วัสดีค่ะ อีกไม่กี่วันหลายโรงเรียนก็จะเปิดเทอมแล้ว หลายคนดีใจได้กลับไปเจอเพื่อน แต่มีอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ เพราะเพิ่งเข้า ม.1 หรือต่อ ม.4 โรงเรียนอื่น มาคนเดียวเปล่าเปลี่ยว กลัวจะเหงา ไม่มีเพื่อน เรื่องนี้มีน้องๆ มาระบายให้ฟังทุกปี

          ฉะนั้นวันนี้ พี่มิ้นท์ เลยรวบรวมเทคนิคเด็ดๆ ไว้ตีสนิทเพื่อนใหม่  เบื้องต้นแนะนำว่าเป้าหมายเพื่อนใหม่ควรคุยได้สะดวก เช่น เป็นคนที่เราเจอคนแรกของห้อง เป็นเพื่อนเลขที่ติดกัน(มีโอกาสได้นั่งใกล้กัน) หรือเป็นเพื่อนที่ยืนเข้าแถวข้างๆ กัน(ซ้าย-ขวา หน้า-หลัง เอาให้หมด) เพราะคุยได้สะดวกและเพิ่มโอกาสสนิทได้มากกว่าค่ะ ส่วนวิธีตีสนิทจะมีวิธีไหนบ้างไปดูกันเลย

    
>>เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน
            หมายความว่าถ้าหากจะมีบทสนทนาเกิดขึ้น ขอให้เป็นเราที่ชวนคุยก่อนนั่นเอง วิธีนี้ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ถ้าไม่มีฝ่ายเริ่ม บทสนทนาก็เริ่มต้นไม่ได้ ยิ่งเราเป็นนักเรียนใหม่ ถ้าอยากได้เพื่อนต้องขวนขวายค่ะ การเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนาเสริมราศีให้เราดูเป็นมิตรมากขึ้น น่าคบหามากขึ้น (ยกเว้นว่าพูดคำหยาบแต่ต้น เพื่อนจะหนีเราแทน) แต่เดิมใครที่เป็นคนขี้อาย ขอให้เลิกพฤติกรรมนี้ไปเลยนะ ไหนๆ ได้เข้าโรงเรียนใหม่แล้ว เปลี่ยนตัวเองไปเลยค่ะ

           หากเพิ่งคุยกันครั้งแรก แน่นอนว่าต้องเริ่มต้นด้วยการถามชื่อ ชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน จบมาจากที่ไหน ฯลฯ แล้วเดี๋ยวจะคุยต่อไปเรื่อยๆ ได้เอง บางคนคุยกันถูกคอมากแป๊บเดียวก็เป็นเพื่อนซี้เหมือนสนิทกันมานาน ส่วนน้องๆ ที่มีปัญหาไม่รู้จะคุยอะไรต่อ ประมาณว่าชื่อก็รู้แล้ว บ้านก็รู้แล้ว แต่ไม่รู้จะถามอะไรต่อ อาจจะต้องปรับตัวนิดนึงนะคะ พยายามชวนคุยให้ได้มากที่สุด เช่น คาบต่อไปเรียนอะไร ตอนนี้กี่โมงแล้ว มาโรงเรียนยังไง แถวบ้านมีที่เที่ยวมั้ย เรียนพิเศษที่ไหน ฯลฯ แต่อย่าคุยในเวลาเรียนนะ

           อีกหนึ่งข้อห้ามที่สำคัญมาก คือ หลีกเลี่ยงการพูดจาดูถูก โอ้อวด เสียดสี พูดแย้งหรือเถียงเพื่อนทุกเรื่อง  เพราะนอกจากจะเป็นมารยาทที่ไม่ดีแล้ว เพื่อนคงจะงงว่านี่จะมาเป็นเพื่อนหรือเป็นศัตรูกันแน่ เพื่อนอาจเกลียดเราตั้งแต่วันแรกเลยก็ได้ จงระลึกไว้เสมอว่าคำพูดที่ออกจากปากเราเป็นตัวกำหนดให้คนรักหรือเกลียดเราได้


>> ฝึกเป็นคนช่างสังเกต
           เขาว่ากันว่าเพื่อนที่ดีต้องเป็นเพื่อนที่รู้ใจและรู้จักตัวตนของเรามากที่สุด แต่กว่าจะไปถึงขั้นนั้นคงต้องผ่านช่วงเวลาของการศึกษานิสัยกันเสียก่อน ดังนั้นถ้าอยากรู้ตัวตนของเพื่อนมากขึ้น น้องๆ ต้องหัดสังเกตเพื่อนของเราค่ะ เพื่อให้มีเรื่องสำหรับชวนคุย เช่น เพื่อนคนนี้ใช้ของลายคิตตี้หมดเลย หรือแอบเห็นแบ็คกาวน์หน้าจอมือถือเป็นนักร้องเกาหลี ก็พอจะเดาได้ว่าเพื่อนคนนี้น่าจะชอบคิตตี้และนักร้องเกาหลี ถ้าเขาชอบเหมือนกับเรา รับรองมีเรื่องโม้กันต่อได้ยาว สนิทกันเร็วขึ้น 10 เท่าเลยค่ะ แต่ถ้าเราไม่ได้ชอบแบบเดียวกับเพื่อน ก็ชวนคุยเกี่ยวกับสิ่งนั้นๆ ก็ได้ เช่น นักร้องคนนี้ชื่ออะไร ทำไมถึงชอบ เคยมาเมืองไทยมั้ย ฯลฯ เรื่องๆ เดียวถ้าคิดจะคุยจริงๆ คุยได้ไม่มีหมดแน่นอน แต่ข้อนี้อาจต้องเปิดใจให้กว้างด้วยนะ เผื่อถามหนึ่งคำถาม เพื่อนอาจตอบยาวสิบนาทีได้ 555

           นอกจากเพิ่มเรื่องคุยได้แล้ว การได้รู้นิสัยและของชอบ เป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ได้ เช่น ซื้อของขวัญวันเกิดที่ชอบให้ เป็นต้น


    >> เปิดใจให้กว้าง
          เราอาจจะไม่รู้จักตัวตนของเพื่อนใหม่มาก่อน ก่อนจะทำความรู้จักใครลองเปิดใจให้กว้าง เพื่อนบางคนภายนอกกับภายในต่างกัน เช่น อาจเจอเพื่อนปากร้าย พูดตรง หัวเราะเสียงดัง หากเราอคติไปก่อนว่าเพื่อนคนนี้นิสัยแปลกแล้วพาลไม่อยากรู้จักซะงั้น เราอาจจะเสียใจภายหลังได้นะคะ เพราะตัวตนจริงๆ ของเพื่อนคนนี้อาจเป็นคนดีและเป็นที่รักของเพื่อนๆ ในเวลาต่อมาก็ได้

         ดังนั้น ถ้าอยากเข้าไปทำความรู้จักเพื่อนใหม่ๆ ต้องเปิดใจให้กว้างเพื่อเรียนรู้นิสัยของคนอื่นก่อนนะคะ คบกันไปสักพักเราจะรู้เองว่าเพื่อนเราเป็นคนอย่างไร ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกที แต่ถ้าเราตัดสินใจคบคนนี้เป็นเพื่อนแล้วก็ต้องเปิดใจยอมรับตัวตนของเพื่อนให้ได้ เพราะคนเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบ 100% ค่ะ

  
>> Social media เป็นสื่อนำทาง
           น้องๆ รุ่นใหม่ในยุค Gen Y เติบโตมาพร้อมเทคโนโลยี สมัยนี้มีทั้ง Facebook  Line IG  หนึ่งคนเล่นมากกว่าหนึ่งสื่อแน่นอน ดังนั้นเมื่อผ่านขั้นตอนทำความรู้จักกันแล้ว แลกชื่อเฟซบุ๊ก หรือ id ของ Line กันเลย โซเชียลมีเดียถือว่าเป็นสื่อที่ช่วยให้น้องๆ สนิทกันง่ายขึ้นค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปทักทาย พูดคุย ในพื้นที่เฟซบุ๊กของเพื่อน พอวันรุ่งขึ้นมาเจอหน้าเพื่อนก็ลดความเขินอายลงได้


   >> ไปไหนไปกัน
          ผู้ชายอาจไม่ค่อยมีโมเม้นท์นี้สักเท่าไหร่ แต่สำหรับสาวๆ การมีเพื่อนไปไหนมาไหนด้วยกันมันค่อนข้างอุ่นใจค่ะ เช่น ไปเข้าห้องน้ำก็ลองชวนเพื่อนใหม่ว่าไปด้วยกันมั้ย หรือหลังเลิกเรียนชวนเพื่อนไปซื้อขนมกินหน้าโรงเรียน หรือชวนกลับบ้านพร้อมกัน แค่พูดคำว่า "ไป.....ด้วยกันมั้ย" แค่นี้ก็สร้างความรู้สึกดีๆ ระหว่างกันได้มากแล้วค่ะ

         เพื่อน พี่มิ้นท์ เคยสงสัยนะว่าเวลาผู้หญิงจะไปเข้าห้องน้ำ ทำไมต้องชวนกันไปด้วย ทั้งๆ ที่เข้าคนละห้อง ได้แต่บอกไปว่าไปคนเดียวมันเหงามั้ง 5555


   >> แชะภาพร่วมกัน
         ความทันสมัยของเทคโนโลยีทำให้มือถือของน้องๆ ทุกคนมีกล้องกันหมดแล้ว ไหนจะมีแอพลิเคชั่นกล้องที่พัฒนาเรื่อยๆ ทำให้การถ่ายรูปสนุกกันมากขึ้น และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะ การถ่ายรูปเล่นนี่แหละที่ช่วยให้เพื่อนๆ ในกลุ่มสนิทกันมากขึ้น

        ในสัปดาห์แรกของการเปิดเทอม เมื่อเริ่มรู้จักเพื่อนๆ แล้วก็อาจขอถ่ายรูปคู่ ถ่ายรูปกลุ่ม แรกๆ อาจเกร็งๆ กันบ้าง แต่รับรองว่าไม่เกิน 10 ภาพ น้องๆ จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เริ่มแอคท่ามากขึ้น ถ่ายรูปสนุกกันมากขึ้น เป็นการละลายพฤติกรรมไปในตัว แค่นึกก็สนุกแล้วค่ะ

  
>> นัดเที่ยวนอกรอบ
        วันเสาร์-อาทิตย์ช่วงแรกๆ ยังไม่มีการบ้านเท่าไหร่ ถ้าจับกลุ่มเพื่อนได้แล้ว ลองนัดกันออกไปกินข้าว ไปทำกิจกรรมแบบวัยรุ่นๆ กันหน่อย เช่น ร้องคาราโอเกะ เดินช้อปในแหล่งวัยรุ่น แนะนำเรื่องการแต่งตัว ฯลฯ ส่วนน้องๆ ผู้ชายอาจชวนไปเล่นกีฬา เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล หรือไปเล่นดนตรีก็เป็นไอเดียที่ดีเลยค่ะ ดีไม่ดีผ่านไป 1 ปี สามารถตั้งวงไปประกวดงานดนตรีต่างๆ ทั้งในและนอกโรงเรียนได้อีกด้วย

        การได้ทำความรู้จักกันนอกเครื่องแบบ นอกกฎเกณฑ์ในรั้วโรงเรียน ยิ่งช่วยให้รู้จักตัวตนของเพื่อนๆ ดีขึ้นนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งกาย ความสามารถ หรืออุปนิสัยต่างๆ และเมื่อได้ออกมาเที่ยวกันแล้วก็อย่าลืมถ่ายรูป อัพเดทขึ้นเฟซบุ๊กให้ครบสูตรด้วยล่ะ


   >> ยิ้มง่าย มีน้ำใจ มัดใจเพื่อน    
         ใครๆ ต่างก็ต้องการเพื่อนที่เป็นคนดีค่ะ และคุณสมบัติสำคัญๆ ของการเป็นเพื่อนที่ดี คือ จริงใจและมีน้ำใจ ซึ่งการมีน้ำใจนั้นแสดงออกได้ง่ายมากๆ ไม่ต้องคิดไปไกลถึงขนาดให้ของขวัญราคาแพงๆ หรอกค่ะ แค่ซื้อขนมมาแล้วแบ่งกันกิน หรือให้ยืมดินสอ ปากกา แค่นี้ก็ได้ใจเพื่อนมากๆ แล้ว ใครๆ ก็อยากจะเป็นเพื่อนเราทั้งนั้นค่ะ ยิ่งถ้าได้แสดงน้ำใจในตอนที่เพื่อนเดือดร้อนจะยิ่งเพิ่มความประทับใจมากยิ่งขึ้น

         อีกหนึ่งวิธีที่ไม่ต้องลงทุนอะไรแต่ได้ผลดีมากๆ ก็คือ การยิ้มค่ะ ยิ้มให้กับทุกคน เช้ามาเจอหน้าเพื่อนก็ยิ้มให้ก่อนเลยหนึ่งที ระหว่างวันที่คุยกันก็ยิ้มให้กัน หรือไม่รู้จะพูดอะไรก็ยิ้มไว้ก่อน การยิ้มทำให้เราดูเฟรนลี่ เวลาเข้าไปพูดกับเพื่อนเขาจะได้ไม่กลัวเรา รวมถึงเพื่อนก็กล้าเข้ามาหาเรามากขึ้นด้วย วิธีนี้คนพูดไม่เก่งก็ใช้ได้ผลนะคะ

          เห็นไหมว่าการหาเพื่อนใหม่ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป ขอแค่ลดความขี้อายลง กล้าแสดงออกให้มากขึ้น และใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์มากขึ้นเท่านั้นเอง แค่นี้จะมีเพื่อนสนิทเป็นร้อยคนก็ยังได้เลยค่ะ พี่มิ้นท์ เป็นกำลังใจให้น้องๆ ที่ต้องเข้าโรงเรียนใหม่ ขอให้ได้เพื่อนใหม่ที่เป็นคนดี และจริงใจนะคะ และอย่าลืมจริงใจกับเพื่อนของเราด้วยล่ะ

          ปิดท้าย พี่มิ้นท์ ขอเล่าประสบการณ์การหาเพื่อนใหม่บ้าง ตอน ม.4 ได้ย้ายไปอีกโรงเรียนนึง ไปแค่คนเดียว ต้องไปหาเพื่อนใหม่เหมือนกัน ตอนแรกก็กลัวไม่มีเพื่อน แต่ยิ่งกลัวก็ยิ่งกล้าค่ะ พี่รีบหาเพื่อนตั้งแต่วันมอบตัวเลย ช่วงที่เข้าแถวรอมอบตัว พี่ก็สะกิดคนข้างหน้า "เธอๆ ชื่อไรอะ" พอเขาตอบกลับมาปรากฏว่าชื่อเดียวกัน เลยคุยกันยาวเลย สุดท้ายตลอด 3 ปีของ ม.ปลาย ก็ได้อยู่กลุ่มเดียวกันจริงๆ ค่ะ แค่ประโยคเดียวก็สร้างมิตรภาพให้เกิดขึ้นได้แล้ว :)

         
อ่านบทความนี้จบ ใครเคยมีประสบการณ์หาเพื่อนใหม่ หรือมีวิธีหาเพื่อนใหม่แบบเด็ดๆ มาเล่าให้ฟังได้นะคะ ไว้เป็นแนวทางสำหรับเพื่อนๆ คนอื่นต่อไปค่ะ

เด็กดีดอทคอม :: ว้าว!! เครื่องตรวจจับรอยยิ้ม...แบบนี้ก็มีด้วย

  บทความอื่นๆ ในหมวดเคล็ดลับการเรียน

เด็กดีดอทคอม ::


"เรียนไปทำไม" คำถามที่ทำให้เราไม่เก่งสักที



ระวัง!! เสพติดสมาร์ทโฟนมากๆ ความคิดสร้างสรรค์เดี้ยง

พี่มิ้นท์
พี่มิ้นท์ - Columnist พี่สาวใจเย็น ผู้เกิดมาในแอดมิชชั่นยุคแรก แต่เข้าใจ TCAS มากกว่า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

' Past-Time ' Member 14 พ.ค. 56 15:51 น. 1
ขอบคุณค่ะ :) เราตีสนิทใครไม่เก่ง ถือเป็นทริคดีๆที่ควรนำไปใช้ละกันเนอะ เวลา
อยู่กับคนไม่สนิทเราจะทำตัวเซ่อซ่าออกไปทุกที คิดแล้วก็อายไม่หายเลยนะเนี่ยย


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 14 พฤษภาคม 2556 / 15:52
0
กำลังโหลด
เมทัลเมลดี้ Member 27 เม.ย. 58 11:16 น. 42

ขอบคุณมากๆนะคะ  นับถือพี่มิ้นท์เป็นไอดอลเลย ตั้งบทความมีประโยชน์เยอะมาก เลยค่ะ รักเลยรักเลยรักเลยรักเลยรักเลย

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

68 ความคิดเห็น

' Past-Time ' Member 14 พ.ค. 56 15:51 น. 1
ขอบคุณค่ะ :) เราตีสนิทใครไม่เก่ง ถือเป็นทริคดีๆที่ควรนำไปใช้ละกันเนอะ เวลา
อยู่กับคนไม่สนิทเราจะทำตัวเซ่อซ่าออกไปทุกที คิดแล้วก็อายไม่หายเลยนะเนี่ยย


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 14 พฤษภาคม 2556 / 15:52
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
maysunny. Member 14 พ.ค. 56 20:06 น. 4
ขอบคุณพี่มิ้นท์มากนะคะ
ตอนนี้ก็เข้ามหาลัยแล้ว ประหม่ามากเลย กิจกรรมบึม แต่ยังไม่รู้จักใครสักคน 55

จะพยายามยิ้มเยอะๆ :D
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
9745 Member 14 พ.ค. 56 23:43 น. 7
สอบเข้าม.4รร.ใหม่ มีเพื่อนจากรร.ตอนม.ต้น5คน แต่แยกย้ายกันไปหมดเลย บางทีก็อึดอัดทำตัวไม่ถูก ต้องมีความกล้าเพิ่มขึ้นแล้ว สู้ๆๆ
0
กำลังโหลด
ช่อดอกไม้ขนาดเล็ก Member 15 พ.ค. 56 00:42 น. 8
ไม่กล้าเริ่มบทสนทนา T^T คำตอบเดียวคืออาย  แต่ถ้าเขาพูดด้วยคำเดียวนี่คือเมาท์แหลกเลยนะ 5555+
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Fiance^^ Member 15 พ.ค. 56 12:19 น. 11
ของเราคล้ายๆ คห. 8 เลย
แต่เราเจอเป็นคนชาวต่างชาติ เราไม่กล้าพูดกับเขาเลย เพราะว่าเขาหน้าดุอยู่เหมือนกัน แต่พอเขาเป็นฝ่ายเริ่มคุยก็เลยไปต่อได้ เวลาไม่รู้จะพูดอะไรก็ยิ้มไปก่อน เขาก็ไม่ว่าอะไร คงเข้าใจว่าคนไทยชอบยิ้มมั้ง
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
sam 15 พ.ค. 56 17:17 น. 15
ผมว่าพี่คิดผิดนะครับที่ไปไหนไปกันอ่ะ 5555 เพราะผู้ชายไม่ชอบไปไหนคนเดียวหรอกไปห้องน้ำยังต้องไปทั้งฝูงเลย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ทอมจังผู้น่ารัก Member 15 พ.ค. 56 17:47 น. 17
เราทำเกือบทุกอย่างแล้วน่ะ แต่ ''ไปไหนไปกัน'' อ่ะ เรายังไม่ได้ทำ TT

เพราะติดเพื่อนเก่ามากอ้ะ ไปไหนก็ไปกับเพื่อนเก่าถึงจะอยู่คนละห้อง แต่ก็พยายามนัดกัน มันตัดไม่ได้จริงๆ 
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
annabokb Member 15 พ.ค. 56 18:57 น. 19
ขอบคุนมากค่ะ เมื่อก่อนที่เพิ่งเข้าม.1แรกๆก็ไม่ค่อยกล้าคุยกับใครก่อนเหมือนกัน แต่การยิ้มก่อนเนี่ยได้ผลจริงๆนะค่ะ ปล. ถ้าเค้าไม่คิดว่าเราบ้าไปก่อนละนะ55+
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด