สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com^^ ..... สำหรับคอลัมน์วิธีเตรียมตัวไปเรียนนอกเมื่อสัปดาห์ก่อน คงจะยังจำกันได้ที่ พี่เป้ เขียนเรื่องระบบการศึกษาในอังกฤษ โดยได้อธิบายเกี่ยวกับระบบ GCSE ไปแล้ว (ใครยังไม่ได้อ่าน คลิกที่นี่ เลยค่ะ) โดยระบบ GCSE นั้นเป็นระบบที่นักเรียน Year 10-11 ต้องเรียนกัน และหลังจากจบ Year 11 แล้ว เรามาดูกันต่อเลยค่ะว่าเค้าต้องเรียนอะไรต่อ    

   

{pic-desc}

                 หลังจากเรียนจบหลักสูตร GCSE ตอน Year 10-11 แล้ว นักเรียนอังกฤษก็จะได้เวลาขึ้น Year 12-13 (คล้ายๆ ม.5-ม.6) โดยต้องเลือกว่าจะเรียนในหลักสูตรใด ระหว่าง ...

                    - A-Level 
                    - IB (International Baccalaureate)


                 ซึ่ง 2 ระบบนี้ ข้อแตกต่างที่เด่นชัดที่สุดก็คือ หากเรียนจบหลักสูตร A-Level จะสามารถใช้สมัครเรียนต่อได้เฉพาะมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรเท่านั้น (อังกฤษ สกอตแลนด์ และเวลส์) แต่ถ้าเรียนจบหลักสูตร IB จะสามารถใช้สมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ทั่วโลก  

{pic-desc}

สำหรับวันนี้จะขอพูดถึงหลักสูตร A-LEVEL ก่อนนะคะ

                 หลักสูตร A-Level (Advanced Level) เป็นหลักสูตรการเรียน 2 ปี สำหรับนักเรียนอายุ 16-18 ปี โดยนักเรียนสามารถเลือกเรียนวิชาในหลักสูตร A-Level ได้ตามความถนัด โดยแบ่งเป็น 2 ช่วงการเรียน

                 1. AS Examination (Advanced Subsidiary) คือการเรียนในช่วง Year 12 ส่วนมากเลือกเรียน 4 วิชา
                 2. A2 Examination คือการเรียนในช่วง Year 13  ส่วนมากเลือกเรียน 3 วิชา
 

สำหรับวิชาที่เปิดสอนนั้น พี่เป้ ขอแบ่งเป็น 4 หมวดเพื่อให้น้องๆ เข้าใจได้ง่ายขึ้น

 

 ภาษา

 

 

 ศิลปะ

 

 

 มนุษยศาสตร์

 

 

 วิทยาศาสตร์

 

 - อาราบิค
 - จีน
 - กรีก
 - เยอรมัน
 - ดัทช์
 - อังกฤษ
 - ฝรั่งเศส
 - เยอรมัน
 - ฮิบรู
 - ฮินดี
 - ญี่ปุ่น
 - อิตาเลียน
 - ละติน
 - มาเลย์
 - เปอร์เซียน
 - โปรตุเกส
 - รัสเซีย
 - สเปน
 - ตุรกี
 - ทามิล
 - แอฟริกัน

 

 - กราฟิกดีไซน์
 - ถ่ายภาพ
 - ออกแบบเสื้อผ้า
 - วิจิตรศิลป์
 - การละคร
 - ออกแบบผลิตภัณฑ์
 - ดนตรี
 - เทคโนโลยีดนตรี
 - ศิลปะการแสดง
 - ภาพเคลื่อนไหว

 

 

 

 

 

 - การบัญชี
 - ประวัติศาสตร์
 - มานุษยวิทยา
 - พลเมืองศึกษา
 - การติดต่อสื่อสาร
 - การติดต่อสื่อสารและวัฒนธรรม
 - เศรษฐศาสตร์
 - การบริหาร
 - วรรณคดีอังกฤษ
 - ยุโรปศึกษา
 - การท่องเที่ยว
 - สันทนาการ
 - อิสลามศึกษา
 - วรรณคดีฮินดี
 - กฎหมาย
 - การพัฒนาของโลก
 - ทักษะการคิด
 - สังคมวิทยา
 - ศาสนา
 - จิตวิทยา
 - ปรัชญา
 - รัฐศาสตร์

 

 - ดาราศาสตร์
 - วิทยาศาสตร์ประยุกต์
 - ชีววิทยา
 - อิเล็กทรอนิกส์
 - วิศวกรรมศาสตร์
 - วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์
 - การจัดการสิ่งแวดล้อม
 - คณิตศาสตร์
 - ธรณีวิทยา
 - ภูมิศาสตร์
 - เทคโนโลยีสารสนเทศ
 - วิทยาศาสตร์ใต้ทะเล
 - วิทยาศาสตร์เพื่อสังคม
 - สถิติ
 - วิทยาศาสตร์การกีฬา

 

 

 

เป็นต้น
(แต่ละโรงเรียนเปิดสอนรายวิชาแตกต่างกัน)

{pic-desc}

                 โดยการเลือกวิชาที่จะเรียนนั้น น้องๆ ควรพิจารณาจากคณะหรือสาขาที่ต้องการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เช่น สมมติว่า พี่เป้ อยากเรียนรัฐศาสตร์ ดังนั้นใน Year 12 อาจจะเลือกวิชากฎหมาย การพัฒนาของโลก รัฐศาสตร์ และปรัชญา พอมา Year 13 ลดเหลือแค่ 3 วิชา ได้แก่ กฎหมาย การพัฒนาของโลก รัฐศาสตร์ (ตัดปรัชญาออก) โดยจะได้เรียนเนื้อหาที่เข้มข้นขึ้น หรือบางคนเกิดไม่ชอบวิชาที่เรียนมาแล้ว ก็อาจจะเปลี่ยนใจเลือกวิชาอื่นที่ไม่ซ้ำกับตอน Year 12 เลยก็ได้ (แต่ไม่แนะนำค่ะ)

                 หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง พี่เป้ อยากเรียนนิเทศศาสตร์ ดังนั้นใน Year 12 เลือกวิชาการติดต่อสื่อสาร การละคร ทักษะการคิด และการถ่ายภาพ พอ Year 13 ก็เรียนแค่วิชาการติดต่อสื่อสาร การละคร ทักษะการคิด (ตัดการถ่ายภาพออก)

{pic-desc}

                 และเมื่อเรียนจบหลักสูตร A-Level แล้ว ก็จะมีการสอบวัดว่าผ่านหรือไม่ผ่าน โดยนักเรียนต้องเลือกสอบ 3 วิชา และต้องสอบได้เกรด C ขึ้นไปถึงจะผ่าน จากนั้นจึงจะสามารถนำคะแนนไปยื่นสมัครเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรได้ ดังนั้นการเรียนในระบบ A-Level นั้น เหมาะกับคนที่มีเป้าหมายแน่นอนแล้วว่าอยากเรียนคณะอะไรในระดับมหาวิทยาลัย จึงเรียกได้ว่าเป็นหลักสูตรที่ช่วยปูพื้นฐานสำหรับการเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ดีมากๆ เลยล่ะค่ะ


 
 
 
                  อ่านอย่างนี้แล้ว ก็รู้สึกอยากเรียนระบบ A-Level ขึ้นมาตะหงิดๆ 5555+ แล้วน้องๆ ล่ะคะ มาบอกกันหน่อยว่า "อยากเรียนคณะอะไร แล้วถ้าได้เรียน A-Level จะเลือกเรียนวิชาอะไรกันบ้าง" มาแชร์ความเห็นกันเยอะๆ นะ พี่เป้ จะรออ่านจ้าาาาาาา ^^              

                    


                      ป.ล.  ส่วนในวันอังคารหน้า พี่เป้ จะกลับมาอธิบายหลักสูตร IB (International Baccalaureate) ให้อ่านนะ รอติดตามๆ   

                       


           SPECIAL THANKS : EF , N'Pueng             
 

                                                        
 
 
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

96 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
I'm god Member 6 เม.ย. 53 12:19 น. 11
เจ๋งอ่ะ มีสาขาให้เลือกเรียนเยอะมากเลยอ่ะ ถ้าอยากเรียกอะไรก็ลงไได้เลยนะเนี้ยไม่ต้องมาเฉพาะเจาะจงว่าต้องมาเรียนสายนู้นสายนี้ อยากเป็นนักกฎหมายก็เรียนด้านกฎหมาย เจ๋งดี ไม่ต้องไปรอเลือกเขา้คณะ ถึงจะได้เรียนสิ่งที่ตัวเองชอบ
0
กำลังโหลด
นูน่า 6 เม.ย. 53 12:49 น. 12
น่าสนใจมาก
เราอยากเข้าเอกอิ๊ง
ก็คงจะเลือก อังกฤษ ประวัติศาสตร์ วรรณคดีอังกฤษ แล้วก็ปรัชญาอิอิ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ฟหกดฟหกดฟ 6 เม.ย. 53 13:11 น. 14
อยากรู้ว่าของครั้งก่อนที่บอกว่า yr10-11เลือกเรียน7-10 วิชาจากหมวดต่างๆ หมายความว่าปีละ7-10วิชา หรือว่า2ปีรวมกัน7-10วิชาคะ

ชุดนักเรียนเค้าเท่ห์จังเลยคะ
0
กำลังโหลด
123 6 เม.ย. 53 13:37 น. 15
เบื่อการศึกษาเมืองไทย ไม่รู้จักพัฒนา ยิ่งโรงเรียนรัฐบาล เด็กทุกคนต้องมีกฏระเบียบ

ถึงจะเรียนเก่งแค่ไหนแต่ถ้าเรื่องผมผิดระเบียบ ก็ไม่มีประโยชน์ มีครูบางคนพูดแบบนี้

จริง ๆ ตกลง จะเอาการเรียนสำคัญ หรือจะเอา ผมวะค่ะ !!!! !!
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
xkwanisx Member 6 เม.ย. 53 14:37 น. 17
เออ แอบเห็นด้วยกับคห.15เป็นอย่างนั้นจริงๆนะ
บังคับนู่นบังคับนี่ คิดเหรอบังคับแล้ว จะดีขึ้นน่ะ ดูถูกเด็กมากไปป่ะคะ เด็กสามารถคิดเองได้
ว่าอะไรที่ทีำแล้วไม่ผิดต่อศีลธรรมหรืออะไรที่ทำแล้วผิดกฎหมายเด็กก็ไม่ทำหรอก
บังคับไปแล้วได้อะไร ไม่ทราบ ปัจจุบันนี้ ยังมีพวกเด็กตีกัน ซอยผม นุ่งสั้นเต็มบ้านเต็มเมือง
เค้าอยากทำอะไรก็ปล่อยไปเหอะ บังคับมากๆจะกลายเป็นเด็กมีปัญหา
ระบบการเรียนของอังกฤษ อเมริกาเค้าปล่อย แต่เด็กของเค้ากลับเจริญกว่ากว่าของไทยเสียอีก
เพราะเค้ารู้จักคิดได้เองว่าอะไรควรไม่ควร ครูน่ะแค่สอนว่าควรคิดยังไงก็พอแล้ว ไม่ต้องมาตี มาด่า ถึงพ่อถึงแม่ก็ได้
อาจารย์บางคนก็ไม่ได้ดีไปกว่าเด็กหรอก


ระบบการศึกษาแบบเนี้ยเราก็อยากให้มีที่บ้านเราเหมือนกัน
ได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองรัก ชอบ มันจะมีส่วนช่วยพัฒนาบ้านเมืองได้หลายๆด้านตามความสามารถของแต่ละคนมากกว่า
จะมาให้เรียนทุกวิชา แล้วแต่ละวิชาเนี่ย เราเบื่อเราไม่ชอบ เรียนไปก็ไม่เข้าหัวหรอก เสียเงินพ่อแม่ไปฟรีๆ
คนเรามันไม่มีทางที่จะรู้ลึกได้ทุกอย่างในโลกเสียหน่อย คนนึงเก่ง คณิต คนนึงเก่งศิลป์ ส่วนคนที่เก่งทั้งสองอย่างแบบจริงๆรู้ลึกจริงๆ
น่ะมีงั้นเหรอ? ขอร้องถ้าอยากให้ไทยเจริญ ช่วยเริ่มต้นจากระบบการศึกษาเนี่ยแหละ
เราเบื่อกับการ ให้ชาติอื่นมาดูถูกแล้วคฃค่ะ คุณครู!!
0
กำลังโหลด
Daughter of Apollo Member 6 เม.ย. 53 14:47 น. 18
ให้เลือกเอง เรียนไม่กี่วิชา แต่เข้มข้นสุดๆสิถึงจะมีคุณภาพคือ ชอบทางไหนก็ไปทางนั้นเลย  ไทยมีแต่ยัดๆ T^T พูดตามตรงเลย เหมือนพวกเราเรียนกันหนักมาก เรียนในโรงเรียนเป็นสิบๆวิชา ยังไม่พอ เรียนพิเศษเช้ายันเย็น แต่เรียนสู้เขาก็ไม่ได้อ่ะ 

เรื่องผม เรื่องอะไรเทือกๆนั่นคือ บางทีมันก็เกินไป 

ห้ามไว้หน้าม้า ห้ามซอย ห้ามยาวเกิน ห้ามทำสี(โอเค อันนี้ไม่ทำหรอก)

ต้องเกรียน โชว์หนังหัว ข้างหน้าห้ามยาวเกิน ต้องรองทรงสูงเท่านั้น บ้าบอ ไร้สาระ

ก็นะ คิดถึงจิตใจคนบ้างดิ บางคนหน้ามันไม่ให้อ่ะ (อย่างเราเป็นต้น) ผมสั้น ติ่งหู และเราผมตรงท้ายทอยยาวกว่าคนอื่นเยอะเลย เวลาผมมันเริ่มขึ้น มันจะน่าเกลียดมาก แล้วหน้าเราก็ใหญ่ด้วย แบบอัปลักษณ์สุดละ 

มีครูคนนึงเคยด่านร.ไว้ว่า "ถ้าใครซอยผม แสดงว่าเสียตัวแล้ว" อ่าว สงสัยจะเสียตัวกันทั้งโรงเรียนละค่ะ พูดมาได้ไงอ่ะ ใช้สมองคิดหรือเปล่า ?


0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
เด็กเอกชนเก่า 6 เม.ย. 53 14:55 น. 20
คห.17
พูดได้ใจเราจริงๆ!!
-.-
จริงๆนะ
แม่ง ทั้งโรงเรียนรัฐบาลทั้งโรงเรียนเอกชนนั่นแหละ -_-'
เด็กทำอะไรให้ไม่ถูกใจครูก้อด่าโคตรบรรพบุรุษ
-*-
เซ็ง
ครูบางคนอ่ะ
..แย่
เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ไม่นึกถึงใจเด็กหรอก
ปากก็บอกบอกว่าอยากให้ลูกๆได้ดีๆ
ได้ดีป้า..!!?
มาโรงเรียนเช้าด่าเย็นด่าไม่มีเหตุผลแบบเนี้ย
เน่าหมดแล้ว ว การศึกษาไทย!
(บ่นยาว)
=_='
(ขอโทษที่มีคำไม่เหมาะสม..หยาบบ้างอะไรบ้างตามความรู้สึกค่ะ)
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด