ต้องอ่าน! สุดยอดเทคนิคเขียนงานหลีกเลี่ยง Plagiarism

 

        สวัสดีค่ะ น้องๆชาว Dek-D.com เมื่อคราวก่อน พี่สตางค์ ได้พูดถึงความหมายของ Plagarism หรือการคัดลอกงานผู้อื่นมาโดยไม่มีการอ้างอิง และบทลงโทษที่ร้ายแรงของการคัดลอกนั้นไปแล้ว (ใครยังไม่ได้อ่าน คลิกเลยจ้า) ครั้งนี้ ตามสัญญาที่ให้ไว้ พี่สตางค์ มี เทคนิคการหลีกเลี่ยง Plagiarism ที่เป็น "สุดยอดเคล็ดลับวิชา" มาฝากน้องๆกัน จะมีอะไรบ้างนั้น เราไปฝึกวิทยายุทธด้วยกันเลยดีกว่า! 

 

 

เทคนิคการหลีกเลี่ยง Plagiarism
 

• จดโน้ตย่อทุกครั้งที่อ่านแหล่งอ้างอิง

        บางครั้งเมื่ออ่านตำรา อ่านบทความ อ่านอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะเข้า อาจทำให้เราเกิดความสับสนได้ว่า ตกลงนี่เป็นความคิดของเราเอง หรือว่าเป็นความคิดของคนอื่นที่เราไปอ่านมากันแน่ หรือบางครั้งเกิดลืมว่าความคิดเห็นนี้ ผู้เขียนคนไหนเป็นคนกล่าว (กรณีที่อ่านแหล่งข้อมูลมาเยอะๆ) ซึ่งเราสามารถป้องกันความสับสนนี้ได้ ด้วยการจดโน้ตย่อทุกครั้งเมื่ออ่านแหล่งอ้างอิง โดยจดสั้นๆเป็นบทสรุป หรือใจความสำคัญของงานที่เราอ่านนั้นๆด้วยภาษาของเราเอง และ กำกับข้อความนั้นไว้ด้วยรายละเอียดที่จะใช้ในการอ้างอิงค่ะ (เช่น ชื่อหนังสือ ชื่อผู้แต่ง ปีที่ตีพิมพ์ ฯลฯ) การจดโน้ตหลังจากอ่านเสร็จนี้ ยิ่งทำให้เป็นนิสัยได้ยิ่งดี รับรองว่ามีประโยชน์มากๆเลยล่ะค่ะ

 

 

• ทิ้งเวลาสักพักหลังจากอ่านแหล่งข้อมูลเสร็จ จึงค่อยเขียนงานของเราเอง

        การอ่านงานเขียนของผู้อื่นมากๆเข้า บางครั้งอาจจะทำให้เราติดภาษาและสำนวนต่างๆของผู้เขียนผู้นั้นมาได้โดยที่เราไม่รู้ตัว และอาจเป็นสาเหตุให้ภาษาในงานของเราไปคล้าย หรือใกล้เคียงกับของจริงในแหล่งอ้างอิงได้ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการ Plagiarism ดังนั้นเพื่อความชัวร์ เราควรทิ้งเวลาซักนิด หาอะไรอย่างอื่นทำเพื่อเป็นการผ่อนคลายก่อนก็ได้ แล้วค่อยมาเขียนงานของเราเองในภายหลัง ซึ่งจะช่วยให้ภาษาที่เขียนออกมาเป็นภาษาของเราอย่างแท้จริงค่ะ

 

• อย่าเขียนงานของเราเอง โดยเปิดแหล่งอ้างอิงเอาไว้ข้างๆ

        หลังจากที่อ่านหนังสือ หรืออ่านบทความใดๆจนเกิดความเข้าใจดีแล้ว ปิดเลยค่ะ! ปิดหนังสือแล้ววางเอาไว้ที่ไกลๆ ถ้าอ่านในคอมพิวเตอร์ก็แนะนำให้ปิดหน้าบทความนั้นไปเลย แล้วให้ใช้โน้ตย่อที่เราเขียนเองเท่านั้นในการช่วยเตือนความจำค่ะ เพราะถ้าวางหนังสือเล่มนั้นไว้ใกล้ๆ เราอาจโดนอำนาจฝ่ายมืดเข้าครอบงำ แล้วเผลอเอื้อมมือไปหยิบเปิดดูระหว่างที่เขียน ซึ่งการทำเช่นนั้นจะเพิ่มความเสี่ยงในการคัดลอกงานของคนอื่นได้ง่ายๆ กรณีเดียวที่จะเปิดดูหนังสือหรือแหล่งอ้างอิงได้ ก็ต่อเมื่อเราเกิดความสงสัยในเนื้อหา หรือไม่แน่ใจว่าที่อ่านมานั้น เข้าใจถูกต้องแน่นอนหรือไม่ ตอนนั้นค่อยกลับไปหยิบตำรามาเปิดได้ค่ะ

 

 

 

• ข้อความบางอย่าง ไม่จำเป็นต้องอ้างอิง เพราะถือว่าเป็นความรู้ที่รู้กันโดยทั่วไป หรือเป็น "common knowledge"

      ยกตัวอย่างเช่น พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก น้ำจะเดือดที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส เป็นต้น แม้ว่าเราจะอ่านเจอสิ่งเหล่านี้ในหนังสือเล่มหนึ่ง แต่มันเป็นข้อเท็จจริงซึ่งทุกๆคนก็ทราบกันดีอยู่แล้ว จึงไม่ใช่ทั้งความคิดของผู้แต่งหนังสือเล่มนั้น (ที่เราไปอ่านพบข้อมูลนี้) และไม่ใช่ทั้งความคิดเห็นส่วนตัวของเราด้วย เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นที่เราจะต้องอ้างอิงในส่วนนี้ค่ะ

 

• ใช้การถอดความ/การกล่าวซ้ำ (Paraphrase) หรือ การสรุปสาระสำคัญ (Summary) แทนการคัดลอกมาทั้งย่อหน้า

        คงจะดูไม่ค่อยงามนัก ถ้าหากทั้งหน้ากระดาษจะมีแต่เครื่องหมาย "..." และมีแต่ข้อความที่เราไปคัดลอกมาจากที่อื่นเสียเกือบทั้งหน้า ดังนั้นแทนที่เราจะคัดลอกมาดื้อๆทั้งหมดเช่นนั้น เราสามารถใช้การ Paraphrase หรือ Summary แทนได้ค่ะ 

        ซึ่งการ Paraphrase นั้น ก็คือการเขียนใจความ/ข้อความที่มีความหมายเดิม โดยเปลี่ยนภาษาและรูปประโยคให้เป็นภาษาของเราเองทั้งหมด โดยให้ปริมาณความยาวหรือจำนวนคำที่ใช้มีความใกล้เคียงของเดิม แต่หากว่าเขียนโดยจับมาแต่เฉพาะใจความสำคัญ ทำให้ข้อความนั้นสั้นกว่าของเดิม เช่น จากหนึ่งย่อหน้าเหลือสองบรรทัด หรือจากหนึ่งหน้าเหลือแค่ย่อหน้าเดียว (แต่เป็นภาษาของเราเองเหมือนกัน) จะเรียกว่าเป็น Summary ค่ะ

 

 

 

ข้อควรระวัง!!!


• การใช้วิธีการถอดใจความของบทความ หรือสรุปใจความสำคัญแทนการคัดลอก ถ้าไม่ทำการอ้างอิง ก็ถือเป็น Plagiarism

       แม้ว่าเหล่าอาจารย์มักจะปลาบปลื้มกับการถอดใจความ (Paraphrase) หรือการสรุปสาระสำคัญ (Summary)มากๆ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าเราได้ทำการอ่านแหล่งอ้างอิงจนเกิดความเข้าใจ และสามารถถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาของเราเองได้ แต่ว่าเมื่อทำเช่นนั้นแล้ว หากว่าไม่ยอมอ้างอิงแหล่งที่มาก็ถือเป็น Plagiarism เหมือนกันค่ะ เพราะฉะนั้นอย่าลืมอ้างอิงด้วยว่าสิ่งที่เรานำมาเขียนถอดความนั้นมาจากที่ไหน ใครเป็นคนเขียน

• การคัดลอกข้อความแบบคำต่อคำมาโดยไม่ใส่เครื่องหมาย "..." แม้จะทำการอ้างอิง ก็ยังถือเป็น Plagiarism

      การไม่ใส่เครื่องหมาย  "..." (Quotation mark) เป็นการทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดได้ง่ายๆเลยค่ะ ว่าข้อความนั้นสรุปว่าเป็นข้อความที่เราเขียนเอง หรือว่าเอามาจากที่ไหนกันแน่ เพราะฉะนั้นอย่าลืมเจ้าเครื่องหมาย "..." นี้กันนะจ๊ะ ใส่ไว้เป็นผ้ายันต์กันอันตรายดีที่สุด!

 

 

• การเปลี่ยนคำเพียงบางคำในประโยค หรือตัดทอนบางส่วนออกไป โดยที่ยังคงส่วนที่เหลือเอาไว้เหมือนต้นฉบับ ก็ยังถือเป็นการคัดลอก และไม่ใช่แม้กระทั่งการ Paraphrase

       บางคนเกิดความเจ้าเล่ห์ คิดว่าถ้าหากเราเปลี่ยนคำบางคำในประโยคเดิม (อย่างเช่น ใช้คำที่มีความหมายเหมือนกันคำอื่น หรือเปลี่ยนบุพบท คำเชื่อมต่างๆ แต่นอกนั้นยังก็อปปี้มาทั้งหมด) แล้วจะเท่ากับว่าประโยคนั้นเป็นประโยคใหม่ ขอบอกเลยว่า ความคิดนี้ผิดถนัดค่ะ! เพราะการเปลี่ยนคำเพียงบางคำในประโยค ก็ยังถือเป็น Plagiarism และไม่ใช่แม้กระทั่งการ Paraphrase ด้วย เพราะฉะนั้น หากจะเขียนจริงๆ ก็ให้เขียนโดยใช้ภาษาของเรา หรือไม่ก็คัดลอกมาทั้งหมด แล้วใส่เครื่องหมาย "..." ไปเลยจะดีกว่าค่ะ แต่ก็อย่าลืมให้แหล่งอ้างอิงด้วยนะคะ สำคัญมากๆ

 

 


ตัวอย่าง Quotation ในบทความ :

 "Treating people as though they have knowledge that they do not have can result in miscommunication and perhaps embarrassment." (Nickersong, 1999)

แปล: "การปฏิบัติต่อผู้อื่น ด้วยคิดว่าเขามีความรู้อย่างหนึ่ง ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่มี สามารถก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หรือความเคอะเขินได้" โดยในวงเล็บที่ต่อท้ายนั้นก็คือชื่อผู้แต่ง และปีที่ตีพิมพ์ค่ะ โดยหากว่าผู้อ่านอยากอ่านจากต้นฉบับ ก็สามารถเปิดไปดูในบรรณานุกรมเพื่อตามหาชื่อหนังสือ หรือชื่อบทความจากชื่อผู้แต่งนี้ได้ค่ะ

 

ตัวอย่างในบรรณานุกรม : 

Raymond S. Nickerson (ชื่อผู้แต่ง), "How We Know-and Sometimes Misjudge-What Others Know: Imputing One's Own Knowledge to Others." (ชื่อบทความ) Psychological Bulletin (ชื่อวารสารที่ลงบทความนั้น) 125.6 (1999): p737. (ตัวเลขแสดงว่าเป็นวารสารฉบับใด ตีพิมพ์ปีใด และอยู่ในหน้าที่เท่าไหร่)

 

ตัวอย่างการ Paraphrase ที่ผิด (จาก Quotation ด้านบน) :

Treating others as though they have information that they do not have can result in miscommunication and perhaps embarrassment.

จะเห็นได้ว่า ในตัวอย่างนี้ผู้เขียนยังคงใช้ลักษณะรูปประโยคที่เหมือนเดิม และยังใช้คำซ้ำกับในต้นฉบับจำนวนมาก (เปลี่ยนแค่ people เป็น others และ knowledge เป็น information เท่านั้นเอง) ทั้งยังไม่ระบุว่านำประโยคข้อความนี้มาจากที่ไหน ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าผู้เขียนคิดขึ้นมาเอง เท่ากับเป็น Plagiarism นั่นเองค่ะ

 

ตัวอย่างการ Paraphrase ที่ถูกต้อง (จาก Quotation ด้านบน) :

Nickerson (1999) suggests that If a speaker assumes too much knowledge about the subject, the audience will either misunderstand or feel uncomfortable (p.737).

ในตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่าผู้เขียนมีการระบุอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้น ว่าจากตรงนี้ไปนะ จะเป็นความเห็นของคุณ Nickerson ไม่ใช่ของตัวผู้เขียนเอง (บอกข้อมูลสำหรับให้ผู้อ่านไปตามหาต้นฉบับได้ครบถ้วนด้วย) ทั้งยังเปลี่ยนรูปประโยคทั้งหมดเป็นภาษาของผู้เขียนเอง โดยให้มีใจความหลักสำคัญเหมือนเดิม นี่จึงเป็นตัวอย่างของการ Paraphrase ที่ถูกต้องค่ะ

 

        ต่อจากนี้ใครจะต้องเขียนบทความส่งอาจารย์ก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้วเนอะ ทำตามเทคนิคการหลีกเลี่ยง Plagiarism ที่ พี่สตางค์ นำมาฝาก รับรองว่าสบายใจหายห่วง ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนข้อหาอาชญากรรมขโมยความคิดผู้อื่นอย่างแน่นอนค่ะ ที่สำคัญคือขอให้มีความขยัน มีความตั้งใจ และซื่อสัตย์ต่องานที่ทำ อุปสรรคไหนๆก็มาทำอะไรเราไม่ได้อยู่แล้ว...เนอะ! ^^ 

 

 

 

 

พี่สตางค์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

15 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
แป๋งแป้ง Member 12 พ.ค. 55 17:59 น. 8
 ยากเหมือนกันนะค่ะการที่ไม่ให้เกิด Plagiarism แต่ท้ายสุดยังไงก็คือห้ามลอกคนอื่นอยู่ดี
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
TaKuMe De WhiteDeath Member 14 พ.ค. 55 19:10 น. 10

ขอบคุณครับ ^^ ยากเหมือนกันนะเนี่ย ที่จะหลีกเลี่ยง Plagiarism แต่ว่าเวลาเราทำรายงาน ปกติเราก็ใช้ภาษาตัวเองอยู่แล้วล่ะ แต่ยังไงก็ต้องระวัง ><

0
กำลังโหลด
เจ้าผักกาด Member 15 พ.ค. 55 17:49 น. 11
เอิ่มม เสริมนิดนึงค่ะ 

มีเว็บไซต์เยอะแยะมากมายเป็นสิบๆที่ ที่ใช้เช็ค plagiarism ได้ แบบออนไลน์ มีทั้งที่บอกว่า งานเรามีกี่ % ที่เหมือนกับบทความ(บอกที่อยู่ต้นฉบับเสร็จสรรพ)  หรือมีความคล้ายคลึงกับบทความไหน ( ถึงแม้ว่าบางคนจะศรีธนญไชย สับเปลี่ยนแปลงรูปประโยค) เช่น

http://www.duplichecker.com/  (( อันนี้ใช้บ่อยน่ะ 555))

ทำให้ง่ายที่อาจารย์จะเช็คว่า งานเราไปลอกมามั๊ย

เพราะงั้น สู้ๆนะคะ 555 ทำตามกติกาดีที่สุดค่ะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากเว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

กำลังโหลด
กำลังโหลด