมา แมว ที่มองไม่เห็นสี แต่ก็ยังมีคุณสมบัติเฉพาะอื่นๆ เช่น การดมกลิ่นมาชดเชย ดังนั้นไม่ต้องไปน้อยใจในโชคชะตาสัตว์น้อยเหล่านี้นะคะ:) ส่วนสัตว์อื่นๆ ที่มีโครงสร้างของดวงตาแตกต่างกัน ก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้พวกมันสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ต่อไป ซึ่งก็เป็นสัญชาตญาณของสัตว์ที่จะต้องเรียนรู้และปรับตัว โดยใช้สิ่งที่ธรรมชาติให้มาให้เกิดประโยชน์สูงสุดอยู่แล้วค่ะ
ดังนั้นน้องๆ ก็ได้รู้ถึงประโยชน์ของดวงตากันไปแล้ว ก็อย่าลืมถนอมสายตาของตัวเองกันด้วยนะคะ^^
ขอขอบคุณแหล่งอ้างอิงข้อมูลและรูปภาพ
รายการเรียนรู้เรื่องวิทย์ สนุกคิด
www.vcharkarn.com, http://blogazine.in.th/blogs/dinya/post/1546

รู้หรือไม่....แมลงวันมีกี่ตา ??

เรื่องราว "วิทยาศาสตร์" กับ "นักสืบ" ที่คุณอาจไม่เคยรู้

ทำไมเราไม่บ้าจี้ เวลา "จั๊กจี้" ตัวเอง





18 ความคิดเห็น
ม้ามองเห็นได้. 360 องศา เจ๋งมาก
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆคับ