วัสดีค่าน้องๆ... พูดถึงสัตว์ที่มีกระเป๋าด้านหน้า ภาพแรกที่แว๊บเข้ามามันต้องเป็นโดราเอมอนแน่ๆ (เอ่อนั่นมันการ์ตูน!!) แต่อีกชนิดที่จะไม่นึกถึงไม่ได้เลยก็คือ "จิงโจ้" สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีกระเป๋าหน้าท้องขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และถือได้ว่าเป็นสัตว์ประจำชาติของประเทศออสเตรเลียด้วยค่ะ สำหรับประเทศไทย ถ้าอยากเจอตัวเป็นๆ คงไม่สามารถดูได้ตามถนนเหมือนช้างที่เดินไปมา แต่ต้องเข้าสวนสัตว์เท่านั้นค่ะ

             น้องๆ หลายคนหลงรักในความน่ารักของจิงโจ้ ที่ดูเป็นสัตว์ที่แสนใจดี๊ใจดี มีลูกอยู่ในถุงหน้าท้อง คอยพาลูกไปเที่ยวแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นของมันที่หาได้ยากในสัตว์อื่นๆ ก็คือ การเคลื่อนที่ด้วยการกระโดดหยองๆ นั่นเอง

              ทำไมจิงโจ้ถึงไม่เดินเหมือนสัตว์อื่นๆ?? คงเป็นคำถามที่น้องๆ กำลังสงสัยอยู่ในตอนนี้ จริงๆ แล้วจิงโจ้สามารถเดินได้นะคะ เพียงแต่ว่ามันจะลำบากมากกกกกกกกกกกกก ก็คงเหมือนกับคน ถ้าจะให้ตะแคงเท้าเดินก็คงไม่ไหวจะล้มเอาง่ายๆ ดังนั้นการกระโดดเป็นการเคลื่อนที่ที่เป็นปกติของจิงโจ้ เนื่องจากมันเป็นสัตว์ที่มีเท้าขนาดใหญ่และยาว การเดินจึงดูต้วมเตี้ยมและอืดอาด ตรงกันข้าม เท้ายาวๆ ของมันเอื้อต่อการกระโดดเป็นอย่างมากเด้งเหมือนเท้าติดสปริงเลยค่ะ โดยสามารถกระโดดได้สูงถึง 3 เมตร  กระโดดเร็วและไกลประมาณ 20-25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  แต่ถ้าเจอศัตรูวิ่งไล่ มันก็สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เรียกว่าเป็นสัตว์ที่ซิ่งใช้ได้ทีเดียว


             ถึงแม้ว่าจิงโจ้จะมีความมหัศจรรย์ตรงที่กระโดดได้สูง เร็วและไกล แต่ก็ยังมีจุดบกพร่องที่จิงโจ้ทุกตัวไม่สามารถทำได้ คือ เดินหรือกระโดดถอยหลัง เนื่องจากมีหางอันแข็งแรงคอยขัดขวางอยู่บวกกับลักษณะร่างกายของมันที่ไม่เอื้อต่อการกระโดดถอยหลังนั่นเอง

            นอกจากนี้ในฐานะที่จิงโจ้เป็นผู้ถูกล่าจากสัตว์อื่นที่แข็งแรงกว่า แค่ความเร็วและไกลของการกระโดดอาจจะยังไม่พอ ขาหน้าและขาหลังยังใช้เป็นอาวุธในการต่อสู้ได้อีกด้วย โดยขาหน้าใช้ในการต่อยและขาหลังใช้ในการเตะแบบกระโดดขาคู่ (ที่แท้คนก็เลียนแบบกระโดดถีบขาคู่มาจากจิงโจ้นี่เอง ฮ่าๆ)


จิงโจ้กับท่าป้องกันตัว ถึงจะดูบู๊แต่ก็น่ารักอะ 555


            ส่วนตอนนี้จิงโจ้ไม่ได้ถูกล่าจากสัตว์ด้วยกันเองเท่านั้น แต่ยังมีมนุษย์ใจร้ายคอยล่าจิงโจ้อยู่ เพราะเป็นสัตว์เศรษฐกิจสำคัญที่เนื้อนำมากินได้ ส่วนขนและหนังของมันก็แปรรูปทำเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าด้วย โดยที่ประเทศออสเตรเลียเองก็มีอาชีพนักล่าจิงโจ้อยู่ด้วย ฟังดูอาจจะโหดร้าย แต่ก็เป็นเรื่องจริงและถูกต้องตามกฎหมาย เพียงแต่ผู้ล่าจะต้องมีใบอนุญาตจากรัฐบาลเท่านั้น และมีการกำหนดโควตา โดยให้ล่าจิงโจ้เพื่อการค้าปีละ 10-15% เท่านั้น (แต่ถึงยังไงพี่มิ้นท์ว่ามันก็น่าสงสารอยู่ดี TT)
  

เด็กดีดอทคอม :: ว้าว!! เครื่องตรวจจับรอยยิ้ม...แบบนี้ก็มีด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

รายการวันละนิดวิทย์เทคโนกับ สวทช.,
www.cringel.com, www.juliusbergh.com
http://blog.lib.umn.edu/csomweb/pbanwart/2009/05/kangaroo.html,
http://wallpaper.imcphoto.net, www.theage.com.au

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจในหมวดวิทย์จี๊ดสุดๆ

พี่มิ้นท์
พี่มิ้นท์ - Columnist พี่สาวใจเย็น ผู้เกิดมาในแอดมิชชั่นยุคแรก แต่เข้าใจ TCAS มากกว่า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

อัย 28 พ.ย. 55 14:22 น. 2
ไม่ได้อยากเข้าข้างออสเตรเลีย
แต่คือเขาให้ล่าแค่บางที่จริงๆ นะคะ
แล้วบางทีเนี้ยจิงโจ้ กำลังขับรถอยู่ก็โดดมาขวางถนนไรเงี้ย

คือบางทีมันก็เยอะเกินไป
1
Juztin SK Member 17 พ.ค. 58 16:02 น. 2-1
ใช่ค่ะ เพราะประชากรมันเยอะมากกกกก แถมแถวต่างจังหวัด...(แถวนอกเมืองที่คนอยู่อ่ะค่ะ ไม่รู้จะเรียกอะไร) ยังมากระโดดตัดหน้ารถกันเลยก็มี จนที่ออสเตรเลียต้องตั้งป้ายไว้ข้างถนน แต่ก่อนพ่อเลี้ยงเราขับรถไปทำงานแถวต่างจังหวัดบ่อยๆ หวิดไม่ได้กลับบ้านเพราะมันนี่แหล่ะ = =
0
กำลังโหลด

7 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
อัย 28 พ.ย. 55 14:22 น. 2
ไม่ได้อยากเข้าข้างออสเตรเลีย
แต่คือเขาให้ล่าแค่บางที่จริงๆ นะคะ
แล้วบางทีเนี้ยจิงโจ้ กำลังขับรถอยู่ก็โดดมาขวางถนนไรเงี้ย

คือบางทีมันก็เยอะเกินไป
1
Juztin SK Member 17 พ.ค. 58 16:02 น. 2-1
ใช่ค่ะ เพราะประชากรมันเยอะมากกกกก แถมแถวต่างจังหวัด...(แถวนอกเมืองที่คนอยู่อ่ะค่ะ ไม่รู้จะเรียกอะไร) ยังมากระโดดตัดหน้ารถกันเลยก็มี จนที่ออสเตรเลียต้องตั้งป้ายไว้ข้างถนน แต่ก่อนพ่อเลี้ยงเราขับรถไปทำงานแถวต่างจังหวัดบ่อยๆ หวิดไม่ได้กลับบ้านเพราะมันนี่แหล่ะ = =
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด